More Related Content
Similar to Kingdom fungi 3
Similar to Kingdom fungi 3 (20)
Kingdom fungi 3
- 2. สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรฟังไจ ประกอบด้วย เห็ก ราและยีสต์
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรฟังไจ
1. Eukaryotic cell
2. ดารงชีพเป็น Heterotroph โดยเป็นผู้ย่อยสลาย
3. cell wall เป็น Chitin กับ Cellulose
4. โครงสร้างของเห็ดรา มี 2 รูปแบบ คือ
4.1 Mold form เป็นเส้นใยเดี่ยว เรียกว่า ไฮฟา (Hypha)
สืบพันธุ์ด้วยการสร้างสปอร์ เส้นใยรวมกลุ่มกัน เรียกว่า ขยุ้มรา
(mycelium)
ลักษณะของเส้นใยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
- เส้นใยมีผนังกั้น (Septate hypha)
- เส้นใยที่ไม่มีผนังกั้น (Nonseptate hypha)
4.2 Yeast form จะมีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดย
การแตกหน่อ
5. ส่วนยีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แต่อาจมีการต่อกันเป็น
สาย เรียกว่า Pseudomycelium
- 6. เส้นใยของฟังไจอาจเปลี่ยนแปลงแปลงรูปร่างเพื่อทาหน้าที่พิเศษ ได้แก่
- Haustorium เป็นเส้นใยที่ยื่นเข้าเซลล์โฮสต์ เพื่อดูดอาหารจาก
โฮสต์ พบในราที่เป็นปรสิต
- Rhizoid มีลักษณะคล้ายรากพืชยื่นออกจากไมซีเลียม เพื่อยึด
ให้ติดกับผิวอาหารและช่วยดูดซึมอาหารด้วย เช่น ราขนมปัง
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรฟังไจ
1. Fragmentation เกิดจากเส้นใยหักเป็นส่วน ๆแต่ละส่วนเรียก
oidia สามารถเจริญเป็นเส้นใยใหม่ได้
2. Budding การแตกหน่อ เป็นการที่เซลล์แบ่งออกเป็นหน่อ
ขนาดเล็กและนิวเคลียสของเซลล์แม่แบ่งออกเป็นสองนิวเคลียส
นิวเคลียสอันหนึ่งจะเคลื่อนย้ายไปเป็นนิวเคลียสของหน่อ เมื่อหน่อ
เจริญเต็มที่จะคอดเว้าขาดจากกัน หน่อที่หลุดออกมาจะเจริญต่อไปได้
เรียกหน่อที่ได้นี้ว่า Blastospore พบการสืบพันธุ์แบบนี้ในยีสต์ทั่วไป
3. Fission การแบ่งตัวออกเป็น 2 ส่วน แต่ละเซลล์จะคอดเว้า
ตรงกลางและหลุดออกจากกันเป็น 2 เซลล์พบในยีสต์บางชนิดเท่านั้น
- 7. 4. การสร้างสปอร์แบบไม่อาศัยเพศเป็นการสืบพันธุ์แบบไม่มี
เพศที่พบมากที่สุด สปอร์แต่ละชนิดจะมีชื่อและวิธีสร้างที่แตกต่างกัน
ไป เช่น
- condiospore หรือ conidia เป็นสปอร์ที่ไม่มีสิ่งหุ้ม
เกิดที่ปลายเส้นใยที่ทาหน้าที่ช ูสปอร์ (conidiophore) ที่ปลายของเส้น
ใยจะมีเซลล์ที่เรียกว่า sterigma ทาหน้าที่สร้าง conidiaเช่น
Aspergillus sp. และ Penicillium sp.
- sporangiospore เป็นสปอร์ที่เกิดจากปลายเส้นใยพอง
ออกเป็นกระเปาะ แล้วต่อมามีผนังกั้นเกิดขึ้นภายใน กระเปาะจะมีผนัง
หนาและเจริญเป็นอับสปอร์ (sporangium) นิวเคลียสภายในอับสปอร์
จะมีการแบ่งตัวหลาย ๆ ครั้งโดยมีส่วนของโปรโตพลาสซึมและผนัง
หนามาหุ้มกลายเป็นสปอร์ที่เรียกว่า sporangiospore จานวนมากมาย
5. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ มีการผสมมกันระหว่างเซลล์
สืบพันธุ์และมีการรวมตัวของนิวเคลียส ซึ่งรวมแล้วเป็น diploid
(2n) และมีการแบ่งตัวในขั้นตอนสุดท้ายแบบ meiosis เพื่อลดจานวน
โครโมโซมลงเป็น haploid (n) ตามเดิม
- 10. 1. Phylum Chytridomycota
- เรียกว่า Chytids
- เป็นราที่อาศัยอยู่ในน้าและดิน
- เป็นราที่มีวิวัฒนาการต่าสุด
- ส่วนมากมีเซลล์เดียว บางชนิดมี Hyphae
- สามารถสร้าง Zoospore ซึ่งมี Flagellum
(มีเฉพาะ Chytids เท่านั้น)
- 11. 2. Phylum Zygomycota
- มีเฉพาะ Mold form โดยมีลักษณะเป็นเส้นๆ (Filamentous fungi)
- Hyphae จะยืดตัวเร็ว
- ลักษณะ Hyphae ไม่ได้แบ่งเป้นเส้นรวมกันเป็นเส้นเดียว (Non-
septate hyphae)
- ปลาย Hyphae สร้าง Spore เป็นลักษณะกลมๆ เรียกว่า
Sporagiophore
- ตัวอย่าง ราขนมปัง (Rhizopus sp.)
- 14. 3. Phylum Ascomycota
- Sac Fungus : ราถุง
- มีทั้ง Mold form และ Yeast form
- เส้นใยของรามีการแบ่งเป็นปล้องๆ (Septate hyphae)
- มีบางชนิดเจริญมากเป็นลักษณะคล้ายเห็ดถ้วย เรียกว่า Ascocarp
- การสืบพันธุ์
- การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่า
Conidia ซึ่งสร้าง Conidiospore
- การสืบพันธุ์แบบอาสัยเพศ โดยใช้ถุง เรียกว่า Ascus
ซึ่งภายในบรรจุ Ascospore จานวน 8 อัน
- ตัวอย่าง เช่น Yeast : Saccharomyces
Mold : Penicillium, Aspergillus
Ascocarp : Morcella
- 18. 4. Phylum Basidiomycota
- เป็นราที่มีวิฒนาการสูงสุด
- เรียกอีกชื่อว่า Club Fungi
- เส้นใยมีการแบ่งกัน : Septate hyphae
- Hyphae มีการรวมกันเป็น Mycelium และรวมกันเป้นดอกขนาด
ใหญ่ รูปร่างคล้ายร่ม
- การสืบพันธุ์
- การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศส่วนใหญ่ ใช้ Basidium
สร้าง Basidiospore
- การสืบพันธุ์แบบอาสัยเพศพบน้อยมาก
- ตัวอย่าง เห็ดชนิดต่างๆ เช่น เห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดโคน
- บางชนิดมีพิษรุนแรงมาก เช่น Amanita
- บางชนิดมีสารที่มีฤทธิ์หลอนประสาท เช่น
เห็ดขี้ควาย (Psilocybe)