More Related Content
Similar to Chapter 3 (20)
Chapter 3
- 1. บทที่ 3
แผนงานและโครงการ
การฝึ กประสบการณ์ วิชาชี พทางรัฐศาสตร์ ผูรายงานได้ฝึกประสบการณ์ ท่ีสาคัญที่มีส่วน
้
เกี่ยวข้องกับทักษะวิชาที่ได้ทาการศึกษามาประยุกต์ใช้ ซึ่ งโครงการที่หน่ วยงานของผูรายงานได้มี
้
ส่ วนร่ วมและได้นาความรู ้ที่ได้ทาการศึกษาในภาคทฤษฏีออกมาสู่ ภาคปฏิบติน้ น เป็ นโครงการของ
ั ั
กระทรวงอุ ตสาหกรรมที่ ไ ด้สั่ ง การให้ส านัก งานอุ ตสาหกรรมทุ ก เขต ทุ ก พื้ นที่ ได้ด าเนิ นการ
โครงการดังกล่าว ซึ่ ง “โครงการสิ นค้าช่วยค่าครองชีพ Outlet เพื่อประชาชน” มีรายละเอียด ดังนี้
“โครงการสิ นค้าช่วยค่าครองชีพ Outlet เพื่อประชาชน” เป็ นการนาสิ นค้าราคาถูกมา
ั
จาหน่ายให้กบประชาชน ทั้งเครื่ องอุปโภคและบริ โภค ส่ งตรงจากโรงงานโดยผูประกอบการทัวไป
้ ่
เนื่องจากสภาวการณ์ในปั จจุบนที่สินค้าอุปโภคและบริ โภคมีราคาสู งขึ้นในขณะนี้
ั
กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะเป็ นหนึ่งในกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจ และมีหน้าที่ในการพัฒนา
อุตสาหกรรมและผูประกอบการโดยตรง ได้เล็งเห็นช่องทางในการช่วยเหลือและบรรเทาความ
้
เดือดร้อนของประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรม จึงร่ วมกับ จังหวัดนครสวรรค์ โดยสานักงาน
อุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ เปิ ดโอกาสให้ประชาชนได้ซ้ื อสิ นค้าราคาถูก ทั้งสิ นค้าอุปโภคและ
บริ โภคกับผูประกอบการโดยตรง อาทิ น้ าตาลทราย น้ ามันพืช เป็ นต้น จาหน่ายในราคาย่อมเยา
้
ภายใต้กรอบแนวคิดสิ นค้าราคาถูกช่วยค่าครองชีพ “Outlet เพื่อประชาชน” เป็ นแนวทางการ
ดาเนินการ”
จากรายละเอียดที่กล่าวไปข้างต้น ผูรายงานได้มีส่วนร่ วมในการดาเนินโครงการ “สิ นค้า
้
ช่วยค่าครองชีพ Outlet เพื่อประชาชน” ของสานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ โดยสามารถ
ประมวลผล ด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านประสบการณ์ที่ได้รับ ซึ่ งมีรายละเอียด ดังนี้
1. ด้านความรู้
2. ด้านทักษะ
3. ด้านประสบการณ์
1. ด้ านความรู้
1. การติดต่อประสานงานจากภายในและภายนอกองค์การ ในการฝึ กประสบการณ์วชาชีพ ิ
จะต้องมีการประสานงานกันภายในเป็ นการติดต่อสื่ อสารของเจ้าหน้าที่ภายในระหว่างฝ่ าย และ
ภายนอกองค์การเป็ นการติดต่อสื่ อสารระหว่างหน่วยงานกับประชาชนผูมาใช้บริ การ เพื่อให้งานา
้
นั้นออกมาอย่างมีประสิ ทธิ ภาพและมีคุณภาพ
- 2. 9
2. กระบวนการทางานที่รวดเร็ วและเป็ นระบบ ในการฝึ กประสบการณ์วชาชีพมีงานที่
ิ
ได้รับมอบหมายจากพี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่ที่จะต้องปฏิบติให้เสร็ จตามที่กาหนด โดยมีการแบ่งงาน
ั
กันทา และสามารถปฏิบติงานที่ได้รับมอบหมายจากพี่เลี้ยงได้สาเร็ จและเสร็ จทันเวลา สามารถ
ั
จัดทาเอกสารและกระบวนการทางาน จนถึงกาจัดส่ งเอกสารได้อย่างมีลาดับขั้นตอน
3.การทางานร่ วมกับผูอื่นและการมีมนุษย์สัมพันธ์ในการฝึ กประสบการณ์วชาชีพมีการ
้ ิ
ปฏิบติงานร่ วมกับพี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานมีการแสดงความคิดเห็น ช่วยเหลือและหาแนว
ั
ทางแก้ไขร่ วมกัน
4. การวางแผนก่อนลงมือทาการปฏิบติงานทั้งหมด ทั้งงานหลักและงานรองจะต้องมีการ
ั
วางแผนในการปฏิบติงานทุกครั้ง เพื่อให้งานออกมาอย่างมีประสิ ทธิ ภาพและประสิ ทธิผล และ
ั
สามารถแก้ไขปั ญหาเมื่องานที่ได้รับมอบหมายเกิดความผิดพลาดหรื อไม่มีประสิ ทธิ ภาพและ
ประสิ ทธิผล
5. การให้บริ การแก่ประชาชนด้วยความเต็มใจ ในการฝึ กประสบการณ์วชาชีพต้อง
ิ
ให้บริ การผูที่มารับบริ การและผูที่มาสอบถามด้วยความถูกต้องและทาด้วยความเต็มใจ ทาให้ผที่มา
้ ้ ู้
รับบริ การมีความพึงพอใจ
6. การร่ วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น การปฏิบติงานในหน่วยงานเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น
ั
เครื่ องถ่ายเอกสารเสี ย ต้องปรึ กษาพี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่ โดยมีการเสนอความคิดเห็น ทางออก และ
วิธีการแก้ปัญหาร่ วมกัน
7. การทางานให้บริ การด้วยความรวดเร็ ว ถูกต้อง โปร่ งใส และเป็ นธรรมการปฏิบติงาน ั
ในหน่วยงานต้องปฏิบติงานด้วยความเต็มใจ ซื่ อสัตย์ เป็ นกลาง และสามารถตรวจสอบได้ ทาให้
ั
หน่วยงานมีความน่าเชื่อถือ ได้รับการยอมรับจากประชาชนที่มารับบริ การอย่างแท้จริ ง
2. ด้ านทักษะ
1. การวางแผน (Planning) ต้องมีการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะมีผลกระทบ
ต่อธุ รกิจ และกาหนดขึ้นเป็ นแผนการการปฏิบติงานหรื อวิถีทางที่จะปฏิบติข้ ึนไว้เป็ นแนวทางการ
ั ั
ทางานในอนาคต
2. การจัดองค์การ (Organizing) การจัดให้มีโครงสร้างของงานต่างๆและอานาจหน้าที่ให้
่
อยูในส่ วนประกอบที่เหมาะสมที่จะช่วยให้งานขององค์การบรรลุผลสาเร็ จได้
3. การบังคับบัญชาสั่งการ (Commanding) การสั่งงานต่างๆแก่ผใต้บงคับบัญชา ซึ่ งผูบริ หาร
ู้ ั ้
จะต้องกระทาตนเป็ นตัวอย่างที่ดี และต้องเข้าใจผูปฏิบติงานด้วย ตลอดจนเข้าใจถึงข้อตกลงในการ
้ ั
ทางานของคนงานและองค์การที่มีอยู่ รวมถึงการติดต่อสื่ อสารภายในองค์การด้วย
- 3. 10
4. การประสานงาน (Coordinating) การเชื่ อมโยงงานของทุกคนให้เข้ากันได้และไปสู่
เป้ าหมายเดียวกันในที่สุด
่
5. การควบคุม (Controlling) การที่จะต้องกากับให้สามารถประกันได้วากิจกรรมต่างๆที่ทา
ั
ไปนั้น สามารถเข้ากันได้กบแผนที่วางไว้แล้ว
3. ด้ านประสบการณ์
่
ด้านประสบการณ์ที่ผรายงานได้รับนั้น สามารถกล่าวได้วาโครงการ สิ นค้าช่วยค่าครองชีพ
ู้
หรื อ Outlet เพื่อประชาชนนั้น จาเป็ นต้องอาศัยลักษณะของทีมที่มีประสิ ทธิภาพในการดาเนินการ
ซึ่ งลักษณะของทีมที่มีประสิ ทธิ ภาพนั้น จะต้องประกอบคุณลักษณะดังต่อไปนี้
1. ความกระจ่างชัดในวัตถุประสงค์ และเห็นด้วยกับเป้ าหมาย (Clear Objectives and
agreed goals) สมาชิกทุกคนของทีมจะต้องมีความเข้าใจในเป้ าหมายอย่างเด่นชัด และเต็มใจที่จะ
ผูกพัน เพื่อให้เกิดความสาเร็ จในเป้ าหมายที่ต้ งไว้
ั
2. การเปิ ดเผยและการเผชิ ญหน้ากัน (Openess and confrontation) สมาชิกในทีมงานมี
ั
ความสัมพันธ์กนอย่างเปิ ดเผย ซื่ อสัตย์ ตรงไปตรงมา กล้าเผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหาการทางานร่ วมกัน
3. การสนับสนุนและการจริ งใจต่อกัน (Support and trust) สมาชิกในทีมช่วยเหลือซึ่ งกัน
และกัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างงานของตนกับเองของผูอื่น และพร้อมที่จะรับและให้ความ
้
ช่วยเหลือด้วยความจริ งใจ
4. ความร่ วมมือและความขัดแย้ง (Co-operation and conflict) สมาชิกในทีมงานอุทิศตนใน
การปฏิบติงานให้เสร็ จไปด้วยดี จะมีการประสานประโยชน์ในเรื่ องของความรู้ความสามารถ
ั
ตลอดจนความแตกต่างของแต่ละบุคคลให้ได้ผลร่ วมกันอย่างสู งสุ ด และเป็ นลักษณะที่เปิ ดโอกาส
ให้สมาชิกได้มีส่วนร่ วมอย่างเต็มที่ในการทางาน ซึ่ งอาจมีการขัดแย้งเกิดขึ้นภายในทีม ก็จะเป็ น
ในทางสร้างสรรค์
5. การปฏิบติงานที่ชดเจน (Sound procedure) สมาชิกในทีมจะอาศัยข้อเท็จจริ งเป็ นหลัก
ั ั
และการตัดสิ นใจจากข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่ งมาจาการติดต่อสื่ อสารที่ชดเจน มีการพูด การเขียน
ั
และการทางานในสิ่ งที่ถูกต้องในการแก้ปัญหาจะทาให้ทีมงานมีประสิ ทธิ ภาพได้
6. ภาวะที่เหมาะสม (Appropriate leadership) หัวหน้าทีมจะต้องมีบทบาทผูนาที่ดี เป็ น
้
มาตรฐานในการปฏิบติทุกอย่าง ไม่ผกขาดเป็ นผูนาคนเดียวของกลุ่ม แต่ภาวะผูนาจะกระจายไปทัว
ั ู ้ ้ ่
กลุ่ม ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
7. ทบทวนการทางานอย่างสม่าเสมอ (Regular review) ทีมงานจะต้องใช้เวลาในการ
ประเมินพฤติกรรม และเรี ยนรู ้ถึงการผิดพลาดในการทางาน ของกลุ่มซึ่ งจะทบทวนอย่างสม่าเสมอ
- 4. 11
เพื่อจะได้แก้ไขข้อบกพร่ องในการทางาน อาจทบทวนระหว่างการทางานหรื อหลังจากทางานเสร็ จ
แล้ว
8. การพัฒนาบุคคล (Individual development) สมาชิกในกลุ่มจะได้รับการพัฒนาอย่างที่
แผนตามความชานาญของแต่ละบุคคล ซึ่ งจะให้การทางานเป็ นทีมมีประสิ ทธิ ภาพมากขึ้น
9. สัมพันธ์ระหว่างกลุ่มที่ดี (Sound intergroup relations) นอกเหนือจากความสัมพันธ์อนดี
ั
ระหว่างกลุ่มแล้วจะต้องให้กลุ่มอื่นเข้าใจและยอมรับ ตลอดจนยืนมือเข้าช่วยเหลือเมื่อจาเป็ น ด้วย
่
ความเข้าใจ และปราศจาการแข่งขัน