SlideShare a Scribd company logo
Menu (สารบัญ)
• ที่มาและความสาคัญ
• วัตถุประสงค์ • ผลที่คาดว่าจะได้รับ
• ปัญหาเด็กไม่กินผักของเด็กไทย • สาเหตุ • วิธีที่จะช่วยให้เด็ดรับประทานผักมากขึ้น
• การศึกษาวิจัย • การสารวจเชิงสถิติ • เรียนรู้ว่าลูกชอบผักชนิดไหน
• ประโยชน์ของผักผลไม้5สี • ประโยชน์ของผักผลไม้สีเขียว
• ประโยชน์ของผักผลไม้สีแดง • ประโยชน์ของผักผลไม้สีเหลืองและส้ม
• ประโยชน์ของผักผลไม้สีม่วงและม่วงอมน้าเงิน
• ประโยชน์ของผักผลไม้สีขาวจนถึงน้าตาลอ่อน
• อันตรายจากการไม่กินผัก : เป็นรอยช้าง่าย • ท้องผูกบ่อยๆ • หิวบ่อยในระหว่างวัน • น้าหนักขึ้น
• ป่วยง่าย • ตัวอย่างเมนูอาหาร • วิดีโอนิทานน้องเป็ดอินดี้
เนื่องจากเด็กไทยในปัจจุบันมักไม่ค่อยชอบที่จะรับประทานผัก รับประทานผักยาก บางคนก็ไม่รับประทานเลย
รวมไปถึงเจ้าของโครงงานด้วยที่ไม่ค่อยชอบรับประทานผัก ซึ่งการไม่รับประทานผักนั้นไม่ถือเป็นผลดีแต่อย่างใด จะทาให้
ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน บางครั้งอาจทาให้ขับถ่ายยาก ท้องผูก โดยเฉพาะในเด็กเล็กและพ่อแม่ผู้ปกครองของ
บางบ้านก็ไม่รู้จะทาอย่างไรดีให้ลูกๆเด็กๆหันมารับประทานผัก จึงตัดสินใจทาโครงงานของเรื่องนี้ขึ้นมา การรับประทานผักมี
ความสาคัญอย่างมาก เพราะถ้าหากไม่รับประทานผักนั้น จะทาให้เด็กไทยป่วยได้ง่าย เพราะปัจจุบันคนไทย หรือเด็กไทย
รับประทานผักเฉลี่ยวันละประมาณ 186 กรัมต่อวันเท่านั้น ขณะที่องค์การอนามัยโลกแนะนาให้ผู้บริโภครับประทานผัก
ผลไม้วันละประมาณ 400 กรัม ซึ่งเท่ากับว่าคนไทยบริโภคผักผลไม้เพียงประมาณหนึ่งใน สามของที่ควรจะได้รับเท่านั้น ซึ่ง
ผักนั้นทาให้เราได้รับ วิตามินและเกลือแร่ และนอกจากนั้นเรายังจะได้ รับเส้นใย อาหารที่ช่วยจับไขมันและสารพิษต่างๆ ที่
เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรงเช่น มะเร็ง ออกไปจากร่างกาย จึงตัดสินใจทาโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนในสังคมมีทางเลือกใน
การรับประทานผักมาก
1.เพื่อให้เด็กไทยมีทางเลือกในการรับประทานผักมากยิ่งขึ้น
2.เพื่อให้เด็กไทยและพ่อแม่ผู้ปกครองตระหนักถึงประโยชน์ของการรับประทานผัก
3.เพื่อให้เด็กไทยและพ่อแม่ผู้ปกครองตระหนักถึงโทษที่จะตามมาหากไม่รับประทานผัก
4.เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีวิธีแก้ไขปัญหาลูกๆไม่ยอมรับประทานผัก
เกิดความตระหนักถึงประโยชน์ของการรับประทานผักและโทษของการไม่รับประทานผัก พ่อแม่
ผู้ปกครองมีทางเลือกในการประกอบอาหารต่างๆให้ลูกๆรับประทานผักมากยิ่งขึ้น เด็กๆสามารถ
รับประทานผักได้เยอะมากยิ่งขึ้น
ปัญหาเด็กไม่กินผักเป็นปัญหาใหญ่ของเด็กไทยจานวนมาก ทางสานักโภชนาการกระทรวง
สาธารณสุขออกมาเปิดเผยว่า เด็กไทยกว่า 90% กินผักผลไม้น้อย โดยทาการสารวจสุขภาพ
ประชาชนไทยด้านโภชนาการ ปี 2551-2552 พบว่ากลุ่มเด็กอายุ 6-14 ปี มีเพียงร้อยละ 6.8
หรือ 3 แสนคนเท่านั้นที่กินผักผลไม้ ได้ตามเกณฑ์ และนั่นหมายความว่า เด็กยิ่งเล็กยิ่งบริโภคผัก
น้อยลงไปอีก พ่อแม่ ผู้ปกครองหรือคนในครอบครัว มีบทบาทสาคัญในการส่งเสริมให้ลูกกินผักและ
ผลไม้ ดังนั้นจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารของตัวเองและครอบครัวให้ได้ก่อน จากนั้นก็
เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ในการปลูกฝังและฝึกฝนให้ลูกได้กินผักและผลไม้ที่หลากหลายตั้งแต่วัยทารก ก็
จะส่งผลให้ลูกสามารถกินผักและผลไม้ได้หลากหลายเมื่อโตขึ้น ยิ่งขึ้น
ปัญหาเด็กไม่กินผักของเด็กไทย
ผลการวิจัยจากโกลบอลไฟโตนิวเทรียนท์ พบ 3 ใน 4 ของประชากรกลุ่ม ผู้ใหญ่จากทั่วโลก
รับประทานผักและ ผลไม้ต่ากว่าเกณฑ์มาตรฐานเกิน 1 เท่าตัว ค้านกระแสสุขภาพดีมาแรง ผู้เชี่ยวชาญ
แนะเพิ่มปริมาณและสีสัน ผักผลไม้ต่อวันเพื่อสุขภาพแข็งแรง รองศาสตราจารย์ ‘ดร.สิริชัย อดิศักดิ์วัฒนา’
คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า“ประเทศไทยมีการสารวจสถิติการรับประทานผัก
และผลไม้ ในช่วง พ.ศ. 2550-2554 โดยปริมาณการรับประทานผักและผลไม้ที่แนะนาในแต่ละวันคือ
400 กรัมต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก (WHO) แต่พบว่า ประชากรไทย
ร้อยละ 70 ของกลุ่มประชากรที่สารวจ มีการรับประทานผักและผลไม้น้อยกว่าปริมาณที่แนะนาในแต่ละ
วัน ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีผักที่รับประทานได้ถึง 330 ชนิด รวมทั้งผักพื้นบ้านด้วย สาเหตุที่คนไทย
รับประทานผักและผลไม้ต่ากว่าเกณฑ์เกิดจากสภาพสังคมไทย ในปัจจุบัน ซึ่งปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
เวลาส่วนใหญ่มักอยู่กับการทางานและมีเวลาค่อนข้างจากัด รวมถึงการเลือกชนิดของอาหาร และอาหาร
จานด่วนส่วนใหญ่มักมีส่วนประกอบของผักและผลไม้ค่อนข้างน้อย ประชาชนทั่วไปจึงสะดวก ในการเลือก
ซื้ออาหารประเภทดังกล่าวมากกว่าคานึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีผักและ
ผลไม้ที่เป็นองค์ประกอบหลัก
ปัญหาเด็กไม่กินผักของเด็กไทย
ใครๆก็ทราบดีว่าผักและผลไม้นั้นมีประโยชน์ อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินมากมาย ซึ่ง
นอกจากแร่ธาตุที่กล่าวไปแล้ว ผักและผลไม้ยังจัดว่าเป็นอาหารที่มีสารอาหารในกลุ่ม ไฟโตนิว
เทรียนท์สูง ซึ่งไฟโตนิวเทรียนท์ หรือเรียกแบบไทยๆว่า สารพฤกษาเคมี คือ สารอาหารที่ร่างกาย
สร้างขึ้นเองไม่ได้ ต้องได้รับจากพืชเท่านั้น โดยเป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความ
เสื่อม กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยป้ องกันการติดเชื้อและการเกิดโรคต่างๆได้มากมาย จากการ
ศึกษาวิจัยมากมายพบว่าในผักผลไม้แต่ละสี จะมีปริมาณและชนิดของไฟโตนิวเทรียนท์ที่มี
ประโยชน์ต่างกันไป ดังนั้นการที่จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและหลากหลาย จะแนะนาให้
ทานผักและผลไม้หลากสีให้ได้ในปริมาณ 400-500 กรัมต่อวัน
การศึกษาวิจัย
ซึ่งจากการสารวจเชิงสถิติในประเทศไทย คนไทยร้อยละ 80 ทานผักและผลไม้
เพียง 276 กรัมต่อคนต่อวันเท่านั้น และด้วยสภาพอากาศ และการเก็บรักษาหลังการ
เก็บเกี่ยว ทาให้ปริมาณสารอาหารในผักและผลไม้สูญเสียไปมากว่า 20% จึงเป็นเหตุผล
นึงที่ทาให้คนไทยป่วยเป็นโรคต่างๆเพิ่มมากขึ้น
การสารวจเชิงสถิติ
เมื่อพูดถึงสีสันของผักและผลไม้ สีสันเหล่านั้นเป็นสีที่เกิดขึ้นตาม
ธรรมชาติ เป็นเม็ดสีที่พืชสร้างขึ้น ตามแต่ละลักษณะและชนิดของผักผลไม้
นั้นๆ ซึ่งสีเป็นตัวบ่งบอกสารอาหารที่มีแตกต่างกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 5 สี
5 กลุ่มใหญ่ๆได้แก่
สีเขียวในผักและผลไม้มาจากเม็ดสีของสารที่มีชื่อว่า คลอโรฟิลด์ (Chlorophyll) โดย
จะมีตั้งแต่เขียวเข้มจัด ได้แก่ คะน้า สาหร่ายบางชนิด ตาลึง ผักใบเขียวต่างๆ และสีเขียวแบบทั่วไป
เช่น แอปเปิ้ลเขียว ฝรั่ง ผักกาด ซึ่งในผักสีเขียวที่มี คลอโรฟิลด์ (Chlorophyll) นี้เต็มไปด้วย
สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการต่อต้านโรคมะเร็ง ทาให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ช่วยยับยั้งการเกิด
ริ้วรอย นอกจากนี้การทานผักใบเขียวเป็นประจาจะช่วยให้การขับถ่ายดี ลดอากาท้องผูก เนื่องจาก
ผักเหล่านี้มีกากใยสูงมีส่วนช่วยในการลดน้าหนัก เนื่องจากให้พลังงานต่า
สารสีแดงในผักและผลไม้ที่มีสีแดงคือ ไลโคปีน (Cycopene) และ เบตาไซซีน
(Betacycin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนสาคัญในการช่วยป้ องกันการเกิดมะเร็งตามอวัยวะ
ต่างๆในร่างกาย แต่จะเด่นที่สุดคือช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก รองลงมาคือ
มะเร็งปอด และมะเร็งที่กระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เรื่องผิวพรรณ ลดการเกิดสิวและ
ทาให้รอยแผลเป็นจางลงได้อีกด้วย ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีแดงได้แก่ มะเขือเทศ สตรอเบอร์รี่ บีท
รูท เชอรี่ แตงโม เกรพฟรุตสีชมพู ฝรั่งสีชมพู และกระเจี๊ยบแดง
ผักและผลไม้ที่สีเขียวอ่อนและสีเหลืองจะมีสารที่ชื่อว่า ลูทีน (Lutein) อยู่มาก ซึ่งมี
ประโยชน์โดยตรงกับดวงตา ช่วยป้ องกันและชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาในผู้ใหญ่ และมี
ส่วนช่วยในการพัฒนา การมองเห็นในเด็กเล็กได้อีกด้วย สาหรับผักและผลไม้ที่มีสีส้ม จะมีสารเบต้า
แคโรทีน (Betacarotene) ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล,ไขมันในเส้นเลือด ช่วยให้ผิวพรรณ
สดใส รักษาความชุ่มชื่นให้ผิว ลดความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ช่วยส่งเสริมและสร้างภูมิคุ้มกัน
ซึ่งผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลืองและส้มได้แก่ ส้ม แครอท มะละกอ มะนาว สับปะรด ฟักทอง
มันเทศ ขนุน เสาวรส และ ข้าวโพด
สีสันแปลกตาเหล่านี้มาจากสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วย
ทาลายสารที่ทาให้เกิดมะเร็ง ช่วยกระตุ้นการทางานของเซลล์ต่างๆ ชะลอความเสื่อมถอย ลดอัตรา
การเกิดโรคหัวใจ ช่วยยับยั้งเชื้ออีโคไลที่ทาให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ นอกจากนี้ยังช่วยบารุงเส้น
ผมให้เงางามอีกด้วย โดยสารสีม่วงนี้จะพบมากใน มะเขือสีม่วง ลูกแบล็คเบอรี่ บลูเบอรี่ ดอกอัญชัน
กะหล่าปลีที่มีสีม่วง มันเทศสีม่วง และหอมแดง
จะเป็นผักและผลไม้ที่มีสารอาหารที่เรียกว่า แซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารในกลุ่ม
ฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้าตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีสารอื่นๆที่
ประกอบด้วย กรดไซแนปติก (Synaptic acid) และ อัลลิซิน (Allicin) โดยสารเหล่านี้มีฤทธิ์ในการ
ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยป้ องกันโรคความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ผักและ
ผลไม้ที่มีสีขาวจนถึงน้าตาลอ่อนได้แก่ ขิง ข่า กระเทียม กุยช่าย ขึ้นช่าย เซเลอรี่ เห็ด ลูกเดือย หัวไชเท้า
ถั่วเหลือง ดอกกะหล่า ถั่วงอก และงาขาว ส่วนผลไม้ก็ได้แก่ กล้วย สาลี่ พุทรา ลางสาด ลองกอง ลิ้นจี่
ละมุด แห้ว เป็นต้น
อันตรายจากการไม่กินผัก
1.เป็นรอยช้าง่าย : ลองสังเกตว่าเป็นคนที่มีรอยช้าตามตัวได้ง่ายหรือไม่ เช่น เดินชนอะไร
เบาๆก็เกิดรอยช้าเป็นจ้าเลือดแล้ว นั่นหมายถึงว่าร่างกายของคุณอาจกาลังขาดวิตามินซีอยู่
เพราะวิตามินซีมีส่วนสาคัญในการสร้างคอลลาเจนและรักษารอยฟกช้าและบาดแผลต่างๆ
ดังนั้นควรเลือกรับประทานผลไม้จาพวกตระกูลส้มที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น
ส้มเขียวหวาน แอปเปิล หรือผักจาพวกต่างๆเช่น กะหล่าดอก พริกหวาน บล็อกโคลี่ เป็นต้น
อันตรายจากการไม่กินผัก
2.ท้องผูกบ่อยๆ : เกิดขึ้นได้จากการรับประทานอาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอ ซึ่งกากใยเหล่านี้
มีอยู่ในพวกผักและผลไม้ต่างๆ ผลเสียที่ได้รับจากการท้องผูกนอกจากจะทาให้รู้สึกไม่สบาย
ท้อง ไม่สบายตัวแล้ว ยังทาให้มีกลิ่นปาก แผลในปาก และผิวพรรณไม่สดใสอีกด้วย
ดังนั้นควรเลือกรับประทานผักผลไม้ที่ให้กากใยและไฟเบอร์สูงอย่างอะโวคาโด
บล็อกโคลี่ คะน้า ผักบุ้ง ถั่วต่างๆและลูกแพร์ เป็นต้น
อันตรายจากการไม่กินผัก
3.หิวบ่อยในระหว่างวัน : หากมีอาการหิวบ่อยครั้งในระหว่างวันทั้งๆที่ก็รับประทาน
อาหารครบทุกมื้อ นั่นอาจเป็นเพราะอาหารที่รับประทานมีไฟเบอร์น้อยเกินไป ไฟเบอร์นั้น
นอกจากจะดีต่อระบบย่อยอาหารแล้วยังช่วยทาให้คุณอิ่มได้นานขึ้นอีกด้วย
อันตรายจากการไม่กินผัก
4.น้าหนักขึ้นทั้งๆที่ควบคุมอาหารอยู่ : เป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยจะดีนักหากอยู่ในช่วงได
เอทแต่น้าหนักนั้นพุ่งขึ้นสวนทาง ถึงแม้คุณจะเลือกรับประทานอาหารประเภทคาร์บ
เนื้อสัตว์ และอาหารที่มีไขมันต่า แต่นั่นก็ไม่ช่วยทาให้อิ่มยาวนานขึ้น อาจจะกินบ่อย
กว่าเดิมด้วยซ้า ลองเพิ่มเมนูผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงลงไปในเมนูไดเอทด้วย นอกจาก
จะอิ่มได้นานขึ้นแล้ว ผักผลไม้บางชนิดยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะทาให้
ผิวพรรณสดใสขึ้นได้อีกด้วย
อันตรายจากการไม่กินผัก
5.ป่วยง่ายไม่สบายบ่อย : นอกจากอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการ
ที่ทาให้เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อยครั้ง การขาดภูมิคุ้นกันร่างกายก็เป็นอีกส่วนหนึ่งสาคัญเช่นกัน
ลองมองย้อนกลับไปดูว่าในแต่ละมื้อที่รับประทานเข้าไปมีผักเพียงพอหรือไม่ เพราะผักมี
วิตามินและแร่ธาตุต่างๆหลายชนิดที่จะไปช่วยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายทางานได้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยส่วนมากเด็กมักจะไม่ชอบรับประทานผัก เพราะพวกเขาอาจจะคิดว่าผักมีรสขม
ไม่อร่อย ถ้าเด็กไม่ได้เกิดความชอบด้วยตนเองมาตั้งแต่แรก ก็อาจจะยากที่จะทาให้เด็กกินผัก
ได้ อาจต้องเริ่มจากผู้ปกครองต้องลองหาวิธีให้บุตรของตนเองรับประทานผักมากขึ้น เพื่อ
สุขภาพร่างกายของเด็กเอง
สาเหตุ
1. อย่าจริงจังเกินไป เริ่มแรกไม่จาเป็นต้องกินให้หมดจาน ถ้าเด็กชอบ
รับประทานบางชนิดก็ให้เด็กค่อยๆทานไป แล้วค่อยๆเพิ่มไปตามความชิน ถ้า
กดดันเกินไปอาจทาให้เด็กฝังใจและรับประทานผักยากกว่าเดิม ลองใช้นิทาน
หรือการ์ตูนเป็นตัวช่วย อาจช่วยในการรับประทานได้มากขึ้น
2. เริ่มต้นอาหารเสริมด้วยผักผลไม้ การเริ่มต้นอาหารเสริมในวัย 6-
12 เดือน ส่งผลอย่างมากต่อนิสัยการกินของเด็ก เพราะหลังจาก 12 เดือน
เป็นต้นไป เด็กจะมีนิสัยเลือกกินมากขึ้น และก็ยากพอสมควรที่จะให้ลูกเริ่ม
กินผักผลไม้ในช่วงนี้ช่วง 6-12 เดือน ควรจะเริ่มจากผัก ผลไม้ที่มีรสชาติและ
สัมผัสที่หลากหลายจะทาให้เด็กคุ้นเคยกับความแตกต่าง อาจจะเป็นแบบนึ่ง
หรือบดโดยไม่ต้องเติมรสชาติใดๆทั้งสิน
3. กินให้ลูกเห็น เด็กๆมักจะเลียนแบบผู้ใหญ่ไปทุกเรื่อง เรื่องกินก็
เช่นเดียวกัน ลูกคงจะกินได้ยากถ้าที่บ้านไม่เคยกินให้เห็นเลย ถ้าที่บ้านกินผัก
ผลไม้ด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อยให้เห็นทุกวัน ในไม่ช้าลูกก็จะเริ่มกินตามแน่ๆ
4. อย่ากดดันและมีข้อแม้กับลูก การทาโทษแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี
แน่นอน จะทาให้ลูกกดดันและกินยากกว่าเดิม หากอ้างว่ากินผักให้หมดก่อนถึงจะ
กินขนมต่อได้ เพราะความจริงแล้วสิ่งที่ลูกจะเลือกคือขนมไม่ใช่ผักผลไม้อย่าง
แน่นอน
5. ตื้อ หากไม่ยอมกินวันนี้ลองวันใหม่ๆ วันหน้าก็อาจจะยอม ค่อยๆ
ลองหาวิธีหลอกล่อ ค่อยๆหาวิธีสอนให้ลูกค่อยๆซึมซับและยอมกิน อย่ายอม
แพ้
เรียนรู้ว่าลูกชอบผักชนิดไหน ชอบรับประทานแบบไหน
1. รู้ทันลูกแบบที่ยอมกินผัก หากลูกเกลียดผักผลไม้ ผู้ปกครองควรจะหา
สาเหตุก่อนว่าเพราะอะไร เพราะเด็กแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันไป บางคนไม่ชอบ
กลิ่น บางคนไม่ชอบรสชาติ บางคนไม่ชอบสัมผัส บางคนไม่ชอบสิ่งที่เห็น หากรู้ตรงจุดก็
จะสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น หากลูกไม่ชอบผักใบเขียวและผักรสชาติขม ก็
อาจผสมผักเหล่านี้ไปเมนูอื่นๆ เช่น การปั่น ทาเป็นแฮมเบิร์ก หรือ ถ้าลูกไม่ชอบกินผัก
แหยะๆก็ลองเอาไปทอดหรืออบกรอบ
2. ใช้นิสัยลูกช่วยให้ยอมกินผัก นิสัยของเด็กแต่ละคนต่างกัน เด็กบางคนบ้ายอ ชอบให้มี
คนมาชม ถ้าเด็กชอบให้ชมผู้ปกครองก็ช่วยให้เด็กรับประทานผักด้วยการชม หรือเด็กบางคนก็เจ้า
หลักการ ผู้ปกครองอาจจะอธิบายว่าผักแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไร เพื่อให้ลูกลองชิมดู
เรียนรู้ว่าลูกชอบผักชนิดไหน ชอบรับประทานแบบไหน
3. ชักชวนปลูกผักผลไม้ เด็กบางคนจะยอมกินผักผลไม้เมื่อได้เห็นว่า
ผักและผลไม้นั้นตัวเองได้ปลูกและดูแลออกใบออกผลมาเอง เพราะเขาจะรู้สึก
ภูมิใจ และมีความรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก
เรียนรู้ว่าลูกชอบผักชนิดไหน ชอบรับประทานแบบไหน
ตัวอย่างเมนูอาหารที่จะทาให้เด็กๆ
รับประทานผักได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
สปาเก็ตตี้ซอสฟักทอง
ขั้นตอน 1.ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ให้สุกนิ่ม จนสุกตักออกสะเด็ดน้า
คลุกด้วยน้ามันมะกอกพักไว้
2.ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน ใส่เนยจืดลงไป พอเนยละลายแล้วผัดหมู
สับและหอมหัวใหญ่จนหอมหัวใหญ่ใส
3.ใส่นมสดและฟักทองบดละเอียดลงไปคนสักครู่ ใส่ไข่แดงคน
ให้เข้ากัน ใส่พริกไทยป่น
4.ตักราดบนสปาเก็ตตี้โรยหน้าด้วยออริกาโน และสาหร่าย
ส่วนผสม เส้นสปาเก็ตตี้หมูสับ เนยจืด หอมหัวใหญ่สับ
นมสดรสจืด ฟักทองนึ่งบดละเอียด ไข่แดง พริกไทยป่น น้ามัน
มะกอก สาหร่าย ออริกาโน
ตัวอย่างเมนูอาหารที่จะทาให้เด็กๆ
รับประทานผักได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ปลากะพงผัดขิง
ส่วนผสม ปลากระพง ขิงซอย หอมหัวใหญ่ พริกหวานซอย แป้ ง
ทอดกรอบ น้าสต๊อคหรือน้าเปล่า เนยจืด
ขั้นตอน 1.นาปลากะพงมาคลุกแป้ งพอประมาณแล้วนามา
ทอดใน กระทะร้อนๆพอกรอบแล้วตักออกมาพักไว้
2.ใส่เนยลงไปละลายในกระทะ จากนั้นใส่พริกหวาน
หอมหัวใหญ่ ขิงซอยลงไปผัดให้หอม
3.ใส่น้าสต็อกลงไปนิดหน่อย
4.ใส่ปลากะพงที่เตรียมไว้ลงไปทอด จนเข้าเนื้อ
5.จัดจานเสิร์ฟได้เลย
ตัวอย่างเมนูอาหารที่จะทาให้เด็กๆ
รับประทานผักได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เฟรนช์ปรายมันม่วง ส่วนผสม มันม่วง 1 หัว
เนยสด 1 ชต
น้ามันคาโนล่า (สาหรับทอด)
ขั้นตอน 1.ล้างมันม่วงและหั่นให้เป็นแท่งๆ
2.ต้มในน้าเดือด5นาที
3.ใส่น้ามันและเนยลงในกระทะ รอน้ามันเดือด ใส่มันม่วงลงไป
ทอดจนสุก ตักใส่ตะแกรงสะเด็ดน้ามัน
4.จัดจานเสิร์ฟได้เลย
ตัวอย่างเมนูอาหารที่จะทาให้เด็กๆ
รับประทานผักได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
มัฟฟินแครอทส่วนผสม ไข่ไก่ 2 ฟอง
นมสดรสจืด 2 ชต
แครอทปั่นละเอียด 30 ml
พริกไทยป่น (นิดหน่อย)
ขั้นตอน 1.ตอกไข่ใส่ชาม ใส่นม พริกไทย แครอทปั่นละเอียด ตี
ให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน
2.ตักไข่ที่ผสมเครื่องแล้วใส่พิมพ์ (ไม่ต้องใส่เต็ม)
3.นาไปนึ่งหรืออบจนสุก จัดจานเสิร์ฟได้เลย
ตัวอย่างเมนูอาหารที่จะทาให้เด็กๆ
รับประทานผักได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
สเต็กดอกไม้
ส่วนผสม : ไก่สับ หอมหัวใหญ่สับ แครอทสับ ไข่ไก่
ซีอิ๊วขาว เกลือป่น หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า แครอทหั่นเต๋า
เห็ดฟาง ซอสมะเขือเทศ
ขั้นตอน 1. หมักไก่ประมาณ 30 นาที ทาเป็นรูปดอกไม้แล้วแช่
ตู้เย็นไว้ให้เซตตัว เวลาเอามาลงจี่บนกระทะจะได้ไม่เสียทรง
2. ผัดหอมใหญ่กับแครอทให้สุก ใส่เห็ดลงไป เมื่อเห็ดสุกก็ใส่
ซอสมะเขือเทศลงไปเลย (ปริมาณแล้วแต่ชอบ) คนให้เข้ากัน
3.นาไก่หมักมาจี่บนกระทะ ใส่น้ามันนิดเดียว ประมาณ 1 ช้อน
โต๊ะ ทาอาหารให้เด็กใช้เทฟลอนก็ดี จะได้ไม่ต้องใช้น้ามันเยอะ
4. ทอดไข่ขาวให้เป็นวงกลม (ใช้ที่ตัดรูปวงกลมมาทอดไข่ดาว)
นาไข่ดาววางบนเนื้อไก่ ราดซอสลงไป ตกแต่งตามใจ
น้องเป็ดอินดี้ตอนท้องผูก (ไม่ชอบกินผัก)
Credit : https://youtu.be/-OG0Wp9yN9w
• https://cooking.kapook.com/view195624.html
• https://www.rakluke.com/article/29/138/3543/%
• https://www.amarinbabyandkids.com/foodnutrition/to
ddler-lacking-veggies/
• http://www.mamaexpert.com/posts/content-507
Presented by
น.ส.ภัทรนันท์ จาคะมณี
ม.6/14 เลขที่ 6
น.ส.จุฑารัตน์ วัฒนรังสรรค์
ม.6/14 เลขที่ 16

More Related Content

What's hot

ธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัดธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัดVorramon1
 
ตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
ตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
ตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
rubtumproject.com
 
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภคชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
tassanee chaicharoen
 
การใช้ยาในผู้สูงอายุ
การใช้ยาในผู้สูงอายุการใช้ยาในผู้สูงอายุ
การใช้ยาในผู้สูงอายุ
Sirinoot Jantharangkul
 
เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้
เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้
เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้
Smile Chotika
 
10 ผักต้านมะเร็ง
10 ผักต้านมะเร็ง10 ผักต้านมะเร็ง
10 ผักต้านมะเร็ง
Tcnk Pond
 

What's hot (6)

ธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัดธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัด
 
ตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
ตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
ตัวอย่างบทที่ 2 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
 
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภคชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
ชุดส่งเสริมความรู้โภชนาการและการบริโภค
 
การใช้ยาในผู้สูงอายุ
การใช้ยาในผู้สูงอายุการใช้ยาในผู้สูงอายุ
การใช้ยาในผู้สูงอายุ
 
เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้
เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้
เรื่องน่ารู้ของผัก ผลไม้
 
10 ผักต้านมะเร็ง
10 ผักต้านมะเร็ง10 ผักต้านมะเร็ง
10 ผักต้านมะเร็ง
 

Similar to Final project-614-no.6-no.16

โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
Tiwapon Wiset
 
Sornsawan5 3 19 pdf
Sornsawan5 3 19 pdfSornsawan5 3 19 pdf
Sornsawan5 3 19 pdf
sorn0843838252
 
กล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อน
กล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อนกล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อน
กล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อน
Supanutt Nuntapong
 
อาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารเพื่อสุขภาพอาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารเพื่อสุขภาพDashodragon KaoKaen
 
สารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ล
สารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ลสารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ล
สารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ลหัวใจสะพาย รัก
 
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าจริงใจ รักจริง
 
ทับทิม
ทับทิมทับทิม
ทับทิม
Kosamphee Wittaya School
 
เครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากรเครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากรtombaba
 
เครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากรเครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากรtombaba
 
งานนำเสนอ1 ผึ้ง
งานนำเสนอ1  ผึ้งงานนำเสนอ1  ผึ้ง
งานนำเสนอ1 ผึ้งtor_03372
 
กิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docxกิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docx
ssuser1a1fe1
 
กิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docxกิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docx
ssuser1a1fe1
 

Similar to Final project-614-no.6-no.16 (20)

โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
Sornsawan5 3 19 pdf
Sornsawan5 3 19 pdfSornsawan5 3 19 pdf
Sornsawan5 3 19 pdf
 
ผลไม้ต่อสุขภาพ
ผลไม้ต่อสุขภาพผลไม้ต่อสุขภาพ
ผลไม้ต่อสุขภาพ
 
กล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อน
กล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อนกล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อน
กล้วย และประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิดฝังฟ้อน
 
อาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารเพื่อสุขภาพอาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารเพื่อสุขภาพ
 
สารพัดประโยชน์
สารพัดประโยชน์สารพัดประโยชน์
สารพัดประโยชน์
 
สารพัดประโยชน์
สารพัดประโยชน์สารพัดประโยชน์
สารพัดประโยชน์
 
สารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ล
สารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ลสารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ล
สารพัดประโยชน์จากผลแอปเปิ้ล
 
สารพัดประโยชน์2
สารพัดประโยชน์2สารพัดประโยชน์2
สารพัดประโยชน์2
 
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
 
123
123123
123
 
ทับทิม
ทับทิมทับทิม
ทับทิม
 
456
456456
456
 
เครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากรเครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพของเด็กศิลปากร
 
เครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากรเครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากร
เครื่องดื่ม...สุขภาพเด็กศิลปากร
 
s678
s678s678
s678
 
234
234234
234
 
งานนำเสนอ1 ผึ้ง
งานนำเสนอ1  ผึ้งงานนำเสนอ1  ผึ้ง
งานนำเสนอ1 ผึ้ง
 
กิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docxกิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docx
 
กิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docxกิตติกวิน.docx
กิตติกวิน.docx
 

Final project-614-no.6-no.16