โครงร่าง
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 – 33202
ชื่อวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงานงาดาธัญพืชมหัศจรรย์
ชื่อผู้ทาโครงงาน
น.ส.วรรณวิษา ขันธสีมา ม.6/3 เลขที่25
น.ส.กมลทิพย์อินทรม.6/3 เลขที่46
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1 – 2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยจังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ชื่อโครงงาน( ภาษาไทย) :งาดาธัญพืชมหัศจรรย์
ชื่อโครงงาน( ภาษาอังกฤษ) :Black sesame seeds miracle
ประเภทโครงงาน : โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา( Educational Media )
ชื่อผู้ทา: น.ส.วรรณวิษาขันธสีมา
น.ส.กมลทิพย์อินทร
ชื่อครูที่ปรึกษา: ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน : ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน(อธิบายถึงที่มาแนวคิดและเหตุผลของการทาโครงงาน)
ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสาคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพของตนด้วยวิ
ธีต่างๆมากขึ้นทั้งการออกกาลังกายการบริโภคอาหารประเภทธัญพืชมากขึ้น
ทั้งการบริโภคถั่วต่างๆข้าวโพดลูกเดือยงาดาธัญพืชเหล่านี้มีคุณค่าทางอาหารสูง
ล้วนให้คุณประโยชน์กับร่างกายหลายประการ
งาดาเป็นหนึ่งในธัญพืชที่ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมาก
เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่บารุงผิวพรรณให้สดใส
บารุงประสาทและสมองช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
นอกจากนี้ยังป้องกันการเกิดอาการเหน็บชาโรคหวัดการเกิดโรคหัวใจเป็นต้น
งาดาเป็นธัญพืชที่ใกล้ตัวรสชาติหอมอร่อย ทานง่าย ราคาไม่สูง
อีกทั้งงาดายังมีคุณประโยชน์มากมายดังที่กล่าวมาซึ่งถือว่างาดาเป็นธัญพืชที่น่าสนใจมาก
ดังนั้นผู้จัดทาจึงต้องการศึกษาให้ทราบถึงคุณประโยชน์ของงาดา
ธัญพืชที่มีประโยชน์ชนิดนี้ให้มากขึ้น
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงานระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อต้องการทราบคุณประโยชน์ของงาดาต่อร่างกาย
2.เพื่อต้องการศึกษาสรรพคุณของงาดาเกี่ยวกับการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ
3.เพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้และสามารถนาไปปรับใช้ในการดูแลสุขภาพได้
ขอบเขตโครงงาน(คุณลักษณะขอบเขตเงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาเฉพาะคุณประโยชน์ของงาดา
- 3. หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการหรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
งา เป็นพืชล้มลุกผลเป็นฝักมีเมล็ดเล็กๆสีขาวหรือสีดา
มีการเพาะปลูกมานานเพราะต้องการใช้เมล็ดงานี้เป็นอาหารเครื่องเทศและบีบเอาน้ามันได้
มีการใช้เมล็ดงากันมากเป็นพิเศษในแถบตะวันออกกลางและเอเชียเพื่อเป็นอาหาร
งาพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมาย โดยงาจะมี 2 แบบ
คืองาดาและงาขาวนอกจากนี้ ยังมีน้ามันงาที่นามาใช้ปรุงอาหาร
เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์
ทั้งนี้สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น
งาดาจัดเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมาย
การรับประทานเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นประจา
จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง
เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายของคุณจะแข็งแรงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอย่างแน่นอน
และเป็นยาที่รักษาได้ทุกโรคในหะดีษหนึ่งท่านศาสนทูตได้กล่าวว่า إنفيالحبةالسوداء
شفاءمنكلداءإالالسأم ความว่าแท้จริงในงาดานั้นสามารถรักษาได้ทุกโรค
ยกเว้นความตาย
งาดาอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอย่างวิตามินบี 1บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 9 แคลเซียม
แมกนีเซียม โพแทสเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เหล็กเป็นต้น
โดยสามารถช่วยบารุงร่างกายเกือบทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นผมผิวพรรณ กระดูกเล็บ
ระบบขับถ่ายการบารุงหัวใจจึงเหมาะกับทุกวัยแม้กระทั่งเด็กที่มีอาการป่วยอยู่แล้ว
หรือผู้หญิงที่กาลังก้าวเข้าสู่วัยทองงาดาจะจาเป็นอย่างมาก
เพราะจะช่วยป้องกันโรคภาวะกระดูกพรุนอย่างได้ผลส่วนประโยชน์และสรรพคุณของงาดา
อีกอย่างหนึ่ง คือถ้าใช้น้ามันงาดิบนวดตัวในตอนเช้าก่อนอาบน้า
จะช่วยปรับระบบประสาทและระดับฮอร์โมนให้เข้าสู่สภาวะสมดุล
ช่วยคลายเครียดทาให้จิตใจสงบและยังสามารถนาน้ามันงาดิบไปใช้นวดตัว
เพื่อขจัดอาการปวดเมื่อยคลายกล้ามเนื้อบรรเทาอาการปวดเข่าเล็ดขัดยอก
และทาให้กล้ามเนื้อไม่เหี่ยวย่นดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ อีกด้วยสรรพคุณของงาดามีดังนี้
- 6. ทาให้รู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ทริปโตเฟน(tryptophan)
ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีในงาดาก็ยังเข้าไปช่วยเสริมสร้างทางานของเซโรโทนิน
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับทาให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น
10. บารุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในJournalof Ethnopharmacology พบว่า
การรับประทานสารสกัดจากงาดาสามารถช่วยป้องกันและชะลอกการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
โดยในการศึกษาได้ให้อาสาสมัครที่อยู่ในกลุ่มสูงวัยรับประทานสารสกัดจากงาดาแบบแคปซูลป
ริมาณ 500 มิลลิกรัมทุกวันติดต่อกัน9สัปดาห์พบว่าหลังจาก 9สัปดาห์ผ่านไป
อาสาสมัครเหล่านี้มีพัฒนาการในด้านความจาและการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
11. บารุงสายตา
ในการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าดวงตานั้นสัมพันธ์กับตับ
ดังนั้นหากตับมีปัญหาก็จะทาให้ดวงตาอ่อนล้าตาแห้งและมองเห็นไม่ชัดได้
จึงทาให้มีการนางาดามาใช้ในแพทย์แผนจีนเพื่อบารุงสายตาและตับไปพร้อมๆกัน
เมื่อตับมีสุขภาพดี ดวงตาก็จะชุ่มชื้น
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.กาหนดหัวข้อโครงงานตามที่สนใจและนาเสนอครูที่ปรึกษา
2.ศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
3.รวบรวมข้อมูลที่ได้สืบค้นจากแหล่งต่างๆ
4.ปฏิบัติตามแบบแผนโครงร่างโครงงาน
5.ตรวจสอบข้อมูลและแก้ไข
6.สรุปผลและนาเสนอ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. อินเทอร์เน็ต
3. โปรแกรม Microsoft Word
- 8. 7 ประเมินผล
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.ได้รับแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
2.ได้รับความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของงาดาที่มีต่อร่างกาย
3.สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจได้
4.ได้พัฒนาทักษะการเผยแพร่ความรู้ผ่านการใช้เว็บบล็อก
5.สามารถนางาดาไปต่อยอดดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.ชีววิทยา(คุณประโยชน์ต่อร่างกาย)
2.คอมพิวเตอร์ (การใช้คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลและนาเสนอ)
แหล่งอ้างอิง(เอกสารหรือแหล่งข้อมูลต่างๆที่นามาใช้ในการทาโครงงาน)
https://health.kapook.com/view155320.html
https://www.sanook.com/women/9281/