More Related Content
Similar to 2562 final-project (1) (1)
Similar to 2562 final-project (1) (1) (20)
2562 final-project (1) (1)
- 2. 2
สมาชิกในกลุ่ม
1 นางสาว พิงตะวัน จันทโชติ เลขที่ 38
คาชี้แจง
ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โรคหวาดระแวง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Paranoia
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อพัฒนาการศึกษา (Educational Media)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว พิงตะวัน จันทโชติ
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล
ของการทาโครงงาน)
เนื่องจากโรคหวาดระแวงสามารถพบได้ทั่วไปในสังคม
ไม่ว่าจะเป็นญาติ หรือคนรอบข้าง โรค-
หวาดระแวง
คือภาวะผิดปกติทางความคิดที่ทาให้เคลือบแคลงสงสัยหรือระแวงผู้อื่นอย่าง
ไม่มีเหตุผล ผู้ป่วย
อาจรู้สึกว่ามีคนจ ้องทาร้ายอยู่ตลอดเวลา คิดว่าคนรอบข้างไม่ชอบตนเอง
หรือไม่ไว ้ใจผู้อื่น อาการเหล่านี้เรียก
อีกอย่างหนึ่งว่าอาการหลงผิด ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมี
ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือเข้าสังคมได้ยาก
ดังนั้นผู้จัดทาจึงได้ทาการศึกษาค้นคว ้าเกี่ยวกับโรคหวาดระแวง
ไม่ว่าจะเป็น การป้องกัน การรักษา
และอื่นๆ มานาเสนอในโครงงานเล่มนี้
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลจากโครงงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่
ผู้ที่ศึกษาและผู้อ่านที่สนใจ เพื่อนาไประยุกต์ใช ้ต่อไป
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาเกี่ยวกับโรคหวาดระแวง
- 3. 3
2.เพื่อแนะนาวิธีป้องกันและรักษาโรคหวาดระแวง
3.เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับโรคหวาดระแวงได้ศึกษา
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต
เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาเกี่ยวกับที่มาของโรคหวาดระแวง ลักษณะอาการ
ผลกระทบตลอดจนวิธีการรักษา และการจัดการ
ป้องกันจากความเครียด โดยศึกษาหาข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต
และหนังสือ
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ
หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
หวาดระแวง (Paranoia)
คือภาวะผิดปกติทางความคิดที่ทาให้เคลือบแคลงสงสัยหรือระแวงผู้อื่นอย่าง
ไม่มีเหตุผล ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่ามีคนจ ้องทาร้ายอยู่ตลอดเวลา
คิดว่าคนรอบข้างไม่ชอบตนเอง หรือไม่ไว ้ใจผู้อื่น
อาการเหล่านี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอาการหลงผิด
ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือเข้าสังคมได้ยาก
อาการของภาวะหวาดระแวง
คนทั่วไปอาจมีอาการหวาดระแวงในระดับอ่อนบ ้าง
แต่ผู้ที่ประสบภาวะนี้อย่างรุนแรงอาจรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลจนส่งผลต่อการใ
ช ้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม ทั้งนี้
ระดับความรุนแรงของอาการหวาดระแวงจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ
โดยอาการที่อาจพบได้ มีดังนี้
-ไม่ไว ้ใจใครง่าย ๆ ระแวดระวังผู้อื่นตลอดเวลา
-คิดว่าคนอื่นจะทาร้ายหรือพูดถึงตนเองในทางเสียหาย
-มีพฤติกรรมก ้าวร้าว ประพฤติตัวไม่เป็นมิตรกับบุคคลรอบข้าง
-อ่อนไหวและรับไม่ได้กับการถูกวิจารณ์
-หงุดหงิดหรือโกรธง่าย
-ปล่อยวางและให้อภัยได้ยาก
-มองโลกในแง่ร้าย
-เข้าสังคมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนยาก
-ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว
-เคลือบแคลงสงสัยในเรื่องที่มีหลักฐานอธิบาย แต่เชื่อข่าวลือต่าง ๆ
อย่างไม่มีเหตุผล
- 4. 4
สาเหตุของภาวะหวาดระแวง
ปัจจุบันแพทย์ยังไม่ทราบถึงสาเหตุของภาวะหวาดระแวงอย่างชัดเจน
แต่พบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ทาให้เสี่ยงเกิดอาการหวาดระแวงได้ ดังนี้
ปัญหาสุขภาพจิต ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น รู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า
หรือมีความเชื่อมั่นในตัวเองต่า เสี่ยงที่จะไม่ไว ้ใจหรือหวาดระแวงผู้อื่น
เนื่องจากภาวะเหล่านี้ทาให้ผู้ป่วยมีทัศนคติต่อสิ่งต่าง ๆ
รอบตัวในแง่ลบมากขึ้น นอกจากนี้
ภาวะหวาดระแวงยังอาจเป็นอาการป่วยของปัญหาสุขภาพจิตหรือโรคบุคลิก
ภาพแปรปรวนบางชนิด ได้แก่
-โรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบหวาดระแวง (Paranoid Personality Disorder)
ผู้ป่วยจะไม่ไว ้ใจบุคคลรอบข้างง่าย ๆ
เพราะคิดว่าคนอื่นหวังผลประโยชน์จากตน
อีกทั้งกังวลว่าจะมีคนทาร้ายหรือหักหลังอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม
ผู้ป่วยโรคนี้มีอาการหวาดระแวงในระดับอ่อนที่สุดและสามารถใช ้ชีวิตได้ตาม
ปกติ หลายคนมักมีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น
และหายเป็นปกติเมื่ออายุ 50 ปี
-โรคจิตหลงผิด (Delusional Disorder)
คือภาวะที่มีความเชื่อหรือความคิดผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงเท่านั้น
ไม่ได้มีอาการป่วยทางจิตอื่น ๆ แต่อย่างใด
ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีอาการหลงผิดแตกต่างกันไป เช่น
คิดว่าตนเองป่วยทั้งที่ไม่ได้ป่วย คิดว่ามีคนคอยปองร้าย
แอบตามคนดังเพราะเชื่อว่าตนกับอีกฝ่ายรักกัน เป็นต้น
-โรคจิตเภทแบบหวาดระแวง (Paranoid Schizophrenia)
คือโรควิกลจริตชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้ป่ วยไม่เชื่อหรือยอมรับความจริง
รวมทั้งมีอาการประสาทหลอนหรือพฤติกรรมแปลก ๆ
หากไม่ได้รับการรักษาจะใช ้ชีวิตตามปกติไม่ได้
เป็นกลุ่มโรคจิตเวชที่มีอาการหวาดระแวงรุนแรงมากที่สุด
-ปัญหาสุขภาพกาย
ผู้ที่ประสบปัญหาสุขภาพบางอย่างอาจมีอาการหวาดระแวงร่วมด้วย เช่น
โรคสมองเสื่อม พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรคฮันติงตัน (Huntington's
Disease) โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะสูญเสียการได้ยิน ภาวะเครียด เป็นต้น
--ผลข้างเคียงจากการใช ้ยาและสารเสพติด
อาการหลงผิดหรือหวาดกลัวว่าผู้อื่นจะมาทาร้ายตนเองนั้นอาจเกิดจากการใ
ช ้สารเสพติด เช่น กัญชา แอมเฟตามีน โคเคน แอลเอสดี
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น รวมไปถึงการใช ้สารอื่น ๆ เช่น
- 5. 5
สารเฟนไซคลิดีน (Phencyclidine) และสเตียรอยด์
ที่นักกีฬาใช ้สาหรับฉีดกล้ามเนื้อ หรือยาฆ่าแมลง
-สิ่งแวดล้อมภายนอก
ผลการศึกษาบางชิ้นเผยให้เห็นว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ห่างไกลจากผู้คนหรือชอ
บแยกตัวออกจากสังคม มีแนวโน ้มเกิดอาการหวาดระแวงมากขึ้น นอกจากนี้
การรับฟังข่าวสารเกี่ยวกับการฆาตกรรม การแบ่งแยกดินแดน
หรือการใช ้ความรุนแรงก็ส่งผลให้รู้สึกวิตกกังวลและระแวงผู้คนรอบตัวได้เช่น
กัน
-ประสบการณ์หรือเหตุการณ์ที่พบเจอ ผู้ที่เคยประสบเหตุการณ์เสี่ยงตาย
ต้องอยู่เพียงลาพัง
หรือเผชิญสถานการ์ที่รู้สึกกดดันและเครียดนั้นมักเกิดความรู้สึกในแง่ลบกับตั
วเอง ซึ่งอาจนาไปสู่อาการหวาดระแวงได้ เช่น ถูกกลั่นแกล้งจากที่ทางาน
โจรขึ้นบ ้าน เป็นต้น
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ฝังใจในวัยเด็กที่อาจส่งผลให้มีทัศนคติไม่ดีต่อผู้คนแ
ละ -สภาพแวดล้อมรอบตัว
ทาให้ไม่ไว ้ใจใครหรือรู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย
-ภาวะพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนน้อยมักกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย หวาดระแวง
หรือมีอาการหลอนได้ โดยมักรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลขึ้นมาในตอนกลางดึก
-พันธุกรรม
คาดว่าอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหวาดระแวงได้
การวินิจฉัยภาวะหวาดระแวง
การวินิจฉัยสาเหตุที่ทาให้เกิดภาวะหวาดระแวงนั้นอาจทาได้ยาก
เพราะหากเกิดจากปัญหาสุขภาพจิตหรือโรคสมองเสื่อม
ผู้ป่วยมักไม่ไว ้ใจผู้อื่น รู้สึกกลัว และเลี่ยงที่จะรับการตรวจและรักษา
การวินิจฉัยในเบื้องต้น
แพทย์อาจตรวจร่างกายและสอบถามประวัติของผู้ป่ วย
เพื่อดูว่ามีปัญหาสุขภาพกายหรือมีแนวโน้มอันเป็นสาเหตุของอาการหวาดระ
แวงหรือไม่
ในกรณีที่คาดว่าภาวะหวาดระแวงมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพจิต
แพทย์อาจให้ผู้ป่วยพบจิตแพทย์เพื่อรับการทดสอบทางจิตวิทยาและวินิจฉัย
ภาวะสุขภาพจิตต่อไป
โดยปัญหาสุขภาพจิตที่ทาให้เกิดอาการหวาดระแวงนั้นอาจเกี่ยวเนื่องกับโรค
ไบโพลาร์ โรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า
- 6. 6
การรักษาภาวะหวาดระแวง
ผู้ป่วยภาวะหวาดระแวงจะได้รับการรักษาแตกต่างกันไปตามสาเหตุแล
ะระดับความรุนแรงของอาการ วิธีรักษาประกอบด้วยการทาจิตบาบัด
การใช ้ยา การฝึกทักษะในการเผชิญความเครียด
และการพักรักษาในโรงพยาบาล มีรายละเอียดดังนี้
-จิตบาบัด
เป็นวิธีรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหวาดระแวงในระดับไม่รุนแรงหรือโรคบุคลิกภา
พผิดปกติแบบหวาดระแวง
ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะยอมรับข้อบกพร่องของตน
เพิ่มความเชื่อมั่นในตนเองและความเชื่อใจต่อผู้อื่น
รวมทั้งรู้จักรับมือกับอารมณ์และแสดงออกอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม
ผู้ป่วยมักไม่พูดคุยเปิดใจอย่างเต็มที่นัก
ทาให้การรักษาต้องทาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การบาบัดความคิดและพฤติกรรมนับเป็นวิธีจิตบาบัดที่ใช ้มากที่สุด
โดยจะให้ผู้ป่วยอธิบายวิธีคิดและสาเหตุที่คิดเช่นนั้น
แล้วจึงชี้ให้เห็นถึงเหตุผลหรือความเป็นไปได้อื่น ๆ ที่แตกต่างออกไป
วิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลที่อาจนาไปสู่ภาวะหวาดระแวงได้ด้วย
ทั้งนี้ หากผู้ป่วยไม่สบายใจที่จะต้องพูดเปิดใจ
นักจิตวิทยาอาจให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาผ่านวิธีอื่น ๆ เช่น
การวาดรูป เป็นต้น
-การใช ้ยา ผู้ป่วยที่รู้สึกหวาดกลัวหรือวิตกกังวลบ่อย ๆ เช่น
โรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบหวาดระแวง โรคหลงผิด และโรคจิตเภท
จาเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านโรคจิตเพื่อบรรเทาอาการหวาดระแวง
นอกจากนี้ แพทย์อาจให้ยาต้านเศร้าหรือยาคลายเครียดที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ
เพื่อระงับอาการไม่ให้กาเริบ
-ฝึกทักษะในการเผชิญความเครียด
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้จักผ่อนคลายจากความเครียด
รู้วิธีรับมือกับอาการวิตกกังวล
รวมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้
-การพักรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
จาเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนกว่าอาการจะดีขึ้นและทรงตัว
หลังจากนั้นแพทย์อาจแนะนาวิธีรักษาอื่น ๆ เช่น จิตบาบัด
รวมทั้งให้คาปรึกษาแก่ครอบครัวของผู้ป่ วยในการรับมือ
ส่วนผู้ป่วยภาวะหวาดระแวงที่เกิดจากการใช ้สารเสพติดจะได้รับการบาบัดจน
- 7. 7
กว่าผลข้างเคียงจากการใช ้ยาจะหาย และเข้ารับการรักษาอื่น ๆ
ตามสมควรต่อไป
นอกจากนี้
ตัวผู้ป่วยเองและบุคคลรอบข้างนับว่ามีส่วนสาคัญในการช่วยรับมือกับอาการ
หวาดระแวง ดังนี้
วิธีรับมือสาหรับตัวผู้ป่ วยเอง
ผู้ที่ประสบภาวะหวาดระแวงหรือคิดว่าตนเองอาจมีอาการดังกล่าว
สามารถดูแลตนเองได้ตามคาแนะนาต่อไปนี้
-เขียนบันทึก สังเกตและเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองลงในสมุดบันทึก เช่น
สิ่งที่ทาให้หวาดระแวง ความถี่ของอาการ พฤติกรรมการนอน เหตุการณ์อื่น
ๆ เป็นต้น
การเขียนบันทึกจะช่วยให้ทราบถึงสาเหตุหรือแนวโน ้มของการเกิดภาวะหวา
ดระแวงว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และอะไรที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้
เพื่อเลี่ยงปัจจัยที่ทาให้รู้สึกหวาดระแวงได้อย่างถูกจุด
-ปรึกษาคนรอบข้าง
ควรพูดคุยเปิดใจกับคนใกล้ชิดหรือบุคคลในครอบครัวที่ไว ้วางใจเพื่อระบายค
วามเครียดและความวิตกกังวล
รวมทั้งหมั่นทากิจกรรมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน และคนรอบข้าง
เพื่อไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยว
-ผ่อนคลายความกังวล
หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวล เช่น ทาสมาธิ
ทางานอดิเรกที่สนใจ เป็นต้น
-ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ
รับประทานอาหารให้ครบถ ้วนและควบคุมระดับน้าตาลในเลือดให้อยู่ในเกณ
ฑ์ปกติ เพื่อช่วยให้รับมือกับอาการหวาดระแวงได้ดีขึ้น
วิธีรับมือสาหรับคนใกล้ชิด บุคคลในครอบครัว เพื่อน
หรือคนใกล้ชิดควรดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยภาวะหวาดระแวง ดังนี้
-สังเกตอาการ ควรสังเกตว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดระแวง
-พูดคุยเปิดใจ
วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับรู้มุมมองที่ต่างออกไปและช่วยลดความเครียดลงไ
ด้
-ทาความเข้าใจความรู้สึก
ไม่ควรมองว่าภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเป็นเรื่องไร้เหตุผล
แต่ควรทาความเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกผู้ป่ วย
- 8. 8
รวมทั้งหมั่นสังเกตว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมากน ้อยเพียงใด
และพยายามช่วยให้ผู้ป่ วยรู้สึกดีขึ้นเมื่อเกิดอาการหวาดระแวง
-ช่วยเหลือเต็มที่ หากผู้ป่วยไม่ต้องการไปหาหมอก็ไม่ควรฝืนบังคับ
ควรคอยสอบถามและเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ
เพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจว่ามีคนให้พึ่งพาได้ในยามเผชิญปัญหา
-เคารพการตัดสินใจ ไม่ตัดสินใจแทนผู้ป่วย
ควรให้ผู้ป่วยได้คิดและตัดสินใจเอง
-แนะนาสายด่วน หากผู้ป่วยไม่พูดคุยเปิดใจ
ผู้ใกล้ชิดอาจแนะนาให้ผู้ป่วยขอความช่วยเหลือจากองค์กรให้คาปรึกษาในเ
บื้องต้น เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ที่พร้อมรับฟังและให้คาปรึกษาตลอด
24 ชั่วโมง
-ดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนและดูแลสุขภาพกายและใจให้เป็นปกติอยู่เสมอ
เนื่องจากการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการหวาดระแวงนั้นอาจส่งผลต่ออารมณ์และค
วามรู้สึกของผู้ดูแลได้
ภาวะแทรกซ้อนจากภาวะหวาดระแวง
อาการหวาดระแวงไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ ้อนที่ส่งผลต่อสุขภาพกาย
แต่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างและการเข้าสังคม
เนื่องจากผู้ป่วยระแวงว่าผู้อื่นจะมาทาร้ายตนเอง จึงมักประพฤติตัวแปลกแยก
ก ้าวร้าว หรือเก็บตัว ไม่สุงสิงกับผู้อื่น
ส่งผลให้ผู้คนรอบข้างปฏิบัติต่อผู้ป่วยไม่เหมือนเดิมหรือเลี่ยงที่จะพบปะพูดคุ
ยด้วย
นอกจากนี้
พฤติกรรมหลีกเลี่ยงการเผชิญหน ้าและการยอมรับความเป็นจริงอาจทาให้ผู้ป่
วยไม่รู้วิธีรับมือกับสถานการณ์ที่ทาให้เกิดอาการหวาดกลัว
และไม่มีโอกาสพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนเองคิดนั้นผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงหรือ
ไม่ อีกทั้งอาจรู้สึกโดดเดี่ยว ซึมเศร้า และมีความรู้สึกในแง่ลบกับสิ่งต่าง ๆ
รอบตัวมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อาการป่วยแย่ลง
การป้ องกันภาวะหวาดระแวง
ภาวะหวาดระแวงยังไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม
การเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดภาวะนี้อาจช่วยลดแนวโน ้มการเกิดอาการหว
าดระแวงได้ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ออกกาลังกายและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ
ทากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด และเลี่ยงการใช ้สารเสพติด เป็นต้น