More Related Content
Similar to การจัดการเมื่อผู้ป่วยเกิดภาวะฉุกเฉินทางเคมี
Similar to การจัดการเมื่อผู้ป่วยเกิดภาวะฉุกเฉินทางเคมี (20)
More from techno UCH (20)
การจัดการเมื่อผู้ป่วยเกิดภาวะฉุกเฉินทางเคมี
- 2. สภาวะการรั่วซึมของยา หรือสารเคมีออกนอกหลอดเลือดดาใน
ระหว่างให้ ยาทางหลอดเลือดดา
ยาหรือสารเคมีน้นจะทาลายเนือเยือ
ั ้ ้
ระดับความรุ นแรงมาก / น้ อยขึนกับชนิดของยาหรือสารเคมีน้น
้ ั
รุ นแรงถึงขนาดทาให้ เกิดเนือตายอย่ างรุ นแรง ( tissue necrosis ) อาจ
้
ต้ องผ่ าตัด หรือปลูกถ่ายเซลล์ผิวหนังใหม่
สู ญเสียการทางานของอวัยวะส่ วนทีเ่ กิดเนือตาย
้
- 3. ระดับความรุนแรงของการเกิดExtravasetion
ระดับ 0 = ผิวหนังไม่มีกำรเปลียนแปลงใดๆ
่
ระดับ 1 = ผิวหนังมีผื่นแดงแต่ไม่คน ั
ระดับ 2 = มีกำรอักเสบของเส้นเลือดและอำกำรคัน
ระดับ 3 = ผิวหนังเกิดถุงน้ ำ เกิดแผล
ระดับ 4 = ผิวหนังอักเสบรุนแรง แผลมีเนื้อตำย มีกำรรักษำด้ำนศัลยกรรม
- 4. 1.บุคลากร
ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในคลินิก
ไม่ ตระหนักถึงความเสี่ยงทีอาจเกิดขึนได้
่ ้
2.ผู้ป่วย
ให้ ยามาหลายครั้ง
ไม่ มีเส้ น หาเส้ นยาก
เคยได้ รับการฉายรังสีหรือผ่ าตัด
ผิวหนังบวม ตึง จากการอุดตันของโรค เช่ น SVC, Lymphoedema
3.เป็ นเด็ก หรือ ผู้สูงอายุ หรื อผู้ ที่มีระดับความรู้ สึกตัวไม่ ดี มีการไหลเวียนเลือด
ผิดปกติ
- 5. ใช้ เข็มโลหะทีมีความแข็ง
่ ไม่ ยืดหยุ่น เลือกเส้ นเลือดและ
ตาแหน่ งแทงเข็มไม่ เหมาะสม เช่ น ข้ อพับ ข้ อต่ อต่ าง ๆ และ
บริเวณปุ่ มกระดูก
ใช้ เส้ นเลือดเดิมทีแทงเส้ นมานาน และการแทงเส้ นหลายๆครั้ง
่
เป็ นบริเวณทีเ่ คยฉายรังสีมาก่อน หรือได้ รับการผ่ าตัด
- 6. ปวด เจ็บ บวม แดง หรือพองบริเวณใกล้เคียง
มีการบวม หรือรั่ว ของยาออกนอกหลอดเลือดดาในระหว่างการบริหารยา
ไม่ มีการไหลย้ อนกลับของเลือด
เกิดแรงต้ านต่ อ Syringe ระหว่างการบริหารยา
ไม่ มี Free flow ระหว่างการบริหารยาทาง Infusion Erythema
ควรแยกความแตกต่ างของ Extravasation กับ Flare reaction
Flare reaction เป็ นปฏิกริยาการแพ้เฉพาะทีในการให้ ยาทางหลอดเลือดดา
ิ ่
มักเกิดตามแนวเส้ นของหลอดเลือดดา จะคันมักไม่ ปวดไม่ มีอาการบวมแดง
หรือสู ญเสีย Blood return
ควรDilute เพิมในกรณี Flare reaction
่
- 7. 1. ผู้ปฏิบัติต้องมีความรู้ ทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ในการบริหารยา
เคมีบาบัดทางหลอดเลือดเป็ นอย่ างดี เพราะระดับความรู้ และความ
ชานาญเป็ นสิ่งสาคัญมากของการลดภาวการณ์เกิด Extravasation
2. ผู้ปฏิบัติต้องมีความตระหนักถึงความสาคัญของภาวะเสี่ยงในการบริหาร
ยากลุ่ม Vesicant และยากลุ่ม Vesicant ควรให้ เป็ นอันดับแรกของชุดยา
เคมีบาบัด เพือลดปัจจัยเสี่ยงทีจะเกิดขึนให้ น้อยทีสุด หรือไม่ เกิดเลย
่ ่ ้ ่
3.ใช้ เข็มทีเ่ หมาะสมไม่ ส้ันหรือยาวเกินไป ควรใช้ เข็ม เบอร์ 22 -24 ทีมีความ
่
ยืดหยุ่นในกรณีในทาง Peripheral vein และใช้ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่
ใช้ เข็มเหล็ก
- 8. 4. การเลือกเส้ นเลือด
เลือกใช้ เส้ นเลือดดาทีมองเห็นได้ ชัด หรือสามารถคลาได้ ชัดเจนมีขนาด
่
พอเหมาะสมกับเข็ม ควรเป็ นเส้ นเลือดดาทีหลังมือ เพราะมองเห็น
่
ชัดเจนประเมินความผิดปกติได้ ง่าย มีความยืดหยุ่นดีและลดความเสี่ยง
ของการหลุดของเข็มบริเวณข้ อต่ อได้
ควรใช้ เส้ นเลือดใหม่ ทียังไม่ ผ่านการเจาะเลือด ฉีดยา ให้ สารนา หรือ
่ ้
สารอาหารมาใหม่ ๆ เพราะอาจไม่ สมบูรณ์พอ ทาให้ ยาเคมีบาบัดซึม
ผ่ านผนังเส้ นเลือดได้ ง่าย
เลือกเส้ นเลือดทีใหญ่ เรียบ ตรง มีความยืดหยุ่น ไม่ มีการอักเสบ
่
- 9. เส้ นเลือดทีได้ รับการเจาะเลือดออกใหม่ ๆ
่
เส้ นเลือดบริเวณข้ อมือ ข้ อพับ และข้ อมือด้ านใน เนื่องจากมีเนือเยื่อคลุม
้
น้ อยเกินไป
เส้ นเลือดบริเวณทีมีการไหลเวียนของเลือดและนาเหลืองไม่ ดี เช่ น ชา เป็ น
่ ้
อัมพฤกษ์
อัมพาต แขนทีทาผ่ าตัด MRM หรือบริเวณทีมะเร็งแพร่ กระจายไป
่ ่
เส้ นเลือดทีแข็ง ไม่ ตรง บวม แดง มีการอักเสบ หรือมีความเจ็บปวด
่
เส้ นเลือดบริเวณขา เพราะมีโอกาสเกิด Thrombosis และ Embolism
ไม่ ควรให้ ยาเคมีบาบัดบริเวณข้ อพับแขน เพราะเส้ นเลือดอยู่ลกมาก ทาให้
ึ
ประเมินอาการจากการรั่วของยาได้ ล่าช้ าเกินไป
- 10. หลีกเลียงผิวหนังทีบวม
่ ่ ตึงจากการอุดตันของโรค เช่ น Lymphoedema ,SVC
syndrome
ถ้าประเมินว่าหาเส้ นเลือดไม่ ได้ ให้ รายงานแพทย์ เพือพิจารณาใส่ Port A Cath
่
5.การสอนผู้ป่วย
สอนให้ ผู้ปวยรายงานความรู้ สึกทันที เมื่อรู้ สึก เจ็บ ปวด บวม แสบร้ อนบริเวณ
่
เข็ม และ หลอดเลือดดาส่ วนปลาย หรือบริเวณหน้ าอก คอ ไหล่ จากหลอด
เลือดส่ วนกลาง
6.ทดสอบตาแหน่ งของเข็มให้ อยู่ในเส้ นเลือด
หลอดเลือดดาส่ วนปลาย ดูการไหลย้ อนกลับของเลือดและอัตราการไหลของ
นาเกลือ ต้ อง free flow
้
หลอดเลือดดาส่ วนกลางต้ องดูดเลือดจากสาย Catheter ได้ ดีและต่ อสายด้ วย
นาเกลือไหลได้ สะดวก free flow
้
- 11. ประเมินตาแหน่ งของเข็มทุกขณะทีให้ ยา
่
บริเวณทีแทงเข็มต้ องติดด้ วย Transparent เพือสังเกตการรั่วซึมของยา
่ ่
อาการบวมแดงได้ ชัดเจน และแก้ไขได้ ทนที
ั
ตรวจสอบการไหลเวียนย้ อนกลับของเลือดเป็ นระยะๆ บ่ อยๆ
การใช้ Infusion pump ในการบริหารยาต้ องเฝาระวังอย่ างใกล้ชิด
้
ขณะฉีดยาถ้ามีแรงต้ าน ทาให้ ไม่ สามารถฉีดยาเข้ าหลอดเลือดได้ หรืออัตรา
การไหลของนาเกลือ ช้ ากว่าปกติให้ พจารณาถึงตาแหน่ งของเข็มทันทีและ
้ ิ
เปลียนตาแหน่ งใหม่ สังเกตอาการเจ็บ ปวด แดง ร้ อน
่
- 12. 7. ติดตามเฝาระวังอย่ างใกล้ชิดเป็ นพิเศษในผู้ป่วยกลุ่มต่ อไปนี้
้
ผู้ทสื่อสารไม่ ได้ หรือไม่ รู้ สึกตัว
ี่
มีปัญหาชา ปลายมือปลายเท้า การไหลเวียนเลือดไม่ ดี ผู้ปวยเบาหวาน
่
และผู้ป่วย SVC obstruction
ผู้ปวยผ่ าตัดเต้ านม แขนบวมหรือต่ อมนาเหลืองอุดตัน
่ ้
ผู้ทหาเส้ นยาก และต้ องแทงเส้ นหลายครั้ง
ี่
ผู้ปวยเด็ก หรือผู้สูงอายุ
่
- 13. 8. แยกระหว่างอาการ Flare reactionกับอาการ Extravasation ให้ ได้
FLare reaction เป็ นปฏิกริยาของยาเคมีบาบัดเฉพาะที่ พบตุ่ม ผื่นแดง คัน
ิ
ระคายเคืองผิวหนังไม่ ปวดExtravasation เกิดการรั่วซึมของยาเคมีบาบัด
ถ้ารู้ สึก เจ็บ ปวด ต้ องสงสัยว่าอาจเกิดการรั่วของยา
9. บันทึกของการพยาบาล
ตาแหน่ งเข็ม
ขนาดของเข็ม
อัตราการไหลเวียนของสารนา ้
ข้ อจากัดในการแทงเส้ น
ความเสี่ยงทีมีโอกาสเกิด Extravasation
่
ยืนยันตาแหน่ งของเข็ม และความรู้ สึกของผู้ปวย ่
- 14. ข้ อควรจาระหว่างฉีดยา
1. สังเกตอาการ สอบถามผู้ป่วยเป็ นระยะ ว่ามีอาการเจ็บปวด หรือมีอาการ
ผิดปกติหรือไม่
2. ถ้าแม้ เพียงสงสัยว่ามีอาการรั่วซึมของยาออกนอกหลอดเลือดดาให้ หยุดฉีก
ยาทีตาแหน่ งนั้นทันที
่
3. และจัดการดูแลช่ วยเหลือผู้ป่วยทันทีเช่ นกัน
- 15. Extavasation
หยุดการบริหารยาทันที
ประเมินตาแหน่ งทีเ่ กิดพร้ อมพยาบาลอีก 1คน + ถ่ายรู ป/ขีดบริเวณตาแหน่ งทีเ่ กิด
ให้ ข้อมูลผู้ป่วยเพือลดความวิตกกังวล
่
ยังไม่ ต้องดึงเข็มออก+ดูดยาออกให้ มากทีสุด
่
- 16. ดึงเข็มออก ปิ ดไว้ ห้ ามกดคลึง
รายงานแพทย์
ให้ การรักษาพยาบาลตาม WI ของ Extravasation และคาสั่งการรักษาของแพทย์
วัดขนาดบริเวณทีเ่ กิด Extravasation บันทึกในเวชระเบียนอย่ างละเอียด
รายงานอุบัติการณ์และรายงานหัวหน้ าหน่ วย
- 18. วัน เดือน ปี และเวลาทีเ่ กิดเหตุการณ์
ชนิดของเข็มฉีดยา
บริเวณทีเ่ กิด Extravasation และความกว้างของการรั่วซึม
ขออนุญาตผู้ปวยเพือถ่ายภาพจดวันทีและเวลาทีถ่ายภาพเป็ นระยะ เพือ
่ ่ ่ ่ ่
ติดตามการเปลียนแปลง
่
บันทึกชนิดของยา ความเข้ มข้ น ปริมาณยาทีรั่วซึม วิธีบริหารยาแบบ
่
IV push หรือ ทาง Iv drip
- 19. อาการแสดงที่ผู้ป่วยบอกความรู้ สึก เช่ น ปวด แสบ ร้ อน หรือ ชา
จดรายละเอียดที่สังเกต ตรวจพบ เช่ น บวม แดง ร้ อน ไม่ สุขสบาย
จากการเคลือนไหว
่
ลาดับขั้นตอนปฏิบัติการช่ วยเหลือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ท้งหมด
ั
ให้ คาแนะนาสอนผู้ป่วยให้ ประเมินผล ผิวหนัง วัดไข้ บันทึก
อาการปวด และนัดมาติดตามอาการภายใน 48 ชั่วโมง
- 20. vesicant Irritant Nonvesicant
Actinomycin Dacarbazine Bleomycin
Doxorubicin Docetaxel Carbopatin
Epirubicin Etoposide Cisplatin
Idarubicin Oxariplatin Cyclophosphamide
Mitomycin Cytarbine
Paclitaxel 5-FU
Vinblastine Gemcitabin
Vincristine Ifosfamide
vinorelbine Irinotecan
Methotrexate
Topotecan
- 21. ประคบร้ อน ประคบเย็น
กลุ่ม Vinca alkaloids กลุ่ม Alkylating agent
กลุ่ม Plant alkaloide กลุ่ม mechlorethamin
กลุ่ม Antracycline
* ประคบร้ อน/เย็น ใน 24 ชั่วโมงแรก
ครั้งละ 15-20 นาที ทุก 4 ชั่วโมง
- 22. 1. การป้ องกัน Extravasation เป็ นสิ่งสาคัญ
2. การบันทึกเหตุการณ์ และการช่ วยเหลือผู้ป่วย จาเป็ นมาก
3. สาคัญทีสุดคือ พยาบาลต้ องมีความตะหนักว่า ภาวะนีต้องไม่ เกิด
่ ้
เพราะเป็ นความทุกข์ ทรมาน เพิ่มเติมให้ ผู้ป่วย
- 23. ก่อนให้ ยาเคมีบาบัด
1. ซักประวัติการเกิดภาวะ Hypersensitivity
ในการให้ ยารอบทีผ่านมา่
2. ให้ ความรู้ แก่ผู้ป่วยเกียวกับอาการ Hypersensitivity เช่ น หน้ าแดง แน่ น
่
หน้ าอก หายใจไม่ สะดวก
3. เตรียมยาและอุปกรณ์ต่างๆ เช่ น ออกซิเจน อุปกรณ์
suction,Hypersensitivity Kit,รถEmergencyเป็ นต้ น
4. Check V/S เพือประเมินก่อนและหลังให้ ยาเคมีบาบัดขณะให้ ยาเคมี
่
บาบัด
- 24. 1. บริหารยาเคมีบาบัดโดยการใช้ Infusion pump โดยค่อยๆ ปรับ drop
จาก KVO จนถึง drop ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพือประเมิน
่
ผู้ป่วยว่าสามารถรับยาเคมีบาบัดได้โดยไม่ เกิดภาวะ
Hypersensitivity
2. อยู่กบผู้ป่วยในการบริหารยา เคมีบาบัดประมาณ 10 -15 นาที แรก
ั
เพือการช่ วยเหลืออย่ างทันท่ วงที
่
3. Check V/S ทุก 15 นาที 4 ครั้ง ,ทุก 30 นาที 2ครั้ ง ,
และ1 ชั่วโมงจนกระทั้งยาหมด
- 25. เมื่อเกิดภาวะ Hypersensitivity
1. หยุดการให้ ยาเคมีบาบัดทันที
2. ให้ สารนาเพือคงเส้ นไว้
้ ่
3. ให้ ออกซิเจน
4. ประเมินสภาพอย่ างรวดเร็วและรายงานแพทย์
5. เตรียมรถ Emergency และ Hypersensitivity kit
6. ให้ การพยาบาลตามการรักษาของแพทย์