More Related Content
Similar to แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้ง (9)
More from Taraya Srivilas (20)
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้ง
- 1. โดย พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ
ผู้อานวยการสานักสันติวิธีและธรรมาภิบาล
สถาบันพระปกเกล้า
www.elifesara.com ekkachais@hotmail.com
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้ง
ในการจัดการป่ าไม้ระดับชุมชน
- 3. ภาครัฐจะพูดอยู่เสมอว่าทําถูกต้องตามขั้นตอน ตามกฎหมาย ตามกฎ ระเบียบ
ข้อบังคับ ถ้าทุกคนทําถูกต้อง ทุกหน่วยงานทําถูกต้อง แล้วทําไมวันนี้จึงยังมีปัญหาอยู่
ตกลงความถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย นําไปสู่ความยุติธรรมทางสังคมจริงหรือไม่
ความถูกต้องตามกฎหมาย สร้างให้สังคมเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมจริยธรรมหรือไม่
ทั้งที่ในหลักการแล้วกฎหมายที่ดีก็ควรนําไปสู่ความยุติธรรมและความมีคุณธรรม
จริยธรรมในสังคม ไม่ควรแยกหรือแปลกแยกออกจากกัน
“ให้ความยุติธรรมมาก่อนและอยู่เหนือกฎหมาย”
พระบรมราโชวาท
- 10. •เพื่อการเกษตร แหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม
•ต้นนํ้านั้นมาจากป่า อาศัยผลผลิตจากป่าเป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากการทําเกษตรกรรม
•ป่ายังเป็นแหล่งที่มาของความเชื่อ ประเพณี ซึ่งเป็นรากฐานความสัมพันธ์ของชุมชน
•ป่ากับความอยู่รอดของชุมชน มีมานานไม่สามารถแยกจากกันได้
•ชนพื้นเมือง/กลุ่มชนชาติพันธุ์/ชุมชนท้องถิ่น มีวัฒนธรรม/วิถีปฏิบัติในการแลรักษาป่า เช่น
ความเชื่อเรื่องผีที่ดูแลป่า รักษาต้นนํ้า แบบแผนการใช้ทรัพยากรจากป่าอย่างรู้คุณค่า และมี
กุศโลบายในการรักษาความสมบูรณ์ของป่าผ่านทางพิธีกรรมต่างๆ
สังคมชนบทอาศัยพึ่งพาป่า
- 15. •ความสัมพันธ์ ระหว่างรัฐกับชาวบ้าน ชุมชนกับคนในสังคม คนกับคน
•ยกระดับความเป็นอยู่/สวัสดิการของชุมชน กระจายอํานาจจัดการทรัพยากรชุมชนท้องถิ่นอย่างมี
ส่วนร่วม
•กําหนดกฎเกณฑ์ วางแผนจัดการป่าชุมชน/ตั้งกลไกจัดการป่าชุมชน/คนในชุมชนด้วยการ
วางแผนร่วมกันของคนในชุมชนที่ต้องมีส่วนร่วมของสมาชิกอย่างแท้จริง
•วางแผนจัดการของชุมชน ให้ทุกส่วนรับรู้ และยอมรับของชุมชนรอบข้างด้วย
•ความขัดแย้งระหว่างชุมชนจะเกิดขึ้นหากขาดการมีส่วนร่วม ป่าชุมชนที่ประสบความสําเร็จอย่าง
ยั่งยืนควรมีการทํางานร่วมกันในรูปเครือข่าย เช่น เครือข่ายลุ่มนํ้า เครือข่าย ป่าชุมชน เป็นต้น
กระบวนการการจัดความสัมพันธ์ทางสังคมแบบใหม่
- 16. • จัดการทรัพยากรต่างๆแบบองค์รวม ชุมชนล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ให้ความสําคัญกับป่า ไม่แยกส่วน
• เป็นการจัดการเชิงระบบนิเวศป่าไม้ ที่ชุมชนใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพราะเลือกที่จะดูแลรักษาป่าแทนการทําลาย
• ชุมชนต้องได้รับประโยชน์จากการรักษาป่าเป็นการทดแทน
• มีขอบเขตที่ชาวบ้านสามารถจําแนกขนาดของพื้นที่ได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผืนป่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่
• มีการจัดการร่วมกันหลายชุมชนก็ได้ กําหนดขอบเขตทําร่วมกันระหว่างชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ก็ได้
• ชุมชนมีอํานาจในการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างอิสระและสมาชิกในชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการ การร่วม
รับผิดชอบและตัดสินใจ จุดประสงค์และเป้าหมายของการจัดการป่าชุมชนต้องสอดคล้องกับความต้องการของ
คนส่วนใหญ่ในชุมชน
ลักษณะที่สําคัญของป่าชุมชน
- 28. เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
7. หมั่นให้กําลังใจคนอื่น มิใช่ซํ้าเติม
8. อดกลั้นและหลีกเลี่ยงการโต้เถียง
9. เคารพความคิดเห็น และพูดคุยเรื่องที่เขาสนใจ
10. มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทํา
11. พูดเรื่องความผิดของเราก่อนที่จะตําหนิผู้อื่น
www.elifesara.com
1. อย่าตําหนิ ประจาน หรือบ่น
2. ยกย่องและเอาใจใส่ต่อผู้อื่น
4. ยิ้ม
5. จําชื่อผู้อื่นและเรียกให้ถูกต้อง ให้ความ
เป็นกันเอง
6. เป็นนักฟังที่ดี
- 33. ปั ญหาพื้นฐาน 4 ประการในการพูด
1. สิ่งที่เราพูด ผู้ฟังอาจไม่ได้ยิน
2. สิ่งที่เราพูด ผู้ฟังอาจไม่เข้าใจ
3. สิ่งที่เราพูด ผู้ฟังเข้าใจแต่อาจไม่ยอมรับ
4. ผู้พูดอาจไม่รู้ว่า ผู้ฟังนั้นได้ยิน เข้าใจ หรือยอมรับในสิ่งที่ตนพูด
www.elifesara.com
- 46. •พัฒนารูปแบบกลไก ระบบ และวิธีการทํางาน เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ภาคประชาสังคม และภาค
ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น วางหลักเกณฑ์ให้แต่ละส่วนราชการ จัดให้มีระบบการปรึกษาหารือกับ
ประชาชน และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและให้ข้อคิดเห็นต่อการ
ดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในการช่วยกันทําให้เกิดการบริการสาธารณะที่ดียิ่งขึ้น
•ส่งเสริมให้มีคณะทางานภาคประชาชนในทุกระดับ และจัดให้มีอาสาสมัครภาคประชาชนเข้ามามี
ส่วนร่วมในการดําเนินงานของหน่วยงาน ของรัฐ รวมถึงการริเริ่มให้มีการวางแผนและจัดทางบประมาณ
แบบมีส่วนร่วม
แนวคิดสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารราชการ
- 48. •กลุ่มประชาชน หรือขบวนการที่สมาชิกของชุมชนออกมาทางานร่วมกัน มีความต้องการร่วม
ความสนใจร่วม ต้องการบรรลุเป้าหมายร่วมกัน หรือการร่วมกันเพื่อให้เกิดอํานาจในการต่อรอง
•อานาจในการตัดสินใจไม่ควรเป็นของกลุ่มคนจํานวนน้อย แต่อํานาจควรได้รับการจัดสรรในระหว่าง
ประชาชน เพื่อทุก ๆ คนได้มีโอกาสที่จะมีอํานาจต่อกิจกรรมส่วนรวม
•การกระจายโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งการจัดสรรทรัพยากร
ของชุมชนและของชาติ ที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
•โดยการให้ข้อมูล แสดงความคิดเห็น ให้คาแนะนาปรึกษา ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ
ตลอดจนการควบคุมโดยตรงจากประชาชน
การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน (Participation)
- 50. 1. คุณภาพของการตัดสินใจดีขึ้น ปรึกษาหารือกับสาธารณชนสร้างความกระจ่าง วัตถุประสงค์และ
ความต้องการของโครงการหรือนโยบาย
2. ใช้ต้นทุนน้อยและลดความล่าช้าลง การให้ประชาชนมีส่วนร่วมอาจใช้เวลา และมีค่าใช้จ่าย แต่
การตัดสินใจฝ่ายเดียวที่ไม่คํานึงถึงความต้องการแท้จริงของประชาชนนั้น อาจนํามาซึ่งการโต้แย้ง
คัดค้านหรือการฟ้ องร้องกัน อันทําให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในระยะยาว เกิดความล่าช้า และความ
ล้มเหลวของโครงการได้ในที่สุด
3. การสร้างฉันทามติ การมีส่วนร่วมของประชาชนจะสร้างข้อตกลงและข้อผูกพันอย่างมั่นคงในระยะ
ยาว ระหว่างกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน ช่วยสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ลดข้อโต้แย้งทาง
การเมืองและช่วยให้เกิดความชอบธรรมต่อการตัดสินใจของรัฐบาล
ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมของประชาชน
- 51. 4. การนาไปปฏิบัติง่ายขึ้น การเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทําให้ประชาชนมีความรู้สึกของการเป็น
เจ้า ของการตัดสินใจนั้น และทันทีที่การตัดสินใจได้เกิดขึ้น พวกเขาก็อยากเห็นมันเกิดผลในทางปฏิบัติ
และยังอาจเข้ามาช่วยกันอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย
5. หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เปิดโอกาสให้ฝ่ายต่าง ๆ เข้ามาแสดงความต้องการและข้อห่วงกังวลตั้งแต่
เริ่มต้นโครงการ ช่วยลดการโต้แย้งและการแบ่งฝ่าย ที่จะเป็นการเผชิญหน้ากัน
6. มีความน่าเชื่อถือและความชอบธรรม ในกระบวนการตัดสินใจที่โปร่งใส และเปิดโอกาสให้
ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สร้างความน่าเชื่อถือต่อสาธารณชนและเกิดความชอบธรรมโดยเฉพาะเมื่อ
ต้องมีการตัดสินใจในเรื่องที่มีการโต้แย้งกัน
ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมของประชาชน
- 52. 7. การคาดการณ์ความกังวล และทัศนคติของสาธารณชน โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มาทํางาน
ร่วมกับสาธารณชนในกระบวนการมีส่วนร่วม จะได้รับรู้ถึงความห่วงกังวล และมุมมองของสาธารณชน
ต่อการทํางานขององค์กร ซึ่งจะทําให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ปฏิกิริยาการตอบสนองของสาธารณชนต่อ
กระบวนการทํางาน และการตัดสินใจขององค์กรว่าเป็นอย่างไร
8. เกิดการพัฒนาภาคประชาสังคม ทําให้ประชาชนมีความรู้ทั้งในส่วนของเนื้อหาโครงการ และ
กระบวนการตัดสินใจของรัฐ รวมทั้งเป็นการฝึกอบรมผู้นํา และทําให้ประชาชนได้เรียนรู้ทักษะการ
ทํางานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมของประชาชน
- 53. 1. การมีอิสรภาพในการเข้าร่วม หมายถึง การเข้าร่วมต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ
2. ความเสมอภาคในการเข้าร่วมกิจกรรม หมายถึง ทุกคนที่เข้าร่วมต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน
3. ผู้เข้าร่วมต้องมีความสามารถพอที่จะเข้าร่วมกิจกรรม หมายถึง มีความเข้าใจในเรื่องนั้น
ๆ แต่หากกิจกรรมที่กําหนดไว้มีความซับซ้อนเกินความสามารถของกลุ่มเป้าหมาย ก็จะต้องมี
การพัฒนาศักยภาพให้พวกเขาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้
เงื่อนไขพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของประชาชน มี 3 ประการ
- 54. 1. ระดับการให้ข้อมูลเป็นระดับต่าสุด และเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดของการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้
วางแผนโครงการกับ ประชาชน เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูล โดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การแถลงข่าว
การแจกข่าวสาร และการแสดงนิทรรศการ เป็นต้น แต่ไม่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นหรือเข้ามา
เกี่ยวข้องใด ๆ
2. ระดับการเปิดรับความคิดเห็นจากประชาชน เป็นระดับขั้นที่สูงกว่าระดับแรก โดยผู้วางแผน
โครงการจะเชิญชวนให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาข้อดีข้อเสียของ
โครงการอย่างชัดเจนมากขึ้น เช่น การจัดทําแบบสอบถามก่อนริเริ่มโครงการต่าง ๆ หรือการบรรยาย
และเปิดโอกาสให้ผู้ฟังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการนั้น ๆ เป็นต้น
ระดับขั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน
- 56. 5. ระดับการร่วมปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบโครงการกับประชาชนร่วมกันดําเนินโครงการ เป็นขั้นการนําโครงการ
ไปปฏิบัติร่วมกันทําเพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่วาง ไว้
6. ระดับการควบคุมโดยประชาชน เป็นระดับสูงสุดของการมีส่วนร่วมโดยประชาชน เพื่อแก้ปัญหาข้อ
ขัดแย้งที่มีอยู่ทั้งหมดเช่น การลงประชามติ ที่สะท้อนถึงความต้องการของประชาชนได้ดีเพียงใด ขึ้นอยู่กับ
ความชัดเจนของประเด็นที่จะลงประชามติ และการกระจายข่าวสารเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของประเด็น
ดังกล่าวให้ประชาชนเข้าใจอย่างสมบูรณ์และทั่วถึง ประเทศที่พัฒนาทางการเมืองแล้ว ลงประชามติจะ
ส่งผลบังคับให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม ประเทศไทยรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาบัญญัติให้การลงประชามติมีข้อยุติ
โดยเสียงข้างมาก และแบบให้คําปรึกษาแก่ ครม.ซึ่งไม่มีผลบังคับให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตามแต่อย่างใด
ระดับขั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน(ต่อ)
- 57. 1. เจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชนขาดการรับรู้เกี่ยวกับแนวคิด และความสําคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน
2. โครงสร้างกฎหมายและกระบวนการนโยบายยังไม่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมอย่างเพียงพอ
3. การขาดแคลนผู้มีทักษะในการใช้เครื่องมือสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
4. ปัญหาเรื่องวัฒนธรรมการเมืองและความพร้อมของประชาชน
5. ปัญหาด้านความพร้อมของภาครัฐ
6. การที่ตัวชี้วัดไม่ชัดเจนว่าประชาชนมีส่วนร่วมแล้วหรือยัง หรือหน่วยงานรัฐเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วน
ร่วมมากน้อยเพียงใด ทําให้ผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถทํางานให้ดีขึ้นได้เพราะไม่มีมาตรฐานในการทํางาน ที่ชัดเจน
ปัญหาที่เป็นอุปสรรคของการมีส่วนร่วม
- 58. • เป็นการรวมตัวของภาคประชาชนในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในชุมชนชนบท
• เป็นการรวมของปัจเจกบุคคล กลุ่มคนและเครือข่าย โดยอาศัยวัฒนธรรมชุมชน กระบวนการทํางาน
ร่วมกับภาคีอื่นๆ และระบบเทคโนโลยี เป็นเครื่องหนุนเสริมให้เกิดการรวมตัว
• เครือข่ายภาคประชาชนเกิดขึ้นทั้งจากการเห็นความจําเป็นในการรวมพลังเพื่อแก้ไขปัญหา เกิดจากการ
เรียนรู้และการถ่ายทอดประสบการณ์ร่วมกัน โดยเป็นกระบวนการที่เป็นไปตามธรรมชาติ และเกิดขึ้นจาก
การส่งเสริม โดยหน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องการให้องค์กร ชุมชน และสังคม มีความ
เข้มแข็ง มีศักยภาพในการที่จะพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของภาครัฐหรือหน่วยงานที่
กําหนดไว้
เครือข่ายภาคประชาชน
- 59. •ระดับแรก เป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการปรับเปลี่ยนเรียนรู้ และการ
จัดการตัวเองของชุมชน
•ระดับที่สอง เป็นการสร้างโอกาส สร้างศักยภาพของเครือข่ายและขยายกลุ่มองค์กรชุมชน
ไปยังเครือข่ายอื่นๆ จนถึงระดับจังหวัดและระดับประเทศ หรือข้ามพรมแดนนอกเขตการ
ปกครองที่โยงใยกันอย่างทั่วถึงในอนาคต
•การรวมตัวของภาคประชาชนเหล่านี้เป็นพลังที่ช่วยเสริมสร้างให้เกิดการพึ่งพาตนเอง และ
การพัฒนาสังคม เป้าหมายหลัก คือการเรียนรู้ การสืบทอดภูมิปัญญาและกรปรับตัวของ
ชุมชน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและการพัฒนาประเทศ
กระบวนการทํางานของเครือข่ายภาคประชาชน
- 60. • ประชาชนมีการกําหนดความเป็นเครือข่ายผ่านกิจกรรม ฐานอาชีพ และกระบวนการเชื่อมโยง เช่น
เครือข่ายป่าชุมชน เครือข่ายกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ เครือข่ายประมงพื้นบ้าน เครือข่ายอุตสาหกรรมชุมชน
เครือข่ายวิทยุชุมชน เป็นต้น
• องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนเหล่านี้ มีกิจกรรมและความต่อเนื่องบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองและ
วัฒนธรรมชุมชน
• กระบวนการทํางานส่วนใหญ่จึงเป็นไปเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน การจัดการทรัพยากรใน
ชุมชน และการทํางานร่วมกับภาครัฐ เป็นรากฐานให้เกิดแนวร่วมในระดับที่สูงขึ้นไป เช่น การเป็นส่วนหนึ่ง
ของกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มอาชีพในระดับตําบล และการเข้าร่วมเป็นภาคประชาชนสังคมระดับจังหวัด
เครือข่ายภาคประชาชนจะมีบทบาทที่สําคัญต่อประเทศ เพราะว่าเป็นพลังของแผ่นดิน
กระบวนการทํางานของเครือข่ายภาคประชาชน