More Related Content
Similar to 1intro information system
Similar to 1intro information system (20)
More from Thamonwan Theerabunchorn
More from Thamonwan Theerabunchorn (20)
1intro information system
- 3. ความแตกต่างระหว่างข้อมูลกับสารสนเทศ
• ข้อมูล (Data) หมายถึง เหตุการณ์หรือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการดาเนิน
ธุรกิจขององค์กรในแต่ละวัน เช่น รายการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า รายการ
ส่งสินค้า ชื่อที่อยู่ลูกค้า ยอดขายในแต่ละวัน เป็นต้น ข้อมูลอาจเป็นได้
หลายชนิด เช่น ตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ รูปถ่าย หรือแม้กระทั่งเสียง
• สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการเก็บ
รวบรวมและเรียบเรียง เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ เช่น
การนาเสนอยอดขายรายเดือนต่อผู้บริหาร ซึ่งยอดขายรายเดือนนั้นได้มา
จากการรวบรวมยอดขายของตัวแทนขายในแต่ละวัน
3
- 6. 1. มีความถูกต้อง (Accurate) สารสนเทศจะต้องไม่นาข้อมูลที่ผิดพลาดเข้าสู่ระบบ เพราะเมื่อนาไป
ประมวลผลแล้ว จะทาให้ได้สารสนเทศที่ผิดพลาดตามไปด้วย ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า “Garbage in-
Garbage out (GIGO)”
2. มีความสมบูรณ์ (Complete) สารสนเทศที่ดีจะต้องมีข้อมูลในส่วนสาคัญครบถ้วนเช่น ถ้าเป็น
รายงานการสั่งซื้อวัตถุดิบรายเดือน หากไม่มียอดสั่งซื้อรวมแล้ว ก็ถือว่าเป็นสารสนเทศที่ไม่สมบูรณ์
3. มีความคุ้มทุน (Economical) สารสนเทศที่ดีจะต้องผ่านกระบวนการที่มีต้นทุนน้อยกว่าหรือ
เท่ากับกาไรที่ได้จากการผลิต
4. มีความยืดหยุ่น (Flexible) จะต้องสามารถนาสารสนเทศไปใช้ได้กับบุคคลหลายกลุ่ม เช่น
รายงานยอดคงเหลือของวัตถุดิบที่มีอยู่จริง สามารถนาไปใช้ในการตัดสินใจเพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบได้โดย
ฝ่ายจัดซื้อ สามารถนาไปใช้ในการคานวณการลงทุนได้และสามารถนาไปใช้ในการคานวณยอดขาย
ได้เป็นต้น
- 7. 5. มีความเชื่อถือได้ (Reliable) ความน่าเชื่อถือของสารสนเทศนั้นขึ้นอยู่กับการเก็บรวบรวม
ข้อมูลจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้
6. ตรงประเด็น (Relevant) สารสนเทศที่ดีต้องมีความสัมพันธ์กับงานที่ต้องการวิเคราะห์
หากเป็นสารสนเทศที่ไม่ตรงประเด็นจะทาให้เสียเวลาในการทางาน
7. มีความง่าย (Simple) สารสนเทศที่ดีต้องไม่ซับซ้อน กล่าวคือ ง่ายตอการทาความเข้าใจ
เพราะความซับซ้อนคือการมีรายละเอียดปลีกย่อยมากเกินไปจนทาให้ไม่ทราบความสาคัญที่
แท้จริงของสารสนเทศที่ใช้ในการตัดสินใจนั้น
8. มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน(Timely) ต้องเป็นสารสนเทศที่มีความทันสมัย
อยู่เสมอ เมื่อต้องการใช้เพื่อการตัดสินใจจะทาให้มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น เช่น ยอดจาหน่าย
เสื้อกันหนาวในระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคมได้
9. สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) สารสนเทศที่ดีต้องสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
โดยอาจตรวจสอบจากแหล่งที่มาของสารสนเทศ เป็นต้น
- 14. 3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (DecisionSupportSystem:DSS)
• เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ ซึ่งมีเป้ าหมายเพื่อเตรียม
สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้ที่เป็นผู้บริหาร โดยสารสนเทศนี้มัก
เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Decision)
หรือแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi structured Decision) ที่เป็นการตัดสินใจต่อ
เหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าหรือได้ยาก ระบบDSS เป็น
ระบบที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้สามารถกระทาการตัดสินใจได้ด้วยความฉลาด แต่
ทั้งนี้ไม่ได้ใช้ระบบ DSS เพื่อการตัดสินใจแทน
- 16. คุณลักษณะของระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
1. จัดเตรียมสารสนเทศซึ่งได้ทาการประมวลผลแล้วจากระบบประมวล (TPS) เพื่อช่วยใน
การตัดสินใจ
2. สนับสนุนการตัดสินใจแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Decision) หรือแบบกึ่ง
โครงสร้าง (Semi structured Decision)
3. สนับสนุนการตัดสินใจของผู้ใช้ในด้านต่าง ๆ ดังนี้
• ระบุถึงปัญหาหรือโอกาสในการทาการตัดสินใจ
• ระบุถึงความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาหรือการตัดสินใจนั้น ๆ
• เตรียมสารสนเทศที่จาเป็นต่อการแก้ปัญหาหรือที่จาเป็นต่อการกระทาการตัดสินใจ
• ทาการวิเคราะห์ทางเลือกในการตัดสินใจที่เป็นไปได้
• เลียนแบบทางเลือกและผลลัพธ์ของการตัดสินใจที่เป็นไปได้
- 17. •นอกจากนี้แล้ว DSS ต้องอาศัยสารสนเทศจากฐานข้อมูล
(Database) ซึ่งมีการเตรียมสารสนเทศที่เหมาะสาหรับการ
ตัดสินใจไว้โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดึงสารสนเทศ
นั้นมาใช้งาน จึงได้มีการแยกฐานข้อมูลของสารสนเทศที่เตรียมไว้
สาหรับ DSS และระบบอื่นที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ เรียกฐานข้อมูล
ดังกล่าวว่า “คลังข้อมูล (Data Warehouse)”
- 26. • จะเห็นได้ว่า ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ(DSS) กับระบบผู้เชี่ยวชาญ
(ES) จะมีลักษณะคล้ายกัน แตกต่างกันตรงที่ DSS เป็นระบบที่เสนอ
ทางเลือกในการแก้ไขปัญหาหรือตัดสินใจเพื่อให้ผู้ใช้ได้ตัดสินใจเอง ส่วน
ES นั้นเป็นระบบที่ตัดสินใจแทนผู้ใช้โดยอาศัยสารสนเทศที่รวบรวมมา
จากเหตุผลและประสบการณ์จริง
- 27. 6. ระบบสานักงานอัตโนมัติ (OfficeAutomationSystem:OAS)
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ระบบสารสนเทศเพื่อสานักงาน (Office
Information System : OIS )” เป็นระบบที่สนับสนุนกิจกรรมการ
ทางานในสานักงานที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งช่วยในการ
ติดต่อสื่อสารของบุคลากรไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่เดียวกันหรือไม่ก็
ตาม เช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การประชุมทางไกล การ
จัดทาเอกสาร การนาเสนอข้อมูล เป็นต้น
- 28. คุณลักษณะของระบบสานักงานอัตโนมัติ
1. มีการเก็บรวบรวมสารสนเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลทุกกลุ่มไว้เพื่อการใช้
งาน
2. ช่วยการทางานอัตโนมัติด้านต่าง ๆ ได้แก่
- การประมวลผลคา (Word Processing)
- ส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์ หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)
- การทางานร่วมกันด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Work Group Computer)
- การกาหนดการทางานร่วมกัน (Work Group Scheduling)
- เอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือรูปภาพ (Electronic Document)
- การจัดการกระแสการทางาน (Work Flow management)
- 29. 3. มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีร่วมกันระหว่าง OAS กับ TPS อันได้แก่
- เทคโนโลยีการสร้างแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Form Technology) เป็น
การช่วยสร้างแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับฐานข้อมูลของ
ระบบประมวลผลข้อมูล
- เทคโนโลยีการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม (Work Group Technology) เพื่อเตรียมวิธีการ
สาหรับการทางานที่มีการใช้งานของผู้ใช้หลาย ๆ คนเพื่อเข้าถึง และปรับปรุงข้อมูล
ร่วมกัน จากการทางานที่เกิดขึ้นประจาวัน
- เทคโนโลยีข้อความอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Messaging Technology) พนักงานสามารถ
ติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยการส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์
- เทคโนโลยีชุดโปรแกรมสานักงานอัตโนมัติ (Office Automation Suite Technology)
นาโปรแกรมที่ใช้ในสานักงานมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน
- เทคโนโลยีรูปภาพ (Imaging Technology) เป็นการผสมผสานกันระหว่างรูปภาพและ
แบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการทางาน หรือเป็นการสแกนรูปภาพนั่นเอง
- 30. ระบบสารสนเทศในการจัดการข้อมูลระดับต่างๆในองค์กร
• ระบบสารสนเทศทั้ง 6 ชนิด จะสนับสนุนการจัดการในแต่ละระดับต่างกันไป ซึ่ง
การจัดการในแต่ละระดับก็จะเป็นการบริหารงานของทุกแผนก เช่น แผนกการเงิน
และการบัญชี (Finance and Accounting) แผนกการตลาด (Marketing) แผนก
ทรัพยากรบุคคล (Human Resource) แผนกวิจัยและพัฒนา (Research and
Development) เป็นต้น
• เมื่อนาระบบสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการทางานแล้วจะทาให้การทางานของทุก
แผนกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ระบบสารสนเทศทุกชนิดไม่ว่าจะอยู่
ในการจัดการระดับใดก็ตาม ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเตรียมสารสนเทศที่เป็น
ประโยชน์ และตรงกับความต้องการของผู้บริหารในทุกระดับ หรือแม้แต่พนักงาน
ระดับปฏิบัติการในระดับล่างให้ได้มากที่สุด