SlideShare a Scribd company logo
1
ชื่อผลงานวิจัย พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์
วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน” สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้ทาวิจัย นางสาวอัจฉรา มะณีกรด รหัส 5641060112 ห้อง12/56
ปี พ.ศ. 2560
สถานศึกษา โรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน จังหวัดกรุงเทพมหานคร
บทคัดย่อ
รายงาน พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้และจิตวิทยาศาสตร์
วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง “ดินและหิน” สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูล
พื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชา
วิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์
วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบ
การจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับ
นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังการใช้รูปแบบการ
จัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน
สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะ ความรู้หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.3) เพื่อประเมินจิตวิทยาศาสตร์ หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อ
เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 2 4.4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้าง
ทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การ
ดาเนินการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1
D: Diagnosis of needs (การวินิจฉัยและออกแบบการเรียนรู้) ขั้นที่ 2 R: Research in effective learning
environment (การใช้วิจัยเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ซึ่งใน ที่นี้สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้หมายถึงการจัดการ
เรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน ) ขั้นที่ 3 U: Universal Design for learning (เป็นขั้นการประเมิน) กลุ่มตัวอย่างที่
2
ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์
จานวน 42 คน
ผลการวิจัยพบว่า
รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (DRU MODEL: NKK MOEDL) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่สร้าง
ขึ้นมีความเหมาะสมและสอดคล้องเชิงโครงสร้าง สามารถนาไปทดลองใช้ได้ค่าประสิทธิภาพค่าของรูปแบบการ
จัดการเรียนรู้เท่ากับ 77.27/79.61 สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ รูปแบบการการ
จัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดิน
และหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (DRU MODEL: NKK MOEDL) โดยภาพรวมอยู่ในระดับสูงมาก สูง
กว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 หลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (DRU
MODEL: NKK MOEDL) พัฒนาขึ้นหลังเรียน มีค่าเฉลี่ย ( x =4.90 , S.D. = 0.20) อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อ
พิจารณาหลายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านความสนใจใฝ่รู้ มีค่าเฉลี่ย ( x =4.90 , S.D. = 0.20) อยู่ใน
ระดับมากที่สุดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (DRU MODEL: NKK MOEDL)
ในภาพรวมนักเรียนเห็นด้วยในระดับมากที่สุด และเมื่อแยกหลายด้านในภาพรวมด้านพฤติกรรมจิตวิทยาศาสตร์
นักเรียนเห็นด้วยในระดับมากที่สุด ในด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ ในภาพรวมนักเรียนเห็นด้วยในระดับมาก
ที่สุด
3
บทที่ 1
บทนา
ความเป็นมาและความสาคัญ
การพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความมั่นคงนั้น คุณภาพของคนในประเทศมีผลต่อ
ความสาเร็จอย่างสาคัญยิ่ง โดยเฉพาะคุณภาพของเด็ก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุดเหนือ ทรัพยากรใดๆในโลก
กล่าวคือ การพัฒนาเด็กควรได้รับการพัฒนารอบด้านทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ได้รับการ
ตอบสนองความต้องการพื้นฐานทางร่างกายอย่างพอเพียง มีความปลอดภัย มีความรักความผูกพัน ความเอื้ออาทร
ความอบอุ่น มีการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบ มีความมานะบากบั่น มีเหตุผล รู้จักควบคุมตนเอง
ได้อย่างเหมาะสม มีความเข้าใจและรู้จักตนเองดูแลช่วยเหลือตนเองและพึ่งตนเองได้อย่างเหมาะสม ตลอดจน
สามารถดาเนินชีวิตที่มีคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติยามวิกฤติทางเศรษฐกิจและ
สังคมได้อย่างมีความสุขและประสบความสาเร็จ นั่นคือการเป็นคนดี มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรงมั่นคง
(กรมสุขภาพจิต. 2544 : 5)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 มาตราที่ 6 กล่าวไว้ว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไป
เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ คุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรม
ในการดาเนินชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ.2546 : 5)และมาตราที่ 28 ได้
กล่าวถึงหลักสูตรการศึกษาต้องมีลักษณะที่หลากหลาย มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของแต่ละบุคคลให้เหมาะสมกับวัย
ตามศักยภาพและมุ่งพัฒนาคน ให้มีความสมดุลทั้งด้านความรู้ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความ
รับผิดชอบต่อสังคม (กระทรวงศึกษาธิการ. 2546 : 13) ตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษากระทรวงศึกษาธิการที่
4
มีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนที่เป็นผลผลิตทางการศึกษา โดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนมีลักษณะ
ที่พึงประสงค์ คือเป็นคนดี คนเก่ง และคนมีความสุข คนดี คือคนที่ดาเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีจิตใจที่ดีงาม มี
คุณธรรมจริยธรรม คนเก่ง คือคนที่มีสมรรถภาพในการดาเนินชีวิต หรือมีความพิเศษเฉพาะทาง คนมีความสุข คือ
คนที่มีสุขภาพดีทั้งทางกายและจิตใจ เป็นคนร่าเริง แจ่มใส ร่างกายแข็งแรง มีมนุษยสัมพันธ์ มีความรักต่อทุกสรรพ
สิ่งมีอิสรภาพปลอดพ้นจากการเป็นทาสของอบายมุขและสามารถดารงชีวิตได้อย่างเพียงพอแก่อัตภาพ
(คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้.2543 : 11-12) จึงถือว่าการศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่
สมบูรณ์ เป็นเครื่องมือสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมค่านิยมและระบบการเมืองของประเทศ
การที่จะจัดการศึกษาให้บรรลุเป้าหมายข้างต้นนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่าง ๆ หลายประการด้วยกัน
ดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ (2526 : 12-13) กล่าวไว้ว่าการที่นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงหรือต่านั้นขึ้นอยู่กับ
ปัจจัยหลายด้านด้วยกันคือ ตัวผู้สอน เนื้อหาสาระที่สอน กิจกรรมการเรียนการสอน และตัวผู้เรียนเอง ตัวผู้เรียน
เป็นปัจจัยสาคัญมากที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ถ้านักเรียนไม่ให้ความร่วมมือในการเรียน เช่น ไม่ตั้งใจเรียน
คุยหรือเล่นในขณะที่ครูสอน ไม่ทางานที่ครูสั่งเป็นต้น ก็จะทาให้กิจกรรมการเรียนการสอนต้องหยุดชะงักลง ซึ่งทา
ให้การเรียนการสอนไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้นักเรียนก็จะไม่ประสบผลสาเร็จในการเรียนเท่าที่ควร (เยาวภา
กันทรวชิยากุล. 2530 : 1) และการที่นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่านั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถทาง
สติปัญญาเพียงประการเดียว องค์ประกอบอื่น ๆ อาจมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ เช่น วุฒิภาวะ
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สภาพครอบครัวและกระบวนการจัดการเรียนการสอน (สุรัตน์ อังกุรวิโรจน์. 2532 : 60-65)
ในสภาพความเป็นจริงของการศึกษาระดับมัธยมศึกษาขณะนี้ไม่ได้ผลตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ
เนื่องจากผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่าไม่ประสบผลสาเร็จทางการเรียนสอบไม่ผ่านต้องใช้ระยะเวลาในการ
เรียนมากกว่าที่กาหนด หรือลาออกกลางคัน ซึ่งเป็นการสูญเปล่าทางการศึกษาการที่ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนต่า ทาให้ผู้เรียนไม่ได้พัฒนาความรู้ความสามารถให้เจริญงอกงามและใช้ประโยชน์เท่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนยังเป็นเครื่องแสดงถึงความสาเร็จหรือความล้มเหลวทางการจัดการศึกษาของนักเรียนและ
ของประเทศชาติอีกด้วย (ก่อ สวัสดิพาณิชย์. 2527 : 35) จึงถือเป็นหน้าที่ของครูผู้สอนที่จะศึกษาค้นคว้าเพื่อ
หาทางแก้ไข ช่วยเหลือ ปรับปรุงหรือป้องกันปัญหาที่มีผลต่อการเรียนของนักเรียน ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนแก้ไขระดับ
ผลการเรียนที่ติด 0 ต่อเนื่อง
ปัจจุบันเป็นยุคที่โลกมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอันสืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยง
ข้อมูลต่างๆของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน กระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อ
วิถีการดารงชีพของสังคมอย่างทั่วถึง ครูจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความ
5
พร้อมให้นักเรียนมีทักษะสาหรับการออกไปดารงชีวิตในโลกศตวรรษที่ 21 ที่สาคัญที่สุด คือ ทักษะการเรียนรู้
(LEARNING Skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กในศตวรรษที่ 21 นี้ มีความรู้
ความสามารถ และทักษะจาเป็น ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนการสอน
ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะทาให้เกิดการเรียนรู้ดังกล่าว การเรียนรู้ใน
ศตวรรษที่ 21 เป็นการกาหนดแนวทางยุทธศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ โดยร่วมกันสร้างรูปแบบและแนวปฏิบัติใน
การเสริมสร้างประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยเน้นที่องค์ความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ
และสมรรถนะที่เกิดกับผู้เรียน เพื่อใช้ในการดารงชีวิตในสังคมแห่งความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน (ศิริวรรณ ฉัตรมณี
รุ่งเจริญ และวรางคณา ทองนพคุณ. 2556 : 1-3) สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนา
เยาวชนของชาติเข้าสู่โลกศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม รักความเป็นไทย มีทักษะการคิด
วิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ มีทักษะด้านเทคโนโลยีสามารถทางานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติ
(กระทรวงศึกษาธิการ. 2552 : 2) จึงเกิดการปฏิรูปการศึกษาของไทยอย่างต่อเนื่องภายใต้กฎหมายการศึกษาหลัก
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 มีความต้องการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่
ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การจัดการศึกษาต้องยึดหลักผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญมากที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา
ศักยภาพ ส่วนการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้เน้นให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเนื้อหาสาระและ
กิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ
กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา และ
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติ ให้ทาได้ คิดเป็น รักการอ่านและใฝ่เรียนรู้อย่าง
ต่อเนื่อง ในส่วนของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นั้นต้องให้เกิดทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติด้านวิทยาศาสตร์รวมทั้ง
ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยืน(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542.2542 : 1-8)
จากข้อค้นพบในการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2542
ในช่วงระยะ 6 ปีที่ผ่านมา (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, 2546ก, 2546ข, 2548ก, 2548ข ; สานักงาน
เลขาธิการสภาการศึกษา, 2547 ; สานักผู้ตรวจราชการและติดตามประเมินผล, 2548 ; สุวิมล ว่องวานิช และนง
ลักษณ์ วิรัชชัย, 2547; Nutravong, 2002; Kittsunthorn, 2003, อ้างถึงในกระทรวงศึกษาธิการ 2552 : 1) และ
จุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษที่ 21 จึงได้มีการพัฒนา
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มี
ศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ กาหนดจุดหมายไว้ 5 ประการ ดังนี้ 1) มีคุณธรรม จริยธรรมและ
ค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฎิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่
6
ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การ
คิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต 3) มีสุขภาพกายและสุขภาพที่ดี มีสุขนิสัยและรักการออกกา
ลังกาย 4) มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก 4) มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็น
พลเมืองและพลโลก 5) มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม
มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคมและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข โดยมุ่งหวัง
พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้จะช่วยให้
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ คือ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถใน
การแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ในส่วนของความสามารถ
ในการคิดนั้นเป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมี
วิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบเพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเอง
และสังคมได้อย่างเหมาะสม มีการพัฒนาอย่างสมดุลโดยคานึงถึงหลักการพัฒนาทางสมองและพหุปัญญา และ
กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม
ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ
โดยเฉพาะกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนรู้วิทยาศาสตร์เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ
มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาที่
หลากหลายให้กับผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทากิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงอย่าง
หลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น (กระทรวงศึกษาธิการ, 2552 : 2-13)
วิทยาศาสตร์มีบทบาทสาคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุกคนทั้ง
ในชีวิตประจาวันและการงานอาชีพต่างๆ ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องมือ เครื่องใช้และผลผลิตต่างๆ ที่มนุษย์ได้ใช้
เพื่ออานวยความสะดวกในชีวิตและการงาน ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์
และศาสตร์อื่นๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิดทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์
คิดวิจารณญาณ มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถ
ตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมันใหม่
ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (Knowledge-based society) ทุกคนจาเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์
เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนาความรู้ไปใช้อย่างมี
เหตุผล สร้างสรรค์ มีคุณธรรม (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. 2551 : 1) เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศใน
โลกที่สามที่เจริญก้าวหน้าไปได้ดี มักจะมีนโยบายวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม และตัวบ่งชี้ที่วัดและ
เปรียบเทียบได้ เช่น จานวนนักวิทยาศาสตร์ต่อประชากรพันคน งบประมาณวิจัยค้นคว้า วิทยาศาสตร์เป็น
เปอร์เซ็นต์ของผลิตผลรวมมวล ฯลฯ แต่บางประเทศกลับมีนโยบายที่หน่วงเหนี่ยววิทยาศาสตร์ เป็นต้น ว่านโยบาย
ที่แบ่งวิทยาศาสตร์ออกเป็นสองประเภท คือประเภทที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศ และประเทศที่ไม่มีบทบาท
7
ในการพัฒนาประเทศ และรวมการพัฒนาวิทยาศาสตร์มูลฐาน เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี หรือแม้แต่ ชีววิทยา
เข้าไว้ในประเภทหลัง หลักสูตรการเรียนการสอนในปัจจุบันของประเทศต่างๆ แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้มุ่งไปที่
Knowledge curriculum คาว่า Knowledge ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่เรียนรู้ ที่สามารถเปลี่ยนไป ให้มีมูลค่าทาง
เศรษฐกิจ หากสิ่งที่เรียนรู้เปลี่ยนไป ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ได้ ก็จะไม่นับเป็นความรู้ ดังนั้น หลักการสาคัญของ
การเรียนรู้ คือการเปลี่ยนสิ่งเรียนรู้ให้มีประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นให้ได้ ดังนั้น ได้มีผู้เสนอแนะว่า การเรียนรู้ทาง
วิทยาศาสตร์ ควรจะเริ่มด้วยการใช้ประโยชน์ก่อน และเข้าสู่ทฤษฎีภายหลัง หรืออย่างน้อยผู้สอนน่าจะสอนในสิ่งที่
ผู้เรียนรู้ว่า สิ่งที่เรียนมีหรือจะให้ประโยชน์ แก่นักเรียนอย่างไรบ้าง ในขณะที่ประเทศไทยกาลังพูดถึง Quantum
economy ซึ่งการพัฒนา nano computer และนักฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ในอนาคตจะมีลักษณะใกล้เคียงกันเข้าไป
ยิ่งขึ้น (เฉลียว มณีเลิศ. 2557 : 1) รัฐต้องเร่งรัดและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประกอบกัน
องค์การยูเนสโกในปี 2000 ได้ออกมาเสนอให้พลโลกรู้วิทยาศาสตร์อย่างเพียงพอเพื่อการดารงชีวิตอย่างเป็นสุข
และปลอดภัยในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ การพัฒนาให้ทุกคนรู้วิทยาศาสตร์จึงมีความสาคัญในการดารงชีวิต ช่วยเพิ่มขีด
ความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจ (หัสชัย สิทธิรักษ์. 2551) ดังนั้น วิทยาศาสตร์จึงเป็นวัฒนธรรมของโลก
สมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ การบูรณาการความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ สอดคล้องกับเน้นให้
ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาการทางความคิดในระดับสูง อันจะส่งผล
ต่อการพัฒนาความคิดที่มีเหตุผล สร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นทักษะสาคัญในการ
แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มิได้มุ่งเฉพาะตัวเนื้อหาความรู้แต่มีความหมายครอบคลุมไปถึงกระบวนการ
แสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย นั่นคือ ผู้เรียนต้องได้รับผลผลิตทั้งเนื้อหาความรู้และปลูกฝังกระบวนการ
แสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในเวลาเดียวกัน (วรรณทิพา รอดแรงค้า. 2544 : ค) เพื่อให้เกิดทักษะการเรียนรู้ทั้ง
3 ด้าน ได้แก่ ด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย ผู้เรียนต้องได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการเป็นผู้คิดลง
ปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบด้วยกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการทากิจกรรมภาคสนาม การสังเกต การสารวจ
ตรวจสอบ การทดลองในห้องปฎิบัติการ การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิการเรียนรู้ของ
ผู้เรียนจะเกิดขึ้นระหว่างที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมผ่านการทากิจกรรมเหล่านั้นจึงจะมีความสามารถในการแก้ปัญหาด้วย
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้พัฒนากระบวนการคิดขั้นสูง (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
2547 : 9-10) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กาหนดไว้ว่าสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มุ่งให้มีการนา
ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การ
คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์ผู้เรียนต้องอาศัยความรู้ที่หลากหลาย เป็น
เครื่องมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็นสาระที่มีกระบวนการและ
ขั้นตอนในการศึกษาประเด็นวิทยาศาสตร์ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในชั้นเรียน มักต้องมีการคิดวิเคราะห์
ประเด็นต่าง ๆ เป็นหลัก โดยจะเริ่มจากการทาความเข้าใจประเด็นปัญหาหรือคาถาม โดยที่เด็กต้องทาความเข้าใจ
8
กับสถานการณ์นั้นอย่างถ่องแท้ มักจะเริ่มด้วยการคิดวิเคราะห์ว่ามีองค์ประกอบใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์
นั้น ๆ ไม่เพียงแต่ความรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน การพัฒนาและปลูกฝังทักษะการคิดวิเคราะห์ให้เด็กจะสามารถทาให้
เกิดความเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจาวัน และใช้ความเป็นเหตุและผลในการตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ได้อีกด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ 2551 : 4-21) การสอนจึงเป็นเรื่องสาคัญอย่างยิ่งในยุคปฏิรูปการศึกษาการ
ดาเนินชีวิตที่ประสบความสุข ความสาเร็จ เป็นผลมาจากประสิทธิภาพของการคิดกลวิธี และทักษะกระบวนการคิด
ในลักษณะต่างๆ การคิดเป็นกลไกที่สาคัญอย่างอย่างยิ่งในการพัฒนาความสามารถทางสมอง การฝึกทักษะการคิด
และกระบวนการคิดจึงเป็นปัจจัยที่สาคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาสติปัญญาของเด็กเพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มี
คุณภาพ โดยเฉพาะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking) พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และ พเยาว์ ยินดีสุข.
(2548 : 22) ; สมนึก ภัททิยธนี, จุฑาทิพย์ ชาติสุวรรณ์ และวิภาดา คาดี (2548 : 2) กล่าวถึงการคิดอย่างมี
วิจารณญาณไว้ว่า เป็นความคิดประเภทหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็น
เครื่องมือสาหรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องได้ด้วยตนเอง อีกทั้งเป็นความคิดที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ในการพิจารณา
ไตร่ตรองอย่างรอบคอบโดยอาศัยความรู้ ความคิด และประสบการณ์เพื่อนาไปสู่ข้อสรุปที่สมเหตุสมผล ดังนั้น การ
คิดอย่างมีวิจารณญาณส่งผลให้สามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาโดยการใช้เหตุผลอย่างถูกต้องเหมาะสมช่วยให้
สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในโลกปัจจุบันและอนาคต
จากปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนสนใจที่จะนารูปแบบการสอนทฤษฎีกระบวนการจัดการเรียนรู้
แบบ DRU Modle (NKK) เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มาใช้แก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ที่ทาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข และมีกระบวนการคิดอย่างมีระบบ เพื่อ
เป็นพื้นฐานในการเรียนระดับสูงและการดารงชีวิตประจาวันต่อไป
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะการ
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 2
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์
วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชา
วิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
9
4. เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิต
วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
4.1 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
4.2 เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดแบบมีวิจารณญาณ หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
4.3 เพื่อประเมินจิตวิทยาศาสตร์ หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อ
เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
4.4 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อ
เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ความสมมติฐานการวิจัย
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้สูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้าง
ทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
2. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและจิตวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน หลังการใช้สูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการ
จัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน
สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ขอบเขตของการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนา ผู้วิจัยกาหนดขอบเขตของการวิจัย ดังนี้
ตัวแปรในการศึกษา
1. ตัวแปรอิสระ คือรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิต
วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.1 ขั้นที่ 1 เตรียมความพร้อมผู้เรียน (Prepare learners)
1.2 ขั้นที่ 2 ปรับเปลี่ยนความคิด (Turning ideas)
1.3 ขั้นที่ 3 เรียนรู้สิ่งใหม่ (Learn something new)
10
1.4 ขั้นที่ 4 ประยุกต์ใช้ความรู้ (Application of Knowledge)
1.5 ขั้นที่ 5 เติมเต็มประสบการณ์ (Complement the experience)
2. ตัวแปรตาม คือผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนหลังการใช้รูปแบบ DRU MODEL (NKK) การจัดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มี 4 ด้านประกอบด้วย
2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2.2 ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
2.3 จิตวิทยาศาสตร์
2.4 ความพึงพอใจ
ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากร ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 ห้อง โรงเรียนพระยามนธาตุ
ราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน สังกัดกรุงเทพมหานคร นักเรียน 42 คน ปีการศึกษา 2559 ที่มีพฤติกรรมไม่เข้าเรียน
2. กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 ห้อง โรงเรียนพระยามน
ธาตุราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน สังกัดกรุงเทพมหานคร นักเรียน 42 คนปีการศึกษา 2559 ได้มาโดยการสุ่มอย่าง
ง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม
ขอบเขตด้านระยะเวลาการศึกษาวิจัย
ดาเนินการวิจัยในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 วันที่ 9-20 มกราคม 2560
นิยามศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย
1. รูปแบบการสอน หมายถึงแบบแผนการดาเนินการจัดกิจกรรมการการเรียนการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
โดยอาศัยทฤษฏีกระบวนการจัดการเรียนรู้ DRO MODEL (NKK) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
11
ขั้นที่ 1 N (Need for Learning) = ความต้องการของนักเรียน -----> K P A
ขั้นที่ 2 K (Knowledge by Network) = ความรู้ผ่านเครือข่าย -----> CN SN AN
- CN เรียนรู้ผ่าน PPTX,E-book,ใบความรู้
- SN กลวิธีในการเรียนรู้
1) ระดมสมองแบ่งงานตามความสามารถ
2) ทางานตามความสามารถ
- AN สอบถามจาก เพื่อน, ผู้รู้, ผู้เชี่ยวชาญ
ขั้นที่ 3 K (Knowledge and do Audit) = ตรวจสอบความรู้ตนเอง -----> ตรวจสอบ K P A
2. ความรู้ คือ ความเข้าใจในเรื่องบรรยากาศ จดจาในสิ่งที่เรียนไปและนาความรู้เรื่องบรรยากาศไปใช้
ประโยชน์ เป็นความสามารถทางสติปัญญาในการขยายความรู้ ความจา ให้กว้างออกไปจากเดิมอย่างสมเหตุสมผล
และความสามารถในการแปลความหมาย การสรุปหรือการขยายความสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนของผู้เรียนที่ได้จากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องบรรยากาศ ทาการทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนตามกิจกรรมการเรียนการสอนใน
รูปแบบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
4. จิตวิยาศาสตร์ (Science mind) หมายถึง จิตสานึกของบุคคลที่ก่อให้เกิดเป็นลักษณะนิสัยหรือ
ความรู้สึกทางจิตใจของบุคคลที่เกิดการศึกษาความรู้หรือการเรียนรู้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย
4.1 ความสนใจใฝ่รู้ หมายถึง คุณลักษณะของบุคคลที่มีความพยายามจะเผชิญสืบเสาะแสวงหาความรู้
ในสถานการณ์ใหม่ๆซึ่งไม่สามารถอธิบายด้วยความรู้ที่ทีอยู่เดิม และค้นหาความรู้เพื่อตอบปัญหาซึ่งมีความ
ปรารถนาที่จะได้ความรู้ที่สมบูรณ์ ซึ้งมีลักษณะพฤติกรรมดังนี้
4.1.1 มีปัญหาเกิดขึ้นต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและพยายามหาคาตอบนั้นให้สมบูรณ์โดยการ
ซักถาม สนทนา ฟัง อ่าน เพื่อให้ได้ความรู้ที่สมบูรณ์
4.1.2 มีการศึกษาค้นคว้าเพื่อทาความเข้าใจสถานการณ์ใหม่ๆ ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยความรู้
ที่มีอยู่เดิม
4.1.3 ชอบสืบเสาะ ทดลอง พิสูจน์แนวคิดแปลกใหม่
4.1.4 มีความกระตือรือร้นต่อกิจกรรม และเรื่องใหม่
4.2 ความรับผิดชอบ มุ่งมั่น อดทน และเพียรพยายาม หมายถึง คุณลักษณะของบุคคลที่สามารถ
ดาเนินการทากิจกรรมในการแก้ปัญหาจนถึงที่สุดจนกว่าจะได้รับคาตอบที่น่าเชื่อถือได้และยอมรับผลการกระทา
ของตนเองทั้งเป็นผลดี และผลเสียซึ่งมีลักษณะและพฤติกรรมดังต่อไปนี้
4.2.1 มีความเต็มใจที่ค้นหาคาตอบโดยการพิสูจน์ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์แม้มีปัญหาและอุป
สรรต่าง ๆ
12
4.2.2 มีความเต็มใจที่จะทาการทดลองซ้า ๆ หลายครั้งเพื่อค้นหาคาตอบที่น่าเชื่อถือที่สุด
4.2.3 ทางานที่รับผิดชอบมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ
4.2.4 ทางานที่มอบหมายให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่กาหนด และตรงต่อเวลา
4.2.5 ไม่ท้อถอยในการทางาน เมื่อมีอุปสรรคหรือล้มเหลว
4.2.6 มีความอดทน แม้การดาเนินการแก้ปัญหาจะยุ่งยากและใช้เวลา
4.2.7 ยอมรับผลการกระทาของตนเองทั้งที่เป็นผลดีและผลเสีย
4.3 ความมีระเบียบและรอบคอบ หมายถึงคุณลักษณะของบุคคลที่มีการทางานเป็นระเบียบรอบคอบ
จัดระบบการทางานใช้วิธีการศึกษาหลายวิธีในการตรวจสอบผลการทดลองไตร่ตรอง จัดระบบการทางานก่อน
ตัดสินใจสรุปมีลักษณะพฤติกรรมดังนี้
4.3.1 เห็นคุณค่าของความมีระเบียบและรอบคอบ
4.3.2 นาวิธีการหลายๆ วิธีมาตรวจสอบผลหรือวิธีการทดลอง
4.3.3 มีการใคร่ครวญ ไตร่ตรอง พินิจพิเคราะห์ ก่อนในการตัดสินใจสรุปหรือเชื่อในสิ่งต่างๆ
4.3.4 มีความละเอียด ถี่ถ้วนในการทางาน
4.3.5 มีการวางแผนการทางานและจัดระบบการทางาน
4.3.6 ตรวจสอบความเรียบร้อย หรือคุณภาพเครื่องมือก่อนทาการทดลอง
4.3.7 ทางานอย่างเป็นระเบียบเรียนร้อย
4.4 ความมีเหตุผล หมายถึงคุณลักษณะของบุคคลที่มียอมรับในคาอธิบายเมื่อมีหลักฐานและข้อมูล
อย่างพอก่อนสรุปผล ชอบพิจารณาหาสาเหตุของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะพฤติกรรมดังนี้
4.4.1 เห็นคุณคุณค่าในการเหตุผลในเรื่องต่าง ๆ
4.4.2 ไม่เชื่อโชครางหรือคาทานายที่ไม่สามารถอธิบายได้ตามวิธีของวิทยาศาสตร์ แต่พยายามสิ่ง
ต่าง ๆ ในแง่มุมของเหตุผล
4.4.3 หาความสัมพันธ์ของเหตุและผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
4.4.4 อธิบายหรือแสดงความคิดอย่างมีเหตุผล
4.4.5 ตรวจความถูกต้องหรือความสมเหตุผลของแนวคิดต่าง ๆ กับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสาะ
แสวงหาหลักฐานหรือข้อมูลจากการสังเกตหรือทดลองเพื่อสนับสนุนหรือค้นหาคาตอบ
4.4.6 เสาะแสวหาหลักฐานหรือข้อมูลจากการสังเกตหรือทดลองเพื่อสนับสนุนหรือค้นหาคาตอบ
4.4.7 ยอมรับในคาอธิบายเมื่อมีหลักฐานหรือข้อมูลสนับสนุนอย่างเพียงพอ
4.4.8 มีความต้องการเคารพในเหตุผลซึ่งกันและกัน
13
4.5 ความใจกว้าง หมายถึง คุณลักษณะของบุคคลหรือแสดงถึงการมีจิตใจกว้างขวางเต็มใจที่จะ
เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของตนยอมรับฟังความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ข้อโต้แย้งของคนอื่น เปลี่ยนความ
คิดเห็นของตนเอง เมื่อมีหลีกฐานที่ดีกว่า ซึ่งมีพฤติกรรมดังนี้
4.5.1 รับฟัง วิพากษ์วิจารณ์ ข้อโต้แย้ง หรือข้อคิดเห็นของผู้อื่น
4.5.2 ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจเป็นธรรม
4.5.3 ยอมรับความคิดเห็นหรือวิธีการที่แปลกใหม่
4.5.4 เต็มใจที่จะเปลี่ยนแนวคิดหรือแนวปฏิบัติเมื่อได้ข้อมูลหรือหลักฐานใหม่ๆที่เชื่อถือได้
มากกว่าหรือถูกต้องกว่า
4.5.5 ยอมพิจารณาข้อมูลหรือข้อคิดเห็นที่ยงสรุปไม่ได้และพร้อมที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติม
4.6 ความซื่อสัตย์ หมายถึงคุณลักษณะของบุคคลที่ต้องการความถูกต้องในการรายงานการศึกษาโดย
ปราศจากอคติ ความรู้สึกส่วนตัวหรืออิทธิพลจากสิ่งต่างๆซึ่งมีพฤติกรรมดังนี้
4.6.1 เห็นคุณค่าการนาเสนอข้อมูลตามความเป็นจริง
4.6.2 นาเสนอความเป็นจริงของตนเองถึงแม้จะมีผลที่มีความแตกต่างจากคนอื่นก็ตาม
4.6.3 บันทึกข้อมูลตามความเป็นจริงและไม่ใช้ความรู้สึกของตนเองมากเกี่ยวข้อง
4.6.4 ไม่แอบอ้างผลงานของผู้อื่นมาเป็นผลงานของตนเอง
4.6.5 ไม่เอาอิทธิพลของความเชื่อมาให้เหนือการตัดสินใจใด ๆ ในทางวิทยาศาสตร์
4.6.6 ไม่นาสภาพทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความหมาย
ข้อมูล
5. ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจากรูปแบบการ
สอนวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์เรื่องดินและหิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ต่อนักเรียน
1.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นส่งผล
ต่อระดับผลสัมฤทธิ์รวมของโรงเรียนสูงขึ้น
1.2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ มีทักษะการคิดขั้นสูง ส่งผลให้สามารถ
แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันได้
1.3 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคุณลักษณะด้านการมุ่งมั่นในการเรียนรู้ ใฝ่เรียนรู้ มีวินัย และ
มีจิตสาธารณะ สามารถช่วยเหลือสังคมได้
2. ต่อครูผู้สอน
14
2.1 ได้นานวัตกรรมรูปแบบการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิต
วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิผลสูงกว่า 0.5
สามารถไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์
2.2 เป็นแนวทางสาหรับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในการพัฒนารูปแบบการสอน
สาหรับพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิด
2.3 เป็นแนวทางให้ครูผู้สอนในกลุ่มสาระอื่นๆและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนในการออกแบบพัฒนารูปแบบการสอน สาหรับการพัฒนาการสอนสาหรับพัฒนาผลสมฤทธิ์ทางการเรียนและ
ทักษะการคิด
3. ต่อผู้บริหาร
3.1 การบริหารบุคลากรในสถานศึกษา ทาให้ได้บุคลากรที่มีผลงานด้านการสร้างและพัฒนา
นวัตกรรมสาหรับการจัดการเรียนการสอน
3.2 การบริหารจักการเรียนการสอน ทาให้โรงเรียนมีสื่อนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอน
กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย
จากแนวคิด หลักการ ทฤษฎีที่เกี่ยงข้องกับการรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะ
ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สรุปกรอบแนวคิด
ทฤษฎีได้ดังแผนภาพที่ 1
15
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดทฤษฎีในการพัฒนารูปแบบการสอน
16
บทที่2
วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมี
วิจารณญาณและจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ในครั้งนี้
ผู้วิจัยได้ศึกษาตาราง เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องสาระสาคัญเสนอตามลาดับ ดังนี้
ตอนที่ 1 หลักสูตรการศึกษา
1.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551
1.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ตอนที่ 2 แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2.1 การวิจัยและพัฒนา
2.2 จิตวิทยาการศึกษา
2.3 เจตคติ (Attitude)
2.4 ทฤษฎีแรงจูงใจ
2.5 ทฤษฎีการเรียนรู้แบบวางเงื่อนไขแบบแบบการกระทาของสกินเนอร์
ตอนที่ 1 หลักสูตรการจักการศึกษา
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ให้เป็นหลักสูตร
แกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนา
คุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก จึงได้
ปรับได้ปรับกระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้มีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 ที่มุ่งเน้นการกระจายอานาจทางการศึกษาให้ท้องถิ่นและ
สถานศึกษาได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ และความต้องการของ
ท้องถิ่น จากข้อค้นพบในการศึกษาวิจัย และติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2542 ที่ผ่านมาประกอบกับข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เกี่ยวกับแนวทางการ
พัฒนาคุณภาพคนในสังคมไทย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุค
ศตวรรษที่ 21 จึงเกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 มีความเมาะสมชัดเจน ทั้ง
เป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาผู้เรียนและกระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
17
และสถานศึกษา โดยได้มีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นทิศทางในการจัดทาหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ
นอกจากนั้นได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนขั้นต่าของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตร
แกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้น อีกทั้งได้ปรับ
กระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทาง
การศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการนาไปปฏิบัติ
(กระทรวงศึกษาธิการ. 2551) รายละเอียดดังนี้
1. วิสัยทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกาลังของชาติให้เป็น
มนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่น
ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง
เจตคติ ที่จาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญบน
พื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
2. หลักการ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลักการที่สาคัญ ดังนี้
1) เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็น
เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทย
ควบคู่กับความเป็นสากล
2) เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค
และมีคุณภาพ
3) เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้
สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น
4) เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการ
เรียนรู้
5) เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ
6) เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก
กลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์
3. จุดหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มี
ศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาขั้น
พื้นฐาน ดังนี้
1) มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน
ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
18
2) มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะ
ชีวิต
3) มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกาลังกาย
4) มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5) มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนา
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กาหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิด
สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้
4.1 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ
สาคัญ 5 ประการ ดังนี้
1) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้
ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา
ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้
วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม
2) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ
เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม บนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ
เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ
ดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วย
การสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การ
ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่
ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
19
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง
ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ
ทางาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
4.2 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและ
พลโลก ดังนี้
1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2) ซื่อสัตย์สุจริต
3) มีวินัย
4) ใฝ่เรียนรู้
5) อยู่อย่างพอเพียง
6) มุ่งมั่นในการทางาน
7) รักความเป็นไทย
8) มีจิตสาธารณะ
นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้องตาม
บริบทและจุดเน้นของตนเอง
5. มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคานึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและ
พหุปัญญา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงกาหนดให้ผู้เรียนเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้
1) ภาษาไทย
2) คณิตศาสตร์
3) วิทยาศาสตร์
4) สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
5) สุขศึกษาและพลศึกษา
6) ศิลปะ
7) การงานอาชีพและเทคโนโลยี
8) ภาษาต่างประเทศ
ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสาคัญของการพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งที่สิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามใน
สังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์
เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้นมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสาคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา
วิจัยทางการศึกษา

More Related Content

What's hot

จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้Nat Thida
 
Power point นำเสนองานวิจัย
Power point นำเสนองานวิจัยPower point นำเสนองานวิจัย
Power point นำเสนองานวิจัย
ชัชจิรา จำปาทอง
 
บทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการบทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการขวัญ ฤทัย
 
บทความวิชาการ โยนิโสมนสิการ
บทความวิชาการ โยนิโสมนสิการบทความวิชาการ โยนิโสมนสิการ
บทความวิชาการ โยนิโสมนสิการ
นางจำเรียง กอมพนม
 
จิตวิทยาการเรียนรู้1
จิตวิทยาการเรียนรู้1จิตวิทยาการเรียนรู้1
จิตวิทยาการเรียนรู้1
สรสิช ขันตรีมิตร
 
20150902095637
2015090209563720150902095637
20150902095637
Sovath123
 
จิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหารายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
Wichai Likitponrak
 
คำอธิบายโครงสร้าง อัคลาก
คำอธิบายโครงสร้าง อัคลากคำอธิบายโครงสร้าง อัคลาก
คำอธิบายโครงสร้าง อัคลากMuhammadrusdee Almaarify
 
Presentation 5
Presentation 5Presentation 5
Presentation 5moohmed
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้honeylamon
 
รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...
รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...
รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...Kobwit Piriyawat
 
งานซู
งานซูงานซู
งานซูmaymymay
 
จิตวิทยาการเรียนรู้231
จิตวิทยาการเรียนรู้231จิตวิทยาการเรียนรู้231
จิตวิทยาการเรียนรู้231Anny Hotelier
 

What's hot (18)

04chap2
04chap204chap2
04chap2
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้
 
Power point นำเสนองานวิจัย
Power point นำเสนองานวิจัยPower point นำเสนองานวิจัย
Power point นำเสนองานวิจัย
 
บทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการบทความทางวิชาการ
บทความทางวิชาการ
 
บทความวิชาการ โยนิโสมนสิการ
บทความวิชาการ โยนิโสมนสิการบทความวิชาการ โยนิโสมนสิการ
บทความวิชาการ โยนิโสมนสิการ
 
จิตวิทยาการเรียนรู้1
จิตวิทยาการเรียนรู้1จิตวิทยาการเรียนรู้1
จิตวิทยาการเรียนรู้1
 
จิตวิทยาการเรียนรู้ 5555
จิตวิทยาการเรียนรู้ 5555จิตวิทยาการเรียนรู้ 5555
จิตวิทยาการเรียนรู้ 5555
 
20150902095637
2015090209563720150902095637
20150902095637
 
จิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหารายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
 
คำอธิบายโครงสร้าง อัคลาก
คำอธิบายโครงสร้าง อัคลากคำอธิบายโครงสร้าง อัคลาก
คำอธิบายโครงสร้าง อัคลาก
 
Presentation 5
Presentation 5Presentation 5
Presentation 5
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้
 
รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...
รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...
รายงานผลการจัดการเรียนรู้นวัตกรรมคุณธรรมนำความคิด เรื่องสารละลาย ชั้น ม.1 ครู...
 
งานซู
งานซูงานซู
งานซู
 
จิตวิทยาการเรียนรู้231
จิตวิทยาการเรียนรู้231จิตวิทยาการเรียนรู้231
จิตวิทยาการเรียนรู้231
 

Similar to วิจัยทางการศึกษา

วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...
วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...
วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...
พรทิพย์ สิงหรา
 
ชื่อผลงานวิจัย พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...
ชื่อผลงานวิจัย 	พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...ชื่อผลงานวิจัย 	พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...
ชื่อผลงานวิจัย พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...
nattasorn kamonmal
 
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียนร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
Nattayaporn Dokbua
 
R บทที่ 1
R บทที่  1R บทที่  1
R บทที่ 1khuwawa
 
บทที่ 1 นายต้นพิมให้
บทที่ 1 นายต้นพิมให้บทที่ 1 นายต้นพิมให้
บทที่ 1 นายต้นพิมให้Alisa Samansri
 
หลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 doc
หลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 docหลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 doc
หลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 dockrupornpana55
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1supap6259
 
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
Kobwit Piriyawat
 
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนรายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
Natmol Thedsanabun
 
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอนรายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอนNatmol Thedsanabun
 
เรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศ
เรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศเรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศ
เรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศ
baifernes
 
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางkorakate
 
งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111varangkruepila
 
งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111varangkruepila
 
คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์
คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์
คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์
Mahasarakham Business School, Mahasarakham University
 
แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษา
แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษาแผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษา
แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษา
tassanee chaicharoen
 
หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ
หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ
หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือwatdang
 

Similar to วิจัยทางการศึกษา (20)

วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...
วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...
วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจ...
 
ชื่อผลงานวิจัย พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...
ชื่อผลงานวิจัย 	พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...ชื่อผลงานวิจัย 	พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...
ชื่อผลงานวิจัย พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะค...
 
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียนร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
 
Instdev
InstdevInstdev
Instdev
 
R บทที่ 1
R บทที่  1R บทที่  1
R บทที่ 1
 
บทที่ 1 นายต้นพิมให้
บทที่ 1 นายต้นพิมให้บทที่ 1 นายต้นพิมให้
บทที่ 1 นายต้นพิมให้
 
แบบนำเสนอผลงานวิชาการ
แบบนำเสนอผลงานวิชาการแบบนำเสนอผลงานวิชาการ
แบบนำเสนอผลงานวิชาการ
 
หลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 doc
หลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 docหลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 doc
หลักสูตรส่วนนำต้น ปลาย. 55 doc
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1สุขฯ ม.2 หน่วย 1
สุขฯ ม.2 หน่วย 1
 
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
 
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนรายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
 
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอนรายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
รายงานผลการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
 
เรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศ
เรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศเรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศ
เรื่องที่ 1 ปฐมนิเทศ
 
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
 
งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111
 
งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111งานนำเสนอ111
งานนำเสนอ111
 
5บทที่1
5บทที่1 5บทที่1
5บทที่1
 
คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์
คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์
คุณลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์
 
แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษา
แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษาแผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษา
แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เพศศึกษา
 
หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ
หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ
หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ
 

Recently uploaded

Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdfRecap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
NuttavutThongjor1
 
ความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdf
ความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdfความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdf
ความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdf
Pattie Pattie
 
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
NuttavutThongjor1
 
Artificial Intelligence in Education2.pdf
Artificial Intelligence in Education2.pdfArtificial Intelligence in Education2.pdf
Artificial Intelligence in Education2.pdf
Prachyanun Nilsook
 
กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21
กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21
กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21
Postharvest Technology Innovation Center
 
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกันbio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
CholapruekSangkamane1
 
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.pptโรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
pakpoomounhalekjit
 
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
SweetdelMelon
 

Recently uploaded (8)

Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdfRecap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
 
ความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdf
ความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdfความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdf
ความสุจริตทางวิชาการ “เชื่อมไทยเชื่อมโลก”.pdf
 
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
 
Artificial Intelligence in Education2.pdf
Artificial Intelligence in Education2.pdfArtificial Intelligence in Education2.pdf
Artificial Intelligence in Education2.pdf
 
กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21
กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21
กำหนดการ การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 21
 
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกันbio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
 
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.pptโรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
 
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
 

วิจัยทางการศึกษา

  • 1. 1 ชื่อผลงานวิจัย พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน” สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้ทาวิจัย นางสาวอัจฉรา มะณีกรด รหัส 5641060112 ห้อง12/56 ปี พ.ศ. 2560 สถานศึกษา โรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน จังหวัดกรุงเทพมหานคร บทคัดย่อ รายงาน พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง “ดินและหิน” สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูล พื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบ การจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังการใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะ ความรู้หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.3) เพื่อประเมินจิตวิทยาศาสตร์ หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อ เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 4.4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้าง ทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การ ดาเนินการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 D: Diagnosis of needs (การวินิจฉัยและออกแบบการเรียนรู้) ขั้นที่ 2 R: Research in effective learning environment (การใช้วิจัยเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ซึ่งใน ที่นี้สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้หมายถึงการจัดการ เรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน ) ขั้นที่ 3 U: Universal Design for learning (เป็นขั้นการประเมิน) กลุ่มตัวอย่างที่
  • 2. 2 ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ จานวน 42 คน ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (DRU MODEL: NKK MOEDL) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่สร้าง ขึ้นมีความเหมาะสมและสอดคล้องเชิงโครงสร้าง สามารถนาไปทดลองใช้ได้ค่าประสิทธิภาพค่าของรูปแบบการ จัดการเรียนรู้เท่ากับ 77.27/79.61 สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ รูปแบบการการ จัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดิน และหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (DRU MODEL: NKK MOEDL) โดยภาพรวมอยู่ในระดับสูงมาก สูง กว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 หลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (DRU MODEL: NKK MOEDL) พัฒนาขึ้นหลังเรียน มีค่าเฉลี่ย ( x =4.90 , S.D. = 0.20) อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อ พิจารณาหลายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านความสนใจใฝ่รู้ มีค่าเฉลี่ย ( x =4.90 , S.D. = 0.20) อยู่ใน ระดับมากที่สุดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (DRU MODEL: NKK MOEDL) ในภาพรวมนักเรียนเห็นด้วยในระดับมากที่สุด และเมื่อแยกหลายด้านในภาพรวมด้านพฤติกรรมจิตวิทยาศาสตร์ นักเรียนเห็นด้วยในระดับมากที่สุด ในด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ ในภาพรวมนักเรียนเห็นด้วยในระดับมาก ที่สุด
  • 3. 3 บทที่ 1 บทนา ความเป็นมาและความสาคัญ การพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความมั่นคงนั้น คุณภาพของคนในประเทศมีผลต่อ ความสาเร็จอย่างสาคัญยิ่ง โดยเฉพาะคุณภาพของเด็ก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุดเหนือ ทรัพยากรใดๆในโลก กล่าวคือ การพัฒนาเด็กควรได้รับการพัฒนารอบด้านทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ได้รับการ ตอบสนองความต้องการพื้นฐานทางร่างกายอย่างพอเพียง มีความปลอดภัย มีความรักความผูกพัน ความเอื้ออาทร ความอบอุ่น มีการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบ มีความมานะบากบั่น มีเหตุผล รู้จักควบคุมตนเอง ได้อย่างเหมาะสม มีความเข้าใจและรู้จักตนเองดูแลช่วยเหลือตนเองและพึ่งตนเองได้อย่างเหมาะสม ตลอดจน สามารถดาเนินชีวิตที่มีคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติยามวิกฤติทางเศรษฐกิจและ สังคมได้อย่างมีความสุขและประสบความสาเร็จ นั่นคือการเป็นคนดี มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรงมั่นคง (กรมสุขภาพจิต. 2544 : 5) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 มาตราที่ 6 กล่าวไว้ว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไป เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ คุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรม ในการดาเนินชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ.2546 : 5)และมาตราที่ 28 ได้ กล่าวถึงหลักสูตรการศึกษาต้องมีลักษณะที่หลากหลาย มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของแต่ละบุคคลให้เหมาะสมกับวัย ตามศักยภาพและมุ่งพัฒนาคน ให้มีความสมดุลทั้งด้านความรู้ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความ รับผิดชอบต่อสังคม (กระทรวงศึกษาธิการ. 2546 : 13) ตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษากระทรวงศึกษาธิการที่
  • 4. 4 มีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนที่เป็นผลผลิตทางการศึกษา โดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนมีลักษณะ ที่พึงประสงค์ คือเป็นคนดี คนเก่ง และคนมีความสุข คนดี คือคนที่ดาเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีจิตใจที่ดีงาม มี คุณธรรมจริยธรรม คนเก่ง คือคนที่มีสมรรถภาพในการดาเนินชีวิต หรือมีความพิเศษเฉพาะทาง คนมีความสุข คือ คนที่มีสุขภาพดีทั้งทางกายและจิตใจ เป็นคนร่าเริง แจ่มใส ร่างกายแข็งแรง มีมนุษยสัมพันธ์ มีความรักต่อทุกสรรพ สิ่งมีอิสรภาพปลอดพ้นจากการเป็นทาสของอบายมุขและสามารถดารงชีวิตได้อย่างเพียงพอแก่อัตภาพ (คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้.2543 : 11-12) จึงถือว่าการศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่ สมบูรณ์ เป็นเครื่องมือสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมค่านิยมและระบบการเมืองของประเทศ การที่จะจัดการศึกษาให้บรรลุเป้าหมายข้างต้นนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่าง ๆ หลายประการด้วยกัน ดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ (2526 : 12-13) กล่าวไว้ว่าการที่นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงหรือต่านั้นขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายด้านด้วยกันคือ ตัวผู้สอน เนื้อหาสาระที่สอน กิจกรรมการเรียนการสอน และตัวผู้เรียนเอง ตัวผู้เรียน เป็นปัจจัยสาคัญมากที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ถ้านักเรียนไม่ให้ความร่วมมือในการเรียน เช่น ไม่ตั้งใจเรียน คุยหรือเล่นในขณะที่ครูสอน ไม่ทางานที่ครูสั่งเป็นต้น ก็จะทาให้กิจกรรมการเรียนการสอนต้องหยุดชะงักลง ซึ่งทา ให้การเรียนการสอนไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้นักเรียนก็จะไม่ประสบผลสาเร็จในการเรียนเท่าที่ควร (เยาวภา กันทรวชิยากุล. 2530 : 1) และการที่นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่านั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถทาง สติปัญญาเพียงประการเดียว องค์ประกอบอื่น ๆ อาจมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ เช่น วุฒิภาวะ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สภาพครอบครัวและกระบวนการจัดการเรียนการสอน (สุรัตน์ อังกุรวิโรจน์. 2532 : 60-65) ในสภาพความเป็นจริงของการศึกษาระดับมัธยมศึกษาขณะนี้ไม่ได้ผลตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ เนื่องจากผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่าไม่ประสบผลสาเร็จทางการเรียนสอบไม่ผ่านต้องใช้ระยะเวลาในการ เรียนมากกว่าที่กาหนด หรือลาออกกลางคัน ซึ่งเป็นการสูญเปล่าทางการศึกษาการที่ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนต่า ทาให้ผู้เรียนไม่ได้พัฒนาความรู้ความสามารถให้เจริญงอกงามและใช้ประโยชน์เท่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนยังเป็นเครื่องแสดงถึงความสาเร็จหรือความล้มเหลวทางการจัดการศึกษาของนักเรียนและ ของประเทศชาติอีกด้วย (ก่อ สวัสดิพาณิชย์. 2527 : 35) จึงถือเป็นหน้าที่ของครูผู้สอนที่จะศึกษาค้นคว้าเพื่อ หาทางแก้ไข ช่วยเหลือ ปรับปรุงหรือป้องกันปัญหาที่มีผลต่อการเรียนของนักเรียน ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนแก้ไขระดับ ผลการเรียนที่ติด 0 ต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นยุคที่โลกมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอันสืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยง ข้อมูลต่างๆของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน กระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อ วิถีการดารงชีพของสังคมอย่างทั่วถึง ครูจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความ
  • 5. 5 พร้อมให้นักเรียนมีทักษะสาหรับการออกไปดารงชีวิตในโลกศตวรรษที่ 21 ที่สาคัญที่สุด คือ ทักษะการเรียนรู้ (LEARNING Skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กในศตวรรษที่ 21 นี้ มีความรู้ ความสามารถ และทักษะจาเป็น ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะทาให้เกิดการเรียนรู้ดังกล่าว การเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 เป็นการกาหนดแนวทางยุทธศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ โดยร่วมกันสร้างรูปแบบและแนวปฏิบัติใน การเสริมสร้างประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยเน้นที่องค์ความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ และสมรรถนะที่เกิดกับผู้เรียน เพื่อใช้ในการดารงชีวิตในสังคมแห่งความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน (ศิริวรรณ ฉัตรมณี รุ่งเจริญ และวรางคณา ทองนพคุณ. 2556 : 1-3) สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนา เยาวชนของชาติเข้าสู่โลกศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม รักความเป็นไทย มีทักษะการคิด วิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ มีทักษะด้านเทคโนโลยีสามารถทางานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2552 : 2) จึงเกิดการปฏิรูปการศึกษาของไทยอย่างต่อเนื่องภายใต้กฎหมายการศึกษาหลัก พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 มีความต้องการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การจัดการศึกษาต้องยึดหลักผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญมากที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ศักยภาพ ส่วนการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้เน้นให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเนื้อหาสาระและ กิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา และ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติ ให้ทาได้ คิดเป็น รักการอ่านและใฝ่เรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง ในส่วนของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นั้นต้องให้เกิดทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติด้านวิทยาศาสตร์รวมทั้ง ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยืน(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542.2542 : 1-8) จากข้อค้นพบในการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2542 ในช่วงระยะ 6 ปีที่ผ่านมา (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, 2546ก, 2546ข, 2548ก, 2548ข ; สานักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา, 2547 ; สานักผู้ตรวจราชการและติดตามประเมินผล, 2548 ; สุวิมล ว่องวานิช และนง ลักษณ์ วิรัชชัย, 2547; Nutravong, 2002; Kittsunthorn, 2003, อ้างถึงในกระทรวงศึกษาธิการ 2552 : 1) และ จุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษที่ 21 จึงได้มีการพัฒนา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มี ศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ กาหนดจุดหมายไว้ 5 ประการ ดังนี้ 1) มีคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฎิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่
  • 6. 6 ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การ คิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต 3) มีสุขภาพกายและสุขภาพที่ดี มีสุขนิสัยและรักการออกกา ลังกาย 4) มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก 4) มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็น พลเมืองและพลโลก 5) มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคมและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข โดยมุ่งหวัง พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้จะช่วยให้ ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ คือ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถใน การแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ในส่วนของความสามารถ ในการคิดนั้นเป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมี วิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบเพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเอง และสังคมได้อย่างเหมาะสม มีการพัฒนาอย่างสมดุลโดยคานึงถึงหลักการพัฒนาทางสมองและพหุปัญญา และ กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนรู้วิทยาศาสตร์เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาที่ หลากหลายให้กับผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทากิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงอย่าง หลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น (กระทรวงศึกษาธิการ, 2552 : 2-13) วิทยาศาสตร์มีบทบาทสาคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุกคนทั้ง ในชีวิตประจาวันและการงานอาชีพต่างๆ ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องมือ เครื่องใช้และผลผลิตต่างๆ ที่มนุษย์ได้ใช้ เพื่ออานวยความสะดวกในชีวิตและการงาน ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ และศาสตร์อื่นๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิดทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดวิจารณญาณ มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถ ตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมันใหม่ ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (Knowledge-based society) ทุกคนจาเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนาความรู้ไปใช้อย่างมี เหตุผล สร้างสรรค์ มีคุณธรรม (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. 2551 : 1) เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศใน โลกที่สามที่เจริญก้าวหน้าไปได้ดี มักจะมีนโยบายวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม และตัวบ่งชี้ที่วัดและ เปรียบเทียบได้ เช่น จานวนนักวิทยาศาสตร์ต่อประชากรพันคน งบประมาณวิจัยค้นคว้า วิทยาศาสตร์เป็น เปอร์เซ็นต์ของผลิตผลรวมมวล ฯลฯ แต่บางประเทศกลับมีนโยบายที่หน่วงเหนี่ยววิทยาศาสตร์ เป็นต้น ว่านโยบาย ที่แบ่งวิทยาศาสตร์ออกเป็นสองประเภท คือประเภทที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศ และประเทศที่ไม่มีบทบาท
  • 7. 7 ในการพัฒนาประเทศ และรวมการพัฒนาวิทยาศาสตร์มูลฐาน เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี หรือแม้แต่ ชีววิทยา เข้าไว้ในประเภทหลัง หลักสูตรการเรียนการสอนในปัจจุบันของประเทศต่างๆ แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้มุ่งไปที่ Knowledge curriculum คาว่า Knowledge ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่เรียนรู้ ที่สามารถเปลี่ยนไป ให้มีมูลค่าทาง เศรษฐกิจ หากสิ่งที่เรียนรู้เปลี่ยนไป ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ได้ ก็จะไม่นับเป็นความรู้ ดังนั้น หลักการสาคัญของ การเรียนรู้ คือการเปลี่ยนสิ่งเรียนรู้ให้มีประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นให้ได้ ดังนั้น ได้มีผู้เสนอแนะว่า การเรียนรู้ทาง วิทยาศาสตร์ ควรจะเริ่มด้วยการใช้ประโยชน์ก่อน และเข้าสู่ทฤษฎีภายหลัง หรืออย่างน้อยผู้สอนน่าจะสอนในสิ่งที่ ผู้เรียนรู้ว่า สิ่งที่เรียนมีหรือจะให้ประโยชน์ แก่นักเรียนอย่างไรบ้าง ในขณะที่ประเทศไทยกาลังพูดถึง Quantum economy ซึ่งการพัฒนา nano computer และนักฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ในอนาคตจะมีลักษณะใกล้เคียงกันเข้าไป ยิ่งขึ้น (เฉลียว มณีเลิศ. 2557 : 1) รัฐต้องเร่งรัดและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประกอบกัน องค์การยูเนสโกในปี 2000 ได้ออกมาเสนอให้พลโลกรู้วิทยาศาสตร์อย่างเพียงพอเพื่อการดารงชีวิตอย่างเป็นสุข และปลอดภัยในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ การพัฒนาให้ทุกคนรู้วิทยาศาสตร์จึงมีความสาคัญในการดารงชีวิต ช่วยเพิ่มขีด ความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจ (หัสชัย สิทธิรักษ์. 2551) ดังนั้น วิทยาศาสตร์จึงเป็นวัฒนธรรมของโลก สมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ การบูรณาการความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ สอดคล้องกับเน้นให้ ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาการทางความคิดในระดับสูง อันจะส่งผล ต่อการพัฒนาความคิดที่มีเหตุผล สร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นทักษะสาคัญในการ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มิได้มุ่งเฉพาะตัวเนื้อหาความรู้แต่มีความหมายครอบคลุมไปถึงกระบวนการ แสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย นั่นคือ ผู้เรียนต้องได้รับผลผลิตทั้งเนื้อหาความรู้และปลูกฝังกระบวนการ แสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในเวลาเดียวกัน (วรรณทิพา รอดแรงค้า. 2544 : ค) เพื่อให้เกิดทักษะการเรียนรู้ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย ผู้เรียนต้องได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการเป็นผู้คิดลง ปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบด้วยกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการทากิจกรรมภาคสนาม การสังเกต การสารวจ ตรวจสอบ การทดลองในห้องปฎิบัติการ การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิการเรียนรู้ของ ผู้เรียนจะเกิดขึ้นระหว่างที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมผ่านการทากิจกรรมเหล่านั้นจึงจะมีความสามารถในการแก้ปัญหาด้วย วิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้พัฒนากระบวนการคิดขั้นสูง (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2547 : 9-10) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กาหนดไว้ว่าสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มุ่งให้มีการนา ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์ผู้เรียนต้องอาศัยความรู้ที่หลากหลาย เป็น เครื่องมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็นสาระที่มีกระบวนการและ ขั้นตอนในการศึกษาประเด็นวิทยาศาสตร์ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในชั้นเรียน มักต้องมีการคิดวิเคราะห์ ประเด็นต่าง ๆ เป็นหลัก โดยจะเริ่มจากการทาความเข้าใจประเด็นปัญหาหรือคาถาม โดยที่เด็กต้องทาความเข้าใจ
  • 8. 8 กับสถานการณ์นั้นอย่างถ่องแท้ มักจะเริ่มด้วยการคิดวิเคราะห์ว่ามีองค์ประกอบใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ นั้น ๆ ไม่เพียงแต่ความรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน การพัฒนาและปลูกฝังทักษะการคิดวิเคราะห์ให้เด็กจะสามารถทาให้ เกิดความเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจาวัน และใช้ความเป็นเหตุและผลในการตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ได้อีกด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ 2551 : 4-21) การสอนจึงเป็นเรื่องสาคัญอย่างยิ่งในยุคปฏิรูปการศึกษาการ ดาเนินชีวิตที่ประสบความสุข ความสาเร็จ เป็นผลมาจากประสิทธิภาพของการคิดกลวิธี และทักษะกระบวนการคิด ในลักษณะต่างๆ การคิดเป็นกลไกที่สาคัญอย่างอย่างยิ่งในการพัฒนาความสามารถทางสมอง การฝึกทักษะการคิด และกระบวนการคิดจึงเป็นปัจจัยที่สาคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาสติปัญญาของเด็กเพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มี คุณภาพ โดยเฉพาะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking) พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และ พเยาว์ ยินดีสุข. (2548 : 22) ; สมนึก ภัททิยธนี, จุฑาทิพย์ ชาติสุวรรณ์ และวิภาดา คาดี (2548 : 2) กล่าวถึงการคิดอย่างมี วิจารณญาณไว้ว่า เป็นความคิดประเภทหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็น เครื่องมือสาหรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องได้ด้วยตนเอง อีกทั้งเป็นความคิดที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ในการพิจารณา ไตร่ตรองอย่างรอบคอบโดยอาศัยความรู้ ความคิด และประสบการณ์เพื่อนาไปสู่ข้อสรุปที่สมเหตุสมผล ดังนั้น การ คิดอย่างมีวิจารณญาณส่งผลให้สามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาโดยการใช้เหตุผลอย่างถูกต้องเหมาะสมช่วยให้ สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในโลกปัจจุบันและอนาคต จากปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนสนใจที่จะนารูปแบบการสอนทฤษฎีกระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบ DRU Modle (NKK) เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มาใช้แก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ที่ทาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข และมีกระบวนการคิดอย่างมีระบบ เพื่อ เป็นพื้นฐานในการเรียนระดับสูงและการดารงชีวิตประจาวันต่อไป วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะการ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
  • 9. 9 4. เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิต วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.1 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.2 เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดแบบมีวิจารณญาณ หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.3 เพื่อประเมินจิตวิทยาศาสตร์ หลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อ เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4.4 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อ เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ความสมมติฐานการวิจัย 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้สูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้าง ทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและจิตวิทยาศาสตร์ของผู้เรียน หลังการใช้สูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขอบเขตของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนา ผู้วิจัยกาหนดขอบเขตของการวิจัย ดังนี้ ตัวแปรในการศึกษา 1. ตัวแปรอิสระ คือรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิต วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1.1 ขั้นที่ 1 เตรียมความพร้อมผู้เรียน (Prepare learners) 1.2 ขั้นที่ 2 ปรับเปลี่ยนความคิด (Turning ideas) 1.3 ขั้นที่ 3 เรียนรู้สิ่งใหม่ (Learn something new)
  • 10. 10 1.4 ขั้นที่ 4 ประยุกต์ใช้ความรู้ (Application of Knowledge) 1.5 ขั้นที่ 5 เติมเต็มประสบการณ์ (Complement the experience) 2. ตัวแปรตาม คือผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนหลังการใช้รูปแบบ DRU MODEL (NKK) การจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มี 4 ด้านประกอบด้วย 2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.2 ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2.3 จิตวิทยาศาสตร์ 2.4 ความพึงพอใจ ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากร ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 ห้อง โรงเรียนพระยามนธาตุ ราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน สังกัดกรุงเทพมหานคร นักเรียน 42 คน ปีการศึกษา 2559 ที่มีพฤติกรรมไม่เข้าเรียน 2. กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 ห้อง โรงเรียนพระยามน ธาตุราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน สังกัดกรุงเทพมหานคร นักเรียน 42 คนปีการศึกษา 2559 ได้มาโดยการสุ่มอย่าง ง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม ขอบเขตด้านระยะเวลาการศึกษาวิจัย ดาเนินการวิจัยในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 วันที่ 9-20 มกราคม 2560 นิยามศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย 1. รูปแบบการสอน หมายถึงแบบแผนการดาเนินการจัดกิจกรรมการการเรียนการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยอาศัยทฤษฏีกระบวนการจัดการเรียนรู้ DRO MODEL (NKK) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
  • 11. 11 ขั้นที่ 1 N (Need for Learning) = ความต้องการของนักเรียน -----> K P A ขั้นที่ 2 K (Knowledge by Network) = ความรู้ผ่านเครือข่าย -----> CN SN AN - CN เรียนรู้ผ่าน PPTX,E-book,ใบความรู้ - SN กลวิธีในการเรียนรู้ 1) ระดมสมองแบ่งงานตามความสามารถ 2) ทางานตามความสามารถ - AN สอบถามจาก เพื่อน, ผู้รู้, ผู้เชี่ยวชาญ ขั้นที่ 3 K (Knowledge and do Audit) = ตรวจสอบความรู้ตนเอง -----> ตรวจสอบ K P A 2. ความรู้ คือ ความเข้าใจในเรื่องบรรยากาศ จดจาในสิ่งที่เรียนไปและนาความรู้เรื่องบรรยากาศไปใช้ ประโยชน์ เป็นความสามารถทางสติปัญญาในการขยายความรู้ ความจา ให้กว้างออกไปจากเดิมอย่างสมเหตุสมผล และความสามารถในการแปลความหมาย การสรุปหรือการขยายความสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนของผู้เรียนที่ได้จากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องบรรยากาศ ทาการทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนตามกิจกรรมการเรียนการสอนใน รูปแบบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น 4. จิตวิยาศาสตร์ (Science mind) หมายถึง จิตสานึกของบุคคลที่ก่อให้เกิดเป็นลักษณะนิสัยหรือ ความรู้สึกทางจิตใจของบุคคลที่เกิดการศึกษาความรู้หรือการเรียนรู้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย 4.1 ความสนใจใฝ่รู้ หมายถึง คุณลักษณะของบุคคลที่มีความพยายามจะเผชิญสืบเสาะแสวงหาความรู้ ในสถานการณ์ใหม่ๆซึ่งไม่สามารถอธิบายด้วยความรู้ที่ทีอยู่เดิม และค้นหาความรู้เพื่อตอบปัญหาซึ่งมีความ ปรารถนาที่จะได้ความรู้ที่สมบูรณ์ ซึ้งมีลักษณะพฤติกรรมดังนี้ 4.1.1 มีปัญหาเกิดขึ้นต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและพยายามหาคาตอบนั้นให้สมบูรณ์โดยการ ซักถาม สนทนา ฟัง อ่าน เพื่อให้ได้ความรู้ที่สมบูรณ์ 4.1.2 มีการศึกษาค้นคว้าเพื่อทาความเข้าใจสถานการณ์ใหม่ๆ ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยความรู้ ที่มีอยู่เดิม 4.1.3 ชอบสืบเสาะ ทดลอง พิสูจน์แนวคิดแปลกใหม่ 4.1.4 มีความกระตือรือร้นต่อกิจกรรม และเรื่องใหม่ 4.2 ความรับผิดชอบ มุ่งมั่น อดทน และเพียรพยายาม หมายถึง คุณลักษณะของบุคคลที่สามารถ ดาเนินการทากิจกรรมในการแก้ปัญหาจนถึงที่สุดจนกว่าจะได้รับคาตอบที่น่าเชื่อถือได้และยอมรับผลการกระทา ของตนเองทั้งเป็นผลดี และผลเสียซึ่งมีลักษณะและพฤติกรรมดังต่อไปนี้ 4.2.1 มีความเต็มใจที่ค้นหาคาตอบโดยการพิสูจน์ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์แม้มีปัญหาและอุป สรรต่าง ๆ
  • 12. 12 4.2.2 มีความเต็มใจที่จะทาการทดลองซ้า ๆ หลายครั้งเพื่อค้นหาคาตอบที่น่าเชื่อถือที่สุด 4.2.3 ทางานที่รับผิดชอบมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ 4.2.4 ทางานที่มอบหมายให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่กาหนด และตรงต่อเวลา 4.2.5 ไม่ท้อถอยในการทางาน เมื่อมีอุปสรรคหรือล้มเหลว 4.2.6 มีความอดทน แม้การดาเนินการแก้ปัญหาจะยุ่งยากและใช้เวลา 4.2.7 ยอมรับผลการกระทาของตนเองทั้งที่เป็นผลดีและผลเสีย 4.3 ความมีระเบียบและรอบคอบ หมายถึงคุณลักษณะของบุคคลที่มีการทางานเป็นระเบียบรอบคอบ จัดระบบการทางานใช้วิธีการศึกษาหลายวิธีในการตรวจสอบผลการทดลองไตร่ตรอง จัดระบบการทางานก่อน ตัดสินใจสรุปมีลักษณะพฤติกรรมดังนี้ 4.3.1 เห็นคุณค่าของความมีระเบียบและรอบคอบ 4.3.2 นาวิธีการหลายๆ วิธีมาตรวจสอบผลหรือวิธีการทดลอง 4.3.3 มีการใคร่ครวญ ไตร่ตรอง พินิจพิเคราะห์ ก่อนในการตัดสินใจสรุปหรือเชื่อในสิ่งต่างๆ 4.3.4 มีความละเอียด ถี่ถ้วนในการทางาน 4.3.5 มีการวางแผนการทางานและจัดระบบการทางาน 4.3.6 ตรวจสอบความเรียบร้อย หรือคุณภาพเครื่องมือก่อนทาการทดลอง 4.3.7 ทางานอย่างเป็นระเบียบเรียนร้อย 4.4 ความมีเหตุผล หมายถึงคุณลักษณะของบุคคลที่มียอมรับในคาอธิบายเมื่อมีหลักฐานและข้อมูล อย่างพอก่อนสรุปผล ชอบพิจารณาหาสาเหตุของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะพฤติกรรมดังนี้ 4.4.1 เห็นคุณคุณค่าในการเหตุผลในเรื่องต่าง ๆ 4.4.2 ไม่เชื่อโชครางหรือคาทานายที่ไม่สามารถอธิบายได้ตามวิธีของวิทยาศาสตร์ แต่พยายามสิ่ง ต่าง ๆ ในแง่มุมของเหตุผล 4.4.3 หาความสัมพันธ์ของเหตุและผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 4.4.4 อธิบายหรือแสดงความคิดอย่างมีเหตุผล 4.4.5 ตรวจความถูกต้องหรือความสมเหตุผลของแนวคิดต่าง ๆ กับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสาะ แสวงหาหลักฐานหรือข้อมูลจากการสังเกตหรือทดลองเพื่อสนับสนุนหรือค้นหาคาตอบ 4.4.6 เสาะแสวหาหลักฐานหรือข้อมูลจากการสังเกตหรือทดลองเพื่อสนับสนุนหรือค้นหาคาตอบ 4.4.7 ยอมรับในคาอธิบายเมื่อมีหลักฐานหรือข้อมูลสนับสนุนอย่างเพียงพอ 4.4.8 มีความต้องการเคารพในเหตุผลซึ่งกันและกัน
  • 13. 13 4.5 ความใจกว้าง หมายถึง คุณลักษณะของบุคคลหรือแสดงถึงการมีจิตใจกว้างขวางเต็มใจที่จะ เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของตนยอมรับฟังความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ข้อโต้แย้งของคนอื่น เปลี่ยนความ คิดเห็นของตนเอง เมื่อมีหลีกฐานที่ดีกว่า ซึ่งมีพฤติกรรมดังนี้ 4.5.1 รับฟัง วิพากษ์วิจารณ์ ข้อโต้แย้ง หรือข้อคิดเห็นของผู้อื่น 4.5.2 ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจเป็นธรรม 4.5.3 ยอมรับความคิดเห็นหรือวิธีการที่แปลกใหม่ 4.5.4 เต็มใจที่จะเปลี่ยนแนวคิดหรือแนวปฏิบัติเมื่อได้ข้อมูลหรือหลักฐานใหม่ๆที่เชื่อถือได้ มากกว่าหรือถูกต้องกว่า 4.5.5 ยอมพิจารณาข้อมูลหรือข้อคิดเห็นที่ยงสรุปไม่ได้และพร้อมที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติม 4.6 ความซื่อสัตย์ หมายถึงคุณลักษณะของบุคคลที่ต้องการความถูกต้องในการรายงานการศึกษาโดย ปราศจากอคติ ความรู้สึกส่วนตัวหรืออิทธิพลจากสิ่งต่างๆซึ่งมีพฤติกรรมดังนี้ 4.6.1 เห็นคุณค่าการนาเสนอข้อมูลตามความเป็นจริง 4.6.2 นาเสนอความเป็นจริงของตนเองถึงแม้จะมีผลที่มีความแตกต่างจากคนอื่นก็ตาม 4.6.3 บันทึกข้อมูลตามความเป็นจริงและไม่ใช้ความรู้สึกของตนเองมากเกี่ยวข้อง 4.6.4 ไม่แอบอ้างผลงานของผู้อื่นมาเป็นผลงานของตนเอง 4.6.5 ไม่เอาอิทธิพลของความเชื่อมาให้เหนือการตัดสินใจใด ๆ ในทางวิทยาศาสตร์ 4.6.6 ไม่นาสภาพทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความหมาย ข้อมูล 5. ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจากรูปแบบการ สอนวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์เรื่องดินและหิน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประโยชน์ที่ได้รับ 1. ต่อนักเรียน 1.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นส่งผล ต่อระดับผลสัมฤทธิ์รวมของโรงเรียนสูงขึ้น 1.2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ มีทักษะการคิดขั้นสูง ส่งผลให้สามารถ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันได้ 1.3 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคุณลักษณะด้านการมุ่งมั่นในการเรียนรู้ ใฝ่เรียนรู้ มีวินัย และ มีจิตสาธารณะ สามารถช่วยเหลือสังคมได้ 2. ต่อครูผู้สอน
  • 14. 14 2.1 ได้นานวัตกรรมรูปแบบการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิต วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิผลสูงกว่า 0.5 สามารถไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ 2.2 เป็นแนวทางสาหรับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในการพัฒนารูปแบบการสอน สาหรับพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิด 2.3 เป็นแนวทางให้ครูผู้สอนในกลุ่มสาระอื่นๆและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนในการออกแบบพัฒนารูปแบบการสอน สาหรับการพัฒนาการสอนสาหรับพัฒนาผลสมฤทธิ์ทางการเรียนและ ทักษะการคิด 3. ต่อผู้บริหาร 3.1 การบริหารบุคลากรในสถานศึกษา ทาให้ได้บุคลากรที่มีผลงานด้านการสร้างและพัฒนา นวัตกรรมสาหรับการจัดการเรียนการสอน 3.2 การบริหารจักการเรียนการสอน ทาให้โรงเรียนมีสื่อนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอน กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย จากแนวคิด หลักการ ทฤษฎีที่เกี่ยงข้องกับการรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องดินและหิน สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สรุปกรอบแนวคิด ทฤษฎีได้ดังแผนภาพที่ 1
  • 16. 16 บทที่2 วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมี วิจารณญาณและจิตวิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดินและหิน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาตาราง เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องสาระสาคัญเสนอตามลาดับ ดังนี้ ตอนที่ 1 หลักสูตรการศึกษา 1.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 1.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตอนที่ 2 แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 2.1 การวิจัยและพัฒนา 2.2 จิตวิทยาการศึกษา 2.3 เจตคติ (Attitude) 2.4 ทฤษฎีแรงจูงใจ 2.5 ทฤษฎีการเรียนรู้แบบวางเงื่อนไขแบบแบบการกระทาของสกินเนอร์ ตอนที่ 1 หลักสูตรการจักการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ให้เป็นหลักสูตร แกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนา คุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก จึงได้ ปรับได้ปรับกระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้มีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 ที่มุ่งเน้นการกระจายอานาจทางการศึกษาให้ท้องถิ่นและ สถานศึกษาได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ และความต้องการของ ท้องถิ่น จากข้อค้นพบในการศึกษาวิจัย และติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2542 ที่ผ่านมาประกอบกับข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เกี่ยวกับแนวทางการ พัฒนาคุณภาพคนในสังคมไทย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุค ศตวรรษที่ 21 จึงเกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 มีความเมาะสมชัดเจน ทั้ง เป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาผู้เรียนและกระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
  • 17. 17 และสถานศึกษา โดยได้มีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นทิศทางในการจัดทาหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ นอกจากนั้นได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนขั้นต่าของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตร แกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้น อีกทั้งได้ปรับ กระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทาง การศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการนาไปปฏิบัติ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2551) รายละเอียดดังนี้ 1. วิสัยทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกาลังของชาติให้เป็น มนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่น ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญบน พื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ 2. หลักการ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลักการที่สาคัญ ดังนี้ 1) เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็น เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทย ควบคู่กับความเป็นสากล 2) เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมีคุณภาพ 3) เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น 4) เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการ เรียนรู้ 5) เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 6) เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ 3. จุดหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มี ศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาขั้น พื้นฐาน ดังนี้ 1) มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
  • 18. 18 2) มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะ ชีวิต 3) มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกาลังกาย 4) มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 5) มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนา 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กาหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิด สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ 4.1 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ สาคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้ วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม บนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วย การสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การ ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
  • 19. 19 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ ทางาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม 4.2 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและ พลโลก ดังนี้ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทางาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้องตาม บริบทและจุดเน้นของตนเอง 5. มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคานึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและ พหุปัญญา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงกาหนดให้ผู้เรียนเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้ 1) ภาษาไทย 2) คณิตศาสตร์ 3) วิทยาศาสตร์ 4) สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5) สุขศึกษาและพลศึกษา 6) ศิลปะ 7) การงานอาชีพและเทคโนโลยี 8) ภาษาต่างประเทศ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสาคัญของการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งที่สิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามใน สังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้นมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสาคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษา