More Related Content More from ssuserbed7e4 (19) Jern2. ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงาน(ภาษาไทย) ภาวะโรคร้อน
ชื่อโครงงาน(ภาษาอังกฤษ) global warming
ประเภทโครงงาน เพื่องานศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว ภัทรชนก กานะ
ชื่อที่ปรึกษา ครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงานภาคเรียนที่ 1
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หมายถึง การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศบนโลกสูงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริเวณใกล้ผิวโลกและน้าในมหาสมุทร ในช่วง100
ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นถึง 0.74 ?0.18 องศาเซลเซียส
และจากแบบจาลองการคาดคะเนภูมิอากาศพบว่าในปี พ.ศ. 2544 – 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.1
ถึง 6.4 องศาเซลเซียส
สาเหตุที่ทาให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่าก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทากิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้
และอื่นๆอีกมากมาย จึงทาให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก
สมาชิกกลุ่ม
1.นางสาวภัทรชนก กานะ
3. ทาให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม
กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทาให้อุณหภูมิของโลกค่อยๆ สูงขึ้นจากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นก็มีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม
ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้าท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต
รวมไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้แล้วก็กลับมาให้เราได้เห็นใหม่
และพาหะนาโรคที่เพิ่มจานวนมากขึ้น
การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน
ต้นไม้นั้นจะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน
เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้
แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทาลายและมีจานวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้
ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนในเรื่องต่างๆ เช่น ความหมาย สาเหตุ ผลกระทบ และวิธีแก้ไขปัญหา
2.ได้นาความรู้ที่ทราบเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมาประยุกต์และแก้ไขบางพฤติกรรมของเราที่มีผลต่อภาวะโลกร้อน
ขอบเขตโครงงาน
1.ภาวะโลกร้อนคืออะไร
2.สาเหตุที่ทาให้เกิดภาวะโลกร้อน
3.ผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อนทั้งในปัจจุบันแบะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4.วิธีลดภาวะโลกร้อน40วิธี
4. หลักการและทฤษฎี
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หมายถึง การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศบนโลกสูงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริเวณใกล้ผิวโลกและน้าในมหาสมุทร ในช่วง100
ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นถึง 0.74 ?0.18 องศาเซลเซียส
และจากแบบจาลองการคาดคะเนภูมิอากาศพบว่าในปี พ.ศ. 2544– 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.1
ถึง 6.4 องศาเซลเซียส
สาเหตุที่ทาให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่าก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทากิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้
และอื่นๆอีกมากมาย จึงทาให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก
ทาให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม
กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทาให้อุณหภูมิของโลกค่อยๆ สูงขึ้นจากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นก็มีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม
ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้าท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต
รวมไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้แล้วก็กลับมาให้เราได้เห็นใหม่
และพาหะนาโรคที่เพิ่มจานวนมากขึ้น
ในอนาคตคาดว่าผลกระทบของภาวะโลกร้อนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเราสามารถช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้ห
ลายวิธี หลักๆก็เห็นจะเป็นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด
เพราะว่าพลังงานที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้กว่าจะมาถึงให้เราได้ใช้นั้น
ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนในการผลิตมากมาย และแต่ละขั้นตอนก็จะทาให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา
เพราะฉะนั้นการลดใช้พลังงานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เช่นการปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้
การใช้น้าอย่างประหยัด การใช้จักรยานแทนรถยนต์ในการเดินทางใกล้ๆ และอื่นๆอีกมากมาย
5. การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน
ต้นไม้นั้นจะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน
เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้
แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทาลายและมีจานวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้
ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา
สภาวะโลกร้อน
สภาวะโลกร้อน หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทาให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อนอาจจะนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝน
ระดับน้าทะเล และมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพืช สัตว์ และมนุษย์
ปรากฏการณ์ทั้งหลายเกิดจากภาวะโลกร้อนขึ้นที่มีมูลเหตุมาจากการปล่อยก๊าซพิษต่าง
ๆจากโรงงานอุตสาหกรรมทาให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้นซึ่งนั่นเป็นที่รู้จัก
กันโดยเรียกว่า สภาวะเรือนกระจก
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่นการเผาไหม้เชื้อเพลิง
โรงงานอุตสาหกรรม การเผาป่าเพื่อใช้พื้นที่สาหรับอยู่อาศัยและการทาปศุสัตว์ เป็นต้น
โดยการเผาป่าเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้โดยเร็วที่สุด
ก๊าซมีเทน(CH4) เกิดขึ้นจากการย่อยสลายของซากสิ่งมีชีวิต แม้ว่ามีก๊าซมีเทนอยู่ในอากาศเพียง 1.7 ppm
แต่ก๊าซมีเทนมีคุณสมบัติของก๊าซเรือนกระจกสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กล่าวคือด้วยปริมาตรที่เท่ากัน
ก๊าซมีเทนสามารถดูดกลืนรังสีอินฟราเรดได้ดีกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ก๊าซไนตรัจออกไซด์ (N2O) ปกติก๊าซชนิดนี้ในธรรมชาติเกิดจากการย่อยสลายซากสิ่งมีชิวิตโดยแบคทีเรีย
แต่ที่มีเพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน เนื่องมาจากอุตสาหกรรมที่ใช้กรดไนตริกในกระบวนการผลิต เช่น
อุตสาหกรรมผลิตเส้นใยไนลอน อุตสาหกรรมเคมีและพลาสติกบางชนิด เป็นต้น
ก๊าซไนตรัสออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเพิ่มพลังงานความร้อนสะสมบนพื้นผิวโลกประมาณ
6. 0.14 วัตต์/ตารางเมตร นอกจากนั้นเมื่อก๊าซไนตรัสออกไซด์ลอยขึ้นสู่บรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์
มันจะทาปฏิกิริยากับก๊าซโอโซน ทาให้เกราะป้องกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตของโลกลดน้อยลง
ก๊าซโอโซน (O3) เป็นก๊าซที่ประกอบด้วยธาตุออกซิเจนจานวน 3โมเลกุล มีอยู่เพียง 0.0008% ในบรรยากาศ
โอโซนไม่ใช่ก๊าซที่มีเสถียรภาพสูง มันมีอายุอยู่ในอากาศได้เพียง 20 - 30 สัปดาห์ แล้วสลายตัว
โอโซนเกิดจากก๊าซออกซิเจน (O2) ดูดกลืนรังสีอุลตราไวโอเล็ตแล้วแตกตัวเป็นออกซิเจนอะตอมเดี่ยว (O)
จากนั้นออกซิเจนอะตอมเดี่ยวรวมตัวกับก๊าซออกซิเจนและโมเลกุลชนิดอื่น (M)ที่ทาหน้าที่เป็นตัวกลาง
แล้วให้ผลผลิตเป็นก๊าซโอโซนออกมา
ผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้น และผลกระทบในตอนเริ่มต้นจากอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
ระดับน้าทะเลเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากธารน้าแข็งที่กาลังละลาย
และอุณหภูมิทั่วโลกที่กาลังสูงขึ้นจากการขยายตัวทางความร้อนของน้าในมหาสมุทร
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมามหาศาลจากชั้นดินเยือกแข็ง และป่าที่กาลังตาย
มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดสภาพอากาศรุนแรง เช่นคลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และ น้าท่วม
ในปัจจุบันความแห้งแล้งทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าใน 30 ปีที่ผ่านมา 2เท่า
ผลกระทบรุนแรงในระดับภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ในยุโรป
จะเกิดน้าท่วมจากแม่น้าเพิ่มขึ้นในพื้นที่ส่วนมากของทวีป และตามพื้นที่ชายฝั่งจะเสี่ยงต่อน้าท่วม การกัดเซาะ
และ การสูญเสียพื้นที่ในทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ระบบทางธรรมชาติ ซึ่งได้แก่ธารน้าแข็ง ปะการัง ป่าชายเลน ระบบนิเวศของทวีปอาร์กติก
ระบบนิเวศของเทือกเขาสูง ป่าสนแถบหนาว ป่าเขตร้อน เขตลุ่มน้าในทุ่งหญ้า และ เขตทุ่งหญ้าในท้องถิ่น
จะถูกคุกคามอย่างรุนแรง
สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น และเกิดความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
7. ผลกระทบที่รุนแรงกว่าจะตกอยู่กับประเทศยากจน ได้แก่ประเทศที่กาลังพัฒนาของทวีปแอฟริกา เอเชียและ
มหาสมุทรแปซิฟิค ที่มีความสามารถน้อยที่สุดในการป้องกันตนเองจากระดับทะเลที่สูงขึ้น
การแพร่กระจายของเชื้อโรค และ ผลผลิตภาคเกษตรที่ต่าลง
ภาวะโลกร้อนทุกระดับจะทาให้ประเทศที่กาลังพัฒนาทุกข์ทรมานมากที่สุด
ผลกระทบร้ายแรงในระยะยาวหากโลกร้อนยังดาเนินต่อไป
พืดน้าแข็งบนเกาะกรีนแลนด์และทวีปแอนตาร์กติกากาลังละลาย หากไม่ควบคุม
ความร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอาจจุดชนวนให้เกิดการละลายของพืดน้าแข็งทั้งหมดในเกาะกรีน
แลนด์ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ซึ่งจะทาให้ระดับน้าทะเลเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 7 เมตรเป็นเวลาหลายทศวรรษ
มีหลักฐานใหม่ที่แสดงว่าอัตราของการไหลลงต่าของน้าแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาแสดงถึงภาวะเสี่ยงที่จะละลา
ยทั้งหมด
กระแสน้าอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติกที่ไหลช้าลง เปลี่ยนทิศทาง หรือ หยุดไหล
ซึ่งส่งผลกระทบอย่างสูงในยุโรป และทาให้ระบบการไหลเวียนของมหาสมุทรผิดปกติ
หายนะจากการปล่อยก๊าซมีเทนอย่างมหาศาลจากมหาสมุทร
ซึ่งทาให้ก๊าซมีเทนในบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้โลกร้อนขึ้น
40 วิธีลดภาวะโลกร้อน
1. ถอดปลั๊กไฟฟ้าทุกครั้งที่เลิกใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
รู้มั๊ยคะว่าการใช้ไฟฟ้าในบ้านมีส่วนทาให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 16%
2. หันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการตากผ้าแทนการ อบผ้าในเครื่องซักผ้า
3. การรีดผ้า ควรรีดครั้งละมาก ๆแทนการัดทีละตัว เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า
8. 4. ปิดแอร์บ้าง แล้วหันมาใช้พัดลมหรือว่าเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น
5. เวลาไปที่ห้างสรรพสินค้าอย่าเปิดประตูทิ้งไว้ เพราะแอร์จะทางานหนักมากว่าปกติ
6. ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟท์
นอกจากจะเป็นการได้ออกกาลังกายแล้วยังประหยัดได้เยอะขึ้นรู้มั้ยคะว่าการกดลิฟต์หนึ่งครั้งจะเป็นการเสียค่าไ
ฟถึงครั้งละ 7 บาท
7. ปิดไฟดวงที่ไม่จาเป็น โดยเปิดเฉพาะด้วยที่เราจาเป็นต้องใช้จริง ๆ
8. ลดๆ การเล่นเกมลงบ้าง เพราะนอกจากสายตาจะเสียแล้ว ยังเปลืองไฟมาก ๆ อีกด้วย
9. ตู้เย็นสมัยคุณแม่ยังสาว ขายทิ้งไปได้แล้ว เพราะกินไฟมากกว่าตู้เย็นใหม่ถึง 2 เท่า
10. บอกคุณพ่อคุณแม่ให้เปลี่ยนไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่าและประหยัดกว่าหลอดปกติ 40%
11. ยืดอายุตู้เย็นด้วยการไม่นาอาหารร้อนเข้าตู้เย็น และหลักเลี่ยงการนาถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น
เพราะจะทาให้ตู้เย็นจ่ายความเย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร
12. ละลายน้าแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็นประจา เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้าแข็งเกาะ
13. ใช้รถเมล์ รถไฟฟ้าแทนการใช้รถส่วนตัว
14. ถ้าไม่ได้ไปไหนไกล ๆให้ใช้จักรยาน หรือเดินไปก็ดีนะคะ ได้ออกกาลังกายไปในตัวด้วย
15. ใช้กระดาษแต่ละแผ่นอย่างประหยัดกระดาษรียูทหนังสือพิมพ์ เพราะกระดาษเหล่านั้นมาจากการตัดต้นไม้
16. เสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว เอาไปบริจาคบ้างก็ได้ เพราะในบางบริษัทมีการรับ บริจาคเสื้อที่ใช้แล้ว
จะนาไปหลอมมาทาเป็นเส้นใยใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 71%
17. ลดใช้พลาสติก โดยใช้ของที่สามารถนามารีไซเคิลได้ เช่น กระเป๋ าผ้า หรือกระติกน้า
18. พยายามทานอาหารให้หมด เพราะเศษอาหารเหล่านั้นก่อให้เกิดก๊าซมีเทน
ซึ่งก่อให้เกิดความร้อนต่อโลกเพิ่มขึ้น
9. 19. ร่วมกันประหยัดน้ามันแบบ Car Pool เพื่อช่วยประหยัดน้ามัน
และยังเป็นการลดจานวนรถติดบนถนนได้อีกทางด้วยค่ะ
20. พยายามลดเนื้อสัตว์ที่เคี้ยวเอื้องอย่าง วัว เพราะมูลของสัตว์เหล่านั้นจะปล่อยก๊าซมีเทน
21 กินผักผลไม้เยอะๆ เพราะอุตสาหกรรมการเกษตรไม่ปล่อยก๊าซมีเทนที่เป็นตัวเพิ่มความร้อนให้อากาศ
22. กระดาษหนังสือพิมพ์ไม่ใช้แล้ว อย่าทิ้ง สามารถนามาเช็ดกระจกให้ใสแจ๋วได้
23. ใช้เศษผ้าเช็ดสิ่งสกปรกแทนกระดาษชาระ
24. มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐาน
25. ไปตลาดสดแทนซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ซื้อผัก ผลไม้ หมูไก่ปลา
เพราะสินค้าที่ห่อด้วยพลาสติกและโฟมนั้นจะทาให้เกิดขยะจานวนมากมายมหาศาล
26. ใช้น้าประปาอย่างประหยัด เพราะระบบการผลิตน้าประปาของเทศบาล ต่าง ๆ
ต้องใช้พลังงานจานวนมากในการทาให้น้าสะอาด
27. ลดปริมาณการทิ้งขยะลงบ้าง
28. ป้องกันการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศด้วยการแยกขยะอินทรีย์ เช่น
พวกเศษผักและเศษอาหารออกจากขยะอื่น ๆที่สามารถนาไปรีไซเคิลได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
29. บอกคุณพ่อคุณแม่ให้ขับรถความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.
30. ทาหลังคาบ้านด้วยสีอ่อน เพื่อช่วยลดการดูดซับความร้อน
31. ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้อากาศ ปลูกไผ่แทนรั้ว ต้นไผ่เติบโตเร็วเป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม
และยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี อาจจะลาบากไปหน่อยแต่ก็เก๋ไม่น้อยนะคะ
33. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเติมใหม่ได้ เพื่อเป็นการลดขยะจากห่อของบรรจุภัณฑ์
34. ลดปริมาณขยะโดยใช้หลัก 3R คือ Reuse, Recycle, Reduce
10. 35. ไม่ใช้ปุ๋ ยเคมีในสวนไม้ประดับที่บ้าน แต่ขอให้เลือกใช้ปุ๋ ยหมักจากธรรมชาติแทน
36. ทานสเต็กและแฮมเบอร์เกอร์ในร้านใหญ่ ๆ
ให้น้อยลงบ้างเพราะอุตสาหกรรมเนื้อระดับนานาชาติผลิตก๊าซเรือนกระจกถึง 18 %
สาเหตุหลักก็คือไนตรัสออกไซด์และมีเทนจากมูลวัว
37. มีส่วนร่วมกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยเผยแพร่ และการลดปัญหาโลกร้อน
38. อยู่อย่างพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ตามพระราชดารัสของในหลวงนะคะ
39. ประหยัดพลังงานเท่าที่จะทาได้ทั้งน้า ไฟ น้ามัน เพื่อให้ลูกหลานของเรามีสิ่งเหล่านี้ใช้กันต่อไปในอนาคต
40. อย่าลืมนาวิธีดี ๆ เหล่านี้ไปบอกต่อเพื่อน ๆ ด้วยนะคะ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-คอมพิวเตอร์
งบประมาณ
-