More Related Content
Similar to โครงงานใบย่านางผง
Similar to โครงงานใบย่านางผง (20)
โครงงานใบย่านางผง
- 1. กิตติกรรมประกาศ
โครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง เรื่อง ใบย่านางผง จัดทาขึ้นเพื่อศึกษาวิธการผลิต
ใบย่านางผง ไว้ใช้ในการประกอบอาหารและใช้เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่ง
ว่าโครงงานนี้คงจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ และเป็นแนวคิดในการผลิตใบย่าผงขึ้นมา เพื่อใช้ได้สะดวก
รวดเร็วยิ่งขึ้น หากการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้มีข้อบกพร่องประการใดไก้โปรดชี้แนะ
เพื่อจะได้นามาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ขอขอบพระคุณ นางชโลธร กีรติศักดิ์กุล ครูโรงเรียนเมืองราดวิทยาคม และ
นางสาวลลิตา ผ่องผิว คุณครูฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ที่ให้คาปรึกษาการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
ในครั้งนี้ให้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอขอบคุณ ไว้ ณ โอกาสนี้
คณะผู้จัดทาโครงงาน
- 2. ชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ ใบย่านางผง
คณะผู้จัดทา 1. เด็กหญิงกัญญารัตน์ ทรายคา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 1
2. เด็กหญิงไพริน พรมแก้ว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 1
3. เด็กหญิงอนุลักษณ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 1
โรงเรียนเมืองราดวิทยาคม อาเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์
ครูที่ปรึกษา 1. นางชโลธร กีรติศักดิ์กุล
2. นางสาวลลิตา ผ่องผิว
บทคัดย่อ
จากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง การใช้ชีวิตแบบพอเพียง ตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการกินและอยู่อย่างพอเพียงนั้น และจากการศึกษาสรรพคุณของ
ใบย่านาง มีช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและการแก่ชรา และยังว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เหมาะสาหรับ
ทุกเพศทุกวัย ก่อให้เกิดแนวคิดในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง เรื่อง ใบย่านางผง
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาวิธีการผลิตใบย่านางผง ไว้ประกอบอาหารและเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรไว้
ใช้เองในบ้าน และ ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
การทดลองครั้งนี้ แบ่งการทดลอง ออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ศึกษาวิธีการผลิตผง
สมุนไพร ตอนที่ 2 หาอัตราส่วนที่เหมาะสมของผงสมุนไพร ผลการทดลองพบว่า ใบย่านางสามารถ
นามาทาให้เป็นผงได้โดยผสมกับน้าตาลทรายขาว และอัตราส่วนที่เหมาะสมของการผลิต ใบย่านาง
ผง คือ อัตราส่วน1 : 1 ซึ่งจะทาให้ได้ใบย่านางผง ที่มีลักษณะสีเขียวเข้ม และมีกลิ่นหอม สามารถ
นาไปใช้ชงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่ดื่มได้จริง และได้ผงใบย่านางที่มีรสชาติดี มีกลิ่นหอม ชวนดื่ม
นอกจากนี้ ใบย่านางผง ที่ผลิตได้ สามารถนาไปใช้ประกอบอาหารประเภท แกงหน่อไม้ ซุปหน่อไม้
แกงยอดหวาย แกงยอดมะพร้าว ได้อีกด้วย
คณะผู้จัดทาโครงงาน
- 4. บทที่ 1
บทนา
1.1 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ใบย่านาง เป็นพืชชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะมีลาต้นเป็นเถาวัลย์เป็นไม้เลื้อย เถาสี
เขียวสดและอวบน้า ภายในลาต้นมีน้าเมือกเหนียว มีขนตามกิ่งอ่อน เถาเมื่อแก่มีผิวเรียบและเหนียว
มากใบเป็นใบเดี่ยว มีสารต้านอนุมูลอิสระละยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและการแก่ชราอย่างได้ผล
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงละยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
ใบย่านางเป็นพืชที่ชาวอาเภอหล่มเก่าและคนภาคอีสานมักจะนามาใช้ในการประกอบอาหารโดยการ
คั่นเอาน้าของใบย่านางสด มาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารประเภทแกง เช่น แกงหน่อไม้
ซุปหน่อไม้ แกงยอดหวาย แกงยอดมะพร้าว แกงเลียง แกงหวาน เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ใบย่านางมี
ความสาคัญต่อชีวิตประจาวันเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากปัจจุบันชาวหล่มเก่าและคนภาคอีสานได้ย้าย
ถิ่นฐานไปประกอบอาชีพในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดที่ไม่มีใบย่านางไว้เพื่อประกอบอาหารจึง
ทาให้ไม่สามารถทาอาหารขึ้นมารับประทานได้
ผู้จัดทาโครงงานจึงมีแนวคิดว่า ควรจะหาวิธีการประยุกต์ดัดแปลงใบย่านางให้เกิด
ประโยชน์หลายด้าน เช่น สามารถส่งไปยังพื้นที่ที่ไม่มีใบย่านางประกอบอาหารได้สะดวกและ
สามารถนามาประกอบอาหารได้รวดเร็ว และสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร จึงได้จัดทาโครงงาน
ใบย่านางผง ขึ้นมา
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อศึกษาวิธีการผลิตใบย่านางผง
2. เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องดื่มสมุนไพร
3. เพื่อนาใบย่านางผงไปประกอบอาหารได้อย่างรวดเร็ว
และเก็บรักษาไว้ได้นาน
1.3 ขอบเขตการทดลอง
ใช้ใบย่านางเขียว ที่มีลักษณะเป็นใบสีเขียวเข้ม มาคั้นผสมกับน้า น้าตาลทรายขาว
และเคี่ยวจนแห้ง
1.4 สมมติฐานของการทดลอง
ใบย่านาง น่าจะนามาผลิตใบย่านางผง ที่สามารถนามาใช้เป็นเครื่องดื่ม และ
ประกอบอาหารได้
- 5. 1.5 กาหนดตัวแปร
ตอนที่ 1
- ตัวแปรต้น คือ น้าตาล เกลือ
- ตัวแปรตาม คือ การเกิดผงของใบย่านาง
- ตัวแปรที่ต้องควบคุม คือ ปริมาณใบย่านาง ชนิดของใบย่านาง ปริมาณน้า
อุณหภูมิ เวลา และภาชนะที่ใช้ต้ม
ตอนที่ 2
- ตัวแปรต้น คือ ปริมาณใบย่านาง น้าตาล
- ตัวแปรตาม คือ ลักษณะผงของใบย่านาง
- ตัวแปรที่ต้องควบคุม คือ ชนิดของใบย่านาง ปริมาณน้า อุณหภูมิ เวลา และ
ภาชนะที่ใช้ต้ม
1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการผลิตใบย่านางผง
2. มีเครื่องดื่มสมุนไพรไว้ใช้ในครัวเรือน
3. สามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้
3. สามารถผลิตใบย่านางผงได้
4. ใบย่านางผงที่ผลิตได้สามารถนาไปประกอบอาหาร และเก็บรักษาไว้ได้นาน
- 6. บทที่ 2
เอกสาร ความรู้ที่เกี่ยวข้อง
ใบย่านาง
วงศ์ MENISPERMACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tiliacora triandra (Colebr.) Diels
ชื่อพื้นเมือง
ภาคกลาง เถาย่านาง, เถาหญ้านาง, เถาวัลย์เขียว, หญ้าภคินี
เชียงใหม่ จ้อยนาง, จอยนาง, ผักจอยนาง
ภาคใต้ ย่านนาง, ยานนาง, ขันยอ
สุราษฎร์ธานี ยาดนาง, วันยอ
ภาคอีสาน ย่านาง
ไม่ระบุถิ่น เครือย่านาง, ปู่เจ้าเขาเขียว, เถาเขียว, เครือเขางาม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น เป็นไม้เถาเลื้อย เกี่ยวพันไม้อื่น เป็นเถากลมๆ ขนาดเล็ก แต่เหนียว มีสีเขียว เมื่อเถาแก่
จะมีสีเข้ม บริเวณเถามีข้อห่างๆ เถาอ่อน มีขนอ่อนปกคลุม เมื่อแก่แล้วผิวค่อนข้างเรียบ
ราก มีหัวใต้ดิน รากมีขนาดใหญ่
ใบ เป็นใบเดี่ยวคล้ายใบพริกไทย ออกติดกับลาต้นแบบสลับ รูปร่างใบคล้ายรูปไข่ หรือรูปไข่
ขอบขนาน ปลายใบเรียว ฐานใบมน ขนาดใบยาว 5-10 ซม. กว้าง 2-4 ซม. ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็น
คลื่นเล็กน้อย ก้านใบยาว 1-1.5 ซม. ในภาคใต้ใบค่อนข้างเรียวยาวแหลมกว่า สีเขียวเข้ม หน้าและ
หลังใบเป็นมัน
- 7. ดอก ออกตามซอกใบ ซอกโคนก้าน จากข้อเถาแก่เป็นช่อยาว 2-5 ซม. ช่อหนึ่งๆ มีดอก
ขนาดเล็กสีเหลีอง 3-5 ดอก ออกดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ไม่มีกลีบดอก ขนาดโตกว่าเมล็ดงา
เล็กน้อย ต้นเพศผู้จะมีดออกสีน้าตาล อับเรณูสีเหลืองอ่อน ดอกย่อยของต้นเพศผู้จะมีขนาดเล็ก ก้าน
ช่อดอกมีขนสั้นๆ ละเอียด ปกคลุมหนาแน่น ออกดอกช่วงเดือนเมษายน
ผล รูปร่างกลมเล็ก ขนาดเท่าผลมะแว้ง สีเขียว เมื่อแก่กลายเป็นสีเหลืองอมแดง หรือสีแดง
สด และกลายเป็นสีดาในที่สุด
เมล็ด เมล็ดแข็งรูปเกือกม้า
แหล่งที่พบ ย่านางเป็นพืชที่พบในแหล่งธรรมชาติ ป่าทั่วไปที่มีความชุ่มชื้น บริเวณป่าผสม
ผลัดใบ ป่าดงดิบ และป่าโปร่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งภาคอื่นๆ ก็มีกระจายทั่วไป
การปลูกและขยายพันธุ์
ย่านางเป็นพืชที่ขึ้นในดินทุกชนิด และปลูกได้ทุกฤดู ขยายพันธุ์โดยการใช้หัวใต้ดิน เถาแก่ที่
ติดหัว ปักชายอด หรือการเพาะเมล็ด เป็นไม้ที่ปลูกง่ายโดยปลูกเป็นหลุมหรือยกร่องก็ได้
ประโยชน์ทางยา
สารเคมีที่สาคัญ
รากย่านางมี isoquinolone alkaloid ได้แก่ Tiliacorine, Tiliacorinine, Nortiliacorinine
A, Tiliacotinine 2-N-oxde และ tiliandrine, tetraandrine, D-isochondendrine (isberberine)
จากการทดลองพบว่าสารสกัดจากรากย่านางมีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรียชนิด ฟัลซิพารัมในหลอดทดลอง
ใบ รสจืดขม รับประทาน ถอนพิษผิดสาแดง แก้ไข้ ตัวร้อน แก้ไข้รากสาด ไข้พิษ ไข้หัว ไข้
กลับซ้า ใช้เข้ายาเขียว ทายาพอก ลิ้นกระด้าง คางแข็ง กวาดคอ แก้ไข้ฝีดาษ ไข้ดาแดงเถา
ราก รสจืดขม กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้ ปรุงยาแก้ไข้รากสาด ไข้กลับ ไข้พิษ ไข้ผิดสาแดง ไข้เหนือ
ไข้หัวจาพวกเหือดหัด สุกใส ฝีดาษ ไข้กาฬ รับประทานแก้พิษเมาเบื่อแก้เมสุรา แก้พิษภายในให้ตกสิ้น
บารุงหัวใจ บารุงธาตุ แก้โรคหัวใจบวม ถอนพิษผิดสาแดง แก่ไม่ผูก ไม่ถ่าย แก้กาเดา แก้ลม
ทั้งต้น ปรุงเป็นยาแก้ไข้กลับ
1. แก้ไข้ ใช้รากย่านางแห้ง 1 กามือ ประมาณ 15 กรัม ต้มกับน้า 2 แก้วครึ่ง เคี่ยวให้เหลือ
2 แก้ว ให้ดื่มครั้งละ 1-2 แก้ว ก่อนอาหาร 3 เวลา
2. แก้ป่วง (ปวดท้องเพราะกินอาหารผิดสาแดง)
ใช้รากย่านางแดงและรากมะปรางหวาน ฝนกับน้าอุ่น แต่ไม่ถึงกับข้น ดื่มครั้งละ 1-2 แก้วต่อครั้ง วัน
ละ 3-4 ครั้ง หรือทุกๆ 2 ชั่วโมง ถ้าไม่มีรากมะปรางหวาน ก็ใช้รากย่านางแดงอย่างเดียวก็ได้ หรือถ้า
ให้ดียิ่งขึ้น ใช้รากมะขามฝนรวมด้วย
3. ถอนพิษเบื่อเมาในอาหาร เช่น เห็ด กลอย ใช้รากย่านางต้นและใบ 1 กามือ ตาผสมกับ
ข้าวสารเจ้า 1 หยิบมือ เติมน้าคั้นให้ได้ 1 แก้ว กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่เกลือและน้าตาลเล็กน้อยพอ
ดื่มง่ายให้หมดทั้งแก้ว ทาให้อาเจียนออกมา จะช่วยให้ดีขึ้น
4. ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ใช้หัวย่านางเคี่ยวกับน้า 3 ส่วน ให้เหลือ 1 ส่วนดื่มครั้งละ
1-2 แก้ว
- 8. การใช้เป็นยาพื้นบ้านในภาคอีสาน
1. ใช้ราก ต้มเป็นยาแก้อีสุกอีใส ตุ่มผื่น
2. ใช้รากย่านางผสมรากหมาน้อย ต้มแก้ไข้มาลาเรีย
3. ใช้ราก ต้มขับพิษต่างๆ
รสและคุณค่าทางโภชนาการ
ใบย่านางรสจืด
คุณค่าทางโภชนาการ ข้อมูลจากหนังสือ Thai Food Composition Institute of
Nutrition, Mahidol University (สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล) พบว่า ปริมาณ
สารสาคัญที่มีมากและโดดเด่นในใบย่านาง คือ ไฟเบอร์ แคลเซียม เหล็ก เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ
ใบย่านาง 100 กรัม ให้คุณค่าโภชนาการดังนี้
พลังงาน 95 กิโลแคลอรี่
เส้นใย 7.9 กรัม
แคลเซียม 155 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม
เหล็ก 7.0 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 30625 IU
วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม
วิตามินบีสอง 0.36 มิลลิกรัม
ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม
วิตามินซี 141 มิลลิกรัม
หรือโปรตีน 15.5 เปอร์เซนต์
ฟอสฟอรัส 0.24 เปอร์เซนต์
โพแทสเซียม 1.29 เปอร์เซนต์
แคลเซียม 1.42 เปอร์เซนต์
ADF 33.7 เปอร์เซนต์
NDF 46.8 เปอร์เซนต์
DMD 62.0 เปอร์เซนต์
แทนนิน 0.21 เปอร์เซ็นต์
ประโยชน์ทางอาหาร
ย่านาง มีทุกฤดูกาล ให้ยอดมากในฤดูฝน และให้ผลในฤดูแล้ง
ส่วนที่กินและการปรุงอาหาร คนไทยนิยมใช้ใบย่านางคั้นเอาน้าปรุงอาหารต่างๆ เช่น แกงหน่อไม้
ซุบหน่อไม้ (ย่านางสามารถต้านพิษกรดยูริกในหน่อไม้ได้) แกงอ่อม แกงเห็ด หรือขยี้ใบสดกับหมา
น้อย รับประทานถอนพิษร้อนต่างๆ
ภาคอีสาน
เถาและใบของย่านางนิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรส ใช้แต่งสีเขียวในอาหารคาว และช่วยทาให้น้า
แกงข้นมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังสามารถนาไปประกอบเป็นอาหารต่างๆ ดังนี้
1. เถา ใบอ่อน ใบแก่ ตา คั้นเอาน้าสีเขียว นาไปต้มกับหน่อไม้ ปรุงเป็นแกงหน่อไม้ ซุบ
หน่อไม้ แกงต้มเปรอะ เชื่อว่าย่านางจะช่วยลดรสขม ของหน่อไม้ได้ดี ทาให้หน่อไม้มีรสหวานอร่อย
- 9. 2. นาไปแกงกับยอดหวาย
3. นาไปแกงกับขี้เหล็ก
4. นาไปใส่แกงขนุน แกงผักอีลอก
5. นาไปอ่อมและหมก
ข้อควรระวัง (ขลา) ต้องทาให้สุก
เป็นที่น่าสังเกตว่า คนอีสานไม่มีข้อห้ามในการกินหน่อไม้ในคนที่สูงอายุ ซึ่งแตกต่างจากทาง
ภาคอื่นๆ ที่มีข้อห้ามในการบริโภคหน่อไม้ เมื่อมีอายุมากขึ้น โดยเชื่อกันว่าหน่อไม้มีผลทาให้ปวดข้อ
แต่คนอีสานมีวัฒนธรรมการกินหน่อไม้คู่กับย่านางเสมอ จึงไม่มีปัญหาเหมือนการกินหน่อไม้ของภาค
อื่นๆ
ภาคใต้
1. ใช้ยอด ใบเพสลาด (ไม้อ่อน ไม่แก่เกินไป) นาไปแกงเลียง ผัด แกงกะทิ
2. ผลสุก ใช้กินเล่น
ภาคเหนือ
1. ยอดอ่อน นามาลวกเป็นผักจิ้มน้าพริก
2. ยอดอ่อน ใบแก่ คั้นน้านามาใส่แกงพื้นเมือง เช่น แกงหน่อไม้ แกงแค
ประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ
1. น้าสีเขียวจากใบย่านางนาไปใช้ย้อมผ้าได้อีกด้วย
2. ใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น กระบือ
3. เถา มีความเหนียว ใช้มัดสัมภาระได้
สรรพคุณใบย่านาง
1. ใบย่านาง ในตาราสมุนไพรจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจานวนมาก จึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชรา
อย่างได้ผล
- 10. 3. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านโรคในร่างกายให้แข็งแรง
4. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
5. ช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆในร่างกาย
6. ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย
7. เป็นสมุนไพรที่ช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย
8. ช่วยในการเผาผลาญไขมันและนาไปใช้เป็นพลังงาน
9. ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
10. เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นเหมาะสาหรับผู้ที่เป็นมะเร็งอย่างมาก
11. หากดื่มน้าใบย่านางเป็นประจา ก้อนมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง
12. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
13. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
14. ช่วยในการบารุงรักษาตับ และไต
15. ช่วยรักษาและบาบัดอาการอัมพฤกษ์
16. ช่วยแก้อาการอ่อนล้า อ่อนเพลียของร่างกาย แม่นอนพักก็ไม่หาย
17. ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อย ๆ
- 11. บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์และวิธีดาเนินการ
วัสดุอุปกรณ์
1. ใบย่านาง
2. น้าตาล
3. น้า
4. ชาม
5. บีกเกอร์
6. กระทะ
7. เตา
8. ตะแกรง
วิธีทดลอง
ตอนที่ 1 ศึกษาวิธีการทาให้เป็นผง
1. นาใบย่านางมาเด็ดใบออกจากเถาก่อนแล้วนาใบย่านางไปชั่งปริมาณ 600 กรัม
แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้ กะละมังใบที่ 1 ใช้ใบย่านาง 200 กรัม กะละมังใบที่ 2 ใช้ใบย่านาง
200 กรัม กะละมังใบที่ 3 ใช้ใบย่านาง 200 กรัม
2. นาใบย่านางทีได้ไปล้างด้วยน้าเปล่าให้สะอาด
3. เติมน้าดื่มปริมาตร 1,800, 1,800 และ 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลงไปในกะละมังที่มี
ใบย่านางอยู่ทั้ง 3 ใบ และคั่นใบย่างจนกระทั่งได้น้าที่เขียวเข้ม
4. กะละมังใบที่ 1 เติมน้าตาล 100 กรัม ใบที่ 2 เติมเกลือ 100 กรัม ใบที่ 3 ไม่เติมอะไร
นาไปต้มและเคี้ยวจนแห้ง
5. ทิ้งไว้ให้เย็น สังเกตลักษณะของผงของใบย่านาง
ตอนที่ 2 หาอัตราส่วนที่เหมาะสม
1. นาใบย่านางมาเด็ดใบออกจากเถาก่อนแล้วนาใบย่านางไปชั่งปริมาณ 500 กรัม
นาใบย่านางทีได้ไปล้างด้วยน้าเปล่าให้สะอาด แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้ 200 ,200 ,100 กรัม
ใส่ไว้ในกะละมังตามลาดับ
2. เติมน้าดื่มปริมาตร 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร และคั่นใบย่างจนกระทั่งได้น้าที่เขียวเข้ม
3. นาไปต้มจนเดือดแล้วนาน้าตาลปริมาณ 100, 200, และ 300 กรัม (อัตราส่วน(2:1)
คือ ใช้ใบย่านาง 200 กรัม น้าตาล 100 กรัม อัตราส่วน(1:1) คือ ใช้ใบย่านาง 200 กรัม
น้าตาล 200 กรัม และอัตราส่วน (1:2) คือ ใช้ใบย่านาง 100 กรัม น้าตาล 200 กรัม
เคี่ยวเป็นเวลา 1.30 ชั่วโมง
4. ทิ้งไว้ให้เย็น สังเกตลักษณะของผงของใบย่านาง
- 12. บทที่ 4
ผลการทดลอง
ผลการทดลอง
ตอนที่ 1 การศึกษาวิธีการผลิตใบย่านางผง
วัสดุที่ใช้ เวลาที่ใช้ต้ม
(นาที)
ลักษณะของผงใบย่านาง
น้าใบย่านางสด + น้าตาล 90 ผงใบย่านางมีลักษณะ สีเขียวอ่อน
มีกลิ่นหอม รสหวานเล็กน้อย
น้าใบย่านางสด + เกลือ 90 ผงใบย่านางมีลักษณะสีเขียวเข้ม
และมีรสเค็มและขม
น้าใบย่านางสด 90 ไม่มีผงใบย่างนางเกิดขึ้น น้าใบย่านางแห้ง
เป็นแผ่นติดกระทะ
จากตาราง พบว่า ใบย่านางสามารถนามาผลิตเป็นผงได้จริง โดยใช้น้าตาลและเกลือเป็น
ส่วนผสม ซึ่งใบย่านางผงที่สามารถนามารับประทานได้ คือ ใบย่านางผง ที่ผลิตจาก น้าใบย่านางสด
ผสมน้าตาล ไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
ลักษณะของใบย่านางผง
- 13. ตอนที่ 2 การหาอัตราส่วนที่เหมาะสม ของใบย่านาง ต่อ น้าตาล
อัตราส่วน
ผลที่ได้ นาไปใช้ประโยชน์ใบย่านาง : น้าตาล
1:1 ผงละเอียด สีเขียวเข้ม
มีรสชาติหวานเล็กน้อย
ใกล้เคียงกับน้าย่านางสด
สามารถนาไปใช้แกงได้ เช่น
แกงหน่อไม้ แกงหวาน เป็น
ต้น
1:2 ผงค่อนข้างละเอียด สีเขียวอ่อน
มีรสชาติหวานมาก
สามารถนาไปชงเป็น
เครื่องดื่มสมุนไพรดื่มได้
2:1 ผงละเอียดมาก สีเขียวเข้ม
มีรสชาติใกล้เคียงกับน้าใบ
ย่านางสด
สามารถนาไปแกงได้ เช่น
แกงหน่อไม้ แกงเลียง แกง
หวาน ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
จากตาราง พบว่า อัตราส่วนที่เหมาะสาหรับ การทาใบย่านางผง เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม
สมุนไพร คือ อัตราส่วน 1 : 2 และอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตใบย่านางผงเพื่อใช้ในการ
ประกอบอาหาร คือ อัตราส่วน 2 : 1 และ อัตราส่วน 1 : 1 เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกับใบย่านาง
สดมากที่สุด นั่นแสดงว่า ใบย่านาง สามารถนามาผลิตเป็นใบย่านางผง เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม และ
ประกอบอาหารได้จริง เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
- 14. บทที่ 5
สรุปผลการทดลอง
สรุปผลการทดลอง
การนาใบย่านางสด มาทาเป็นผง สามารถทาได้โดยนาใบย่านางสด มาคั่นกับน้า
ในปริมาตร 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร แล้วผสมน้าตาล เคี่ยวจนแห้ง จะได้ใบย่านางผงที่มีกลิ่นหอม
รสชาติหวานเล็กน้อย มีสีเขียวเข้มใกล้เคียงกับน้าใบย่านางสด ใช้เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร และใช้
ประกอบอาหารได้จริง ซึ่งส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว อีกทั้งยังสืบทอดพระราชดารัส
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง และสอดคล้องกับคาขวัญวันวิทยาศาสตร์ไทย 18 สิงหาคม 2558 ที่ว่า “จุดประกาย
ความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ สร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม”
อภิปรายผลการทดลอง
1. จากการนาใบย่านางสด มาคั้นกับน้าปริมาตร 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร
จนกระทั่งได้น้าใบย่านางสดที่มีสีเขียวเข้ม และนาไปเคี่ยวกับน้าตาลจนกระทั้งแห้ง ใช้เวลาประมาณ
90 นาที พบว่า น้าใบย่านางสด กลายเป็นผงใบย่านางที่มีลักษณะสีเขียวเข้ม
2. จากการหาอัตราส่วนของใบย่านางสด ต่อ น้าตาล ที่เหมาะสมในการทาใบย่านาง
ผง พบว่า อัตราส่วนที่เหมาะสาหรับ การทาใบย่านางผง เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร คือ
อัตราส่วน 1 : 2 และอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตใบย่านางผงเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร คือ
อัตราส่วน 2 : 1 และ อัตราส่วน 1 : 1 เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกับใบย่านางสดมากที่สุด
นั่นแสดงว่า ใบย่านางสด สามารถนามาผลิตเป็นใบย่านางผง เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม และประกอบ
อาหารได้จริง เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. รู้วิธีการผลิตใบย่านางผง
2. ได้ใบย่านางผง ที่เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร
3. ได้ใบย่านางผง ที่ใช้ประกอบอาหารประเภทแกงหน่อไม้ ซุบหน่อไม้ เป็นต้น
4. ประหยัดและช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
4. ถนอมอาหรที่เป็นพืชไว้ใช้ได้นาน และรวดเร็ว
ข้อเสนอแนะ
1. อาจใช้ใบหรือดอกพืชชนิดอื่น ทาเป็นผงสมุนไพรได้ เช่น ใบย่านางแดง
ใบมะกรูด ใบขิง ดอกขิง ดอกอัญชัญ ใบผักปลัง เป็นต้น
2. อาจใช้น้าอ้อย หรือน้าตาลสด แทนน้าตาลทราย ในการทดลองครั้งต่อไป
- 15. บรรณานุกรม
ชาตรี เกิดธรรม. เทคนิคการสอนโครงงานวิทยาศาสตร์. ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์.
เอกสารอัดสาเนาม, 2548.
จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย.โรงเรียน.ตัวอย่างบทคัดย่อโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์.ชลบุรี.
เอกสารอัดสาเนา, 2552.
พรพรรณ. สมุนไพรในครัว. กรุงเทพฯ : วาดศิลป์, 2541.
ศิรินยา. พืชผักรักษาโรค. กรุงเทพฯ : วาดศิลป์, 2545.
สุวิทย์ วรรณศรี.เทคนิคการทาโครงงานนักเรียน.คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.มหาวิทยาลัย
ราชภัฏเพชรบูรณ์. เอกสารอัดสาเนา,2554.
สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์, กระทรวงสาธารณสุข. ผักพื้นบ้านความหมายและ
ภูมิปัญญาของสามัญชนไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์
ทหารผ่านศึก,2540.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. คู่มือการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์. เอกสารอัดสาเนา
ประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ตามแนวพระราชดาริ
เศรษฐกิจพอเพียง,2555.
- 20. รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง
เรื่อง ใบย่านางผง
โดย
1. เด็กหญิงกัญญารัตน์ ทรายคา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
2. เด็กหญิงไพริน พรมแก้ว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
3. เด็กหญิงอนุลักษณ์ แสงราช ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
ครูที่ปรึกษา
นางชโลธร กีรติศักดิ์กุล
นางสาวลลิตา ผ่องผิว
โรงเรียนเมืองราดวิทยาคม
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของโครงงานวิทยาศาสตร์
ประเภททดลอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3
เนื่องในงานมหกรรมวิชาการเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 1
ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม พ.ศ.2558