More Related Content Similar to ทรัพยากรดิน (15) ทรัพยากรดิน1. น.ส. ทิพชรัตน์ ประทุมคำ เลขที่ 7 น.ส. วีรวรรณ พามี เลขที่ 18 นาย ชัยธวัช สุดประเสริฐ เลขที่ 20 นายสมภพ ไก่แก้ว เลขที่ 21 น.ส. ขนิษฐา เจริญพร เลขที่ 22 น.ส. จิราภรณ์ โสภา เลขที่ 24 ม. 6/1 ทรัพยากรดิน 4. ดินเหนียว ดินเหนียว เป็นดินที่เมื่อเปียกแล้วมีความยืดหยุ่น อาจปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้เหนียวเหนอะหนะติดมือ เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ดี มีความสามารถในการจับยึดและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้สูง หรือค่อนข้างสูง เป็นดินที่มีก้อนเนื้อละเอียด เพราะมีปริมาณอนุภาคดินเหนียวอยู่มาก เหมาะที่จะใช้ทำนาปลูกข้าวเพราะเก็บน้ำได้นาน 7. ดินร่วน ดินร่วน เป็นดินที่มีเนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือ ยืดหยุ่นได้บ้าง มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง จัดเป็นเนื้อดินที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกในธรรมชาติมักไม่ค่อยพบ แต่จะพบดินที่มีเนื้อดินใกล้เคียงกันมากกว่า สีของดิน สีของดินจะทำให้เราทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ปริมาณอินทรียวัตถุที่ปะปนอยู่และแปรสภาพเป็นฮิวมัสในดิน ทำให้สีของดินต่างกันถ้ามีฮิวมัสน้อยสีจะจางลงมีความอุดมสมบูรณ์น้อย ลักษณะโครงสร้างที่ดีของดิน ได้แก่ สภาพที่เม็ดดินเกาะกันเป็นก้อนเล็ก ๆ อยู่รวมกันอย่างหลวม ๆ ตลอดชั้นของหน้าดิน 11. สาเหตุการเกิดมลพิษทางดิน 1. การทิ้งขยะลงดิน การทิ้งสิ่งของต่างๆลงในดินเป็นสาเหตุให้เกิดการสะสมของสารเคมีสารพิษในดิน ทำให้เกิดปัญหามลพิษและทำให้สมบัติของดินเปลี่ยนไป สิ่งของที่เราทิ้งลงไปบางชนิดสามารถย่อยได้โดยจุลินทรีย์ที่อยู่ในดิน บางชนิดไม่สามารถย่อยได้เมื่อมีสารเคมีสะสมอนุภาคของดินก็จะดูดซับไว้และถ่ายทอดไปตามโซ่อาหาร 12. สาเหตุการเกิดมลพิษทางดิน 2.การใช้สารเคมีทางการเกษตร สารเคมีที่เกษตรกรนิยมใช้ในทางการเกษตรเช่น ปุ๋ยเคมี ชนิดต่างๆ และสารเคมีที่ใช้ในการปราบศัตรูพืชและสัตว์ สารเคมีเหล่านี้เกษตรกรใช้เพื่อต้องการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งสารบางชนิดก็ตกค้างอยู่ในดิน บางชนิดก็สามารถสลายตัวได้เองโดยธรรมชาติในระยะสั้นและยาวแตกต่างกันตามชนิดของสารเคมี บางชนิดก็ไม่สามารถสลายตัวได้จึงสะสมในดินและถ่ายทอดไปตามโซ่อาหาร 15. ปัญหาทรัพยากรดิน 2. การตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่า ถางป่าทำให้หน้าดินเปิด และถูกชะล้างได้ง่ายโดยน้ำและลมเมื่อฝนตกลงมา น้ำก็ชะล้างเอาหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ไปกับน้ำ ทำให้ดินมีคุณภาพเสื่อมลง 3. การเพาะปลูกและเตรียมดินอย่างไม่ถูกวิธี การเตรียมที่ดินทำการเพาะปลูกนั้นถ้าไม่ถูกวิธีก็จะก่อความเสียหายกับดินได้มากตัวอย่างเช่น การไถพรวนขณะดินแห้งทำให้หน้าดินที่สมบูรณ์หลุดลอยไปกับลมได้ หรือการปลูกพืชบางชนิดจะทำให้ดินเสื่อมเร็ว การเผาป่าไม้ หรือตอข้าวในนา จะทำให้ฮิวมัสในดินเสื่อมสลายเกิดผลเสียกับดินมาก ดินที่เป็นกรด เกษตรกรแก้ไขได้โดยการใช้ปูนขาวหว่าน และไถพรวนให้เข้ากับดิน 17. การอนุรักษ์ดิน 1. การใช้ที่ดินอย่างถูกต้องเหมาะสม การปลูกพืชควรต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของดิน การปลูกพืชและการไถพรวนตามแนวระดับเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน นอกจากนี้ควรจะสงวนรักษาที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไว้ใช้ในกิจการอื่น ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย เพราะที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมในการเพาะปลูกมีอยู่จำนวนน้อย 18. การอนุรักษ์ดิน 2. การปรับปรุงบำรุงดิน การเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน เช่น การใส่ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก การปลูกพืชตะกูลถั่ว การใส่ปูนขาวในดินที่เป็นกรด การแก้ไขพื้นที่ดินเค็มด้วยการระบายน้ำเข้าที่ดิน เป็นต้น 3. การป้องกันการเสื่อมโทรมของดิน ได้แก่ การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชบังลม การไถพรวนตามแนวระดับ การทำคันดินป้องกันการไหลชะล้างหน้าดิน รวมทั้งการไม่เผาป่าหรือการทำไร่เลื่อนลอย 19. การอนุรักษ์ดิน 4. การให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน การระบายน้ำในดินที่มีน้ำขังออกการจัดส่งเข้าสู่ที่ดินและการใช้วัสดุ เช่น หญ้าหรือฟางคลุมหน้าดินจะช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ 5. การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทำได้โดยการปลูกพืชหมุนเวียน เพราะการปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำซาก เป็นการทำลายความอุดมสมบูรณ์ของดิน และยังเอื้อต่อการระบาดของโรคและศัตรูพืชอีกด้วย นอกจากนี้การเพิ่มสารอินทรีย์ให้แก่ดินทำได้โดยใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์เหล่านี้ช่วยให้ดินสามารถอุ้มน้ำได้ดิน มีช่องว่างให้อากาศแทรกระหว่างอนุภาคดินและยังช่วยลดการสูญเสียหน้าดินลง 20. การอนุรักษ์ดิน 6. การเลือกใช้ประโยชน์จากที่ดินให้เหมาะสมกับลักษณะของดิน การใช้ประโยชน์จากที่ดินให้เหมาะสมของดินทำให้สามารถนำดินมาใช้ได้ตรงตามศักยภาพของดินและสามารถวางแผนการจัดการทรัพยากรดินได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน รวมถึงสามารถวางแผนการใช้ที่ดินตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละพื้นที่ได้ การกำหนดผังเมืองให้ถูกต้องเหมาะสมเพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศ และควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม