More Related Content
More from ssuserbed7e4 (20)
Com.3
- 2. โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ
โดยนักเรียนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้
ความรู้ กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะ
พื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน
หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทาโครงงานเรื่อง
ดังกล่าวได้แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือ
ศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็นการเปิดโอกาส
ให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้า
หาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกม
คอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรม
จริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับเพื่อนมนุษย์และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
- 4. 2.การพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือ
ช่วยสร้างงานประยุกต์ต่างๆโดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปชอฟต์และเครื่องมือตัวอย่างโครงงาน
ประเภทนี้เช่น ซอฟต์แวร์ระบบงานการกีฬาซอฟต์แวร์สารบรรณสาเร็จรูป ซอฟต์แวร์
ระบบฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น เครื่องช่วยคนพิการแขนอ่านหนังสือเครื่องรดน้า
ต้นไม้และให้อาหารปลาผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องให้อาหารไก่อัตโนมัติ หุ่นยนต์
ทางานบ้า
3. การทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วย
จาลองงาน ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จิรงได้และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษา
รวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง
หลักการอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือ คาอธิบาย พร้อมทั้งการจาลองทฤษฎีด้วย
คอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทา
ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้ มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมี
ความรู้ในเรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้ เช่น การจุดระเบิดการเกิด
คลื่นยักษ์สึนามิ การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุ
แบบสามมิติ
- 5. 4. การประยุกต์ใช้งาน โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ
สร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน โดยประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ หรืออุปการณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือ
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้
จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการ
ออกแบบและพัฒนาสิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบ
คุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์โครงงานประเภทนี้ผู้เรียน
ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ภาษาโปรแกรมและเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้ เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร
ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์การเลือกเครื่องเรือนให้เหมาะสมกับขนาดและสี
ของห้อง
5. การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์โครงงานประเภทนี้เน้นโครงงานที่ใช้
คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมประยุกต์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีใครทามา
ก่อนเพื่อใช้เฉพาะงาน ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้ เช่น โปรแกรมคัดแยกลูกค้าของ
ธนาคาร โปรแกรมการจัดรายการอาหารให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาล
- 7. 2. การศึกษาค้นคว้าเอกสาร การได้ศึกษาและเยี่ยมชมโครงงานคอมพิวเตอร์ใน
งานนิทรรศการและศึกษาค้นคว้าเอกสาร รายงาน โครงงานคอมพิวเตอร์จากเว็บไซด์ต่างๆ
ทั่วโลก และแหล่งข้อมูลต่างๆ ซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ จะ
ช่วยให้มีแนวคิดในการกาหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งได้รับความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถออกแบบและวางแผน
ดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม โดยจะต้องบันทึกสรุปสาระสาคัญไว้ด้วย
เสมอ
3. การจัดทาข้อเสนอโครงงาน เป็นการกาหนดกรอบแนวคิดและวางแผนการ
พัฒนาไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยให้สามารถคาดการณ์หรือทานายความเป็นไปได้ของการทา
โครงงานนี้ เสนอหัวข้อโครงงานเพื่อขอคาปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญที่
เกี่ยวข้อง
- 8. 4.การพัฒนาโครงงาน เป็นการลงมือทาโครงงานตามข้อเสนอโครงงานที่
วางแผนไว้ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
4.1 การเตรียมการ เป็นการเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุ
อื่นๆที่จะใช้ในการทดลอง พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่สาหรับใช้ในการทา
โครงงาน เตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทากิจกรรม
โครงงาน ดังนี้ วิธีการปฏิบัติ ผลการปฏิบัติ ปัญหาและแนวทางแก้ไข รวมทั้ง
ข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ เก็บเป็นแฟ้มข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์
4.2 การลงมือพัฒนา เป็นการปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในข้อเสนอ
โครงงาน แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ผลงานดี
ขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงจัดระบบการทางานโดยทาเป็นส่วนหลักสาคัญๆให้แล้งเสร็จ
ก่อน จึงค่อยทาส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มาก
ขึ้น โดยคานึงถึงความปลอดภัย และระยะเวลาในการทางาน
- 9. 4.3 การตรวจสอบผลงานและแก้ไข เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน
เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นมานั้น ทางานได้ถูกต้องตรงข้ามกับความต้องการที่ระบุ
ไว้ในเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพหรือไม่
4.4 การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ เป็นการสรุปการพัฒนาโครงงานด้วย
ข้อความที่กระชับครอบคลุม และทาการอภิปรายผลเพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่
ค้นพบจากการทาโครงงาน สามารถพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อมกับนาไปหา
ความสัมพันธ์กับผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนาหลักการทฤษฎี หรือ
ผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เป็นการเขียน
ข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาต่อไป ซึ่งอาจได้มาจากที่นักเรียนพบข้อสังเกต ประเด็น
ที่สาคัญหรือปัญหาต่างๆ ในระหว่างการพัฒนาโครงงาน
- 10. 5.การจัดทารายงาน เป็นการรวบรวมข้อมูล ผลการวิเคราะห์และ
อภิปราย ผลการพัฒนาโครงงานซึ่งรวมถึงคู่มือการใช้งานมาจัดทาเป็นรายงาน เพื่อสื่อ
ความหมายให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีการดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่
ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน ในการเขียนรายงานควร
ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ
ดังต่อไปนี้
5.1 ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน ซึ่งประกอบด้วย ชื่อ
โครงงาน ชื่อสาขาของงานวิจัย ชื่อผู้ทาโครงงาน ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาคา
ขอบคุณ บุคลากรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วยช่วยให้โครงงานนี้สาเร็จ และบทคัดย่อ
ซึ่งอธิบายที่มาความสาคัญของโครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีการดาเนินงาน และผลที่
ได้รับ ตลอดจนข้อสรุปต่างๆอย่างย่อ
5.2 บทนา เป็นรายละเอียดเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วยที่มาและ
ความสาคัญของโครงงาน วัตถุประสงค์ และขอบเขตของโครงงาน
- 11. 5.3 หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือ
หลักการ ทฤษฎีหรือวิธีการที่จะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงาน
ของผู้อื่นที่นามาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติม
5.4 วิธีดาเนินการ เป็นการอธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียดระบุ
ปัญหาหรืออุปสรรคที่พบ วิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการ
ทางาน
5.5 ผลการศึกษา เป็นการนาเสนอข้อมูลให้ผู้อื่นเข้าใจโครงงานได้โดยง่าย ด้วย
การนาเสนอเป็นตาราง หรือกราฟ หรือข้อความ
5.6 สรุปผลและข้อเสนอแนะเป็นการอธิบายผลสรุปที่ได้จากการทางาน ถ้ามี
การตั้งสมมุติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือ
ยังสรุปไม่ได้นอกจากนั้นควรกล่าวถึงการนาผลการทดลองไปใช้ประโยชน์อุปสรรคของ
การทาโครงงาน ข้อสังเกตที่สาคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทา
โครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงโครงงาน หากมี
ผู้สนใจศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้และควรระบุประโยชน์ที่ได้รับจากการทาโครงงาน รวมถึง
ประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงานของโครงงานไปใช้
- 12. 5.7 บรรณนุกรม เป็นการรวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร และเว็บไซต์
ต่างๆที่ผู้ทาโครงงานใช้ค้นคว้า เพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เพื่อนามาใช้
ประโยชน์ในการทาโครงงานนี้ ซึ่งการเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องเขียนตาม
หลักการเขียน
5.8 คู่มือการใช้งาน หากโครงงานที่จัดทาเป็นการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ควรจัดทา
คู่มืออธิบายวิธีการใช้งานผลงานนั้นโดยละเอียด