สัตตกะ คือ หมวด ๗


๑. ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๑.๑ – ๑.๕
        ก. กำรรักษำกำย วำจำ ให้เรียบร้อย
             ข. กำรเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ
        ค. ธรรมไม่เป็นทีตั้งแห่งควำมเสื่อม
                        ่
        ง. หมวดธรรมลำำดับที่ ๗
        จ. ควำมละอำยต่อบำปทุกอย่ำง
        จงเลือกคำำตอบข้ำงต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่ำง
๑.๑ สัตตกะ หมำยถึง
……………………………………………………………………………………………………………………………..
๑.๒ ศีล หมำยถึง
…………………………………………………………………………………………………………………………………
๑.๓ หิริ หมำย
ถึง………………………………………………………………………………………………………………………………….
๑.๔ อปริหำนิยธรรม หมำย
ถึง……………………………………………………………………………………………………………………
๑.๕ ศรัทธำ หมำยถึง
……………………………………………………………………………………………………………………………..


๒. ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๒.๑ – ๒.๕
1.      ประชุมกัน
2.      ก็พร้อมเพรียงกันประชุม ก็พร้อมเพรียงกันเลิก
3.      แก่ควำมอยำกที่เกิดขึ้น
4.      เป็นผู้ใหญ่ เป็นประธำนในสงฆ์        ,   ภิกษุนั้น เชื่อฟังถ้อยคำำของท่ำน
5.      สิ่งที่พระพุทธเจ้ำไม่ทรงบัญญัติ , สิ่งที่พระพุทธเจ้ำทรงบัญญัติไว้
        จงเลือกคำำตอบข้ำงต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่ำง
๒.๑ ภิกษุเหล่ำใด …………………………………………………………เคำรพ
นับถือ………………………………………………………
๒.๒ ไม่ลอำำนำจ ………………………………………………………………….
        ุ
……………………………………………………………
๒.๓ ไม่บัญญัติ ……………………………………………………………ไม่
ถอน……………………………………………………………
๒.๔ หมั่น เป็นนิตย์………………………………………………………………….
…………………………………………………………
๒.๕ เมื่อประชุม เมื่อเลิกประชุม…………………………………………………….
…………………………………………………………

๓   .   ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๓ .๑ – ๓ .๕
        1.   กำรประชุมกันในทำงที่ชอบที่ควร
        2.   ควำมสำมัคคี
        3.   เป็นเรื่องอันหำสำระมิได้ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบควำมเพียร
        4.   สั่งสนทนำธรรม สั่งสนทนำวินัย หรือหำรือกิจธุระของสงฆ์
        5.  ควำมมีสมำนฉันท์ พอใจกันทุกฝ่ำยในเรื่องต่ำง ๆ
        จงเลือกคำำตอบข้ำงต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่ำง
๓.๑ กำรประชุม ในที่นี้หมำยถึง
………………………………………………………………………………………………………………….
๓.๒ ประชุมกันเพื่อ
………………………………………………………………………………………………………………………………
๓.๓ ติรจฉำนกถำ ทรงห้ำม
       ั
เพรำะ……………………………………………………………………………………………………………….
๓.๔ พร้อมเพรียงกัน เรียกอีกอย่ำงว่ำ
……………………………………………………………………………………………………………
๓.๕ ผลที่ได้จำกกำรประชุมกัน
คือ………………………………………………………………………………………………………………


๔   .   ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๔ .๑ – ๔ .๕
        1.   เจ้ำคณะต่ำง ๆ ตำมลำำดับชั้นปกครอง หรือภิกษุผู้มีคุณธรรมสูง
        2.   กฎ ระเบียบอำบัติ ที่ทรงกำำหนดไว้ เพื่อควำมเรียบร้อยของหมู่สงฆ์
        3.   กฎ ระเบียบอำบัติ ที่ไม่ได้ทรงวำงเป็นรำกฐำนแต่เดิม อย่ำนำำมำอ้ำงตำมอำำเภอใจ
4.   กฎ ระเบียบอาบัติ ที่วางไว้เป็นรากฐานดีแล้ว ไม่ควรคิดแก้ไขทำาใหม่
            5.  การขวนขวายพยายามใฝ่หาความรูในคำาสอนของพระพุทธองค์
                                                ้
            จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง
๔.๑ ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติไว้ หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………
๔.๒ ไม่เพิกถอนสิ่งที่ทรงบัญญัติไว้ หมาย
ถึง…………………………………………………………………………………………………
๔.๓ ภิกษุผู้เป็นใหญ่ ประธานสงฆ์
คือ……………………………………………………………………………………………………….
๔.๔ สมาทานศึกษา คือ
………………………………………………………………………………………………………………………
๔.๕ คำาว่า “ บัญญัติ ” หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………………….


๕       .    ต่อไปนี้เป็นคำาตอบของข้อที่ ๕ .๑ – ๕ .๕
            ก.ปล่อยกาย ใจ ให้เป็นไปตามความพอใจ ความปรารถนาของตน เช่น รักผู้หญิง
            ข. อยู่ในสถานที่สงัดจากสิ่งรบกวน และดำารงอิริยาบถง่าย มีการเที่ยวไปผู้เดียว เป็นต้น
            ค. ความสงัดใจ คือ การที่ใจสงบ ผ่องใส ปราศจากกิเลส เครืองกังวล ทุกอย่าง
                                                                  ่
            ง. ธรรมที่สงบระงับกิเลสเครื่องฟุ้งซ่านทั้งปวง
            จ. เสนาสนะที่ตั้งอยู่ในเขตป่า รวมถึง วิหาร กุฎี ทีอยู่ในป่า อันสงฆ์กำาหนดไว้
                                                              ่
            จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง
๕.๑ กายวิเวก หมาย
ถึง…………………………………………………………………………………………………………………………..
๕.๒ อุปธิวิเวก หมาย
ถึง…………………………………………………………………………………………………………………………..
๕.๓ ลุแก่ความอยาก หมาย
ถึง……………………………………………………………………………………………………………………
๕.๔ เสนาเสนะป่า หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………………………….
๕.๕ จิตตวิเวก หมาย
ถึง…………………………………………………………………………………………………………………………


๖   .   ต่อไปนี้เป็นคำาตอบของข้อที่ ๖ .๑ – ๖ .๕
            1.   คุณความดีมีในตัวเองอย่างประเสริฐ
            2.   ความสะดุ้งกลัวต่อผลของบาป
            3.   เคยได้ยินได้ฟังมาก จดจำาและรู้ศิลปะมาก
            4.   สละให้ปันสิ่งของ ๆ ตนแก่บุคคลที่ควรให้ปัน
            5.  รอบรูในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์กับทั้งประพฤติตน
                      ้
            จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง
๖.๑ ปัญญา หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………………………………….
๖.๒ พาหุสัจจะ หมาย
ถึง………………………………………………………………………………………………………………………..
๖.๓ จาคะ หมาย
ถึง……………………………………………………………………………………………………………………………..
๖.๔ โอตตัปปะ หมาย
ถึง………………………………………………………………………………………………………………………..
๖.๕ อริยทรัพย์ หมายถึง
……………………………………………………………………………………………………………………….
๗   .       ต่อไปนี้เป็นคำาตอบของข้อที่ ๗ .๑ – ๗ .๕
            1.   เป็นคุณสมบัติที่มีภายในตน ไม่มใครแย่งเอาไปได้
                                               ี
            2.   ภัยต่าง ๆ มีโจรภัย เป็นต้น
            3.   สละตัณหานิสัย และทิฎฐินิสัย
            4.   การศึกษาเป็นมูลเหตุแห่งความเป็นผู้แตกฉานในพระธรรม
            5.  เป็นนามธรรม ไม่สามารถมองเห็นรูปร่างได้
            จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง
๗.๑ อริยทรัพย์จดเป็นทรัพย์ภายใน เพราะ
               ั
……………………………………………………………………………………………………..
๗.๒ ผู้ปรารถนาจะชำาระสันดานให้สะอาดหมดจด
ต้อง……………………………………………………………………………………….

สัตตกะ คือ หมวด ๗

  • 1.
    สัตตกะ คือ หมวด๗ ๑. ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๑.๑ – ๑.๕ ก. กำรรักษำกำย วำจำ ให้เรียบร้อย ข. กำรเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ค. ธรรมไม่เป็นทีตั้งแห่งควำมเสื่อม ่ ง. หมวดธรรมลำำดับที่ ๗ จ. ควำมละอำยต่อบำปทุกอย่ำง จงเลือกคำำตอบข้ำงต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่ำง ๑.๑ สัตตกะ หมำยถึง …………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑.๒ ศีล หมำยถึง ………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑.๓ หิริ หมำย ถึง…………………………………………………………………………………………………………………………………. ๑.๔ อปริหำนิยธรรม หมำย ถึง…………………………………………………………………………………………………………………… ๑.๕ ศรัทธำ หมำยถึง …………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๒.๑ – ๒.๕ 1. ประชุมกัน 2. ก็พร้อมเพรียงกันประชุม ก็พร้อมเพรียงกันเลิก 3. แก่ควำมอยำกที่เกิดขึ้น 4. เป็นผู้ใหญ่ เป็นประธำนในสงฆ์ , ภิกษุนั้น เชื่อฟังถ้อยคำำของท่ำน 5. สิ่งที่พระพุทธเจ้ำไม่ทรงบัญญัติ , สิ่งที่พระพุทธเจ้ำทรงบัญญัติไว้ จงเลือกคำำตอบข้ำงต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่ำง ๒.๑ ภิกษุเหล่ำใด …………………………………………………………เคำรพ นับถือ……………………………………………………… ๒.๒ ไม่ลอำำนำจ …………………………………………………………………. ุ …………………………………………………………… ๒.๓ ไม่บัญญัติ ……………………………………………………………ไม่ ถอน…………………………………………………………… ๒.๔ หมั่น เป็นนิตย์…………………………………………………………………. ………………………………………………………… ๒.๕ เมื่อประชุม เมื่อเลิกประชุม……………………………………………………. ………………………………………………………… ๓ . ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๓ .๑ – ๓ .๕ 1. กำรประชุมกันในทำงที่ชอบที่ควร 2. ควำมสำมัคคี 3. เป็นเรื่องอันหำสำระมิได้ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบควำมเพียร 4. สั่งสนทนำธรรม สั่งสนทนำวินัย หรือหำรือกิจธุระของสงฆ์ 5. ควำมมีสมำนฉันท์ พอใจกันทุกฝ่ำยในเรื่องต่ำง ๆ จงเลือกคำำตอบข้ำงต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่ำง ๓.๑ กำรประชุม ในที่นี้หมำยถึง …………………………………………………………………………………………………………………. ๓.๒ ประชุมกันเพื่อ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๓.๓ ติรจฉำนกถำ ทรงห้ำม ั เพรำะ………………………………………………………………………………………………………………. ๓.๔ พร้อมเพรียงกัน เรียกอีกอย่ำงว่ำ …………………………………………………………………………………………………………… ๓.๕ ผลที่ได้จำกกำรประชุมกัน คือ……………………………………………………………………………………………………………… ๔ . ต่อไปนี้เป็นคำำตอบของข้อที่ ๔ .๑ – ๔ .๕ 1. เจ้ำคณะต่ำง ๆ ตำมลำำดับชั้นปกครอง หรือภิกษุผู้มีคุณธรรมสูง 2. กฎ ระเบียบอำบัติ ที่ทรงกำำหนดไว้ เพื่อควำมเรียบร้อยของหมู่สงฆ์ 3. กฎ ระเบียบอำบัติ ที่ไม่ได้ทรงวำงเป็นรำกฐำนแต่เดิม อย่ำนำำมำอ้ำงตำมอำำเภอใจ
  • 2.
    4. กฎ ระเบียบอาบัติ ที่วางไว้เป็นรากฐานดีแล้ว ไม่ควรคิดแก้ไขทำาใหม่ 5. การขวนขวายพยายามใฝ่หาความรูในคำาสอนของพระพุทธองค์ ้ จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง ๔.๑ ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติไว้ หมายถึง ………………………………………………………………………………………………… ๔.๒ ไม่เพิกถอนสิ่งที่ทรงบัญญัติไว้ หมาย ถึง………………………………………………………………………………………………… ๔.๓ ภิกษุผู้เป็นใหญ่ ประธานสงฆ์ คือ………………………………………………………………………………………………………. ๔.๔ สมาทานศึกษา คือ ……………………………………………………………………………………………………………………… ๔.๕ คำาว่า “ บัญญัติ ” หมายถึง ……………………………………………………………………………………………………………. ๕ . ต่อไปนี้เป็นคำาตอบของข้อที่ ๕ .๑ – ๕ .๕ ก.ปล่อยกาย ใจ ให้เป็นไปตามความพอใจ ความปรารถนาของตน เช่น รักผู้หญิง ข. อยู่ในสถานที่สงัดจากสิ่งรบกวน และดำารงอิริยาบถง่าย มีการเที่ยวไปผู้เดียว เป็นต้น ค. ความสงัดใจ คือ การที่ใจสงบ ผ่องใส ปราศจากกิเลส เครืองกังวล ทุกอย่าง ่ ง. ธรรมที่สงบระงับกิเลสเครื่องฟุ้งซ่านทั้งปวง จ. เสนาสนะที่ตั้งอยู่ในเขตป่า รวมถึง วิหาร กุฎี ทีอยู่ในป่า อันสงฆ์กำาหนดไว้ ่ จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง ๕.๑ กายวิเวก หมาย ถึง………………………………………………………………………………………………………………………….. ๕.๒ อุปธิวิเวก หมาย ถึง………………………………………………………………………………………………………………………….. ๕.๓ ลุแก่ความอยาก หมาย ถึง…………………………………………………………………………………………………………………… ๕.๔ เสนาเสนะป่า หมายถึง ……………………………………………………………………………………………………………………. ๕.๕ จิตตวิเวก หมาย ถึง………………………………………………………………………………………………………………………… ๖ . ต่อไปนี้เป็นคำาตอบของข้อที่ ๖ .๑ – ๖ .๕ 1. คุณความดีมีในตัวเองอย่างประเสริฐ 2. ความสะดุ้งกลัวต่อผลของบาป 3. เคยได้ยินได้ฟังมาก จดจำาและรู้ศิลปะมาก 4. สละให้ปันสิ่งของ ๆ ตนแก่บุคคลที่ควรให้ปัน 5. รอบรูในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์กับทั้งประพฤติตน ้ จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง ๖.๑ ปัญญา หมายถึง ……………………………………………………………………………………………………………………………. ๖.๒ พาหุสัจจะ หมาย ถึง……………………………………………………………………………………………………………………….. ๖.๓ จาคะ หมาย ถึง…………………………………………………………………………………………………………………………….. ๖.๔ โอตตัปปะ หมาย ถึง……………………………………………………………………………………………………………………….. ๖.๕ อริยทรัพย์ หมายถึง ………………………………………………………………………………………………………………………. ๗ . ต่อไปนี้เป็นคำาตอบของข้อที่ ๗ .๑ – ๗ .๕ 1. เป็นคุณสมบัติที่มีภายในตน ไม่มใครแย่งเอาไปได้ ี 2. ภัยต่าง ๆ มีโจรภัย เป็นต้น 3. สละตัณหานิสัย และทิฎฐินิสัย 4. การศึกษาเป็นมูลเหตุแห่งความเป็นผู้แตกฉานในพระธรรม 5. เป็นนามธรรม ไม่สามารถมองเห็นรูปร่างได้ จงเลือกคำาตอบข้างต้นนี้ และลอกเติมลงในช่องว่าง ๗.๑ อริยทรัพย์จดเป็นทรัพย์ภายใน เพราะ ั …………………………………………………………………………………………………….. ๗.๒ ผู้ปรารถนาจะชำาระสันดานให้สะอาดหมดจด ต้อง……………………………………………………………………………………….