1. บทที่ 1
การแจกแจงความน่าจะเป็นและค่ากลาง
บทนี้ จะพิจารณาวิธีการคำนวณค่าเฉลี่ย โดยวิธี อิน ทิ เกรต ค่าเฉลี่ย ที่ ใช้ โดยทั่วไปมี หลายชนิด ได้แก่
มัธยฐาน (median) เป็น ตำแหน่ง ที่ แบ่ง ข้อมูล เป็น 2 ส่วนเท่า กัน โดยมี จำนวนข้อมูล ที่ มี ค่า น้อยกว่า และ
มากกว่าค่าของมัธยฐานเท่ากัน ฐานนิยม (mode) เป็นค่าของข้อมูลที่มีความถี่สูงสุดในเซตตัวอย่าง ค่าเฉลี่ย
เลขคณิต (mean) ของเซตตัวอย่างที่มีจำนวนสมาชิกเท่ากับ N นิยามดังนี้
1
x≡ x = (x1 + x2 + x3 + . . . + xN ) (1.1)
N
โดย x1 , x2 , x3 คือค่าของข้อมูล ค่าเฉลี่ยเลขคณิตสามารถเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ x ได้เช่นกัน
กรณี ที่ ข้อมูล มี ค่า ไม่ แตกต่างกัน ทั้งหมด โดยส่วนแรกมี สมาชิก จำนวน M เป็น ข้อมูล ที่ แตกต่างกัน
และแต่ละข้อมูลในส่วน N − M มีค่าเท่ากับบางข้อมูลในส่วนแรก ให้ Ni เป็นจำนวนสมาชิกของข้อมูลที่มี
ค่าเป็น xi โดย xi คือสมาชิกในส่วนแรกที่แต่ละข้อมูลมีค่าแตกต่างกัน ดังนั้น
N = N1 + N2 + N 3 + · · · + NM (1.2)
2. 2 คณิตศาสตร์สำหรับนักเคมี
สามารถหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตได้ดังนี้
1
x = (N1 x1 + N2 x2 + N3 x3 + . . . + NM xM ) (1.3)
N
M
1
x = Ni x i
N
(1.4)
i=1
M
= pi x i
i=1
Ni
ปริมาณ pi มี ค่า เท่า กับ และเป็น ฟังก์ชัน ของสมาชิก ในข้อมูล ทั้งหมดที่ มี ค่า ของข้อมูล เท่า กับ xi ถ้า
N
ทำการสุ่มเลือกตัวอย่างข้อมูล ความน่าจะเป็นที่สมาชิกจะมีค่าเป็น xi กำหนดโดยปริมาณ pi ผลรวมของ
สมาชิกทั้งหมดในเซตของความน่าจะเป็นมีค่าเท่ากับ 1
M M M
Ni 1
pi = = Ni = 1 (1.5)
i=1 i=1
N N i=1
เซตของความน่าจะเป็นที่มีผลรวมของสมาชิกทั้งหมดเท่ากับ 1 เป็นเซตทีนอร์มอไลซ์ (normalized)
่
ตัวอย่างที่ 1.1
คะแนนสอบของนักเรียน 100 คนเป็นดังต่อไปนี้
คะแนน จำนวนนักเรียน
100 8
90 11
80 35
70 23
60 14
50 9
3. การแจกแจงความน่าจะเป็นและค่ากลาง 3
จงหาคะแนนเฉลี่ย
วิธีทำ
x = (0.08)(100) + (0.11)(90) + (0.35)(80) + (0.23)(70) + (0.14)(60)
+ (0.09)(50)
= 74.9
การใช้สมการ (1.4) ในการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตสำหรับเซตของข้อมูลที่มีค่าไม่แตกต่างกันทั้งหมดนั้น
ใช้ง่ายและรวดเร็วกว่าสมการ (1.3)
นอกจากนี้ ยัง สามารถหาค่าเฉลี่ย ของฟังก์ชันของสมาชิก ในเซตที่ สนใจได้ เช่น การหาค่าเฉลี่ยกำลัง
สองของข้อมูล ทำได้ดังนี้
M
1
x2 ≡ x2 = (x2 + x2 + x2 + · · · + x2 )
1 2 3 N
N
(1.6)
i=1
M M
1
= Ni x 2 =
i pi x 2
i
N i=1 i=1
ถ้า g = g(x) เป็นฟังก์ชันที่นิยามขึ้นสำหรับทุกสมาชิกที่ปรากฏอยู่ในเซต ค่าเฉลี่ยของฟังก์ชันสามารถ
เขียนได้เป็น
M
g(x) ≡ g(x) = pi g(xi ) (1.7)
i=1
แบบฝึกหัด
1.1 จงหาค่าเฉลี่ย กำลัง สอง (mean of the square) ของคะแนนในตัวอย่างที่ 1.1 และรากที่ สองของ
ค่าเฉลี่ยนี้ ซึ่งเรียกว่า รากกำลังสองเฉลี่ย (root-mean-square, rms)
1.1 การแจกแจงความน่าจะเป็น (probability distributions)
การประยุกต์ ค่าเฉลี่ย ในทางเคมี ที่ สำคัญ เรื่องหนึ่ง คือ ทฤษฎี จลน์ ของแก๊ส ปริมาณที่ สำคัญ ในทฤษฎี
จลน์ ของแก๊ส คือ อัตราเร็ว เฉลี่ย ของโมเลกุล ในแก๊ส การคำนวณค่าเฉลี่ย นี้ มี ความซับซ้อนกว่า กรณี การหา
4. 4 คณิตศาสตร์สำหรับนักเคมี
ค่าเฉลี่ย โดยใช้ สมการ (1.4) เนื่องจาก (1) อัตราเร็ว ของโมเลกุล เป็น จำนวนจริง บวก และ (2) มี จำนวน
โมเลกุลมหาศาลในแก๊สตัวอย่าง พิจารณาตัวแปร x ซึ่งเป็นจำนวนจริงที่อยู่ระหว่าง x = a และ x = b ทำ
การแบ่งช่วง (a, b) ออกเป็น n ส่วน เมื่อพิจารณาส่วนย่อย (xi , xi+1 ) สามารถเขียนในรูปแบบของผลต่าง
เป็น (xi , xi + ∆x) โดยที่
∆x = xi+1 − xi (1.8)
กำหนดให้สัดส่วนของสมาชิกในกลุ่มตัวอย่างที่มีค่าเท่ากับ x ซึ่งอยู่ระหว่าง xi และ xi+1 เรียกว่า pi ถ้า
∆x เล็กมากสามารถประมาณ pi เป็นสัดส่วนโดยตรงกับ ∆x และนิยาม pi ได้ดังนี้
pi = fi ∆x (1.9)
ปริมาณ fi นี้ไม่เป็นสัดส่วนโดยตรงกับ ∆x ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของ x สามารถเขียนในรูปแบบสมการ (1.4)
n−1 n−1
x ≈ pi x i = xi fi ∆x (1.10)
i=0 i=0
สมการนี้ เป็น การประมาณค่า ซึ่ง มี ความถูกต้องในระดับ หนึ่ง เท่านั้น เนื่องจากการคูณความน่าจะเป็น
ในช่วงย่อย (xi , xi+1 ) ด้วย xi ซึ่ง เป็น ค่า ของข้อมูล ค่า หนึ่ง ในช่วงย่อยนั้น สมการ (1.10) สามารถให้
คำตอบที่มีความแม่นยำมากขึ้นโดยการเพิ่มจำนวน n ให้มีค่ามากขึ้นมาก ๆ มีผลทำให้ ∆x มีค่าเล็กมาก ๆ
เนื่องจาก n × ∆x เป็นค่าคงที่ ตามเงื่อนไขนี้ fi จะเป็นอิสระจาก ∆x สามารถแทนสัญลักษณ์ของ fi ด้วย
f (xi ) และทำให้ f (xi ) เป็น ฟังก์ชัน ของ x ที่ สามารถอิน ทิ เกรตได้ สมการของค่าเฉลี่ย เลขคณิต ของ x
สามารถเขียนในรูปแบบปริพันธ์ได้ดังนี้
n−1 b
x = lim xi fi ∆x = xf (x) dx (1.11)
∆x→0,n→∞ a
n∆x=b−a i=0
เรียกฟังก์ชัน f (x) ว่า ความหนาแน่นความน่าจะเป็น (probability density) หรือการแจกแจงความน่าจะเป็น
(probability distribution) หรือบางครั้งเรียกว่าฟังก์ชันการแจกแจง (distribution function)
ถ้าต้องการค่าเฉลี่ยของฟังก์ชัน g(x) สามารถทำได้ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับสมการ (1.7) ดังนี้
b
g(x) = g(x)f (x) dx (1.12)
a
กรณีค่าเฉลี่ยของ x2 สามารถหาได้โดย
b
x2 = x2 f (x) dx (1.13)
a
5. การแจกแจงความน่าจะเป็นและค่ากลาง 5
ดังที่ได้กล่าวไว้ว่าการแจกแจงความน่าจะเป็นนั้นนอร์มอไลซ์ หมายความว่า
b
f (x) dx = 1 (1.14)
a
บางครั้งเราสามารถนำการแจกแจงความน่าจะเป็นที่ไม่นอร์มอไลซ์มาใช้เพื่อหาค่าเฉลี่ยของฟังก์ชัน กรณี้นี้
จะต้องทำการเปลี่ยนแปลงสมการ (1.12) ดังนี้
b
g(x)f (x) dx
g(x) = a
b
(1.15)
a
f (x) dx
สำหรับการแจกแจงความน่าจะเป็นที่นอร์มอไลซ์ ความน่าจะเป็นของ x ที่อยู่ในช่วงเล็กยิ่ง (infinites-
imal interval) (xi , xi + dx) สามารถหาได้จากผลคูณระหว่างความน่าจะเป็นต่อ 1 หน่วยความยาว และ
ความยาวของช่วงเล็ก ยิ่ง ดังกล่าว f (x) dx เนื่องจาก f (x) คือ ความน่าจะเป็น ต่อ 1 หน่วยความยาวจึง
เรียกว่าความหนาแน่น ความน่าจะเป็น กรณี ที่ตัวแปร x มี ความต่อเนื่องในช่วงใด ๆ เราสามารถใช้ ความ
หนาแน่น ความน่าจะเป็น เพื่อ อธิบายพฤติกรรมดังกล่าวของ x ในเซตที่ มี สมาชิก จำนวนมากได้ โดยเซต
ดังกล่าวนี้ เรียกว่า ประชากร (population) สัดส่วนหรือ ความน่าจะเป็น ของประชากรที่ มี ค่า ของตัวแปร x
อยู่ในช่วงระหว่าง x′ และ x′ + dx มีค่าเท่ากับ f (x′ ) dx
สิ่ง ที่ ใช้ วัด การกระจายของการแจกแจงความน่าจะเป็น โดยทั่วไปคือ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (stan-
dard deviation, σx ) นิยามโดย
σx = x2 − x 2 (1.16)
ตัวแปรที่พิจารณาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจะระบุโดยเขียนกำกับเป็นตัวห้อยไว้กับ σ โดยทั่วไป ประมาณ
2 ใน 3 ของประชากรจะมี ค่า อยู่ ในช่วง 1 เท่า ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานรอบค่าเฉลี่ย เลขคณิต นั่น คือ
ภายในช่วง [ x − σx , x + σx ]
ตัวอย่างที่ 1.2
กำหนดให้ค่าของตัวแปร x อยู่ระหว่าง a และ b ถ้าความน่าจะเป็นที่ x จะมีค่าเท่ากับค่าใดค่าหนึ่งใน
ช่วงที่กำหนดเท่ากันแล้ว จงหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต รากกำลังสองเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ
ตัวแปร x
6. 6 คณิตศาสตร์สำหรับนักเคมี
วิธีทำ เนื่องจากเงื่อนไขการนอร์ มอไลซ์ ของฟังก์ชัน สามารถเขียนความหนาแน่น ความน่าจะเป็นได้
เป็น
1
f (x) =
b−a
ดังนั้น
b
1 1 1
x = x dx = (b2 − a2 ) = (b + a)
a b−a 2(b − a) 2
b
1 1 1
x2 = x2 dx = (b3 − a3 ) = (b2 + ab + a2 )
a b−a 3(b − a) 3
รากกำลังสองเฉลี่ยของ x คือ
1/2
1 2
x2 = (b + ab + a2 )
3
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสามารถหาได้ตามสมการ (1.16)
2
1 2 1
σx = (b + ab + a2 ) − (b + a)
3 2
1 2 1
= (b + ab + a2 ) − (b2 + 2ab + a2 )
3 4
1
= (b − a)
12
แบบฝึกหัด
1.2 จากคำตอบในตัวอย่างที่ 1.2 จงหาค่าของ x , และ x2 เมื่อ a = 0 และ b = 10 และสัดส่วน
ผลรวมของความน่าจะเป็นที่อยู่ใน [ x − σx , x + σx ]
1.3 กำหนดให้ x ∈ [0, 10] ถ้า f (x) = cx2 จงหาค่า c ที่ ทำให้ ฟังก์ชัน f (x) นอร์ มอไลซ์ พร้อมทั้ง
ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและรากกำลังสองเฉลี่ยของ x