More Related Content
Similar to การพูดอย่างเป็นทางการ 5
Similar to การพูดอย่างเป็นทางการ 5 (20)
การพูดอย่างเป็นทางการ 5
- 2. การพูด อย่า งเป็น ทางการ
หมายถึง การพูด ที่เ ป็น กิจ จะลัก ษณะและ
เป็น พิธ ก ารผู้พ ด ต้อ งยึด ถือ และปฏิบ ต ิต าม
ี
ู
ั
หลัก เกณฑ์ก ารพูด เช่น ปาฐกถา การ
บรรยาย การอภิป ราย การสัม ภาษณ์
หรือ การประชุม เป็น ต้น การพูด อย่า ง
เป็น ทางการอาจมีท ั้ง ทั้ง ที่พ ด เดี่ย วหรือ
ู
พูด กลุ่ม ซึง มีจ ำา นวนผู้ฟ ง ตั้ง แต่ก ลุ่ม ย่อ ย
่
ั
ๆ ไปจนถึง การพูด ในที่ช ุม ชน ดัง นั้น การ
- 5. การอภิป ราย เป็น แบบการ
พูด ซึ่ง ผู้พ ด ประกอบด้ว ยกลุ่ม บุค คล
ู
ที่ม ีเ จตนาจะพิจ ารณาเรื่อ งใดเรื่อ ง
หนึ่ง ปรึก ษาหารือ กัน ออกความคิด
เห็น เพื่อ แก้ป ญ หาที่ม ีอ ยู่ หรือ เพือ
ั
่
เป็น การแลกเปลี่ย นความรู้ ความ
คิด เห็น ถ่า ยทอดประสบการณ์ท ี่
ได้ร ับ มา ในที่ส ด ก็ม ีก ารตัด สิน ใจ
ุ
ว่า ควรจะทำา อย่า งใดอย่า งหนึ่ง
- 6. เพื่อ เสนอปัญ หาหรือ เรื่อ ง
บางอย่า ง
ให้ค นกลุ่ม หนึ่ง มาร่ว ม
แสดงความคิด เห็น
ผู้ร วมอภิป รายเสนอข้อ เท็จ จริง ข้อ เสนอ
แนะ และแสวงหาข้อ แก้ไ ขที่ส ด
ุ
หาข้อ ยุต ิข องปัญ หา หรือ เรื่อ งดัง กล่า ว
ให้ข ้อ คิด และเสนอแนวทางในการ
แก้ป ญ หาต่อ ไปที่ด ี
ั
- 7. ศึก ษาจุด มุ่ง หมายของการอภิป รายว่า
จัด ขึ้น เพือ เสนอข้อ คิด เห็น หรือ เพื่อ
่
ลงมติ
ศึก ษาลัก ษณะอุป นิส ย พื้น ความรู้
ั
และความรูส ึก นึก คิด ของผู้ร ่ว ม
้
อภิป รายแต่ล ะคน
- 8. เตรีย มหัว ข้อ อภิป ราย
พิจ ารณาคุณ สมบัต ิข องผู้
ร่ว มอภิป ราย
ปัญ หาเรื่อ งที่จ ะนำา มา
อภิป ราย
- 9. เตรีย มหัว ข้อ อภิป ราย
ณาเลือ กหัว ข้อ สำา คัญ สำา หรับ การอภิป ราย
ลำา ดับ หัว ข้อ สำา คัญ ที่ก ำา หนดไว้
จารณาหัว ข้อ ย่อ ยของหัว ข้อ สำา คัญ ที่พ ง มี
ึ
รณาปัญ หาที่อ าจเกิด ขึ้น จากมติข องการอภิป ราย
การแก้ไ ขปัญ หานั้น ๆ
- 10. ารณาคุณ สมบัต ิข องผู้ร ่ว มอภิป ราย
ขีด ความสามารถและทัศ นคติ เพื่อ กำา หนดหัว ข้อ
อตั้ง คำา ถาม เพื่อ ให้ต อบได้อ ย่า งเหมาะสม
- 11. ญหาเรื่อ งที่จ ะนำา มาอภิป ราย
ควรเป็น ปัญ หาที่ก ว้า งจนเกิน ไป
ควรเป็น ปัญ หาที่ม ีส าระ
รเป็น ปัญ หาที่ค นอื่น ก็อ าจประสบเช่น เดีย วกัน
ควรเป็น ปัญ หาที่พ บกัน เสมอๆ
องที่ส ง คมส่ว นใหญ่เ ข้า ใจยาก หรือ ยัง เข้า ใจไม่ถ
ั
- 13. การโต้ว าที หมายถึง การ
พูด โต้แ ย้ง กัน ในญัต ติโ ดยใช้
วาทศิล ป์แ ละไหวพริบ ในการหัก
ล้า งเหตุผ ลของฝ่า ยตรงข้า ม แล้ว
นำา เสนอข้อ เท็จ จริง ให้เ ห็น ว่า ความ
คิด ของฝ่า ยตนเป็น ความจริง และ
ถูก ต้อ ง
- 14. การเสนอเหตุผ ลหรือ แนวความคิด ของตนเอง
ารหัก ล้า งเหตุผ ลหรือ แนวความคิด ของฝ่า ยตรงข้า
มีค วามเฉีย บพลัน ในปฏิภ าณ
การออกท่า ออกทางประกอบการพูด มากเป็น พิเ ศษ
พูด แต่ล ะคำา แต่ล ะประโยคต้อ งหนัก แน่น
ใช้ถ ้อ ยคำา สุภ าพแต่แ หลมคม
แทรกอารมณ์ข ัน แบบสุภ าพ
- 15. เพือ หาข้อ เท็จ จริง
่
เพือ ความสนุก สนาน
่
เพือ ผลประโยชน์อ ย่า งใดอย่า งหนึ่ง
่
เพือ ฝึก ฝนการพูด อย่า งมีเ หตุผ ล
่
เพื่อ ให้ก ล้า แสดงออก
ให้ไ ด้เ รีย นรู้ห ลัก เกณฑ์ใ นการโต้ว าทีแ ละหลัก กา
เพือ ส่ง เสริม การพูด ในระบอบประชาธิป ไตย
่
- 17. ประโยชน์ต ่อ ผู้โ ต้
ส่ง เสริม ให้
เป็น การปรับ ปรุง แนวคิด ให้ก ว้า ง
ผู้ร อบรู้
นการฝึก หัด หรือไกลและลึก ซึ้ง มากขึ้น
สร้า งความชำา นาญในการใช้เ หต
เพิม ทัก ษะทางการพูด
่
สามารถวิเ คราะห์ห รือ สัง เคราะห์ป ัญ หา
เสริม สร้า งไหวพริบ ปฏิภ าณ
ยนรู้ช ่อ งทางหรือ วิธ ก ารในการเสนอความคิด ไปย
ี
ป็น การสร้า วลัก ษณะนิส ัย ในการเข้า สัง คมได้ด ี
ฝึก ให้เ ป็น ผู้ม ีม ารยาทที่ด ีท ั้ง ในการพูด และการฟัง
- 18. ประโยชน์ต ่อ ผู้ฟ ัง
ทำา ให้เ กิด ความเข้า ใจในหลัก การหรือ
เหตุผ ลแนวคิด ที่ผ ู้โ ต้ว าที
นำา รีย มาอ้ิธ แ สดงเหตุผ ลแบบต่า ง ่
ได้เขึ้น นรู้ว า งได้อ ย่า งกว้า งขวางยิง ขึ้น
ี
ๆ ปลก ้โ ใหม่
เกิด ประสบการณ์แจากผูๆ ต้ว าทีๆ
โอกาสเรีย นรู้ก ารใช้ถ ้อ ยคำา สำา นวนมากขึ้น
ารถแยกแยะพิจ ารณาได้ว ่า อะไรเป็น การแสดงเ
อะไรเป็น ข้อ เท็จ จริง
เป็น การเสริม สร้า งระบอบประชาธิป ไตย
- 20. ลัก ษณะของญัต ติ
ญัต ติท ี่ส ั้น ๆ และสะดุด ใจ และมีก ารเปรีย บเทีย บ
เป็น ญัต ติท ี่ม ีน ำ้า หนัก พอ ๆ กัน
ป็น ญัต ติท ี่ไ ม่ข ด ต่อ กฎหมาย วัฒ นธรรมหรือ ศีล ธร
ั
อัน ดีง าม
ป็น ญัต ติท ใ ห้ค วามรู้ ความคิด หรือ จรรโลงใจ
ี่
ไม่ต ั้ง ญัต ติเ ป็น คำา ถาม
- 21. หน้า ที่ข องประธาน
กล่า วเปิด การโต้ว าที
แนะนำา ญัต ติก ารโต้
แนะนำา กรรมการ เจ้า หน้า ที่ท ี่เ กี่ย วข้อ ง
แนะนำา กติก า แจ้ง กำา หนดเวลา
แนะนำา ผู้โ ต้เ ป็น รายบุค คล
พูด กระตุ้น ให้ผ ู้ฟ ัง สนใจ
เชิญ ผู้โ ต้ข น พูด ตามลำา ดับ การโต้
ึ้
- 22. หน้า ที่ข องประธาน
วางตัว เป็น กลาง
ควบคุม เวลาให้เ ป็น ไปตามรายการที่ก ำา หนด
รุป ประเด็น สำา คัญ ของผู้โ ต้เ ป็น รายบุค คล และสรุป
ประเด็น ของคณะที่ไ ด้
รวบรวมคะแนนจากกรรมการ
ประกาศผล
ล่า วปิด รายการโต้ว าทีเ มื่อ การโต้เ สร็จ สิน ลง
้
- 23. ฝ่า ยเสนอ
หัว หน้า
ฝ่้ส นับ สนุน
า ยเสนอ
ผู
ฝ่า ยเสนอ
ผูคนทีสนุน
ส นับ ่ ๑
้
ฝ่า ยเสนอ
ผูคนทีสนุน
้ส นับ ่ ๒
ฝ่า ยเสนอ
คนที่ ๓
ฝ่า ยค้า น
หัว หน้า
ฝ่านับ สนุน
ยค้า น
ผู้ส
ฝ่า ยค้า น
ผูคนทีสนุน
้ส นับ ่ ๑
ฝ่า ยค้า น
ผูคนทีสนุน
้ส นับ ่ ๒
ฝ่า ยค้า น
คนที่ ๓
- 24. วามรู้ก ว้า งขวาง โดยเฉพาะอย่า งยิ่ง ความรู้ใ นเรื่อ
วามสามารถในการใช้ภ าษาพูด ถ่า ยทอดให้ผ ู้ฟ ัง เข
เตรีย มตัว มาเป็น อย่า งดี
มีไ หวพริบ ดี
มีศ ิล ปะในการพูด
มีม ารยาทดี
- 25. วหน้า ฝ่า ยเสนอ จะเป็น ผู้พ ด ก่อ นเพราะถือ ว่า
ู
นผู้อ อกความคิด จะต้อ งเป็น ผู้เ สนอญัต ติ
น้า ฝ่า ยค้า น จะเป็น ผู้พ ูด ต่อ จากหัว หน้า ฝ่า ยเสนอ
ะเป็น การโต้แ ย้ง โดยใช้เ ท่า กับ หัว หน้า ฝ่า ยเสนอ
บสนุน ฝ่า ยเสนอ จำา นวนผู้ส นับ สนุน ฝ่า ยเสนอจะม
ยูก ับ ประเภทของการโต้ว าที ปกติแ ล้ว มัก จะมี ๓ ค
่
นับ สนุน ฝ่า ยค้า น จะมีจ ำา นวนเท่า กับ ผู้ส นับ สนุน
ยเสนอทำา หน้า ที่เ ช่น เดีย วกับ ผู้ส นับ สนุน ฝ่า ยเสนอ
- 26. กรรมการตัด สิน การโต้ว าที คือ
ผู้ท ำา หน้า ที่ใ ห้ค ะแนนผู้โ ต้ท ั้ง ๒ ฝ่า ย การตั้ง
กรรมการตัด สิน อาจตั้ง เป็น คณะหรือ เป็น
บุค คลก็ไ ด้ต ามความเหมาะสม ส่ว นใหญ่ม ก
ั
จะตั้ง คณะหรือ เป็น บุค คลก็ไ ด้ค วามหมาย
เหมาะสม ส่ว นใหญ่ม ัก จะตั้ง กรรมการให้ม ี
จำา นวนเป็น เลขคี่ คือ ๓ คน ๕ คน บางกรณี
อาจไม่ม ีก รรมการตัด สิน ก็ไ ด้ แต่ใ ช้ว ิธ ีใ ห้ผ ู้
ฟัง ตัด สิน ด้ว ยการปรบมือ เพื่อ เป็น เครื่อ งวัด ว่า
- 27. นผูม ีช ื่อ เสีย งที่ค วรแก่ก ารเชื่อ ถือ
้
าและกฎเกณฑ์ใ นการโต้ว าทีเ ป็น อย่า งดี
มีห น้า ที่ใ ห้ค ะแนนผู้โ ต้แ ต่ล ะคน
- 29. มีม ารยาทในการฟัง
ฟัง ด้ว ยความสนใจและใช้ค วามคิด ติด ตาม
สัง เกตการพูด การใช้ภ าษา ท่า ทางของผู้โ ต้
เพือ นำา ไปแก้ไ ขปรับ ปรุง กับ ตนเอง
่
- 31. เลือ กญัต ติ
กำา หนดวัน เวลา และสถานที่
พิจ ารณาบุค คลที่จ ะโต้ว าที รวมทั้ง
กำา หนดบุค คลที่จ ะ
ทำา หน้า ที่เ ธ์
ประชาสัม พันป็น ประธานและกรรมการ
เตรีย มสถานที่โ ต้ว าที
- 33. ั
ประธกล่า วทัก ทายผู้ฟ ง
าน กล่า วเปิด รายการ
แนะนำา กรรมการและผู้โ ต้ว าทีท ั้ง สองฝ่า ย
กล่า วเชิญ ผู้โ ต้ใ ห้พ ูด ทีล ะคน
มื่อ ผู้โ ต้พ ูด ครบแล้ว ประธานจะเชิญ ให้ห ัว หน้า ฝ่า
พูด สรุป ก่อ น แล้ว เชิญ หัว หน้า ฝ่า ยเสนอพูด สรุป ทีห
กล่า วเสริม บรรยากาศหรือ ให้ข ้อ คิด แล้ว ขอใบคะ
จากกรรมการ
ประกาศผลและกล่า วปิด รายการ
- 34. ัว หน้า ฝ่า ยเสนอ
หัว หน้า
ฝ่้ส นับ สนุน
า ยเสนอ
ผู
ฝ่า ยเสนอ
ผูคนทีสนุน
ส นับ ่ ๑
้
ฝ่า ยเสนอ
ผูคนทีสนุน
้ส นับ ่ ๒
ฝ่า ยเสนอ
คนที่ ๓
หัว หน้า ฝ่า ยค้า น
หัว หน้า
ฝ่านับ สนุน
ยค้า น
ผู้ส
ฝ่า ยค้า น
ผูคนทีสนุน
้ส นับ ่ ๑
ฝ่า ยค้า น
ผูคนทีสนุน
้ส นับ ่ ๒
ฝ่า ยค้า น
คนที่ ๓
- 35. ฝ่า ยเสนอ
ฝ่า ยค้า น
หัว หน้า ฝ่า ยเสนอ :
้
-กล่า วทัก ทายผูฟ ัง
-เสนอญัต ติ
-แปรญัต ติห รือ ให้ค ำา นิย าม
หรือ ความหมาย
-ให้เ หตุผ ลสนับ สนุน ญัต ติด ัง
กล่า ว
-อธิบ ายรายละเอีย ด ข้อ ปลีก
ย่อ ย
-ยกตัว อย่า ง อุท าหรณ์ คำา
กล่า ว ฯลฯ ประกอบการ
สนับ สนุน
-เน้น สรุป ประเด็น สำา คัญ
-กล่า วสรุป รวบยอดในรอบ
สุด ท้า ย
ผู้ส นับ สนุน ฝ่า ยเสนอ :
้
-กล่า วทัก ทายผูฟ ัง
-อธิบ ายสนับ สนุน หัว หน้า ฝ่า ย
เสนอ
-อธิบ ายข้อ เสนอด้ว ยการ
เหตุผ ลเพิ่ม เติม
หัว หน้า ฝ่า ยค้า น :
้
-กล่า วทัก ทายผูฟ ัง
-พยายามชี้ใ ห้เ ห็น ข้อ บกพร่อ ง
ในการให้เ หตุผ ลของฝ่า ย
เสนอ
-โต้แ ย้ง เป็น ประเด็น โดยยก
เหตุผ ลประกอบ
-ชี้ใ ห้เ ห็น ข้อ เท็จ จริง เพื่อ หัก
ล้า งให้เ ห็น ว่า ไม่เ ป็น ไปตาม
ญัต ติ
-เสนอแนะความดีข องฝ่า ยตน
-เน้น สรุป ประเด็น สำา คัญ
-กล่า วสรุป รวบยอดในรอบ
สุด ท้า ย
ผู้ส นับ สนุน ฝ่า ยค้า น :
้
-กล่า วทัก ทายผูฟ ัง
-หาเหตุผ ล ข้อ เท็จ จริง
สนับ สนุน หัว หน้า
ฝ่า ยค้า น
-พูด โต้แ ย้ง ข้อ เสนอของผู้
สนับ สนุน ฝ่า ยเสนอ
ผู้โ ต้ว าที
- 36. การตัด สิน การโต้ว าที
กรรมการตัด สิน การโต้ว าทีค วรใช้
จำา นวนที่เ ป็น เลขคี่ และไม่ค วรใช้
คะแนนรวมทั้ง หมดมาเป็น เกณฑ์ต ัด สิน
ซึ่ง อาจทำา ให้เ กิด การผิด พลาดได้
เพราะเกณฑ์ก ารให้ค ะแนนของแต่ล ะ
บุค คลย่อ มแตกต่า งกัน ควรสรุป ที่
กรรมการสรุป ไว้ว ่า ฝ่า ยใดชนะเป็น
เกณฑ์ก ารตัด สิน โดยนับ เป็น ๑ เสีย ง
- 38. การกล่า วสุน ทรพจน์ หมายถึง
การพูด ด้ว ยถ้อ ยคำา ไพเราะ มีส ำา นวน
โวหารน่า ฟัง เหมาะสมกับ โอกาส ส่ว น
ใหญ่ม ัก เป็น การพูด อย่า งเป็น ทางกสน
สำา หรับ ผู้ม ีช ื่อ เสีย งหรือ มีห น้า ที่ก ารงาน
สำา คัญ ๆ ในสัง คม เช่น การพูด ของ
นายกรัฐ มนตรี การพูด ในวาระเปิด – ปิด
สมัย ประชุม การกล่า วคำา ปราศรัย หรือ
- 39. การกล่า วสุน ทรพจน์ใ น
ศาลพิพ ากษา
การกล่า วสุน ทรพจน์ใ นรัฐ สภา
การกล่า วสุน ทรพจน์ใ นโอกาสต่า ง ๆ
- 40. เป็น การพูด ต่อ ชุม ชน
เป็น การพูด แบบสั้น ๆ
ารพูด ปากเปล่า ที่ไ ม่ใ ช่อ ่า นจากต้น ฉบับ
การใช้ถ ้อ ยคำา ที่ไ พเราะลึก ซึ้ง กิน ใจ
รพูด โน้ม น้า วให้ผ ู้ฟ ัง เห็น ด้ว ยหรือ คล้อ ยตาม
รพูด ที่ม ุ่ง ให้ผ ู้ฟ ง เกิด ความมัน ใจและยิน ดีร ่ว มมือ
ั
่
พูด ที่ม ุ่ง แสดงความหนัก แน่น เด็ด เดี่ย วทางนำ้า เสีย ง
รพูด ที่ม ีพ ธ ีร ีต องหรือ พูด ในโอกาสสำา คัญ ๆ
ิ
ดทีม ีก ารเตรีย มตัว ล่ว งหน้า มีก ารฝึก ซ้อ มมาเป็น อ
่
- 41. สดความรู้ส ึก นึก คิด บางประการเนื่อ งในโอกาสสำา
ห้ผ ฟ ัง เข้า ใจแบะเห็น ความสำา คัญ ของโอกาสนั้น ๆ
ู้
ให้ข ้อ คิด หรือ เสนอแนวทางให้ผ ู้ฟ ัง นำา ไปปฏิบ ต ิ
ั
- 42. กล่า วถึง ความสำา คัญ ในโอกาสที่พ ูด
กล่า วแสดงความรู้ส ึก ที่ม ีต ่อ เรื่อ งที่พ ูด
ห้ข ้อ คิด หรือ แนวทางที่จ ะนำา ไปปฏิบ ต ิ
ั
ช้ถ ้อ ยคำา ไพเราะสละสลวยและลึก ซึ้ง กิน ใจ
ร้า งบรรยากาศให้น ่า เลื่อ มใสและศรัท ธา
จบด้ว ยการให้พ ร
- 44. การพูด ปาฐกถา หมายถึง
การพูด หรือ การบรรยายที่แ สดงถึง
ความรู้ ความคิด อ่า นของผู้พ ด ต่อ
ู
หน้า ผู้ฟ ง จำา นวนมาก และมีจ ุด มุ่ง
ั
หมายอยูท ี่ก ารให้ค วามรู้เ พื่อ ประดับ
่
สติป ญ ญา ผูพ ูด เป็น ผู้ท รงคุณ วุฒ ิ
ั
้
ทางวิช าการ ซึ่ง ไม่ม ีส ว นเกี่ย วข้อ ง
่
กับ ผู้ฟ ง และเรื่อ งที่น ำา มาพูด ก็ไ ม่
ั
กำา หนดไว้ใ นหลัก สูต ร แต่เ ป็น เรื่อ ง
- 45. การจัด ในด้า นวิช าการ
การจัด ในด้า นความรู้
การจัด ในการประชุม ใหญ่ท ีม ีก ารอภิป ราย
- 46. ถ่า ยทอดความรู้ค วามคิด เห็น ของผู้พ ด ไปสูผ ู้ฟ ง
ู
่ ั
อให้ผ ู้ฟ ัง เกิด ความรู้แ ละเพิม พูน สติป ญ ญา
่
ั
เพื่อ ให้เ กิด ความเขาใจในเรือ งต่า ง
่
อให้ผ ฟ ัง นำาๆ ได้อ้ท ี่ไ ด้ร ับ ไปใช้ห รือ ไปปฏิบ ต ิใ ห้เ ก
ู้
ความรู ย่า งถูก ต้อ ง
ั
ประโยชน์
ให้ผ ฟ ัง ได้น ำา ความรู้ท ี่ไ ด้ร ับ ไปถ่า ยทอดหรือ เผยแ
ู้
ให้แ ก่ผ ู้อ น ต่อ ไป
ื่
- 47. าวคำา ปฏิส น ถารให้ถ ูก ต้อ งและไพเราะน่า ฟัง
ั
ม่ก ล่า วคำา ออกตัว อวดตัว หรือ ถ่อ มตัว
อารัม ภบทให้น ่า สนใจและเชื่อ มโยงกับ เรื่อ งที่พ ูด
ห้ต รงหัว ข้อ และไม่พ ูด ออกนอกเรือ ง
่
าระที่ม ีค วามรู้ม ากพอสมควร มีค วามชัด เจและมีเ
นอความรู้ค วามคิด ต้อ งไม่เ คร่ง เครีย ดจนเกิน ไป
หนดเวลาพูด ไม่ค วรนานเกิน กว่า ๑ ชัว โมง
่
บบสร้า งสรรค์ เพื่อ ก่อ ให้เ กิด การพัฒ นามองโลกใ
- 48. ษาพูด ให้ช ัด เจนทั้ง เสีย งและความหมายไม่ย ากหร
ง่า ยจนเกนไป
ดที่น ่า สนใจและสามารถโน้ม น้า วใจผู้ฟ ัง ให้อ ยากต
กิร ิย าของผู้ฟ ัง และสามารถสร้า งบรรยากาศการพ
งกิร ิย ามารยาทได้อ ย่า งเหมาะสม
มากหัว ข้อ (ตามปกติไ ม่พ ด มากเกิน ๔ หัว ข้อ )
ู
องมีม ารยาท ไม่พ ูด เสีย ดสี
ทสรุป ให้ผ ู้ฟ ง เข้า ใจแจ่ม แจ้ง และประทับ ใจ
ั
- 49. รพูด ปาฐกถาเป็น การพูด เกี่ย วกับ วิช าการ
งที่น ำา มาพูด ควรเป็น เรื่อ งที่ผ ู้ฟ ัง สนใจ ได้ค วามรู้
ผู้พ ด ควรคำา นึง ถึง มารยาทในการพูด
ู
ควรสัง เกตปฏิก ิร ิย าของผู้ฟ ัง
รพูด ด้ว ยนำ้า เสีย งที่ม ีช ีว ิต ชีว าและเป็น ธรรมชาติ
- 51. การสัม ภาษณ์ เป็น การสื่อ สารที่ม ี
ลัก ษณะเป็น ทางการ มี
ผู้ส ม ภาษณ์
ั
และผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์ท ำา หน้า ที่ต ามบทบาทของ
ั
ตนเองอย่า งเด่น ชัด
พจนานุก รมฉบับ ราชบัณ ฑิต ยสถาน พ .ศ.
๒๕๒๕ ให้ค วามหมายของคำา สัม ภาษณ์ว ่า “คือ
การพบปะวิส าสะกัน ในลัก ษณะที่ฝ ่า ยหนึ่ง
ต้อ งการทราบเรื่อ งจากอีก ฝ่า ยหนึ่ง หรือ ฝ่า ย
หนึ่ง ต้อ งการแถลงข่า วแก่อ ีก ฝ่า ยหนึ่ง เพื่อ นำา
- 52. นทางการ คือ การสัม ภาษณ์ท ี่ม ีเ กณฑ์ก ารปฏิบ
ม่เ ป็น ทางการ คือ การสัม ภาษณ์ท ี่ไ ม่ม ีก ารเต
นัก เป็น แต่เ พีย งผู้ส ัม ภาษณ์ม ีป ระเด็น หัว ข้อ คำา ถา
ล่ว งหน้า เมื่อ สบโอกาสก็ข อสัม ภาษณ์
- 54. ณ์ค วรเตรีย มการเกี่ย วกับ ผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์เ ป็น ๒ ส
ั
การนัด หมายผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์
ั
รศึก ษาชีว ประวัต ิ ผลการทำา งาน การศึก ษาค้น คว
ของผู้ใ ห้ส ัม ภาษณ์
หัว ข้อ และคำา ถามทีใ ช้ส ัม ภาษณ์
่
นต้น ให้ส นุก สนาน (Entertainment)
- 55. คำา ถามที่เ ป็น การชัก นำา และได้ค ำา ตอบสัน ๆ
้
คำา ถามที่เ ข้า ใจอยาก
คำา ถามที่เ ปิด กว้า งเกิน ไป
- 58. “จงจำา ทุก อย่า งด้ว ยปากกา ”
หมายความว่า การจดบัน ทึก จะทำา ให้เ ก็บ
ความทรงจำา ทุก อย่า งไว้ไ ด้ หากจำา ด้ว ย
สมองเมือ เนิน นานไปหรือ ข้อ มูล เพิม มาก
่
่
ขึ้น ก็อ าจทำา ให้ล ืม ได้ การสัม ภาษณ์ก ็
เช่น กัน ผูส ัม ภาษณ์ค วรบัน ทึก ผลการ
้
สัม ภาษณ์ด ้ว ยทุก ครั้ง ทัน ทีท ี่ส ม ภาษณ์จ บ
ั
เพือ กัน การลืม และเพื่อ ประโยชน์ก าร
่
อ้า งอิง หรือ เผยแพร่ต ่อ ไป
- 59. กผลการสัม ภาษณ์ท ัน ทีท ี่ส ม ภาษณ์จ บ
ั
มข้อ เท็จ จริง ไม่ใ ช่บ น ทึก ตามความคิด ของผู้ส ม ภา
ั
ั
รบัน ทึก ลงในแบบบัน ทึก ผลการสัม ภาษณ์ท ี่จ ัด เตร
รบัน ทึก เทป ควรขออนุญ าตผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์ก ่อ น
ั
รจดบัน ทึก ขณะสัม ภาษณ์
องจดบัน ทึก เพราะเป็น ประเด็น ที่น ่า สนใจ ควรบัน
ลัก ษณะท่า ทางทั่ว ๆ ไปของผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์
ั
- 60. ภาษณ์เ รื่อ ง......................วัน เดือ น ปี............
และสกุล ผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์.....................................
ั
คำา ถามของผู้
สัม ภาษณ์ ั
คำา ตอบของผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์
ข้อ เสนอแนะของผู้ใ ห้ส ม ภาษณ์
ั
สัง เกตเกี่ย วกับ ความรูส ึก และท่า ทีข องผู้ใ ห้ส ม ภาษ
้
ั
ปัญ หาและอุป สรรคในการสัม ภาษณ์
สนอแนะเพือ พัฒ นาการสัม ภาษณ์ใ นโอกาสต่อ ๆ
่
- 62. มารยาท คือ กิร ิย าวาจาที่
เรีย บร้อ ย ถูก ต้อ งงดงามตาม
แบบแผนของสัง คม มารยาทเป็น
คุณ สมบัต ิป ระจำา ตนที่ท ำา ให้ผ ู้ฟ ัง
เกิด ศรัท ธา
- 63. กิร ย าท่า ทางสง่า ผ่า เผยและสำา รวม
ิ
แต่ง กายสะอาดเรีย บร้อ ย
ใช้ค ำา พูด ที่ส ภ าพ เหมาะสมกับ เรื่อ งที่พ ูด
ุ
พูด ให้เ หมาะกับ เวลาและพูด ให้ด ีท ี่ส ด ในทุก โอกา
ุ
รู้จ ัก ควบคุม อารมณ์ท ี่ไ ม่พ ึง ประสงค์
เปิด โอกาสและรับ ฟัง ความคิด เห็น ของผูอ ื่น
้
- 64. แบ่ง กลุ่ม ๆ ดัง นี้
การพูด อภิป ราย
๕ คน ๒
กลุ่ม
การพูด โต้ว าที
๗ คน
การพูด สุน ทรพจน์ ๓ คน
การพูด ปาฐกถา
คน
แสดงบทบาทสมมติ๔ กลุ่ม ละ ๑๐
การพูด สัม ภาษณ์บ ค คล ๒ คน ๒
ุ
นาที
กลุ่ม