More Related Content Similar to 9789740335870 (20) 97897403358702. 2 การจัดการอาหารสัตว์เพื่อลดภาวะโลกร้อน
การผลิตสัตว์เป็นกิจกรรมที่ให้ผลผลิตตอบสนองความต้องการของมนุษย์เกือบครบ
ทุกด้าน โดยเฉพาะปัจจัยด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค รวมทั้งให้ประโยชน์ด้าน
แรงงานและกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ ยิ่งประชากรมนุษย์เพิ่มจ�ำนวนมากขึ้นเท่าใด ปริมาณ
ความต้องการผลผลิตจากสัตว์ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามจ�ำนวนของประชากร
การด�ำเนินกระบวนการผลิตสัตว์ เพื่อให้สัตว์เจริญเติบโตและให้ผลผลิตตอบสนอง
ความต้องการของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องค�ำนึงถึงปัจจัยส�ำคัญหลายประการที่
เกี่ยวข้อง เช่น การคัดเลือกสัตว์ (selection) และการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ (breeding) ท�ำให้สัตว์
มีพันธุกรรมดี เจริญเติบโตเร็ว การจัดการสุขภาพสัตว์ (health) และการจัดการสภาพแวดล้อม
(environment) ท�ำให้สัตว์มีภูมิคุ้มกันโรคที่ดี มีส่วนสนับสนุนให้สัตว์ใช้อาหารได้ดีขึ้น ทั้งนี้ใน
ปัจจัยการผลิตสัตว์ทุกด้าน อาหารสัตว์ (feeds) คือปัจจัยการผลิตที่ส�ำคัญและเป็นต้นทุนส่วนที่
สูงที่สุดในการผลิตสัตว์
1.1 ประโยชน์และความส�ำคัญของการเลี้ยงสัตว์
สัตว์เลี้ยงให้คุณประโยชน์ในการด�ำรงชีวิตแก่มนุษย์หลายประการ โดยบุญเสริม ชีวะ-
อิสระกุล และบุญล้อม ชีวะอิสระกุล (2542) Hellstrand (2013) Johnson, Franzluebbers,
Weyers, & Reicosky (2007) และ Kebreab (2013) อธิบายไว้สรุปได้ว่า มนุษย์
ได้รับประโยชน์จากการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มเป็นแหล่งอาหารโปรตีน (protein) จากผลผลิตเนื้อ
นม ไข่ ฯลฯ และมนุษย์ยังน�ำผลผลิตอื่นจากสัตว์ เช่น ขนหรือหนังสัตว์ มาท�ำเครื่องนุ่งห่ม
ส่วนอวัยวะจากสัตว์น�ำมาปรุงยารักษาโรคบางชนิดได้ นอกจากนี้การเลี้ยงสัตว์กระเพาะรวม
(polystomach, compound stomach) หรือสัตว์เคี้ยวเอื้อง (ruminants) เช่น
โค กระบือ แพะ แกะ ยังท�ำหน้าที่เป็นตัวกลางทางชีวภาพที่ส�ำคัญ กล่าวคือ สัตว์กระเพาะรวม
ท�ำให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและพื้นที่อย่างคุ้มค่า เนื่องจากสัตว์เหล่านี้กินและใช้ประโยชน์
จากเศษเหลือทางการเกษตร เช่น ฟาง หญ้า วัชพืชที่มนุษย์และสัตว์ชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถ
บริโภคได้ แล้วเปลี่ยนเป็นผลผลิตเนื้อ นม และแรงงานที่ให้คุณค่าแก่มนุษย์และสัตว์อื่น ประการ
สุดท้าย มูลสัตว์ (faeces, dung) น�ำมาเป็นปุ๋ยบ�ำรุงดิน สามารถสรุปประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์
ในระบบเกษตรได้ทั้งประโยชน์เชิงเดี่ยวและประโยชน์องค์รวม ดังภาพที่ 1.1
_16-04(001-024)P4.indd 2 1/18/60 BE 1:53 PM
3. ประโยชน์และความส�ำคัญของการผลิตสัตว์ 3
ภาพที่ 1.1 ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์ในระบบเกษตร
ที่มา : ภาพโดยยิ่งลักษณ์ มูลสาร
แม้กระบวนการผลิตสัตว์จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกจาก
ภาคการเกษตร แต่ประชากรของโลกที่เพิ่มมากขึ้นท�ำให้มีความต้องการผลผลิตจากสัตว์เพิ่ม
มากขึ้นเช่นกัน โดยคณะอนุกรรมการจัดท�ำแผนเพื่อการบริหารความมั่นคงทางด้านอาหาร
(2555) ได้รายงานผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยความมั่นคงอาหารโลกขององค์การอาหารโลก
เมื่อ พ.ศ. 2552 พบว่า ประชากรโลกที่อยู่ในสถานะอดอยากหิวโหย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น
จ�ำนวนถึง 1,020 ล้านคน ในจ�ำนวนนี้อยู่ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก 642 ล้านคน การผลิตสัตว์
เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์ทั้งทางตรงในการใช้เป็นอาหารเพื่อลดจ�ำนวนประชากร
ที่อดอยากหิวโหย เครื่องนุ่งห่ม การใช้แรงงาน สันทนาการ ตลอดจนความจ�ำเป็นทางการแพทย์
_16-04(001-024)P4.indd 3 1/18/60 BE 1:53 PM
4. 4 การจัดการอาหารสัตว์เพื่อลดภาวะโลกร้อน
และวิทยาศาสตร์ และยังให้ประโยชน์ทางอ้อมอื่น ๆ เช่น การสร้างงาน การสร้างรายได้ การพัฒนา
ระบบเศรษฐกิจ อธิบายได้ดังนี้
1.1.1 ประโยชน์เชิงเดี่ยวหรือประโยชน์ทางตรงของการเลี้ยงสัตว์
1.1.1.1 สัตว์และผลผลิตจากสัตว์เป็นอาหาร (food) เป็นผลผลิตจากปศุสัตว์
ที่มีคุณค่าทางโภชนาการของมนุษย์ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามิน
บี 12 และไขมัน (lipid) การผลิตสัตว์จะช่วยเพิ่มมูลค่าของสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่มนุษย์บริโภค
ไม่ได้ หรือเศษอาหารเหลือใช้ มาเป็นผลผลิตเนื้อ นม ไข่ ตลอดจนแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ที่มีคุณค่าทางโภชนะและมีมูลค่าสูงขึ้น ดังภาพที่ 1.2
ภาพที่ 1.2 ผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์
ที่มา : ภาพโดยยิ่งลักษณ์ มูลสาร
_16-04(001-024)P4.indd 4 1/18/60 BE 1:53 PM
5. ประโยชน์และความส�ำคัญของการผลิตสัตว์ 5
1.1.1.2 ผลผลิตและผลพลอยได้จากสัตว์ เช่น หนัง ขน เขา งา กระดูกสัตว์
สามารถน�ำมาท�ำเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ เช่น รองเท้า กระเป๋า เสื้อกันหนาว เข็มขัด เครื่อง
ประดับต่าง ๆ
1.1.1.3 สัตว์ให้แรงงานและใช้เป็นพาหนะ ปัจจุบัน บทบาทของสัตว์ในข้อนี้
มีความส�ำคัญลดลงเนื่องจากระบบคมนาคมขนส่งที่เจริญขึ้นทั่วไป การใช้แรงงานจากสัตว์จึงอาจ
พบเฉพาะในสังคมเกษตรบางพื้นที่หรือสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น อันที่จริงแล้ว การใช้แรงงาน
จากสัตว์มีข้อได้เปรียบกว่าแรงงานจากเครื่องจักรหลายประการ ทั้งไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ไม่ปล่อย
ก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas, GHG) ไม่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (fuel) หรือพลังงาน (energy)
อย่างไรก็ตาม การใช้แรงงานจากสัตว์จ�ำเป็นต้องมีการฝึกหัดจึงจะท�ำให้สัตว์ท�ำงานได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ
1.1.1.4 สัตว์ให้ประโยชน์ทางสันทนาการ ให้ความเพลิดเพลิน และใช้ในการ
กีฬา เช่น การเลี้ยงสุนัข แมว ปลาสวยงาม ช่วยให้มนุษย์บรรเทาความเครียด การเลี้ยงสัตว์ท�ำให้
มนุษย์รู้สึกว่าตนมีคุณค่า มีความสุขมากขึ้น และอาจช่วยปรับพฤติกรรมของผู้ที่มีความ
ก้าวร้าวรุนแรงหรือผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ยังพบว่า สัตว์หลายชนิดมีความสามารถ
ทางการแสดง สร้างความบันเทิงให้แก่มนุษย์ได้เป็นอย่างดี เช่น สุนัข ลิง
1.1.1.5 สัตว์ให้ประโยชน์ในทางการแพทย์และการสาธารณสุข เช่น การผลิต
เซรุ่มแก้พิษงู สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพร ใช้ทั้งการรักษาโรคและบ�ำรุง
ร่างกายมนุษย์ให้แข็งแรง ปัจจุบันมีการผลิตเป็นการค้า เช่น เขากวางอ่อน เลือดจระเข้ น�้ำผึ้ง
เกสรผึ้ง รวมทั้งการใช้สัตว์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ เช่น การศึกษาผลตอบสนองทางกายวิภาค
และสรีรวิทยาของสัตว์ที่มีต่ออาหาร ยา หรือวัคซีน อย่างไรก็ตาม การทดลองประเภทนี้ต้อง
ปฏิบัติตามจรรยาบรรณการใช้สัตว์ทดลองอย่างเคร่งครัด
1.1.1.6 มูลสัตว์ใช้เป็นปุ๋ยบ�ำรุงดิน โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสห-
ประชาชาติ (the Food and Agriculture Organization of the United Nations, FAO)
รายงานว่า มูลสัตว์สามารถใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ (organic fertilizer) หรือปุ๋ยคอก (manure) หรือ
ปุ๋ยมูลสัตว์ เพื่อเสริมสารอาหารบ�ำรุงดินได้อย่างดี โดยเฉพาะธาตุไนโตรเจน (nitrogen, N)
และสารประกอบฟอสเฟต (phosphates) ที่มีอยู่มากในมูลสัตว์ (Steinfeld et al., 2006)
นอกจากนี้การใช้ปุ๋ยมูลสัตว์จะปรับปรุงคุณภาพของดินและระบบนิเวศวิทยาในดินให้ดีขึ้นกว่า
_16-04(001-024)P4.indd 5 1/18/60 BE 1:53 PM
6. 6 การจัดการอาหารสัตว์เพื่อลดภาวะโลกร้อน
การใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์อย่างเดียว ท�ำให้ดินมีคุณสมบัติเป็นแหล่งเก็บธาตุคาร์บอน (carbon, C)
และช่วยเคลื่อนย้ายธาตุคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศมาเก็บไว้ในดิน จึงช่วยลดการเกิดก๊าซ
เรือนกระจกได้ และยังท�ำให้เกษตรกรลดการลงทุนซื้อปุ๋ยเคมีเพื่อใช้เป็นปัจจัยการผลิตในระบบ
การเกษตร
1.1.2 ประโยชน์องค์รวมหรือประโยชน์ทางอ้อมของการเลี้ยงสัตว์
1.1.2.1 การเลี้ยงสัตว์ในระบบเกษตร โดยเฉพาะการเกษตรแบบผสมผสาน เช่น
การเลี้ยงโค กระบือ สัตว์ปีก และสัตว์น�้ำบางชนิด ร่วมกับการปลูกพืช จะเป็นการใช้ทรัพยากร
ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ท�ำให้เกษตรกรใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ ช่วยก�ำจัด
วัชพืชหรือใช้ประโยชน์จากเศษเหลือจากกิจกรรมการเกษตร ดังภาพที่ 1.3 ประการส�ำคัญ
การเลี้ยงสัตว์ยังเป็นการเก็บออมทรัพย์สินในรูปของตัวสัตว์ที่เพิ่มขึ้นซึ่งสามารถขายเป็นรายได้
1.1.2.2 การเลี้ยงสัตว์ช่วยให้เกิดอาชีพอื่น ๆ ตามมา เช่น รับจ้างเลี้ยงสัตว์ พ่อค้า
รับซื้อสัตว์ ท�ำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยลดปัญหาสังคม
การว่างงาน และอาชญากรรม
1.1.2.3 สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นสินค้าส่งออกของประเทศไทย สามารถ
พัฒนาให้เกิดระบบอุตสาหกรรมต่อยอดจากผลผลิต ช่วยให้ประเทศชาติมีชื่อเสียงเป็นครัวโลก
สร้างรายได้เข้าประเทศได้จ�ำนวนมากในแต่ละปี
ภาพที่ 1.3 สัตว์กระเพาะรวมเพิ่มมูลค่าของสิ่งที่มนุษย์บริโภคไม่ได้
ที่มา : ภาพโดยยิ่งลักษณ์ มูลสาร
_16-04(001-024)P4.indd 6 1/18/60 BE 1:53 PM
7. ประโยชน์และความส�ำคัญของการผลิตสัตว์ 7
1.2 ความต้องการบริโภคผลผลิตปศุสัตว์ที่ส�ำคัญ
จากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ซึ่งมีจ�ำนวนสูงกว่า 7,000 ล้านคน
ในปัจจุบัน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงถึง 9.2 ล้านคน ใน พ.ศ. 2618 (ค.ศ. 2075) จึงมีการ
คาดการณ์กันว่า ความต้องการบริโภคอาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของสัตว์จะ
เพิ่มขึ้น (Alexandratos & Bruinsma, 2012) ซึ่ง Steinfeld et al. (2006) รายงานว่า ประชากร
ของประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมบริโภคผลผลิตจากปศุสัตว์ (ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์สัตว์น�้ำและ
อาหารทะเล) มากกว่าร้อยละ 40 ของอาหารโปรตีนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ปริมาณการบริโภค
ผลผลิตสัตว์ของประเทศกลุ่มนี้ค่อนข้างคงที่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์
สัตว์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ประเทศที่ส�ำคัญคือ ประเทศจีน คาดว่า
ปริมาณการบริโภคเนื้อจะเพิ่มขึ้นจนเท่ากับประเทศในยุโรปในกลางศตวรรษนี้ ส่วนประเทศที่มี
ความต้องการน้อย ได้แก่ กลุ่มประเทศแถบทะเลทรายในแอฟริกา ซึ่งมีปัจจัยด้านความสามารถ
ในการเข้าถึงทรัพยากรอาหารต�่ำเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย (McMichael, Powels, Butler, & Uauy,
2007; Steinfeld et al., 2006)
ส�ำหรับประเทศไทย ในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่ส�ำคัญของโลก ส�ำนักงานเศรษฐกิจ
การเกษตรแห่งประเทศไทยได้รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรกลุ่มปศุสัตว์และประมงที่ส�ำคัญ
ของโลกและของประเทศไทยใน พ.ศ. 2554-2558 และแนวโน้มใน พ.ศ. 2559 สรุปได้ว่า
แนวโน้มการผลิตและการบริโภคผลผลิตสัตว์หลัก ได้แก่ ไก่เนื้อ ไข่ไก่ สุกร โคเนื้อ และน�้ำนมดิบ
จะเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.5-2.5 มีรายละเอียดพอสังเขปดังนี้ (ส�ำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร,
2558; 2559)
1.2.1 เนื้อไก่
เนื้อไก่เป็นเนื้อสัตว์ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ไขมันต�่ำ และมีราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์
ประเภทอื่น การบริโภคเนื้อไก่ของโลกระหว่าง พ.ศ. 2554-2558 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 1.97 ต่อปี ทั้งนี้ประเทศผู้บริโภคเนื้อไก่รายใหญ่ที่สุดของโลกคือ
สหรัฐอเมริกา มีปริมาณการบริโภคเท่ากับ 15.00 ล้านตัน รองลงมา ได้แก่ จีน และสหภาพยุโรป
ส่วนประเทศที่น�ำเข้าเนื้อไก่จากต่างประเทศสูงที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย เม็กซิโก และ
สหภาพยุโรป ตามล�ำดับ
ระหว่าง พ.ศ. 2554-2558 การผลิตเนื้อไก่ของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตรา
ร้อยละ 1.27 ต่อปี สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้ผลิตเนื้อไก่รายใหญ่ของโลก รองลงมา ได้แก่ บราซิล
_16-04(001-024)P4.indd 7 1/18/60 BE 1:53 PM
8. 8 การจัดการอาหารสัตว์เพื่อลดภาวะโลกร้อน
จีน และสหภาพยุโรป แต่ประเทศอินเดียมีการขยายตัวของการเลี้ยงไก่สูงที่สุด อย่างไรก็ตาม
ผลผลิตของประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการบริโภคในประเทศ สาเหตุส�ำคัญอีกประการหนึ่ง
ได้แก่ ผลกระทบจากการระบาดของโรคไข้หวัดนก ท�ำให้ประเทศเหล่านี้ส่งออกเนื้อไก่ได้น้อยลง
ในการนี้ บราซิล ซึ่งเป็นประเทศปลอดไข้หวัดนก จึงกลายเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่อันดับหนึ่งของโลก
ในปัจจุบัน (3.74 ล้านตัน ใน พ.ศ. 2558) รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และไทย
(3.30, 1.10, 0.54 ล้านตัน ตามล�ำดับ)
การผลิตและการส่งออกเนื้อไก่ของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตามปริมาณความ
ต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป โดยเฉพาะใน
รูปแบบของไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง และเนื้อไก่แปรรูป เนื่องจากการผลิตไก่เนื้อของไทยมีการจัดการ
ฟาร์มและการผลิตที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย จนได้รับอนุญาตให้ส่งออกเนื้อไก่หลังจากปัญหา
ไข้หวัดนก และมีแนวโน้มการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าใหม่อื่น ๆ เช่น รัสเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้
ได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2558
1.2.2 ไข่ไก่
ส�ำหรับประเทศไทยแล้ว ผลผลิตไข่ไก่ส่วนใหญ่ ร้อยละ 95-99 ใช้บริโภคภายใน
ประเทศ เนื่องจากระดับราคาไข่ไก่ในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง การส่งออกจึงเป็นเพียงกิจกรรม
ที่ระบายผลผลิตส่วนเกินและรักษาตลาดส่งออกเท่านั้น โดยส่งออกในรูปแบบไข่ไก่สดและ
ผลิตภัณฑ์จากไข่ไก่ ได้แก่ ไข่เหลวพาสเชอไรซ์ ตลาดส่งออกที่ส�ำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น นอกจากนี้
คาดการณ์ว่า ใน พ.ศ. 2559 จะมีการผลิตไข่ไก่เพิ่มขึ้น และราคาจะปรับสูงขึ้นเล็กน้อย
การบริโภคไข่ไก่เฉลี่ยทั้งประเทศในช่วง 5 ปี (พ.ศ. 2554-2558) ขยายตัวในอัตรา
ร้อยละ 4.84 ต่อปี ใน พ.ศ. 2558 มีปริมาณการบริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้นจาก พ.ศ. 2557 คิด
เป็นร้อยละ 5.63 เนื่องจากไข่ไก่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับอาหารโปรตีนชนิดอื่น และน�ำมาปรุง
อาหารได้ง่าย หลากหลาย และสะดวก รวมทั้งมีการรณรงค์ให้บริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ
คาดการณ์ว่าราคาสุกรและไก่เนื้อจะมีราคาสูงขึ้น จึงคาดว่าปริมาณการบริโภคไข่ไก่ใน พ.ศ.
2558-2559 จะเพิ่มขึ้นจาก พ.ศ. 2557 อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงมีการ
น�ำเข้าผลิตภัณฑ์จากไข่ไก่ โดยเฉพาะไข่ขาวผงจากประเทศฝรั่งเศส เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.33
ต่อปี เนื่องจากมีความจ�ำเป็นต้องใช้ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปต่าง ๆ ที่ใช้บริโภค
ในประเทศและส่งออก
_16-04(001-024)P4.indd 8 1/18/60 BE 1:53 PM
9. ประโยชน์และความส�ำคัญของการผลิตสัตว์ 9
1.2.3 เนื้อสุกร
ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรของโลกระหว่าง พ.ศ. 2554-2558 มีปริมาณ
เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.82 ต่อปี ประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่มีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ
สหรัฐอเมริกา บราซิล และสหภาพยุโรป ขยายการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.89, 1.44
และ 1.38 ตามล�ำดับ ส่วนประเทศผู้ผลิตเนื้อสุกรที่ส�ำคัญของโลก ได้แก่ สหภาพยุโรป สหรัฐ-
อเมริกา จีน บราซิล รัสเซีย แคนาดา และเวียดนาม คาดการณ์ว่า ใน พ.ศ. 2559 การผลิตเนื้อสุกร
ของโลกจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
การผลิตสุกรในประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2554-2558 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง เพราะราคาสุกรมีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกร ตลอดจนมีการปรับปรุง
ด้านการจัดการฟาร์มและควบคุมโรคได้ดีขึ้น ทั้งนี้ผลผลิตสุกรถูกใช้เพื่อการบริโภคในประเทศ
เป็นส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 95 การส่งออกมีเพียงร้อยละ 5 เนื่องจากยังมีข้อจ�ำกัดด้านโรคปากและ
เท้าเปื่อย
1.2.4 เนื้อโค
ปริมาณความต้องการบริโภคเนื้อโคในประเทศต่าง ๆ ระหว่าง พ.ศ. 2554-2558
มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 0.10 ต่อปี ประเทศที่มีการบริโภคมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา
รองลงมา ได้แก่ บราซิล และสหภาพยุโรป การผลิตเนื้อโคของโลกใน พ.ศ. 2559 มีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ได้แก่ อินเดีย ซึ่งมีการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ
60 เพื่อตอบสนองตลาดต่างประเทศ รองลงมา ได้แก่ บราซิล ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา
เช่นเดียวกับประเทศไทยซึ่งพบว่าการผลิตโคเนื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะราคา
ที่สูงขึ้นเป็นแรงจูงใจ แต่จ�ำนวนโคเนื้อในประเทศมีน้อยลงและการเพิ่มผลผลิตโคเนื้อนั้นต้องใช้
เวลา ท�ำให้ผลผลิตที่ได้ซึ่งจะใช้บริโภคในประเทศเกือบทั้งหมดยังไม่เพียงพอต่อการบริโภค
จึงต้องน�ำเข้าโคเนื้อและผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ ทั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายและลักลอบ
น�ำเข้า โดยประการหลังท�ำให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพและความปลอดภัยในการผลิตสัตว์
ของประเทศเป็นอย่างมาก จากเหตุผลดังกล่าว ท�ำให้ราคาโคเนื้อและเนื้อโคปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ
10-20 จากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้มีนโยบายสนับสนุนและเพิ่มการผลิตโคขุน
คุณภาพดี เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ซึ่งมีความต้องการผลผลิตโคเนื้อ
ค่อนข้างสูง
_16-04(001-024)P4.indd 9 1/18/60 BE 1:53 PM
10. 10 การจัดการอาหารสัตว์เพื่อลดภาวะโลกร้อน
1.2.5 น�้ำนมและนมผง
ความต้องการบริโภคน�้ำนมและผลิตภัณฑ์นมผงระหว่าง พ.ศ. 2554-2558
ของประเทศต่าง ๆ รวมกันมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.74 ต่อปี อินเดียเป็นประเทศที่บริโภคน�้ำนม
สูงที่สุดคือ 59.55 ล้านตันต่อปี ส่วนความต้องการบริโภคนมผงขาดมันเนยในช่วง 5 ปีดังกล่าว
มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.31 ต่อปี ประเทศที่มีการบริโภคนมผงขาดมันเนยสูงที่สุดคือ สหภาพ-
ยุโรป มีการบริโภค 0.91 ล้านตันต่อปี ประเทศที่มีผลผลิตน�้ำนมดิบมากที่สุดคือ สหภาพยุโรป
ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์นมที่ส�ำคัญ ได้แก่ นมผงขาดมันเนย เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.78 ต่อปี
สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์ เป็นผู้ส่งออกที่ส�ำคัญของโลกตามล�ำดับ คาดการณ์
ว่า ปริมาณการผลิตและการส่งออกผลิตภัณฑ์นมโดยรวมของโลกใน พ.ศ. 2559 จะมีแนวโน้ม
ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากราคาลดต�่ำลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกท�ำให้การผลิตชะลอตัว สถิติจ�ำนวน
โคนมที่มีอยู่ในประเทศที่เป็นแหล่งการเลี้ยงส�ำคัญ ระหว่าง พ.ศ. 2554-2558 แสดงในตารางที่
1.1 ประเทศที่มีการเลี้ยงโคนมเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ อินเดีย บราซิล และจีน
ส�ำหรับการผลิตโคนมในประเทศไทยในช่วงระยะเวลา 5 ปีดังกล่าว มีการเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3.50 ต่อปี เนื่องจากเกษตรกรมีการจัดการฟาร์มได้ดีขึ้นตรงตามมาตรฐานฟาร์ม ท�ำให้มี
ผลผลิตมากและมีคุณภาพดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดังกล่าวมีการส่งออกแม่โคนมไปยัง
ประเทศเพื่อนบ้านเป็นจ�ำนวนมาก ท�ำให้ผลผลิตน�้ำนมดิบของไทยมีไม่มากเท่าที่ควร รวมทั้งจาก
ความต้องการบริโภคนมพร้อมดื่มที่มีอัตราเพิ่มขึ้น ประเทศไทยจึงมีการน�ำเข้าน�้ำนมและผลิตภัณฑ์
นม โดยเฉพาะนมผงขาดมันเนยเป็นจ�ำนวนมาก และส่วนหนึ่งได้น�ำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นม
ประเภทอื่น ๆ แล้วส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียง
_16-04(001-024)P4.indd 10 1/18/60 BE 1:53 PM