More Related Content
Similar to 2562 final-project okkkk
Similar to 2562 final-project okkkk (20)
2562 final-project okkkk
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน การกลั่นแกล้งและความรุนแรงในสังคม
ชื่อผู้ทำโครงงาน
นางสาว ทัตพิชา ไวปัญญา เลขที่ 47 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 5
นาย สิราวุฒิ เกิดหลำ เลขที่ 48 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 5
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดำเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทำข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1นางสาว ทัตพิชา ไวปัญญา เลขที่ 48
2นาย สิราวุฒิ เกิดหลำ เลขที่ 48 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 5
คำชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
การกลั่นแกล้งและความรุนแรงในสังคม
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Bullying
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทำโครงงาน นางสาว ทัตพิชา ไวปัญญา
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดำเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทำโครงงาน)
เนื่องจากปัจจุบันมีการกลั่นแกล้งและการใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เกิดขึ้นไม่ว่าจะทั้งวัยเด็ก
วัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้กระทั่งผู้สูงวัย การกลั่นแกล้งและการใช้ความรุนแรงในที่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ
สถานการณ์ในชีวิตจริงหรือที่โรงเรียนเท่านั้นเท่านั้น แต่กลับเกิดขึ้นในโลกออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
Facebook ,Twitter ,Instagram และอื่นๆอีกมากมาย เราเรียกการกลั่นแกล้งแบบนี้ว่า Cyber
Bullying การกลั่นแกล้งไม่ว่าจะประเภทไหนๆ ก็ส่งผลกระทบกับผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็น
การทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง รู้สึกไร้ค่า ให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพจิดซึ่งเหตุผลเหล่านี้อาจนำไปสู่การจบชีวิต
ตัวเอง กับผู้กระทำเองนั้นก็มีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงส่งผลให้อาจเป็นผู้ก่ออาชกรรม
ได้ เราจึงควรศึกษาการกลั่นแกล้งประเภทต่างๆเพื่อหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดการกลั่น
แกล้งและการใช้ความรุนแรงอีก
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทำโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
- 3. 3
1.ประเภทของการกลั่นแกล้งและการใช้ความรุนแรง
2.แนวทางเพื่อแก้ไขและป้องกันการกลั่นแกล้งและการใช้ความรุนแรง
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจำกัดของการทำโครงงาน)
1.รู้จักการ Bully ประเภทต่างๆ และประเภทไหนที่เราเจอบ่อยๆ
2.แนวทางในการจัดการและการแก้ไขปัญหาเมื่อเราถูกBully
3.แนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะยาวเพื่อหยุดการกลั่นแกล้งและการใช้ความรุนแรง
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทำโครงงาน)
หากได้ติดตามข่าวสารทางช่องทางต่างๆ คงทราบดีว่าทุกวันนี้ ปัญหาการกลั่นแกล้งของคนใน
สังคม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในสถานศึกษา สังคมที่ทำงาน และบนโลกออนไลน์ ปัญหานี้เกิดขึ้นทุกวันและเป็น
ปัญหาที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลายคนอาจมองว่าการกลั่นแกล้งเป็นเรื่องธรรมดา เป็น
เรื่องสนุกสนาน ที่ได้หยอกล้อกันในกลุ่มเพื่อนๆ แต่สำหรับปัจจุบัน ปัญหาการกลั่นแกล้งทั้งในวัยเด็ก
วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ได้ส่งผลกระทบทางลบอย่างมาก ทั้งกับผู้ที่กระทำและผู้ถูกกระทำ การกลั่นแกล้งกัน
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป แต่เป็นภัยร้ายที่ใกล้ตัวเราและเป็นอันตรายมากกว่าที่คาดคิด
การกลั่นแกล้ง (Bullying) หมายถึง พฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม โดยพฤติกรรมนั้นเป็น
ความตั้งใจกระทำให้ผู้อื่นได้รับความทุกข์ความเจ็บปวด เพื่อให้ตนเองรู้สึกมีอำนาจ หรือมีพลังเหนือกว่า
ผู้อื่น อีกทั้งการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นซ้ำๆอย่างต่อเนื่องและมีระยะเวลายาวนานปัจจุบันระดับความ
รุนแรงของพฤติกรรมการกลั่นแกล้งได้ทวีคูณมากขึ้นกว่าในอดีตจากข้อมูลกรมสุขภาพจิตซึ่งเผยแพร่เมื่อ
ต้นปี 2561 ระบุว่าเด็กนักเรียนโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนถึง 600,000 คนเมื่อคิดเป็นอัตราส่วนแล้ว
เท่ากับประมาณ 40% ถือเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากระดับความรุนแรงที่
เพิ่มขึ้นแล้ววิธีการกลั่นแกล้งก็เปลี่ยนไปจากในอดีตที่เคยใช้ เช่น การล้อเลียนชื่อพ่อแม่ การเรียกชื่อ
- 4. 4
สมมติหรือปมด้อยของเพื่อน การไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มเล่นหรือทำกิจกรรม และการตบหัวหรือการชกต่อย
เบาๆ พฤติกรรมดังกล่าวเหล่านี้เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในการกลั่นแกล้ง แต่สำหรับในปัจจุบันสื่อ(Media) และ
เทคโนโลยี (Technology) มีบทบาทสำคัญและเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกลั่นแกล้งของคนในยุค
ปัจจุบัน สำหรับในประเทศไทย พบว่ากลุ่มเยาวชนมากกว่าร้อยละ 50 มีพฤติกรรมกลั่นแกล้งผ่านโลกไซ
เบอร์และคุกคามผู้อื่นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
– ประเภทของการกลั่นแกล้ง –
การกลั่นแกล้งทางร่างกาย เป็นลักษณะของการทำร้ายร่างกาย การชกต่อย การผลัก การตบตี
การกลั่นแกล้งทางสังคมหรือด้านอารมณ์ เป็นลักษณะของการใช้กลุ่มเพื่อนหรือสังคมกดดันและทำให้
บุคคลแยกออกจากกลุ่ม เป็นผลทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจจากการกระทำดังกล่าว
การกลั่นแกล้งทางคำพูด เป็นลักษณะการพูดที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหรือทำให้เจ็บปวดจะเกิดขึ้นใน
สถานการณ์ที่มีการยั่วยุ เย้าแหย่ เยาะเย้ย ข่มขู่ การพูดจาดูถูก เสียดสีกันในกลุ่มเพื่อน หรือการวิจารณ์ด้วย
คำพูดในลักษณะข่าวลือคำนินทา และการพูดจาโกหกบิดเบือนข้อมูลที่ไม่เป็นจริง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้
เกิดความเจ็บปวด
การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์(Cyberbullying) เป็นประเภทหนึ่งของการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นใหม่และเป็น
ประเด็นปัญหาสำคัญในสังคม โดยใช้เครื่องมือสื่อสารเป็นเครื่องมือหลัก เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต
คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม แชท หรือ
เครือข่ายทางสังคม ออนไลน์อื่นๆ ในการโจมตี ขู่ทำร้าย หรือใช้ถ้อยหยาบคาย การคุกคามทางเพศแบบ
ออนไลน์ การแอบอ้างตัวตนของผู้อื่น การนำความลับของอีกฝ่ายมาเปิดเผย การหลอกลวง การสร้างกลุ่มใน
โซเชียลเพื่อโจมตีโดยเฉพาะ เพื่อให้อีกฝ่ายขายหน้าหรือทนไม่ได้จนกลายเป็นปัญหาบานปลาย
– การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) –
- 5. 5
สาเหตุของการเกิด cyberbullying
สาเหตุของการเกิด cyberbullying เกือบทั้งหมด มักเริ่มก่อตัวจากความขัดแย้ง ความเห็นต่าง
หรือมีกรณีพิพาทระหว่าง 2 คน ลุกลามจนเป็นชนวนของการกลั่นแกล้งกันในโลกออนไลน์ นอกจากนี้
ผู้คนยังเข้าใจว่าโซเชียลมีเดียคือพื้นที่ส่วนตัว สามารถใช้ระบายความรู้สึกได้ ถ้อยคำที่ใช้โพสต์จึงออก
แนวรุนแรง โพสต์เสียดสี หรือสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายและแสดงอารมณ์แง่ลบออกมาได้อย่างเต็มที่
โดยไม่ต้องเกรงใจ
Cyber bullying แบ่งเป็น 7 ประเภท คือ
➢ การส่งข้อความนินทาผู้อื่น ให้เขาเสียหาย
➢ การไล่บางคนออกจากกลุ่มออนไลน์ เช่น กลุ่มไลน์หรือเฟซบุ๊กกรุ๊ป
➢ การแอบเข้าไปในใช้เฟซบุ๊กของคนอื่นและโพสต์ข้อความให้เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กเสียหายและทำให้คน
รอบตัวเข้าใจผิด
➢ การว่ากล่าว ด่าทอ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตอกย้ำปมด้อยทำให้เสียความมั่นใจ
➢ ส่งข้อความ รูป วิดีโอ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คนอื่นอับอายบนอินเทอร์เน็ต รวมถึงข่มขู่
➢ หยอกล้อ ยั่วโมโหจนอีกฝ่ายเผยความลับที่น่าอายของตัวเองบนโลกออนไลน์
➢ เห็นการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์แล้วเข้าไปร่วมด้วย
การป้องกันการกลั่นแกล้งกันผ่านพื้นที่ออนไลน์
- 6. 6
การป้องกันการกลั่นแกล้งกันผ่านพื้นที่ออนไลน์ ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะช่วยป้องกันปัญหา คือ เรา
ควรเรียนรู้มารยาทของการใช้การสื่อสารผ่านทางพื้นที่ออนไลน์ต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาและผลกระทบที่
อาจเกิดขึ้นกับทั้งตัวผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำหลังการลงรูป คลิป หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่ตั้งใจ
และไม่ตั้งใจก็ตาม
ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งบนพื้นที่ออนไลน์
➢ สร้างความตระหนัก เราต้องตระหนักถึงมารยาทในการสื่อสารกับบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าจะเป็นการ
สื่อสารผ่านกลุ่มที่เป็นกลุ่มเฉพาะบุคคล พึงตระหนักเสมอว่าต้องปฏิบัติต่อบุคคลอื่นให้เหมือนกับที่
เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเรา
➢ คิดก่อนโพสต์ ไม่ว่าจะโพสต์อะไรก็ตามให้คำนึงถึงผลกระทบทั้งผลดีและผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
ตามมาทุกครั้ง
➢ ข้อมูลส่วนตัวควรเป็นเรื่องส่วนตัว การโพสต์ข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัว ผิดที่ ผิดเวลา สามารถนำมา
ซึ่งปัญหาที่ร้ายแรงต่อผู้โพสต์ได้
➢ จำกัดเวลา สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การจำกัดเวลาในการใช้พื้นที่ออนไลน์ ควรพยายามจำกัดเวลา
หรือลดเวลาในการเล่นสื่อสังคมออนไลน์และเพิ่มเวลาในการสื่อสารซึ่งกันและกันในโลกของความ
เป็นจริง
– เพราะอะไรต้องกลั่นแกล้งคนอื่น –
การลงโทษไม่ใช่ทางออก
เพื่อหยุดพฤติกรรมการกลั่นแกล้ง
มีสาเหตุหลายประการที่กระตุ้นให้บางคนลุกขึ้นมากลั่นแกล้งผู้อื่น ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือ ไม่ตอบโต้
โดยใช้ความรุนแรงกลับไป ทำความเข้าใจผู้ที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น ด้วยการมองย้อนกลับไปถึงตัวตนของ
เขา ว่าเขาต้องเคยเผชิญอะไรมาจึงกลายเป็นคนที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น และนี่คือสาเหตุบางประการที่ทำ
ให้เกิดการกลั่นแกล้งกัน
เคยถูกแกล้งมาก่อน
คนที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น หลายคนเคยถูกรังแกมาก่อน ไม่ว่าจากเพื่อนหรือจากครอบครัวก็ตาม
และพวกเขารู้สึกว่าต้องระบายความเกรี้ยวโกรธที่ตนเองได้รับออกไปให้ผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หาก
พวกเขาเผชิญกับประสบการณ์ร้ายๆ ในวัยเด็ก เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่ติดนิสัยชอบระบาย
ความโกรธกับผู้อื่น
แท้จริงแล้วรู้สึกโดดเดี่ยว
- 7. 7
ความรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีความสำคัญ อาจนำไปสู่การกลั่นแกล้งผู้อื่นได้ ทุกๆ คนต้องการความ
สนใจและหากไม่ได้รับความสนใจมากพอ การกลายเป็นคนพาล คือ ทางเลือกที่ได้ผล เพราะนอกจากจะ
ได้รับความสนใจแล้วยังช่วยให้พวกเขารู้สึกมีอำนาจมากขึ้น
มีความพึงพอใจในตนเองต่ำ
หากใครสักคนรู้สึกว่าตนเองไม่ฉลาดพอ หน้าตาไม่ดีพอ หรือไม่ร่ำรวยมากพอ คนๆ นั้นอาจมอง
หาวิธีการให้ตนเองรู้สึกดีกว่าคนอื่น โดยการกดให้ผู้อื่นต่ำลงกว่าตนเอง
ถือว่าตนเองสำคัญ
บางคนที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น มักหยิ่งผยองในตนเอง และรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำหรือสิ่งที่พวกเขา
คิดนั้นดีที่สุดและการถือว่าตนเองสำคัญนี้จะแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธเมื่อใครสักคนท้าทายหรือ
พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่ได้ถูกต้องไปเสียทุกอย่าง
เพราะคุณแตกต่าง
บางครั้งการกลั่นแกล้งก็มาจากเหตุผลง่ายๆ เพียงเพราะเหยื่อแตกต่างจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น เชื้อ
ชาติ เพศ สีผิวหรือแม้แต่ความพิการ ความแตกต่างนี้จะถูกหยิบยกมาล้อเลียนจนนำไปสู่การปฏิบัติกับ
เหยื่อแบบที่ไม่เท่าเทียมกับคนอื่นๆ พฤติกรรมชอบกลั่นแกล้งนั้นถูกสั่งสมจากสถานการณ์ทางลบที่เจ้าตัว
เผชิญมาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ไม่ใส่ใจหรือการขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หนึ่งในวิธีสำคัญที่จะ
ช่วยให้เขาหยุดพฤติกรรมชอบกลั่นแกล้งไม่ใช่ การลงโทษ แต่คือ “การพูดคุย” หากเราปฏิบัติกับคนนั้น
เหมือนเป็นอันธพาล ก็มีแนวโน้มที่เขาคนนั้นจะมีพฤติกรรมอันธพาลมากขึ้น ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่
ควรใช้ความอ่อนโยนในการสร้างความเข้าใจให้แก่พวกเขา พูดคุยให้พวกเขามองเห็นว่าพฤติกรรม
ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสังคม ตลอดจนให้โอกาสและให้เวลาพวกเขาในการปรับปรุงตัว การ
ปฏิบัติต่อคนที่ก้าวร้าวด้วยความเคารพและเมตตาจะช่วยให้พฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้
– คนอ่อนแอและแตกต่างมักถูกกลั่นแกล้ง –
จากรายงานการศึกษาสถานการณ์การกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนไทยที่เข้าร่วมโครงการป้องกัน
และลดการใช้ความรุนแรง และการกลั่นแกล้งกันในสถานศึกษาในพื้นที่กรุงเทพฯซึ่งจัดทำโดยมูลนิธิแพธ
ทูเฮลท์ ในปี 2557 ได้สรุปลักษณะของนักเรียนที่มักถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำซ้ำๆทุกวันไว้ว่า มักเป็นคน
ที่ “อ่อนแอและแตกต่างจากเพื่อน” ซึ่งสรุปลักษณะได้ดังนี้
·นักเรียนพิเศษ เช่น สมาธิสั้น ดาวน์ซินโดรม อัจฉริยะแต่เข้าสังคมไม่ได้
·นักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ เช่น เกย์ กระเทย ทอม
·นักเรียนที่อยู่โดดเดี่ยวมีเพื่อนน้อย
- 8. 8
.นักเรียนที่ไม่สู้คนเป็นได้ทั้งทางด้านร่างกาย เช่น นักเรียนที่ตัวเล็กกว่าคนอื่นๆ หรือด้านจิตใจ เช่น เป็น
คนมีความ อดทนอดกลั้น หรือ มีเมตตาสูง
·นักเรียนที่มีปัญหาทางบ้าน มีความทุกข์สะสมในใจ เก็บตัว
·นักเรียนที่มีลักษณะภายนอกโดดเด่นหรือต่างจากผู้อื่น เช่น ฟันเหยินผิวดา อ้วน เป็นต้น
ผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกลั่นแกล้ง…
มีภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ส่งผลต่อความรู้สึกโดดเดี่ยวมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการ
นอนหลับการรับประทานอาหารและการสูญเสียความสนใจในกิจกรรมที่พวกเขาเคยสนุก ภาวะ
ซึมเศร้านี้อาจส่งผลไปถึงวัยผู้ใหญ่
ปัญหาด้านสุขภาพ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนลดลงและมีแนวโน้มที่จะออกจากโรงเรียนกลางคันมากขึ้น
ผลกระทบต่อผู้ที่มักจะกลั่นแกล้งผู้อื่น
อาจจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เสพติดแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอื่นๆ
มีพฤติกรรมลักขโมยและเรียนไม่จบ
มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร
อาจจะเป็นอาชญากรในอนาคต
มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับคู่สมรสหรือลูกและคนใกล้ตัว
– ทำอย่างไรเมื่อถูกกลั่นแกล้งรังแก –
หากเราโดนกลั่นแกล้งรังแกไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม สิ่งที่จะช่วยให้เราก้าวผ่านสถานการณ์
แย่ๆ นั้นไปได้ คือ การไม่ตอบโต้โดยการใช้ความรุนแรง และต้องไม่ยอมที่จะให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้
ซ้ำอีก ด้วยการหาวิธีจัดการกับปัญหาโดย…
- 9. 9
- ต้องบอกใครสักคนเกี่ยวกับปัญหานี้ เพราะเราไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้โดยลำพัง เช่น พ่อแม่
ผู้ปกครอง คุณครู ผู้ใหญ่ที่เราไว้วางใจ หรือเพื่อนสนิท หากบอกคนที่เราไว้ใจให้ช่วยแก้ปัญหานี้…แต่
ปัญหายังคงมีอยู่ อย่า! เก็บปัญหาไว้คนเดียว ควรบอกให้คนที่เราไว้ใจทราบว่าปัญหายังไม่คลี่คลาย หรือ
ปรึกษาองค์กรต่างๆ ที่รับฟังปัญหาด้านนี้โดยตรงได้ที่ http://stopbullying.lovecarestation.com/
- บอกให้ “เขา” หยุดพฤติกรรมกลั่นแกล้งรังแก อาจจะเป็นการยาก ที่จะบอกให้เขาหยุดพฤติกรรม
แต่บางครั้งเขาอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นส่งผลกระทบร้ายแรงเพียงใดกับเรา
- เพิกเฉยหรือเดินหนี คนที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นมักจะพูดหรือทำสิ่งต่างๆ เพื่อกลั่นแกล้ง ยั่วยุ เพราะพวก
เขาต้องการให้เรามี ปฏิกิริยาตอบโต้บางอย่าง หากเราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พวกเขาพูดหรือทำ พวกเขาอาจจะ
หยุดพฤติกรรมนั้น ไม่ต้องใส่ใจกับเสียงหัวเราะ ที่เขาแกล้งด่าว่าเรา เพราะการมีอารมณ์ตอบโต้เป็นอาวุธ
ที่ดีสำหรับคนที่ชอบข่มขู่หรือรังแกผู้อื่นพวกเขามองว่าเป็นเรื่องสนุกถ้าเราทำเฉยๆเขาจะรู้สึกผิดหวัง
หมดสนุกที่จะกลั่นแกล้งอีก
- มีความมั่นใจในตัวเอง ความมั่นใจในตัวเองจะทำให้เรามีท่าทีแสดงถึงความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งจะทำให้
มีโอกาสน้อยที่เราจะตกเป็นเหยื่อความรุนแรง
- ไปไหนมาไหนกับกลุ่มเพื่อนๆ อย่าแยกเดินคนเดียว
- อย่าตอบโต้ด้วยกำลังเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาและความรุนแรงมากขึ้น
– ร่วมกัน หยุด! พฤติกรรมการกลั่นแกล้งผู้อื่น –
หากเราใช้สติในการแก้ปัญหาเรียนรู้ที่เอาใจเขามาใส่ใจเราตระหนักถึงข้อดีข้อเสียของพฤติกรรม
ที่จะกระทำลงไปจะมีผลกระทบทางบวกหรือลบกับใครบ้าง พฤติกรรมใดที่ไม่ควรกระทำต่อผู้อื่น แม้เรา
อาจจะมองว่าพฤติกรรมนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับคนอื่นๆ แล้วอาจไม่ใช่เด็กวัยรุ่นเป็นวัยของการ
เปลี่ยนแปลงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ความอยากรู้อยากเห็นอยากทดลอง ต้องการได้รับการยอมรับ และ
วัยรุ่นสามารถใช้พลังที่มีในตัวนั้นสร้างสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นในสังคมและเป็นฮีโร่ของวัยรุ่นคนอื่นด้วยพฤติกรรม
บวกที่สร้างสรรค์ได้
วิธีดำเนินงาน
แนวทางการดำเนินงาน
-ศึกษาข้อมูลที่สนใจจากหลายๆแหล่งการเรียนรู้
-สอบถามข้อมูลเรื่องที่สนใจจากผู้มีความรู้หรือผู้เชี่ยวชาญ
-นำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลและจัดทำรายงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
- 10. 10
คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบันทึก เครื่องอัดเสียง เครื่องปริ้นเตอร์
งบประมาณ
คาดว่าไม่เกิน 300บาท
ขั้นตอนและแผนดำเนินงาน
ลำดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทำโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทำเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นำเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทำโครงงาน)
-หลายคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการถูกกลั่นแกล้งมากยิ่งขึ้น
-มีการกลั่นแกล้งภายในโรงเรียนลดน้อยลง
-มีการใช้ความรุนแรงน้อยลง
สถานที่ดำเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
- 11. 11
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
วิทยาศาสตร์และสังคมศึกษา
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นำมาใช้การทำโครงงาน)
https://www.yuvabadhanafoundation.org/th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%
E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8
%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%9B/%
E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8
%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%87-bullying-
%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99/