SlideShare a Scribd company logo
1 of 18
Download to read offline
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
15 มีนาคม 2567
Adapted from:
How to help your team develop a growth mindset - Work Life by Atlassian
PUBLISHED AUGUST 19, 2022 IN LEADERSHIP
Teams with growth mindsets worry less about looking smart and more about learning.
โดยย่อ
• จากการวิจัยของ ดร. แครอล ดเว็ค (Carol Dweck) เรื่องกรอบความคิดแบบตายตัวและกรอบ
ความคิดแบบเติบโต (fixed and growth mindsets) ทาให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรมที่หลากหลายของแต่
ละบุคคล
• การค้นพบนี้ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของทีมด้วย และในสถานที่ทางานก็จะได้รับประโยชน์จากการ
ระบุกรอบความคิดที่โดดเด่นของทีม และเปลี่ยนไปสู่มุมมองที่คานึงถึงการเติบโต
ทีมที่มีผลงานสูง
 ทีมที่มีผลงานสูงที่คุณเคยพบในอาชีพการงานของคุณ เป็นไปได้ว่า พวกเขามีบางสิ่งที่เหมือนกัน
 ลักษณะเหล่านี้ ฟังดูคุ้นเคยหรือไม่?
▪ พวกเขาไม่กลัวที่จะเสี่ยง แม้ว่าเดิมพันจะสูงก็ตาม
▪ พวกเขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ ได้รับโอกาสในการเพิ่มทักษะและพิสูจน์ตัวเอง
▪ พวกเขาไม่ได้ผูกพันกับวิธีการทางานแบบเดิม ๆ มากนัก แต่กระตือรือร้นที่จะลองใช้กระบวนการ
เครื่องมือ หรือวิธีการใหม่ๆ แทน
 คุณลักษณะทั้งหมดเหล่านี้ จัดอยู่ในหมวดหมู่เดียว: กรอบความคิดแบบเติบโต (growth mindset)
กรอบความคิดแบบตายตัวกับกรอบความคิดแบบเติบโต
 การศึกษาเรื่องกรอบความคิดแบบตายตัวกับกรอบความคิดแบบเติบโตในแต่ละบุคคล ซึ่งริเริ่มโดย
ศาสตราจารย์ ดร. แครอล ดเว็ค (Professor Dr. Carol Dweck) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีข้อมูล
เชิงลึกที่น่าสนใจว่า ความเชื่อของเรากาหนดพฤติกรรม ระดับของความพยายาม ความสามารถใน
การจัดการกับความล้มเหลว และความสาเร็จหรือความล้มเหลวของเรา
 การใช้แนวคิดเดียวกันนี้ เมื่อใช้กับทีม สามารถช่วยสร้างวัฒนธรรมแห่งความคิดสร้างสรรค์และการ
ขยายตัวได้
 นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ใครๆ ก็สามารถเรียนรู้วิธีเปลี่ยนไปสู่กรอบความคิดแบบการเติบโตได้
แม้กระทั่งทีมที่ติดอยู่ในกรอบความคิดแบบตายตัว
ทฤษฎีเกี่ยวกับกรอบความคิดของแครอล ดเว็ค
 ขั้นแรก เรามากาหนดกรอบความคิดของเราก่อน ดร. ดเว็ค กล่าวไว้ว่า คนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมที่
สอดคล้องกับกรอบความคิดแบบใดแบบหนึ่ง: แบบตายตัว หรือแบบเติบโต
 ผู้ที่มีกรอบความคิดแบบตายตัวจะคิดว่าเป็นคุณลักษณะมีมาแต่กาเนิด ทุกสถานการณ์คือการยืนยัน
ถึงความฉลาด บุคลิกภาพ หรืออุปนิสัยของพวกเขา สรุปว่า ผู้ที่มีกรอบความคิดแบบตายตัวคิดว่า
ความสาเร็จขึ้ นอยู่กับความถนัด ความฉลาด ความเก่งอะไรบางอย่าง มันคือสิ่งที่มันเป็ นอยู่แล้ว
 ผู้ที่มีกรอบความคิดแบบเติบโตเชื่อว่า ความสาเร็จนั้นถูกกาหนดโดยความพยายาม
 ใน Ted Talk ของเธอ Dweck อธิบายว่า คาที่สามารถกาหนดกรอบความคิดแบบการเติบโตคือ ฉันยัง
ไม่ได้เรียนรู้วิธีทาสิ่งนั้น ฉันยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องนั้น ฉันยังไม่เข้าใจเรื่องนั้น
 ทุกอุปสรรคให้โอกาสในการเรียนรู้ บุคคลที่มีกรอบความคิดแบบเติบโต จะฟื้ นตัวจากความผิดพลาด
ได้อย่างรวดเร็ว โดยตระหนักว่า ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
 Dweck กล่าวว่า ทัศนคติเหล่านี้ เริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อพวกเราส่วนใหญ่ยังเรียนอยู่ในชั้น
ประถมศึกษา ด้วยกรอบความคิดแบบเติบโต พวกนักเรียนเข้าใจว่า พรสวรรค์และความสามารถ
ของตนเองสามารถพัฒนาได้ ผ่านความพยายาม การสอนที่ดี และความพากเพียร และ พวกเขา
ไม่ได้คิดว่าทุกคนต้องเหมือนกัน หรือใครๆ ก็เป็นไอน์สไตน์ได้ แต่พวกเขาเชื่อว่า ทุกคนจะฉลาดขึ้ น
ได้ หากพวกเขาได้ลงมือทา
ทีมก็มีกรอบความคิดเช่นกัน
 ในบทความที่ Dweck ร่วมประพันธ์ให้กับ Harvard Business Review เธอและเพื่อนร่วมงานได้อธิบาย
ว่า ในที่ทางาน ผู้จัดการและวัฒนธรรมองค์กรมักจะส่งสัญญาณให้พนักงานทราบว่า แนวคิด
ประเภทใดที่มีคุณค่าต่องาน เช่น พนักงานควรให้ความสาคัญเป็นเอกเทศ หรือเปิดรับสิ่งใหม่ๆ
 กุญแจสาคัญคือ การปลูกฝังวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นไปที่การได้รับความรู้และการขยายชุดทักษะ แทนที่
จะให้รางวัลแก่ "พนักงานระดับดาว"
 Dweck อธิบายดังนี้ : เมื่อทั้งบริษัทยอมรับกรอบแนวคิดแบบการเติบโต พนักงานจะรู้สึกมีพลังและ
ความมุ่งมั่นมากขึ้ น ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรมากขึ้ น สาหรับการทางานร่วมกันและการสร้าง
นวัตกรรม
กรอบความคิดใดที่ขับเคลื่อนทีมของคุณ?
 คุณจะบอกได้อย่างไรว่า คนของคุณมีกรอบความคิดแบบเติบโต?
 มี "T" สี่ตัวที่คุณสามารถใช้เพื่อค้นหา
การติดตามและความไว้วางใจ (Tracking vs. trust)
 ทีมประเมินประสิทธิภาพการผลิตและมูลค่าที่เพิ่มขึ้ นอย่างไร?
 การติดตาม (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวัดผลลัพธ์ ชั่วโมงการทางาน และกล่องกาเครื่องหมาย) หรือความ
ไว้วางใจ (ซึ่งขึ้ นอยู่กับความเชื่อที่ว่า เพื่อนร่วมทีมจะทางานในสิ่งที่สาคัญและจาเป็น เนื่องจากทุก
คนทางานเพื่อการแบ่งปัน และมีเป้าหมายร่วม)
 กรอบความคิดที่ตายตัวในทีมปรากฏออกมา เมื่อผู้คนมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ทาเสร็จแล้ว ส่วนกรอบ
ความคิดแบบเติบโตคือ สมาชิกในทีมยอมรับความไว้วางใจ และมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบ (outcomes)
แทนที่จะเป็นผลลัพธ์ (outputs)
จากบนลงล่างเทียบกับความโปร่งใส (Top-down vs. transparency)
 ข่าวสารไหลเวียนภายในทีมและบริษัทของคุณอย่างไร?
 แนวทางจากบนลงล่างหมายความว่าการตัดสินใจ ความรับผิดชอบ และลาดับความสาคัญจะถูก
ตัดสินใจโดยผู้ที่อยู่ในตาแหน่งผู้นาระดับสูง แนวทางที่โปร่งใสหมายความว่า ทุกคนสามารถเข้าถึง
ข้อมูลสาคัญที่จาเป็นสาหรับการตัดสินใจ และใช้ในการจัดลาดับความสาคัญได้
 กรอบความคิดแบบตายตัวจะให้กระแสข้อมูลจากบนลงล่าง ในขณะที่กรอบความคิดแบบเติบโตจะ
ให้ความสาคัญกับความโปร่งใส โดยไว้วางใจว่าสมาชิกทุกคนในทีม มีบางสิ่งที่มีคุณค่าที่จะสนับสนุน
การทางานส่วนรวมอยู่ในมือ
การนากรอบความคิดการเติบโตเป็นทีมมาใช้ประโยชน์
 หากต้องการเปลี่ยนทีมของคุณไปสู่กรอบความคิดแบบเติบโต ให้ทาตามเคล็ดลับสี่ข้อดังนี้
1. เริ่มอย่างช้า ๆ (Start slow)
 บางทีมประสบความสาเร็จในการทางานด้วยกรอบความคิดที่ตายตัว โดยเฉพาะทีมที่มีหน้าที่และ
ขั้นตอนการทางานที่คาดเดาได้ หากสิ่งนั้นเป็ นจริงสาหรับทีมของคุณ อาจไม่เหมาะสมที่จะเรียกร้อง
ให้มีการยกเครื่องวิธีการทางานใหม่ทั้งหมด แต่คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ
น้อยๆ เพื่อปลูกฝังกรอบความคิดแบบเติบโต
 จุดเริ่มต้นที่ง่ายอย่างหนึ่งคือการแบ่งปันข้อมูล แม้ว่าจะมีหน้าที่หรือขั้นตอนการทางานที่แน่นอน การ
ให้ข้อมูลแก่ทุกคนในทีมและบริษัท เกี่ยวกับวิธีการทางาน จะทาให้ทีมของคุณพร้อมสาหรับการ
เติบโต
2. วัดผลลัพธ์ ไม่ใช่จานวนชั่วโมง (Measure outcomes, not hours)
 บุคคลที่มีกรอบความคิดแบบเติบโตชอบการถูกตัดสินจากผลลัพธ์ ไม่ใช่ตัวชี้ วัดที่ไร้สาระ เช่น ชั่วโมง
การทางาน มีคาเรียกสิ่งนี้ ด้วยว่า: การทางานโดยอาศัยความไว้วางใจ (trust-based working)
 Dr. Michael Ilgner หัวหน้าฝ่ ายทรัพยากรบุคคลระดับโลกของ Deutsche Bank อธิบายในการให้
สัมภาษณ์กับ World Economic Forum ว่า วิธีเก่าคือการที่ผู้คนเข้ามา ทางานตามเวลา แล้วจากไป แต่
ด้วยวิธีใหม่นี้ คุณจะมอบความรับผิดชอบให้กับผู้คน - 'ภายในพรุ่งนี้ เราต้องการให้กลยุทธ์นั้นเสร็จ'
- จากนั้นปล่อยให้พวกเขาใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
3. จากค่าเริ่มต้นไปสู่ความโปร่งใส (Default to transparency)
 ด้วยการเข้าถึงข้อมูลแบบเปิ ดจะช่วยให้ทีมของคุณทางานได้ดีขึ้ น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ความลับเป็น
การทาลายแรงจูงใจอย่างดีที่สุด ทาให้การทางานช้าลง เนื่องจากผู้คนรอการอนุญาตในการเข้าถึงไฟล์
 เอกสารทุกฉบับในทีมของคุณหรือพื้นที่บรรจบกันของบริษัทนั้น เป็นสิ่งที่สมาชิกในทีมและเพื่อน
ร่วมงานคนอื่นๆ สามารถดูได้ (เว้นแต่คุณจะเลือกที่จะจากัดการเข้าถึง) สิ่งนี้ ช่วยให้ทีมตัดสินใจได้
เร็วขึ้ น และทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้ น
 แน่นอน คุณสามารถใช้การตั้งค่าการอนุญาตเพื่อทาให้เอกสารที่จาเป็ นเป็ นการส่วนตัวได้ แต่ระบบที่
ดีทาให้คุณไม่ต้องกังวลว่า เพื่อนร่วมงานจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เขาต้องการได้
4. การออกแบบเพื่อนวัตกรรม (Design for innovation)
 กรอบความคิดในการเติบโตในทีมของคุณกระตุ้นให้บุคคลพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนั่นเป็นสิ่งที่ดี
สาหรับธุรกิจของคุณ เนื่องจากบริษัทต่างๆ จะต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่รอดได้
 กรอบความคิดแบบตายตัวจะแสดงออกมเป็นความกลัวในการลองสิ่งใหม่ๆ เนื่องจากอาจเกิดความ
ล้มเหลวได้ แต่จริงๆ แล้ว ความล้มเหลวคือสิ่งที่ควรยกย่อง เพราะมันนาไปสู่การเติบโต
 คุณส่งเสริมนวัตกรรมได้โดยการออกแบบโอกาสในการสร้างสรรค์ การสนับสนุนให้พนักงานทางาน
นอกเขตความสะดวกสบายของตนโดยไม่ต้องกลัวผลที่ตามมา นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการ
ปลูกฝังกรอบความคิดแบบการเติบโต
—Carol Dweck

More Related Content

Similar to กรอบความคิดแบบเติบโต Growth Mindset.pdf

การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly
การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly  การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly
การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly maruay songtanin
 
คุณสมบัติผู้นำ Leadership competencies
คุณสมบัติผู้นำ Leadership competenciesคุณสมบัติผู้นำ Leadership competencies
คุณสมบัติผู้นำ Leadership competenciesmaruay songtanin
 
29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets
29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets 29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets
29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets maruay songtanin
 
10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr...
 10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr... 10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr...
10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr...maruay songtanin
 
การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation
การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation
การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation maruay songtanin
 
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win maruay songtanin
 
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...maruay songtanin
 
งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1
งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1
งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1pattaranan
 
Chapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การ
Chapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การChapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การ
Chapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การwanna2728
 
การพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จ
การพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จการพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จ
การพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จmarkable33
 
How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้
How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้
How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้Perus Saranurak
 
Motivate people getting beyond money
Motivate people getting beyond moneyMotivate people getting beyond money
Motivate people getting beyond moneyPuttasak
 
กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy
กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy  กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy
กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy maruay songtanin
 
Creative design thinking
Creative design thinkingCreative design thinking
Creative design thinkingHim Chitchat
 
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdfOKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdfmaruay songtanin
 
การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7 managing for innova...
การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7   managing for innova...การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7   managing for innova...
การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7 managing for innova...maruay songtanin
 

Similar to กรอบความคิดแบบเติบโต Growth Mindset.pdf (20)

การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly
การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly  การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly
การสร้างนวัตกรรมชั่วพริบตา Innovation on the fly
 
คุณสมบัติผู้นำ Leadership competencies
คุณสมบัติผู้นำ Leadership competenciesคุณสมบัติผู้นำ Leadership competencies
คุณสมบัติผู้นำ Leadership competencies
 
29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets
29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets 29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets
29 ความลับผู้นำ 29 leadership secrets
 
10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr...
 10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr... 10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr...
10 คำถามยอดฮิต (ติดอันดับตอบยาก) The 10 Toughest Aspects (of the Baldrige Cr...
 
Oganization Culture
Oganization CultureOganization Culture
Oganization Culture
 
การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation
การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation
การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ Strategy implementation
 
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ The right to win
 
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...
 
งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1
งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1
งานนำเสนอผู้มีหัวใจพัฒนาตนเอง1
 
Chapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การ
Chapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การChapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การ
Chapter 4 แนวคิดการพัฒนาองค์การ
 
Km cream
Km creamKm cream
Km cream
 
การพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จ
การพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จการพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จ
การพัฒนากรอบความคิด(Mindset)สู่ความสำเร็จ
 
Reflective coaching
Reflective coachingReflective coaching
Reflective coaching
 
How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้
How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้
How to Design Knowledge Toolkit - การออกแบบชุดสื่อเรียนรู้
 
Motivate people getting beyond money
Motivate people getting beyond moneyMotivate people getting beyond money
Motivate people getting beyond money
 
Introduction to Knowledge Management
Introduction to Knowledge ManagementIntroduction to Knowledge Management
Introduction to Knowledge Management
 
กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy
กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy  กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy
กลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์องค์กร Strategy
 
Creative design thinking
Creative design thinkingCreative design thinking
Creative design thinking
 
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdfOKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
OKRs วัดสิ่งที่สำคัญ OKRs Measure What Matters.pdf
 
การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7 managing for innova...
การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7   managing for innova...การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7   managing for innova...
การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม Baldrige awareness series 7 managing for innova...
 

More from maruay songtanin

400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
395 มณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
393 วิฆาสาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
392 อุปสิงฆปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
 
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
391 ปัพพชิตวิเหฐกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
 
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
390 มัยหกสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
383 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
381 มิคาโลปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
379 เนรุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

กรอบความคิดแบบเติบโต Growth Mindset.pdf

  • 2. Adapted from: How to help your team develop a growth mindset - Work Life by Atlassian PUBLISHED AUGUST 19, 2022 IN LEADERSHIP Teams with growth mindsets worry less about looking smart and more about learning.
  • 3. โดยย่อ • จากการวิจัยของ ดร. แครอล ดเว็ค (Carol Dweck) เรื่องกรอบความคิดแบบตายตัวและกรอบ ความคิดแบบเติบโต (fixed and growth mindsets) ทาให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรมที่หลากหลายของแต่ ละบุคคล • การค้นพบนี้ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของทีมด้วย และในสถานที่ทางานก็จะได้รับประโยชน์จากการ ระบุกรอบความคิดที่โดดเด่นของทีม และเปลี่ยนไปสู่มุมมองที่คานึงถึงการเติบโต
  • 4. ทีมที่มีผลงานสูง  ทีมที่มีผลงานสูงที่คุณเคยพบในอาชีพการงานของคุณ เป็นไปได้ว่า พวกเขามีบางสิ่งที่เหมือนกัน  ลักษณะเหล่านี้ ฟังดูคุ้นเคยหรือไม่? ▪ พวกเขาไม่กลัวที่จะเสี่ยง แม้ว่าเดิมพันจะสูงก็ตาม ▪ พวกเขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ ได้รับโอกาสในการเพิ่มทักษะและพิสูจน์ตัวเอง ▪ พวกเขาไม่ได้ผูกพันกับวิธีการทางานแบบเดิม ๆ มากนัก แต่กระตือรือร้นที่จะลองใช้กระบวนการ เครื่องมือ หรือวิธีการใหม่ๆ แทน  คุณลักษณะทั้งหมดเหล่านี้ จัดอยู่ในหมวดหมู่เดียว: กรอบความคิดแบบเติบโต (growth mindset)
  • 5. กรอบความคิดแบบตายตัวกับกรอบความคิดแบบเติบโต  การศึกษาเรื่องกรอบความคิดแบบตายตัวกับกรอบความคิดแบบเติบโตในแต่ละบุคคล ซึ่งริเริ่มโดย ศาสตราจารย์ ดร. แครอล ดเว็ค (Professor Dr. Carol Dweck) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีข้อมูล เชิงลึกที่น่าสนใจว่า ความเชื่อของเรากาหนดพฤติกรรม ระดับของความพยายาม ความสามารถใน การจัดการกับความล้มเหลว และความสาเร็จหรือความล้มเหลวของเรา  การใช้แนวคิดเดียวกันนี้ เมื่อใช้กับทีม สามารถช่วยสร้างวัฒนธรรมแห่งความคิดสร้างสรรค์และการ ขยายตัวได้  นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ใครๆ ก็สามารถเรียนรู้วิธีเปลี่ยนไปสู่กรอบความคิดแบบการเติบโตได้ แม้กระทั่งทีมที่ติดอยู่ในกรอบความคิดแบบตายตัว
  • 6. ทฤษฎีเกี่ยวกับกรอบความคิดของแครอล ดเว็ค  ขั้นแรก เรามากาหนดกรอบความคิดของเราก่อน ดร. ดเว็ค กล่าวไว้ว่า คนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมที่ สอดคล้องกับกรอบความคิดแบบใดแบบหนึ่ง: แบบตายตัว หรือแบบเติบโต  ผู้ที่มีกรอบความคิดแบบตายตัวจะคิดว่าเป็นคุณลักษณะมีมาแต่กาเนิด ทุกสถานการณ์คือการยืนยัน ถึงความฉลาด บุคลิกภาพ หรืออุปนิสัยของพวกเขา สรุปว่า ผู้ที่มีกรอบความคิดแบบตายตัวคิดว่า ความสาเร็จขึ้ นอยู่กับความถนัด ความฉลาด ความเก่งอะไรบางอย่าง มันคือสิ่งที่มันเป็ นอยู่แล้ว
  • 7.  ผู้ที่มีกรอบความคิดแบบเติบโตเชื่อว่า ความสาเร็จนั้นถูกกาหนดโดยความพยายาม  ใน Ted Talk ของเธอ Dweck อธิบายว่า คาที่สามารถกาหนดกรอบความคิดแบบการเติบโตคือ ฉันยัง ไม่ได้เรียนรู้วิธีทาสิ่งนั้น ฉันยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องนั้น ฉันยังไม่เข้าใจเรื่องนั้น  ทุกอุปสรรคให้โอกาสในการเรียนรู้ บุคคลที่มีกรอบความคิดแบบเติบโต จะฟื้ นตัวจากความผิดพลาด ได้อย่างรวดเร็ว โดยตระหนักว่า ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
  • 8.  Dweck กล่าวว่า ทัศนคติเหล่านี้ เริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อพวกเราส่วนใหญ่ยังเรียนอยู่ในชั้น ประถมศึกษา ด้วยกรอบความคิดแบบเติบโต พวกนักเรียนเข้าใจว่า พรสวรรค์และความสามารถ ของตนเองสามารถพัฒนาได้ ผ่านความพยายาม การสอนที่ดี และความพากเพียร และ พวกเขา ไม่ได้คิดว่าทุกคนต้องเหมือนกัน หรือใครๆ ก็เป็นไอน์สไตน์ได้ แต่พวกเขาเชื่อว่า ทุกคนจะฉลาดขึ้ น ได้ หากพวกเขาได้ลงมือทา
  • 9. ทีมก็มีกรอบความคิดเช่นกัน  ในบทความที่ Dweck ร่วมประพันธ์ให้กับ Harvard Business Review เธอและเพื่อนร่วมงานได้อธิบาย ว่า ในที่ทางาน ผู้จัดการและวัฒนธรรมองค์กรมักจะส่งสัญญาณให้พนักงานทราบว่า แนวคิด ประเภทใดที่มีคุณค่าต่องาน เช่น พนักงานควรให้ความสาคัญเป็นเอกเทศ หรือเปิดรับสิ่งใหม่ๆ  กุญแจสาคัญคือ การปลูกฝังวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นไปที่การได้รับความรู้และการขยายชุดทักษะ แทนที่ จะให้รางวัลแก่ "พนักงานระดับดาว"  Dweck อธิบายดังนี้ : เมื่อทั้งบริษัทยอมรับกรอบแนวคิดแบบการเติบโต พนักงานจะรู้สึกมีพลังและ ความมุ่งมั่นมากขึ้ น ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรมากขึ้ น สาหรับการทางานร่วมกันและการสร้าง นวัตกรรม
  • 11. การติดตามและความไว้วางใจ (Tracking vs. trust)  ทีมประเมินประสิทธิภาพการผลิตและมูลค่าที่เพิ่มขึ้ นอย่างไร?  การติดตาม (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวัดผลลัพธ์ ชั่วโมงการทางาน และกล่องกาเครื่องหมาย) หรือความ ไว้วางใจ (ซึ่งขึ้ นอยู่กับความเชื่อที่ว่า เพื่อนร่วมทีมจะทางานในสิ่งที่สาคัญและจาเป็น เนื่องจากทุก คนทางานเพื่อการแบ่งปัน และมีเป้าหมายร่วม)  กรอบความคิดที่ตายตัวในทีมปรากฏออกมา เมื่อผู้คนมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ทาเสร็จแล้ว ส่วนกรอบ ความคิดแบบเติบโตคือ สมาชิกในทีมยอมรับความไว้วางใจ และมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบ (outcomes) แทนที่จะเป็นผลลัพธ์ (outputs)
  • 12. จากบนลงล่างเทียบกับความโปร่งใส (Top-down vs. transparency)  ข่าวสารไหลเวียนภายในทีมและบริษัทของคุณอย่างไร?  แนวทางจากบนลงล่างหมายความว่าการตัดสินใจ ความรับผิดชอบ และลาดับความสาคัญจะถูก ตัดสินใจโดยผู้ที่อยู่ในตาแหน่งผู้นาระดับสูง แนวทางที่โปร่งใสหมายความว่า ทุกคนสามารถเข้าถึง ข้อมูลสาคัญที่จาเป็นสาหรับการตัดสินใจ และใช้ในการจัดลาดับความสาคัญได้  กรอบความคิดแบบตายตัวจะให้กระแสข้อมูลจากบนลงล่าง ในขณะที่กรอบความคิดแบบเติบโตจะ ให้ความสาคัญกับความโปร่งใส โดยไว้วางใจว่าสมาชิกทุกคนในทีม มีบางสิ่งที่มีคุณค่าที่จะสนับสนุน การทางานส่วนรวมอยู่ในมือ
  • 14. 1. เริ่มอย่างช้า ๆ (Start slow)  บางทีมประสบความสาเร็จในการทางานด้วยกรอบความคิดที่ตายตัว โดยเฉพาะทีมที่มีหน้าที่และ ขั้นตอนการทางานที่คาดเดาได้ หากสิ่งนั้นเป็ นจริงสาหรับทีมของคุณ อาจไม่เหมาะสมที่จะเรียกร้อง ให้มีการยกเครื่องวิธีการทางานใหม่ทั้งหมด แต่คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อปลูกฝังกรอบความคิดแบบเติบโต  จุดเริ่มต้นที่ง่ายอย่างหนึ่งคือการแบ่งปันข้อมูล แม้ว่าจะมีหน้าที่หรือขั้นตอนการทางานที่แน่นอน การ ให้ข้อมูลแก่ทุกคนในทีมและบริษัท เกี่ยวกับวิธีการทางาน จะทาให้ทีมของคุณพร้อมสาหรับการ เติบโต
  • 15. 2. วัดผลลัพธ์ ไม่ใช่จานวนชั่วโมง (Measure outcomes, not hours)  บุคคลที่มีกรอบความคิดแบบเติบโตชอบการถูกตัดสินจากผลลัพธ์ ไม่ใช่ตัวชี้ วัดที่ไร้สาระ เช่น ชั่วโมง การทางาน มีคาเรียกสิ่งนี้ ด้วยว่า: การทางานโดยอาศัยความไว้วางใจ (trust-based working)  Dr. Michael Ilgner หัวหน้าฝ่ ายทรัพยากรบุคคลระดับโลกของ Deutsche Bank อธิบายในการให้ สัมภาษณ์กับ World Economic Forum ว่า วิธีเก่าคือการที่ผู้คนเข้ามา ทางานตามเวลา แล้วจากไป แต่ ด้วยวิธีใหม่นี้ คุณจะมอบความรับผิดชอบให้กับผู้คน - 'ภายในพรุ่งนี้ เราต้องการให้กลยุทธ์นั้นเสร็จ' - จากนั้นปล่อยให้พวกเขาใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
  • 16. 3. จากค่าเริ่มต้นไปสู่ความโปร่งใส (Default to transparency)  ด้วยการเข้าถึงข้อมูลแบบเปิ ดจะช่วยให้ทีมของคุณทางานได้ดีขึ้ น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ความลับเป็น การทาลายแรงจูงใจอย่างดีที่สุด ทาให้การทางานช้าลง เนื่องจากผู้คนรอการอนุญาตในการเข้าถึงไฟล์  เอกสารทุกฉบับในทีมของคุณหรือพื้นที่บรรจบกันของบริษัทนั้น เป็นสิ่งที่สมาชิกในทีมและเพื่อน ร่วมงานคนอื่นๆ สามารถดูได้ (เว้นแต่คุณจะเลือกที่จะจากัดการเข้าถึง) สิ่งนี้ ช่วยให้ทีมตัดสินใจได้ เร็วขึ้ น และทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้ น  แน่นอน คุณสามารถใช้การตั้งค่าการอนุญาตเพื่อทาให้เอกสารที่จาเป็ นเป็ นการส่วนตัวได้ แต่ระบบที่ ดีทาให้คุณไม่ต้องกังวลว่า เพื่อนร่วมงานจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เขาต้องการได้
  • 17. 4. การออกแบบเพื่อนวัตกรรม (Design for innovation)  กรอบความคิดในการเติบโตในทีมของคุณกระตุ้นให้บุคคลพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนั่นเป็นสิ่งที่ดี สาหรับธุรกิจของคุณ เนื่องจากบริษัทต่างๆ จะต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่รอดได้  กรอบความคิดแบบตายตัวจะแสดงออกมเป็นความกลัวในการลองสิ่งใหม่ๆ เนื่องจากอาจเกิดความ ล้มเหลวได้ แต่จริงๆ แล้ว ความล้มเหลวคือสิ่งที่ควรยกย่อง เพราะมันนาไปสู่การเติบโต  คุณส่งเสริมนวัตกรรมได้โดยการออกแบบโอกาสในการสร้างสรรค์ การสนับสนุนให้พนักงานทางาน นอกเขตความสะดวกสบายของตนโดยไม่ต้องกลัวผลที่ตามมา นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการ ปลูกฝังกรอบความคิดแบบการเติบโต