1. เสนอ
คุณครู สมพร เหล่าทองสาร
จัดทาโดย
นายปิยะณัฐ ภูมินา เลขที่ 4
นางสาวภัทราวดี พลทา เลขที่ 22
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
โรงเรียนดงบังพิสัยนวการนุสรณ์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26

2. โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
สายอากาศโทรทัศน์ที่อยู่ในแนวดิ่งเมื่อส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ออกไป สนามไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลงทิศกลับไปมาในแนวดิ่งเสมอ
จึงกล่าวว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้เป็นคลื่นโพลาไรส์ (polarized
wave) ในแนวดิ่ง สาหรับสายอากาศที่อยู่ในแนวระดับเมื่อส่งคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าออกไป สนามไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลงทิศกลับไป
กลับมาในแนวระดับคือเป็นคลื่นโพลาไรส์ในแนวระดับ

3. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ก.การเปลี่ยนทิศกลับไปมาในระนาบของ ข.ลูกศรแสดงการเปลี่ยนแปลงทิศกลับ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโพลาไรส์ ไปมาของสนามไฟฟ้า

4. โพลาไรเซชันของแสง
แหล่งกาเนิดคลื่นแสงโดยทั่วไปเช่น ดวงอาทิตย์
หลอดไฟ จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (คลื่นแสง) ซึ่ง
สนามไฟฟ้ามีทิศตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นเสมอไม่ว่า
คลื่นจะอยู่ ณ ตาแหน่งใดแต่สนามไฟฟ้าของแสงที่ส่งออกมา
จากดวงอาทิตย์มีทิศต่างๆกันมากมาย

5. แสงไม่โพลาไรส์
ก.ทิศของสนามไฟฟ้าของคลื่นแสงจาก ข.การรวมสนามไฟฟ้าให้อยู่ในแกน y
แหล่งกาเนิดแสงปรากฏทิศทางต่างๆกัน และแกน z

6. แสงไม่โพลาไรส์ผ่านแผ่นโพลารอยด์จะได้แสงโพลาไรส์
แสงไม่โพลาไรส์ไม่สามารถผ่านแผ่นโพลารอยด์สองแผ่นที่มีทิศของโพลาไรส์
ตั้งฉากกัน

7. เมื่อให้แสงไม่โพลาไรส์ผ่านแผ่นโพลารอยด์สองแผ่นที่วางขนานกัน
ขณะหมุนแผ่นโพลารอยด์แผ่นที่หนึ่งความสว่างของแสงที่ผ่านแผ่นโพลารอยด์
แผ่นที่สองจะเปลี่ยนไปความสว่างของแสงจะมากที่สุดเมื่อทิศของโพลาไรส์
ของแผ่นโพลารอยด์ทั้งสองอยู่ขนานกันและความสว่างจะน้อยที่สุดเมื่อทิศของ
โพลาไรส์ของแผ่นโพลารอยด์ทั้งสองตั้งฉากกัน ดังรูป (ถ้าแผ่นโพลารอยด์มี
คุณภาพดีมาก จะไม่มีแสงผ่านออกมาเลย)

8. โพลาไรเซชันโดยการสะท้อน
 เมื่อแสงไม่โพลาไรส์ผ่านแผ่นโพลารอยด์จะออกมาเป็นแสงโพลาไรส์ซึ่งกล่าวได้ว่า
เป็นการทาแสงโพลาไรส์โดยใช้วิธีดูดกลืนแสงยังมีวิธีอื่นอีกที่ให้แสงโพลาไรส์ คือ
การสะท้อนแสงเมื่อให้แสงไม่โพลาไรส์ตกกระทบผิววัตถุ เช่น แก้ว น้า หรือ
กระเบื้องแสงสะท้อนจะเป็นแสงโพลาไรส์ เมื่อแสงทามุมตกกระทบเป็นค่าเฉพาะ
ค่าหนึ่ง

9. แสงสะท้อนเป็นแสงโพลาไรส์

10. โพลาไรเซชันโดยการหักเห
เมื่อแสงผ่านเข้าไปในแก้ว แสงจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วเท่ากันทุก
ทิศทางเพราะแก้วมีดรรชนีหักเหเพียงค่าเดียว แต่เมื่อแสงผ่านเข้าไป
ในผลึกแคลไซต์หรือควอตซ์แสงจะมีอัตราเร็วไม่เท่ากันทุกทิศทาง
ด้วยเหตุนี้แสงที่ผ่านแคลไซต์จึงหักเหออกเป็น 2 แนว (double
diffraction หรือ birefringence)

11. แสงโพลาไรส์โดยการหักเหสองแนว

12. โพลาไรเซชันโดยการกระเจิงของแสง
 เมื่อแสงอาทิตย์ผ่านเข้ามาในบรรยากาศของโลกแสงจะกระทบ
โมเลกุลของอากาศหรืออนุภาคในบรรยากาศอิเล็กตรอนในโมเลกุลจะ
ดูดกลืนแสงที่ตกกระทบนั้นและจะปลดปล่อยแสงนั้นออกมาอีกครั้ง
หนึ่งในทุกทิศทาง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าการกระเจิงของแสง ซึ่งได้
ศึกษามาแล้วในบทเรียนเรื่องแสงโดยศึกษาผลของการกระเจิงที่ทาให้
เห็นท้องฟ้าเป็นสีต่างๆ

13. แสงโพลาไรส์จากการกระเจิงของแสง

14. จบการนาเสนอ
ขอบคุณครับ/ค่ะ