SlideShare a Scribd company logo
1 of 31
Download to read offline
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
1 พฤษภาคม 2567
From: 7 leadership principles and the psychology behind them - Work Life by Atlassian
PUBLISHED SEPTEMBER 1, 2023 IN LEADERSHIP
Famous leaders often develop their leadership style by instinct. The rest of us can look to
behavioral science to understand what has made the greats so… well, great.
โดยย่อ
 หลักการหลายข้อที่ผู้นาที่ยิ่งใหญ่ยึดถือนั้น คือการลดอคติของตนเอง
 หลักการมีประสิทธิผล เพราะช่วยผู้นาสร้างความไว้วางใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
 แจ้งเตือนสาหรับผู้หลงตนเอง: การหลงตัวเองไม่มีอยู่ในรายการของเรา
เกริ่นนา
 คนบางคนเกิดมาเป็นผู้นา ในแง่ที่ว่า พวกเขารู้โดยสัญชาตญาณว่า จะชักจูงผู้อื่นให้อยู่เคียงข้างพวก
เขาได้อย่างไร
 ส่วนคนอื่นๆ เมื่ออยู่ในตาแหน่งที่มีอานาจ แต่ล้มเหลวอย่างน่าสังเวช เพราะพวกเขาไม่ได้รับคา
แนะนาหลักการผู้นา ที่จะทาให้พวกเขานาผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผล
 พวกเราต้องพึ่งพาการผสมผสานระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ เมื่อเข้ารับตาแหน่งผู้นาและเพื่อ
พัฒนาทักษะความเป็นผู้นา ยังโชคดีที่มีผลงานจานวนมากในสาขาสังคมวิทยาและจิตวิทยา ที่จะช่วย
ชดเชยสัญชาตญาณใดก็ตามที่เราขาด
มาดูกันว่า ผู้นาในตานานบางคนนาหลักการเหล่านี้ ไปใช้อย่างไร
 1. ให้อภัยแม้ว่าคุณยังไม่ลืมก็ตาม (Forgive, even if you don’t forget)
 2. พิจารณาโดยภาพรวม รวมถึงส่วนที่ไม่ชอบด้วย (Consider the whole, including the parts you
don’t like)
 3. ยอมรับความเห็นแย้งด้วยความเคารพ (Embrace respectful dissent)
 4. ให้รับฟังและอย่าหยุดเรียนรู้ (Never stop listening and learning)
 5. ปฏิเสธการคิดแบบชนะเพียงผู้เดียว (Reject zero-sum thinking)
 6. สร้างพันธมิตร (Build coalitions)
 7. นาด้วยความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก (Lead with courage in the face of the
unknown)
1. ให้อภัยแม้ว่าคุณจะยังไม่ลืมก็ตาม
 ผู้อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยได้ การให้อภัยเป็ นคุณลักษณะของผู้เข้มแข็ง – Mahatma Gandhi
 มหาตมะ คานธี เป็ นที่รู้จักเป็ นอย่างดีจากการใช้วิธีต่อต้านแบบสันติวิธีเพื่อกระตุ้นการ
เปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และแง่มุมสาคัญของกลยุทธ์นี้ คือการให้อภัย
 นี่คือสิ่งที่ทาให้เขาก้าวไปข้างหน้า หลังจากการกระทาอันโหดร้ายของตารวจทุกครั้ง เพราะเขา
ต้องการแก้กฎหมายทุกฉบับ ที่จากัดสิทธิของชาวอินเดียในประเทศของตน
 คานธีไม่เคยใช้กาลังกับผู้กดขี่ แต่เขากลับพาผู้คนเหล่านั้นไปที่โต๊ะเจรจาครั้งแล้วครั้งเล่า
จนกระทั่งอินเดียได้รับเอกราช
ทาไมจึงได้ผล
 คุณไม่จาเป็นต้องกาจัดความขัดแย้งออกจากความทรงจา แต่ถ้าคุณทาได้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก) แล้ว
ปล่อยมันไป จะทาให้คุณมีคุณลักษณะโน้มน้าวใจผู้อื่นได้มากขึ้ น
 ต้องขอบคุณปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า "พฤติกรรมความมั่นใจ" (ซึ่งเป็นทางลัดทางจิตที่
ผ่านการตรวจสอบโดยการวิจัยแล้ว) คอยผลักดันเราไปสู่ทิศทางของคนที่มีความมั่นใจ
 นอกจากนี้ การเป็ นคนที่ให้อภัย จะทาให้คุณเป็น "ผู้ใหญ่" และได้รับความเคารพ
วิธีปฏิบัติ
 การไม่เห็นด้วยกับเพื่อนร่วมงาน (บางครั้งก็ขัดแย้งกันอย่างแรงกล้า!) อาจจะเกิดขึ้ น
 แต่มีโอกาสที่คุณมีอะไรที่เหมือนกันกับพวกเขาได้ ให้เลือกเป้าหมายร่วมกันหนึ่งข้อที่คุณสามารถ
ทางานร่วมกัน เพื่อนาทุกคนกลับมาที่โต๊ะ
 แม้ว่าคุณจะยังไม่พร้อมที่จะให้อภัยอย่างเต็มที่ก็ตาม การมุ่งเน้นไปที่งาน จะช่วยเร่งกระบวนการ
เยียวยาและทาให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้ น
2. พิจารณาโดยภาพรวม รวมทั้งส่วนที่ไม่ชอบด้วย
 ฉันซื่อสัตย์อย่างยิ่ง ฉันมักจะมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของพวกเขาและของฉัน – INDRA
NOOEY อดีต CEO ของ PEPSICO
 เธอรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการมองภาพใหญ่ เธอเป็ นผู้นาด้านกลยุทธ์ขององค์กรระดับโลกมา
นานกว่าทศวรรษ ซึ่งรวมถึงการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ การเข้าซื้ อกิจการ และการขายกิจการ
 ทั้งหมดนี้ บังคับให้เธอตัดสินใจเลือกสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เพื่อให้ธุรกิจโดยรวมเจริญเติบโตได้
ทาไมจึงได้ผล
 เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมแล้ว ภาพรวมจะช่วยคุณหลีกเลี่ยงอคติทางความคิด ที่เรียกว่าความเกลียด
ชังการสูญเสียได้
 การวิจัยชี้ ให้เห็นว่า การสูญเสียมีศักยภาพเป็ นสองเท่าจากมุมมองทางจิตวิทยาเมื่อเทียบกับกาไร
 ดังนั้น คุณอาจตกหลุมพรางของการปฏิเสธแนวคิด เพียงเพราะมันเกี่ยวข้องกับการสูญเสียสิ่งที่มี
คุณสมบัติล้าค่าไป การยอมรับข้อดีข้อเสียทั้งหมด จะทาให้คุณพร้อมสาหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้ น
วิธีปฏิบัติ
 การเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลงแม้ในระดับเล็กๆ จาเป็นต้องอาศัยการคิดแบบองค์รวม และรวมถึง
ความคิดที่ไม่ชอบด้วย
 ครั้งต่อไปที่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลาบากและ/หรือมีผลกระทบสูง ให้รวบรวมข้อมูลและ
คาแนะนาจากแหล่งที่มาต่างๆ เพื่อสอบถามข้อมูล ขอให้ทั้งผู้สนับสนุนและผู้ไม่เห็นด้วยกล่าวเสนอ
ข้อโต้แย้งของตน
 และกาหนดเส้นตายในการตัดสินใจ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ตกหลุมพรางของการขาดการวิเคราะห์อย่าง
ครอบคลุม
3. ยอมรับความเห็นแย้งด้วยความเคารพ
 ฉันไม่ชอบผู้ชายคนนั้น ฉันจะต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้ – Abraham Lincoln
 มันคงไม่เป็นบทความเกี่ยวกับภาวะผู้นาหากไม่ใช่อับราฮัม ลินคอล์น ใช่ไหม? คุณรู้ไหมว่า
นอกเหนือจากการรวมประเทศไว้ด้วยกันได้ ลินคอล์นยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของการคิดที่หลากหลายซึ่ง
ส่งผลลัพธ์ที่ออกมาดีมาก ๆ
 เขารวบรวมคณะรัฐมนตรีและกลุ่มที่ปรึกษาซึ่งมีความเห็นแตกต่าง โดยรู้ว่า หากเริ่มต้นจากจุดที่
แตกต่างแต่ยังคงพัฒนาวิธีแก้ปัญหาได้ วิธีแก้ปัญหานั้นก็จะแข็งแกร่งขึ้ น
 พวกเขาทางานร่วมกันในฐานะทีมนา โดยอภิปรายคาถามต่างๆ เช่น ถ้อยคาและจังหวะเวลาของการ
ประกาศเลิกทาส ที่ประกาศว่า การใช้ทาสเป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง
ทาไมจึงได้ผล
 ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ การคิดที่แตกต่าง การวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ หรือ
อย่างอื่น ความขัดแย้งอาจทาให้งานในองค์กรของคุณช้าลง แต่รางวัลสาหรับความอดทนนั้นยิ่งใหญ่
 นอกจากการต้องดาเนินการใหม่ที่น้อยลงแล้ว การให้พื้นที่สาหรับความขัดแย้งด้วยความเคารพ ยัง
สร้างความภักดีและการมีส่วนร่วมอีกด้วย
 การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้คนมีแนวโน้มที่จะยอมรับการมีเหตุผลมากขึ้ น และยอมรับการตัดสินใจใน
สิ่งที่พวกเขาไม่เห็นด้วย หากพวกเขามีโอกาสระบุความคิดของตน ก่อนหน้าที่จะมีการตัดสินใจ
วิธีปฏิบัติ
 อย่าแสดงออกอย่างเฉยเมยกับผู้คนที่แสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วย แต่ให้เชิญชวนพวกเขาอย่าง
จริงจัง
 ถามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคุณในอดีตและขอความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดของเขา และเมื่อเขาแสดง
ความคิดเห็นที่เราไม่เห็นด้วยโดยไม่ได้คาดคิด ให้ขอบคุณบุคคลนั้นอย่างเปิ ดเผยที่สละเวลาเสนอ
ความคิดในมุมมองของตน
4. ให้รับฟังและอย่าหยุดเรียนรู้
 ไว้วางใจและรับฟังทีมของคุณ สิ่งนี้ ช่วยให้ฉันเป็ นผู้นาที่มีประสิทธิผลมากขึ้น ฉันยังคงเรียนรู้อยู่ –
Ursula Burns
 เพียงเพราะคุณทาหน้าที่ผู้นาไม่ได้ทาให้คุณเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้อง Ursula Burns อดีตซีอีโอของ
Xerox (และเธอก็ฉลาดมากด้วย) พึ่งพาความเชี่ยวชาญและภูมิปัญญาของพนักงานของเธอ
 ตัวอย่างเช่น เมื่อ Xerox เข้าซื้ อกิจการ Affiliated Computer Services วัฒนธรรมของทั้งสององค์กรก็
ค่อนข้างแตกต่างกัน เพื่อนาทางการเปลี่ยนแปลงสู่แรงงานที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เธอได้พูดคุยกับผู้คน
จากทั้งสองฝ่ ายว่า วัฒนธรรมใดมีคุณค่ามากที่สุด นั่นช่วยให้เธอเข้าใจว่าพวกเขาสามารถ
เปลี่ยนแปลงได้มากเพียงใด โดยไม่สูญเสียหัวใจและความคิดของพนักงาน
ทาไมจึงได้ผล
 การอยากรู้อยากเห็นและรับฟังสมาชิกในทีมจะช่วยลดอคติ (อคติคือสิ่งที่คุณเชื่ออยู่แล้ว ทาให้ขาด
แนวโน้มที่จะเห็นข้อมูลใหม่ๆ )
 ปัญหาเกี่ยวกับอคติคือทาให้คุณไม่ได้รับข้อมูลอันมีค่า ซึ่งอคติเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการ
ตัดสินใจที่ดี และทาให้ความเป็นผู้นาของคุณมีประสิทธิผลน้อยลง
วิธีปฏิบัติ
 เช่นเดียวกับการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างด้วยความเคารพ การเชิญชวนให้แสดงความคิดเห็น
ที่หลากหลาย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
 คุณยังสามารถมอบหมายการตัดสินใจให้บุคคลต่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และให้สมาชิกในทีม
"ขยายเป้าหมายงานเพิ่มขึ้ น" ที่จะเป็ นการท้าทายพวกเขา การกระทาทั้งสองแสดงให้เห็นถึงความ
ไว้วางใจและความมั่นใจในทีมของคุณ
5. ปฏิเสธการคิดแบบชนะเพียงผู้เดียว
 บริษัทไม่สามารถบรรลุผลกาไรในระยะยาวได้ หากปราศจากเป้าหมายและคานึงถึงความต้องการ
ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง – Larry Fink
 โลกธุรกิจของเราเต็มไปด้วยแนวคิด "การแข่งขัน" และ "ชัยชนะ" แต่กาไรของฝ่ ายหนึ่งไม่
จาเป็นต้องหมายถึงการสูญเสียของอีกฝ่ ายเสมอไป
 การคิดแบบ win-win เป็นหัวใจสาคัญของทุนนิยมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่ง Larry Fink ซีอีโอของ
BlackRock, Inc. มองว่า ความหลงใหลแบบเดิม ๆ ในการเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น (ซึ่งมักจะต้องแบก
รับภาระโดยคนงานและ/หรือผู้บริโภค) เป็ นเรื่องการมองระยะสั้นและสูญเสีย เพราะธุรกิจไม่
สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ เว้นแต่พนักงานและลูกค้าจะเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน
ทาไมจึงได้ผล
 การคิดแบบชนะเพียงผู้เดียวไม่เพียงแต่เป็ นการเข้าใจผิดเชิงตรรกะเท่านั้น แต่ยังบั่
นทอนจุดแข็งของ
คุณในฐานะผู้นาอีกด้วย
 ผู้นาที่มีการแข่งขันสูงจะถูกมองว่าเป็นพิษมาก ทาให้คนรอบข้างรู้สึกวิตกกังวลและไม่เป็นสุข
 ไม่ใช่สูตรสาเร็จในการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวผู้คนออกมาและพัฒนาทักษะของพวกเขา ในทาง
กลับกัน การแสวงหาแนวทางแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะทาให้คุณได้รับความ
เคารพ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับทีมของคุณ ทาให้พวกเขารู้สึกถึงจุดมุ่งหมาย
วิธีปฏิบัติ
 โปรดจาไว้ว่า จริงๆ แล้ว คุณกาลังแข่งขันกับใคร (คู่แข่งของบริษัท) และใครที่ไม่ใช่ (คนในบริษัท
ของคุณเอง)
 อย่าเล่นการเมืองในออฟฟิ ศ เมื่อต้องการได้รับเงินทุนสาหรับโครงการของคุณ หรือต้องการทางาน
ชิ้ นสาคัญนั้น ให้เสนอข้อโต้แย้งในแง่ดี อย่าดูถูกคนอื่น
 และหากการตัดสินใจไม่เป็นไปตามใจคุณ จงยอมรับมันอย่างสง่างาม ตราบใดที่ธุรกิจคุณยังชนะใน
ตลาด คุณก็ชนะเช่นกัน
6. สร้างแนวร่วม
 ไม่มีใครในพวกเราที่ลงมือทาเพียงลาพังสามารถประสบความสาเร็จได้ ดังนั้นเราจึงต้องร่วมมือกันเป็น
ปึกแผ่น เพื่อความปรองดองในชาติ เพื่อสร้างชาติ เพื่อการกาเนิดโลกใหม่ – Nelson Mandela
 การค้นหาคนที่มีความสนใจสอดคล้องกับคุณและมุ่งทางานเพื่อพัฒนาความสนใจเหล่านั้นเป็นแก่นที่แท้จริง
ดังที่แมนเดลาเป็นพยานได้ ยิ่งคุณพยายามนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เท่าใด คุณก็ยิ่งมีแนวโน้มที่
จะต้องหาแนวร่วมมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก่อให้เกิดข้อขัดแย้ง
 เมื่อเขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้เพียงไม่กี่ปี หลังจากการแบ่งแยกสีผิวถูกรื้อถอนอย่างถูก
กฎหมาย แมนเดลาเผชิญกับภารกิจที่ไม่มีใครอยากได้ในการรื้อถอนการแบ่งแยกสีผิว ในแง่วัฒนธรรมและ
การรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว
 เขาใช้ภาษาแห่งความสามัคคีคือ เรา พวกเรา ของเรา ในการปราศรัยต่อสาธารณะ เพื่อช่วยทาให้แนวคิด
เรื่องความสามัคคีทางเชื้อชาติเป็นปกติ เขายังเชิญอดีตผู้คุมเรือนจามาร่วมในงานพิธีเปิดอีกด้วย
ทาไมจึงได้ผล
 ดูคล้ายเป็ นเกมของตัวเลข หากผู้คนจานวนมากต้องการสิ่งเดียวกัน สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้น
 แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามองค์ประกอบทางจิตวิทยาด้วย ที่ขอย้าอีกครั้งว่า ผู้คนมีแนวโน้มอยากจะมี
ส่วนร่วมแนวคิดในการพัฒนา
 และหากแนวร่วมของคุณเป็นการดึงดูดผู้คนมาจากกลุ่มที่หลากหลาย (ซึ่งอาจต่อต้านกันและกันใน
เรื่องอื่น) นั่นแสดงถึงการที่ผู้อื่นยอมรับแนวคิดของคุณว่า มีความเข้มแข็งและเป็ นแรงบันดาลใจ
วิธีปฏิบัติ
 เมื่อคุณมีแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง หรือแตกต่างไปจากวิธีที่คุณทามาตลอด ให้ใช้เวลาเพื่อ
สร้างการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของคุณ
 เมื่อพันธมิตรของคุณเติบโตขึ้ น การบ่อนทาลายคุณก็จะยากขึ้ นเรื่อย ๆ
7. นาด้วยความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก
 ความกล้าก็เหมือนกับกล้ามเนื้ อ ยิ่งฉันออกกาลังกายมากเท่าไร มันก็ยิ่งเป็ นธรรมชาติมากขึ้ น ที่จะ
ไม่ยอมให้ความกลัวมาครอบงาฉัน – Arianna Huffington
 ฮัฟฟิ งตันในฐานะผู้ก่อตั้งกิจการธุรกิจหลักสองแห่ง ผู้สมัครชิงตาแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และ
ผู้ประพันธ์หนังสือ 15 เล่ม
 Arianna Huffington มีประสบการณ์เล็กน้อยในการเริ่มต้นสู่ทิศทางใหม่ ความพยายามแต่ละอย่าง มี
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินการโดยอาศัยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และการคาดเดา และมีวิถีชีวิต
ของผู้คนที่ขึ้ นอยู่กับการตัดสินใจทุกครั้ง
ทาไมจึงได้ผล
 ต้องใช้ความกล้าที่จะเปิดใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้ เทียบกับสิ่งที่คุณกาลังดาเนินการเพื่อค้นหา ซึ่งต้องใช้
ความกล้าในการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
 แค่ขอคาแนะนาก็ต้องใช้ความกล้า แต่เมื่อคุณทาเช่นนั้น การผสมผสานระหว่างความกล้าหาญและ
ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่คุณแสดงออก จะช่วยสร้างความไว้วางใจกับคนที่ติดตามคุณ
 นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความปลอดภัยทางจิตใจด้วย เนื่องจากคุณส่งข้อความว่า ไม่มีคาตอบทั้งหมดก็
ไม่เป็นไร ซึ่งในทางกลับกัน จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน และส่งเสริมให้ผู้อื่นยอมรับ
ข้อผิดพลาดตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดในการจัดการ
วิธีปฏิบัติ
 พูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณยังไม่รู้ และขอให้คนอื่นช่วยคุณคิด
 คุณจะไม่เพียงได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งมากขึ้ นสาหรับการตัดสินใจใดก็ตามของคุณ แต่คุณยัง
ได้รับประโยชน์จากมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งชดเชยจุดบอดของคุณ
—John Quincy Adams
Certainly! Leadership principles are essential for effective leadership. Here are three sets of
principles that have been embraced by great leaders:
1. Forgiveness and Resilience:
o Mahatma Gandhi, known for his nonviolent resistance, exemplified forgiveness. Despite facing
brutal police actions and oppressive laws, he forgave and kept moving forward. His ability to let
go of conflict allowed him to negotiate for India’s independence.
o Why it works: Forgiveness reduces stress and anxiety, leading to higher self-esteem. It also
positions you as the mature party and earns respect. Even if you’re not ready to fully forgive,
focus on shared goals to heal and move forward1.
2. Universal Leadership Traits:
o Vision: Leaders must have a clear vision of their goals.
o Integrity: Acting with honesty and adhering to values.
o Empowerment: Enabling others to succeed.
o Communication: Clear and effective communication.
o Adaptability: Flexibility in response to change.
o Accountability: Taking responsibility for actions.
o Influence: Inspiring positive change in others2.
3. IPA’s Seven Principles of Leadership:
o Belief in Purpose: Understand and align with the organization’s purpose.
o Taking Responsibility: Full ownership of actions and outcomes.
o Forgiveness and Moving On: Letting go of past conflicts.
o Humility: Recognizing limitations and learning from others.
o Optimism and Realism: Balancing positivity with practicality.
o Valuing Others’ Opinions: Confidence in your own views while respecting others’.
o Self-Acceptance: Embracing your strengths and weaknesses3.
 Remember, leadership principles serve as a compass, guiding leaders toward impactful decisions and
fostering team growth. Whether instinctive or learned, these principles shape exemplary leadership.

More Related Content

More from maruay songtanin

537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 

หลักการผู้นำ 7 ประการ 7 proven leadership principles .pdf

  • 2. From: 7 leadership principles and the psychology behind them - Work Life by Atlassian PUBLISHED SEPTEMBER 1, 2023 IN LEADERSHIP Famous leaders often develop their leadership style by instinct. The rest of us can look to behavioral science to understand what has made the greats so… well, great.
  • 3. โดยย่อ  หลักการหลายข้อที่ผู้นาที่ยิ่งใหญ่ยึดถือนั้น คือการลดอคติของตนเอง  หลักการมีประสิทธิผล เพราะช่วยผู้นาสร้างความไว้วางใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น  แจ้งเตือนสาหรับผู้หลงตนเอง: การหลงตัวเองไม่มีอยู่ในรายการของเรา
  • 4. เกริ่นนา  คนบางคนเกิดมาเป็นผู้นา ในแง่ที่ว่า พวกเขารู้โดยสัญชาตญาณว่า จะชักจูงผู้อื่นให้อยู่เคียงข้างพวก เขาได้อย่างไร  ส่วนคนอื่นๆ เมื่ออยู่ในตาแหน่งที่มีอานาจ แต่ล้มเหลวอย่างน่าสังเวช เพราะพวกเขาไม่ได้รับคา แนะนาหลักการผู้นา ที่จะทาให้พวกเขานาผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผล  พวกเราต้องพึ่งพาการผสมผสานระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ เมื่อเข้ารับตาแหน่งผู้นาและเพื่อ พัฒนาทักษะความเป็นผู้นา ยังโชคดีที่มีผลงานจานวนมากในสาขาสังคมวิทยาและจิตวิทยา ที่จะช่วย ชดเชยสัญชาตญาณใดก็ตามที่เราขาด
  • 5. มาดูกันว่า ผู้นาในตานานบางคนนาหลักการเหล่านี้ ไปใช้อย่างไร  1. ให้อภัยแม้ว่าคุณยังไม่ลืมก็ตาม (Forgive, even if you don’t forget)  2. พิจารณาโดยภาพรวม รวมถึงส่วนที่ไม่ชอบด้วย (Consider the whole, including the parts you don’t like)  3. ยอมรับความเห็นแย้งด้วยความเคารพ (Embrace respectful dissent)  4. ให้รับฟังและอย่าหยุดเรียนรู้ (Never stop listening and learning)  5. ปฏิเสธการคิดแบบชนะเพียงผู้เดียว (Reject zero-sum thinking)  6. สร้างพันธมิตร (Build coalitions)  7. นาด้วยความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก (Lead with courage in the face of the unknown)
  • 6. 1. ให้อภัยแม้ว่าคุณจะยังไม่ลืมก็ตาม  ผู้อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยได้ การให้อภัยเป็ นคุณลักษณะของผู้เข้มแข็ง – Mahatma Gandhi  มหาตมะ คานธี เป็ นที่รู้จักเป็ นอย่างดีจากการใช้วิธีต่อต้านแบบสันติวิธีเพื่อกระตุ้นการ เปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และแง่มุมสาคัญของกลยุทธ์นี้ คือการให้อภัย  นี่คือสิ่งที่ทาให้เขาก้าวไปข้างหน้า หลังจากการกระทาอันโหดร้ายของตารวจทุกครั้ง เพราะเขา ต้องการแก้กฎหมายทุกฉบับ ที่จากัดสิทธิของชาวอินเดียในประเทศของตน  คานธีไม่เคยใช้กาลังกับผู้กดขี่ แต่เขากลับพาผู้คนเหล่านั้นไปที่โต๊ะเจรจาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งอินเดียได้รับเอกราช
  • 7. ทาไมจึงได้ผล  คุณไม่จาเป็นต้องกาจัดความขัดแย้งออกจากความทรงจา แต่ถ้าคุณทาได้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก) แล้ว ปล่อยมันไป จะทาให้คุณมีคุณลักษณะโน้มน้าวใจผู้อื่นได้มากขึ้ น  ต้องขอบคุณปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า "พฤติกรรมความมั่นใจ" (ซึ่งเป็นทางลัดทางจิตที่ ผ่านการตรวจสอบโดยการวิจัยแล้ว) คอยผลักดันเราไปสู่ทิศทางของคนที่มีความมั่นใจ  นอกจากนี้ การเป็ นคนที่ให้อภัย จะทาให้คุณเป็น "ผู้ใหญ่" และได้รับความเคารพ
  • 8. วิธีปฏิบัติ  การไม่เห็นด้วยกับเพื่อนร่วมงาน (บางครั้งก็ขัดแย้งกันอย่างแรงกล้า!) อาจจะเกิดขึ้ น  แต่มีโอกาสที่คุณมีอะไรที่เหมือนกันกับพวกเขาได้ ให้เลือกเป้าหมายร่วมกันหนึ่งข้อที่คุณสามารถ ทางานร่วมกัน เพื่อนาทุกคนกลับมาที่โต๊ะ  แม้ว่าคุณจะยังไม่พร้อมที่จะให้อภัยอย่างเต็มที่ก็ตาม การมุ่งเน้นไปที่งาน จะช่วยเร่งกระบวนการ เยียวยาและทาให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้ น
  • 9. 2. พิจารณาโดยภาพรวม รวมทั้งส่วนที่ไม่ชอบด้วย  ฉันซื่อสัตย์อย่างยิ่ง ฉันมักจะมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของพวกเขาและของฉัน – INDRA NOOEY อดีต CEO ของ PEPSICO  เธอรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการมองภาพใหญ่ เธอเป็ นผู้นาด้านกลยุทธ์ขององค์กรระดับโลกมา นานกว่าทศวรรษ ซึ่งรวมถึงการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ การเข้าซื้ อกิจการ และการขายกิจการ  ทั้งหมดนี้ บังคับให้เธอตัดสินใจเลือกสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เพื่อให้ธุรกิจโดยรวมเจริญเติบโตได้
  • 10. ทาไมจึงได้ผล  เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมแล้ว ภาพรวมจะช่วยคุณหลีกเลี่ยงอคติทางความคิด ที่เรียกว่าความเกลียด ชังการสูญเสียได้  การวิจัยชี้ ให้เห็นว่า การสูญเสียมีศักยภาพเป็ นสองเท่าจากมุมมองทางจิตวิทยาเมื่อเทียบกับกาไร  ดังนั้น คุณอาจตกหลุมพรางของการปฏิเสธแนวคิด เพียงเพราะมันเกี่ยวข้องกับการสูญเสียสิ่งที่มี คุณสมบัติล้าค่าไป การยอมรับข้อดีข้อเสียทั้งหมด จะทาให้คุณพร้อมสาหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้ น
  • 11. วิธีปฏิบัติ  การเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลงแม้ในระดับเล็กๆ จาเป็นต้องอาศัยการคิดแบบองค์รวม และรวมถึง ความคิดที่ไม่ชอบด้วย  ครั้งต่อไปที่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลาบากและ/หรือมีผลกระทบสูง ให้รวบรวมข้อมูลและ คาแนะนาจากแหล่งที่มาต่างๆ เพื่อสอบถามข้อมูล ขอให้ทั้งผู้สนับสนุนและผู้ไม่เห็นด้วยกล่าวเสนอ ข้อโต้แย้งของตน  และกาหนดเส้นตายในการตัดสินใจ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ตกหลุมพรางของการขาดการวิเคราะห์อย่าง ครอบคลุม
  • 12. 3. ยอมรับความเห็นแย้งด้วยความเคารพ  ฉันไม่ชอบผู้ชายคนนั้น ฉันจะต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้ – Abraham Lincoln  มันคงไม่เป็นบทความเกี่ยวกับภาวะผู้นาหากไม่ใช่อับราฮัม ลินคอล์น ใช่ไหม? คุณรู้ไหมว่า นอกเหนือจากการรวมประเทศไว้ด้วยกันได้ ลินคอล์นยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของการคิดที่หลากหลายซึ่ง ส่งผลลัพธ์ที่ออกมาดีมาก ๆ  เขารวบรวมคณะรัฐมนตรีและกลุ่มที่ปรึกษาซึ่งมีความเห็นแตกต่าง โดยรู้ว่า หากเริ่มต้นจากจุดที่ แตกต่างแต่ยังคงพัฒนาวิธีแก้ปัญหาได้ วิธีแก้ปัญหานั้นก็จะแข็งแกร่งขึ้ น  พวกเขาทางานร่วมกันในฐานะทีมนา โดยอภิปรายคาถามต่างๆ เช่น ถ้อยคาและจังหวะเวลาของการ ประกาศเลิกทาส ที่ประกาศว่า การใช้ทาสเป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง
  • 13. ทาไมจึงได้ผล  ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ การคิดที่แตกต่าง การวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ หรือ อย่างอื่น ความขัดแย้งอาจทาให้งานในองค์กรของคุณช้าลง แต่รางวัลสาหรับความอดทนนั้นยิ่งใหญ่  นอกจากการต้องดาเนินการใหม่ที่น้อยลงแล้ว การให้พื้นที่สาหรับความขัดแย้งด้วยความเคารพ ยัง สร้างความภักดีและการมีส่วนร่วมอีกด้วย  การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้คนมีแนวโน้มที่จะยอมรับการมีเหตุผลมากขึ้ น และยอมรับการตัดสินใจใน สิ่งที่พวกเขาไม่เห็นด้วย หากพวกเขามีโอกาสระบุความคิดของตน ก่อนหน้าที่จะมีการตัดสินใจ
  • 14. วิธีปฏิบัติ  อย่าแสดงออกอย่างเฉยเมยกับผู้คนที่แสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วย แต่ให้เชิญชวนพวกเขาอย่าง จริงจัง  ถามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคุณในอดีตและขอความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดของเขา และเมื่อเขาแสดง ความคิดเห็นที่เราไม่เห็นด้วยโดยไม่ได้คาดคิด ให้ขอบคุณบุคคลนั้นอย่างเปิ ดเผยที่สละเวลาเสนอ ความคิดในมุมมองของตน
  • 15. 4. ให้รับฟังและอย่าหยุดเรียนรู้  ไว้วางใจและรับฟังทีมของคุณ สิ่งนี้ ช่วยให้ฉันเป็ นผู้นาที่มีประสิทธิผลมากขึ้น ฉันยังคงเรียนรู้อยู่ – Ursula Burns  เพียงเพราะคุณทาหน้าที่ผู้นาไม่ได้ทาให้คุณเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้อง Ursula Burns อดีตซีอีโอของ Xerox (และเธอก็ฉลาดมากด้วย) พึ่งพาความเชี่ยวชาญและภูมิปัญญาของพนักงานของเธอ  ตัวอย่างเช่น เมื่อ Xerox เข้าซื้ อกิจการ Affiliated Computer Services วัฒนธรรมของทั้งสององค์กรก็ ค่อนข้างแตกต่างกัน เพื่อนาทางการเปลี่ยนแปลงสู่แรงงานที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เธอได้พูดคุยกับผู้คน จากทั้งสองฝ่ ายว่า วัฒนธรรมใดมีคุณค่ามากที่สุด นั่นช่วยให้เธอเข้าใจว่าพวกเขาสามารถ เปลี่ยนแปลงได้มากเพียงใด โดยไม่สูญเสียหัวใจและความคิดของพนักงาน
  • 16. ทาไมจึงได้ผล  การอยากรู้อยากเห็นและรับฟังสมาชิกในทีมจะช่วยลดอคติ (อคติคือสิ่งที่คุณเชื่ออยู่แล้ว ทาให้ขาด แนวโน้มที่จะเห็นข้อมูลใหม่ๆ )  ปัญหาเกี่ยวกับอคติคือทาให้คุณไม่ได้รับข้อมูลอันมีค่า ซึ่งอคติเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการ ตัดสินใจที่ดี และทาให้ความเป็นผู้นาของคุณมีประสิทธิผลน้อยลง
  • 17. วิธีปฏิบัติ  เช่นเดียวกับการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างด้วยความเคารพ การเชิญชวนให้แสดงความคิดเห็น ที่หลากหลาย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี  คุณยังสามารถมอบหมายการตัดสินใจให้บุคคลต่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และให้สมาชิกในทีม "ขยายเป้าหมายงานเพิ่มขึ้ น" ที่จะเป็ นการท้าทายพวกเขา การกระทาทั้งสองแสดงให้เห็นถึงความ ไว้วางใจและความมั่นใจในทีมของคุณ
  • 18. 5. ปฏิเสธการคิดแบบชนะเพียงผู้เดียว  บริษัทไม่สามารถบรรลุผลกาไรในระยะยาวได้ หากปราศจากเป้าหมายและคานึงถึงความต้องการ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง – Larry Fink  โลกธุรกิจของเราเต็มไปด้วยแนวคิด "การแข่งขัน" และ "ชัยชนะ" แต่กาไรของฝ่ ายหนึ่งไม่ จาเป็นต้องหมายถึงการสูญเสียของอีกฝ่ ายเสมอไป  การคิดแบบ win-win เป็นหัวใจสาคัญของทุนนิยมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่ง Larry Fink ซีอีโอของ BlackRock, Inc. มองว่า ความหลงใหลแบบเดิม ๆ ในการเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น (ซึ่งมักจะต้องแบก รับภาระโดยคนงานและ/หรือผู้บริโภค) เป็ นเรื่องการมองระยะสั้นและสูญเสีย เพราะธุรกิจไม่ สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ เว้นแต่พนักงานและลูกค้าจะเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน
  • 19. ทาไมจึงได้ผล  การคิดแบบชนะเพียงผู้เดียวไม่เพียงแต่เป็ นการเข้าใจผิดเชิงตรรกะเท่านั้น แต่ยังบั่ นทอนจุดแข็งของ คุณในฐานะผู้นาอีกด้วย  ผู้นาที่มีการแข่งขันสูงจะถูกมองว่าเป็นพิษมาก ทาให้คนรอบข้างรู้สึกวิตกกังวลและไม่เป็นสุข  ไม่ใช่สูตรสาเร็จในการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวผู้คนออกมาและพัฒนาทักษะของพวกเขา ในทาง กลับกัน การแสวงหาแนวทางแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะทาให้คุณได้รับความ เคารพ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับทีมของคุณ ทาให้พวกเขารู้สึกถึงจุดมุ่งหมาย
  • 20. วิธีปฏิบัติ  โปรดจาไว้ว่า จริงๆ แล้ว คุณกาลังแข่งขันกับใคร (คู่แข่งของบริษัท) และใครที่ไม่ใช่ (คนในบริษัท ของคุณเอง)  อย่าเล่นการเมืองในออฟฟิ ศ เมื่อต้องการได้รับเงินทุนสาหรับโครงการของคุณ หรือต้องการทางาน ชิ้ นสาคัญนั้น ให้เสนอข้อโต้แย้งในแง่ดี อย่าดูถูกคนอื่น  และหากการตัดสินใจไม่เป็นไปตามใจคุณ จงยอมรับมันอย่างสง่างาม ตราบใดที่ธุรกิจคุณยังชนะใน ตลาด คุณก็ชนะเช่นกัน
  • 21. 6. สร้างแนวร่วม  ไม่มีใครในพวกเราที่ลงมือทาเพียงลาพังสามารถประสบความสาเร็จได้ ดังนั้นเราจึงต้องร่วมมือกันเป็น ปึกแผ่น เพื่อความปรองดองในชาติ เพื่อสร้างชาติ เพื่อการกาเนิดโลกใหม่ – Nelson Mandela  การค้นหาคนที่มีความสนใจสอดคล้องกับคุณและมุ่งทางานเพื่อพัฒนาความสนใจเหล่านั้นเป็นแก่นที่แท้จริง ดังที่แมนเดลาเป็นพยานได้ ยิ่งคุณพยายามนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เท่าใด คุณก็ยิ่งมีแนวโน้มที่ จะต้องหาแนวร่วมมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก่อให้เกิดข้อขัดแย้ง  เมื่อเขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้เพียงไม่กี่ปี หลังจากการแบ่งแยกสีผิวถูกรื้อถอนอย่างถูก กฎหมาย แมนเดลาเผชิญกับภารกิจที่ไม่มีใครอยากได้ในการรื้อถอนการแบ่งแยกสีผิว ในแง่วัฒนธรรมและ การรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว  เขาใช้ภาษาแห่งความสามัคคีคือ เรา พวกเรา ของเรา ในการปราศรัยต่อสาธารณะ เพื่อช่วยทาให้แนวคิด เรื่องความสามัคคีทางเชื้อชาติเป็นปกติ เขายังเชิญอดีตผู้คุมเรือนจามาร่วมในงานพิธีเปิดอีกด้วย
  • 22. ทาไมจึงได้ผล  ดูคล้ายเป็ นเกมของตัวเลข หากผู้คนจานวนมากต้องการสิ่งเดียวกัน สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้น  แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามองค์ประกอบทางจิตวิทยาด้วย ที่ขอย้าอีกครั้งว่า ผู้คนมีแนวโน้มอยากจะมี ส่วนร่วมแนวคิดในการพัฒนา  และหากแนวร่วมของคุณเป็นการดึงดูดผู้คนมาจากกลุ่มที่หลากหลาย (ซึ่งอาจต่อต้านกันและกันใน เรื่องอื่น) นั่นแสดงถึงการที่ผู้อื่นยอมรับแนวคิดของคุณว่า มีความเข้มแข็งและเป็ นแรงบันดาลใจ
  • 23. วิธีปฏิบัติ  เมื่อคุณมีแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง หรือแตกต่างไปจากวิธีที่คุณทามาตลอด ให้ใช้เวลาเพื่อ สร้างการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของคุณ  เมื่อพันธมิตรของคุณเติบโตขึ้ น การบ่อนทาลายคุณก็จะยากขึ้ นเรื่อย ๆ
  • 24. 7. นาด้วยความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก  ความกล้าก็เหมือนกับกล้ามเนื้ อ ยิ่งฉันออกกาลังกายมากเท่าไร มันก็ยิ่งเป็ นธรรมชาติมากขึ้ น ที่จะ ไม่ยอมให้ความกลัวมาครอบงาฉัน – Arianna Huffington  ฮัฟฟิ งตันในฐานะผู้ก่อตั้งกิจการธุรกิจหลักสองแห่ง ผู้สมัครชิงตาแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และ ผู้ประพันธ์หนังสือ 15 เล่ม  Arianna Huffington มีประสบการณ์เล็กน้อยในการเริ่มต้นสู่ทิศทางใหม่ ความพยายามแต่ละอย่าง มี ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินการโดยอาศัยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และการคาดเดา และมีวิถีชีวิต ของผู้คนที่ขึ้ นอยู่กับการตัดสินใจทุกครั้ง
  • 25. ทาไมจึงได้ผล  ต้องใช้ความกล้าที่จะเปิดใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้ เทียบกับสิ่งที่คุณกาลังดาเนินการเพื่อค้นหา ซึ่งต้องใช้ ความกล้าในการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์  แค่ขอคาแนะนาก็ต้องใช้ความกล้า แต่เมื่อคุณทาเช่นนั้น การผสมผสานระหว่างความกล้าหาญและ ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่คุณแสดงออก จะช่วยสร้างความไว้วางใจกับคนที่ติดตามคุณ  นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความปลอดภัยทางจิตใจด้วย เนื่องจากคุณส่งข้อความว่า ไม่มีคาตอบทั้งหมดก็ ไม่เป็นไร ซึ่งในทางกลับกัน จะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน และส่งเสริมให้ผู้อื่นยอมรับ ข้อผิดพลาดตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดในการจัดการ
  • 26. วิธีปฏิบัติ  พูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณยังไม่รู้ และขอให้คนอื่นช่วยคุณคิด  คุณจะไม่เพียงได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งมากขึ้ นสาหรับการตัดสินใจใดก็ตามของคุณ แต่คุณยัง ได้รับประโยชน์จากมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งชดเชยจุดบอดของคุณ
  • 28. Certainly! Leadership principles are essential for effective leadership. Here are three sets of principles that have been embraced by great leaders: 1. Forgiveness and Resilience: o Mahatma Gandhi, known for his nonviolent resistance, exemplified forgiveness. Despite facing brutal police actions and oppressive laws, he forgave and kept moving forward. His ability to let go of conflict allowed him to negotiate for India’s independence. o Why it works: Forgiveness reduces stress and anxiety, leading to higher self-esteem. It also positions you as the mature party and earns respect. Even if you’re not ready to fully forgive, focus on shared goals to heal and move forward1.
  • 29. 2. Universal Leadership Traits: o Vision: Leaders must have a clear vision of their goals. o Integrity: Acting with honesty and adhering to values. o Empowerment: Enabling others to succeed. o Communication: Clear and effective communication. o Adaptability: Flexibility in response to change. o Accountability: Taking responsibility for actions. o Influence: Inspiring positive change in others2.
  • 30. 3. IPA’s Seven Principles of Leadership: o Belief in Purpose: Understand and align with the organization’s purpose. o Taking Responsibility: Full ownership of actions and outcomes. o Forgiveness and Moving On: Letting go of past conflicts. o Humility: Recognizing limitations and learning from others. o Optimism and Realism: Balancing positivity with practicality. o Valuing Others’ Opinions: Confidence in your own views while respecting others’. o Self-Acceptance: Embracing your strengths and weaknesses3.
  • 31.  Remember, leadership principles serve as a compass, guiding leaders toward impactful decisions and fostering team growth. Whether instinctive or learned, these principles shape exemplary leadership.