More Related Content
Similar to 2560 project (20)
More from Gitniphat Prom (7)
2560 project
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน ปัญหาการมีกลิ่นตัว
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นาย สรรเพชญ ขุนแสง เลขที่ 11 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2 นาย ณัฐพล มาลีเซน เลขที่ 33 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1 นาย ณัฐพล มาลีเซน เลขที่ 33 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2 นาย สรรเพชญ ขุนแสง เลขที่ 11 ชั้น ม.6 ห้อง 6
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
1.ปัญหาการมีกลิ่นตัว
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
2.The Problem with body odor
ประเภทโครงงาน โครงการพัฒนาเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย สรรเพชญ ขุนแสง , นาย ณัฐพล มาลีเซน
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศเมืองร้อนจึงทาให้มีเหงื่อออกได้มากและเกิดกลิ่นตัวยิ่งขึ้นยิ่งถ้าเราเรียน
ในโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยและต้องร่วมกิจกรรมที่มีอยู่ตลอดๆ โดยเฉพาะกลิ่นกายเฉพาะตัวที่เกิดจากการทา
กิจกรรมในวัยรุ่นนั้น ต่างจากกลิ่นกายในวัยเด็กที่มีกลิ่นหอมเนื่องจาก วัยรุ่นมีฮอร์โมนที่พลุ่งพลาน จึงเกิดการ
ขับสารคัดหลั่งออกมาเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะเหงื่อที่ขับออกมาเป็นจานวนมากนอกจากจะทาให้มีกลิ่นตัว
ยังทาให้เกิดความชื้นส่งผลให้เกิดการเปื่อยยุ่ยและลอกออกของผิวหนังชั้นกาพร้า จากนั้นแบคทีเรียและเชื้อรา
ก็เข้ามาย่อยสลายเยื่อผิวหนังที่ตายแล้วของเราได้ผลผลิตเป็นกรดทาให้เกิดกลิ่นต่างๆ นั่นเอง โดยบริเวณที่ขับ
ออกมาเป็นพิเศษได้แก่ รักแร้ ซอกขา ข้อพับ หรือ ขาหนีบเป็นต้น และด้วยการที่เป็นจุดอับทาให้อากาศไม่
สามารถถ่ายเทได้อย่างสะดวก เป็นที่มาของการหมักหมมเป็นกลิ่นเหม็นอีกเช่นกันนอกจากนี้ อาหารบางชนิด
เช่น เนื้อสัตว์ ไขมันสัตว์ กระเทียม หัวหอม หากรับประทานเป็นจานวนมากก็เป็นที่มาของกลิ่นได้เช่นกัน
รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ การสูบบุหรี่ ตลอดจนยาบางชนิด เนื้อหาที่ได้กล่าวข้างต้นทาให้ผู้จัดทา
ได้จัดทาโครงร่างโครงงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาให้กับผู้ที่สนใจ รวมทั้งปรับใช้ได้กับสถานการณ์
ที่อาจเกิดขึ้นได้แม้แต่ตัวคุณเอง
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ให้กับผู้ที่สนใจในการแก้ไขปัญหาการมีกลิ่นตัว
2.เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสามารถศึกษาและเข้าใจปัญหากลิ่นตัวว่ามีที่มาได้อย่างไร
3.เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีกลิ่นตัวโดยการให้วิธีการในการระงับและป้องกันกลิ่นตัว
- 3. 3
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1.จัดทาโครงการคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาการมีกลิ่นตัว ประเภทสื่อเพื่อการศึกษา
2.วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา ได้แก่
2.1) เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2.2) เว็บไซต์ที่ใช้ในการหาข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร
2.3) โปรแกรมที่ใช้ในการทางานร่วมเช่น Microsolf word หรือ Snipping tool
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
สาเหตุของกลิ่นตัว
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น หลายต่อหลายคนจึงมีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ จนสร้างความ
ราคาญ ทาให้บางคนเกิดปัญหาในการดาเนินชีวิตประจาวันหรือในการทางาน เพราะต่อให้คุณ หน้า ผม เป๊ะ สวย
หล่อ ขนาดไหน แต่ถ้าเหงื่อไหลออกมามาก ก็ทาให้สูญเสียความมั่นใจได้เหมือนกัน และถ้ายิ่งทากิจกรรมกลางแงทั้ง
วัน นอกจากเหงื่อที่ทาให้เราสูญเสียความมั่นใจแล้ว ยังส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่ทาให้ไม่อยากอยู่ใกล้กับใครเลยอีก
ด้วย
เหงื่อของคนเรา เกิดจากการหลั่งของต่อมเหงื่อ โดยการหลั่งเหงื่อเป็นกลไกการขับของเสียให้ออกทางผิวหนัง
หรือใช้เพื่อระบายความร้อน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราอยู่ในที่อากาศร้อน หรือมีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ก็จะมีเหงื่อ
ออก อันนี้เป็นวิธีการระบายความร้อนอย่างหนึ่ง พร้อมกับขับของเสียต่างๆ ออกมากับเหงื่อ
ตัวที่สร้างเหงื่อจะเรียกว่าต่อมเหงื่อ จริงๆ ต่อมเหงื่อมีอยู่ทั่วผิวหนังบนร่างกาย แต่บางตาแหน่ง มีต่อมเหงื่อ
สะสมอยู่บริเวณนั้นเป็นจานวนมากกว่าปกติ เช่น บริเวณหนังศีรษะ รักแร้ และฝ่ามือฝ่าเม้า เวลาที่เราเหงื่อออกจะ
ออกพร้อมกันทั้งตัว แต่บางตาแหน่งที่มีต่อมเหงื่ออยู่รวมกันมากเป็นพิเศษ ก็จะมีปริมาณของเหงื่อมาก ทาให้เรา
สังเกตได้มากกว่าที่อื่น
ที่มาของกลิ่นตัว
คนที่มีเหงื่อออกมากๆ แล้วมีกลิ่นตัวตามมา สาเหตุเกิดจากแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง ไม่ใช่กลิ่นของเหงื่อ ใน
เหงื่อของคนเราจะมีสารหลายอย่างปนออกมารวมทั้งไขมัน ซึ่งแบคทีเรียชอบ แบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง พอมีเหงื่อตรง
บริเวณไหน แบคทีเรียก็จะไปอยู่ตรงนั้นมากเป็นปกติ และแบคทีเรียกลุ่มนี้มักจะสร้างกลิ่นขึ้นมา เพราะฉะนั้นเราจะ
สังเกตเห็นว่า คนที่มีเหงื่อเยอะ บริเวณที่มีอาการอับชื้น เช่น รักแร้ ก็จะมีกลิ่นตัวตามมาได้ ในขณะที่คนที่มีเหงื่ออก
มากเฉพาะฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก็อาจจะไม่มีกลิ่นเหม็น เพราะฝ่ามือและฝ่าเท้าเกิดการอับชื้นขึ้นได้ยาก
- 4. 4
สาเหตุของกลิ่นตัว เกิดจากอะไรบ้าง
1.เกิดจากการที่เหงื่อออกมามาก และมีแบคทีเรียสะสมอยู่ในบริเวณที่เหงื่อออกมานั้น เลยทาให้เกิดกลิ่นบริเวณที่
เหงื่อออกเยอะ
2.การทานอาหาร อย่างเช่น พวกกระเทียม เวลาเราทานเข้าไป จะเป็นปัจจัยทาให้เหงื่อมีกลิ่นออกมา ถ้าเราสังเกต
คนเกาหลี จะทานพวกกิมจิ อาหารที่ดอง กลิ่นเหงื่อของเค้าจะบ่งบอกว่าเป็นชาติอะไรทันที หรือสัญชาติอินเดีย พวก
นี้เป็นอาหารบางอย่างที่เป็นเครื่องเทศ ที่มีกลิ่นรุนแรง ทาให้เวลาทานเข้าไป ทาให้มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง เรื่องอาหาร ก็
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปัจจัยหลักก็ตาม
3.การป่วยเป็นโรคบางอย่าง อาจทาให้มีกลิ่นเฉพาะตัวออกมาได้
- 5. 5
10 วิธีป้องกัน กลิ่นตัว เบื้องต้น
จะเข้าหน้าร้อนแล้ว ปัญหาใหญ่กวนใจใครหลายคนเห็นจะหนีไม่พ้น “กลิ่นตัว” และเหงื่อ ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกของ
เมืองไทยโดยเฉพาะในหน้าร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา เล่นเอาไม่มีใครอยากเดินทางไปไหน
เพราะขยาดกับความร้อนแรงของแสงพระอาทิตย์ และความเหนี่ยวเหนอะหนะของเหงื่อที่ไหลประหนึ่งน้าท่วม และ
ยังเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดกลิ่นตัว เนื่องจากบนร่างกายเรามีต่อมเหงื่อมากกว่า 40,000 ต่อม กระจายทั่วร่างกาย
โดยเฉพาะบริเวณ รักแร้ ศีรษะ ฝ่ามือ และฝ่าเท้า ที่จะมีมากเป็นพิเศษ วันนี้ทางรัตตินันท์คลินิกจะมาแนะนาวิธี
แก้ปัญหาเบื้องต้นของผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะ และปัญหากลิ่นตัวเบื้องต้น
1.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม เครื่องเทศ เนื่องจากจะทาให้มีกลิ่นออกมาจากเหงื่อได้
ตัวอย่างเช่น คนที่รับประทานเครื่องเทศมากๆ ก็จะมีกลิ่นเหงื่อที่เป็นกลิ่นเครื่องเทศออกมานั้นเอง ต้องลอง
ปรับเปลี่ยนอาหารดู บางคนอาจมีกลิ่นมาจากน้ามันปรุงอาหารได้
- 6. 6
2.ทาความสะอาดบริเวณที่มีกลิ่น ด้วยไฮโดรเจน ไฮดรอกไซด์ (Hydrogen hydroxide) ใช้แบบ 1% ประมาณ 1
ช้อนชาผสมน้า 1 ถ้วยชุบน้าเช็ดบริเวณที่มี กลิ่นตัว ซึ่งรวมถึงฝ่าเท้า หรือ ขาหนีบ หรือ ใต้วงแขน เพื่อลดการสะสม
ของแบคทีเรีย ซึ่งเป็น 1 ในสาเหตุที่ทาให้เกิดกลิ่นตัว
3.ทาให้เหงื่อแห้ง โดยการหาอะไรซับ เพื่อให้แห้งเสมอ หรือเลือกใช้แผ่นซับเหงื่อที่มีขายทั่วไป
- 7. 7
4.ใช้สารลดเหงื่อ(Anti-perspirant) หรือสารลดกลิ่น(Deodorant)
เช่น สารลดเหงื่อ(Anti-perspirant) หรือสารลดกลิ่น(Deodorant) เรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่หลายคนเลือกใช้กันเป็น
จานวนมาก แต่แนะนาให้ใช้ สารลดเหงื่อ ในเวลากลางคืนก่อนนอน ซึ่งจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด สารลดเหงื่อจะ
ทาหน้าที่ได้ดีหากวงแขนค่อนข้างแห้ง เพราะหากใส่ทันทีหลังอาบน้าหรือตอนเริ่มมีเหงื่อ อาจทาให้สารหลุดออกง่าย
สารลดเหงื่อหมายถึงสารเคมีที่ทาให้ต่อมเหงื่อลดการทางานลง เหงื่อลดลง ส่วนสารลดกลิ่น ที่จริงไม่ได้ดับกลิ่นแต่จะมี
น้าหอมให้กลบกลิ่นมากกว่า และผู้ผลิตมักนิยมมาผสมกัน เวลาซื้อต้องดูดีๆว่าซื้อแบบไหนมา
อลูมีเนียม Aluminum คือสารออกฤทธิ์หลักของการผลิตสารลดเหงื่อ โดยจะไปทาหน้าที่ทาให้รูเหงื่อมีขนาดเล็กลง
โดยเฉพาะสารลดเหงื่อที่มี อลูมีนัม คลอไรด์ Aluminum Chloride ซึ่งดูจะได้ผลกว่าสารตัวอื่นๆ ถึงแม้จะมีรายงาน
อ้างว่าอาจก่อให้เกิดมะเร็ง หากใช้ไปนานๆ แต่ก็ยังต้องรอการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ผลข้างเคียงอันหนึ่งของการใช้
สารนี้เพื่อลดเหงื่อก็คือ มันสามารถทาปฏิกิริยากับเหงื่อ เกิดเป็นคราบสีเหลืองได้ ทาให้ติดเสื้อผ้าจนต้องทิ้งเสื้อไป
ในคนบางกลุ่มที่ใช้แบบนี้แล้ว ยังไม่สามารถลดเหงื่อได้ อาจต้องขยับมาเป็น aluminum chloride hexahydrate
(Drysol) ซึ่งสามารถสอบถามแพทย์ได้
- 9. 9
6.เปลี่ยนชุดทุกครั้งหลังการเล่นกีฬาที่มีเหงื่อออกเยอะและซักด้วยน้าส้มสายชู
การซักด้วยน้าผสมน้าส้มสายชู จะทาให้กลิ่นหายไปได้ดีกว่า รวมทั้งคราบเหลืองที่เกิดขึ้นกับเสื้อ บริเวณรักแร้ จุ่มลง
ไปในน้าส้มสายชูที่อุ่น ขยี้เบาๆหรือแช่ไว้ จะทาให้คราบเหลืองดังกล่าวหายไปได้
7.ควบคุมน้าหนักตัวไม่ให้เกินกาหนด หรือลดน้าหนักตัว
ควบคุมอาหาร ไม่ให้มีน้าหนักเกิน ยิ่งน้าหนักเยอะ ก็ทาให้มีกลิ่นตัวมาก อาจจะเกิดจากการที่ร้อนง่ายเหนื่อยง่าย
รวมทั้งบริเวณซอกต่างๆที่เกิดขึ้นจากผิวหนังที่ย้อยไปปิด ทาให้อับชื้น ต้องดูแลดีๆ เพราะเกิดเชื้อราได้ง่ายมาก
8.หลีกเลี่ยงความเครียด หรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทาให้เกิดความเครียด และตื่นเต้น
เนื่องจากความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทาให้เกิด กลิ่นตัว และเหงื่อออกมาก ในกรณีที่เป็นเยอะแพทย์บางท่านอาจ
จาเป็นต้องใช้ยา เช่น glycopyrrolate (Robinul) ทานเพื่อลดอาการ จะสามารถทาให้ลดเหงื่อจากความตื่นเต้นนี้ได้
แต่ผลข้างเคียงคือทาให้ปากแห้งมาก
- 11. 11
10.ซัก และทาความสะอาดเสื้อผ้าอย่างสม่าเสมอ การทาความสะอาดเครื่องแต่งกายให้สะอาดอยู่เสมอ และเลือกใช้
น้ายาปรับผ้านุ่มเพื่อให้ผ้ามีกลิ่นหอม ก็มีส่วนช่วยในการลดการสะสมของแบททีเรีย ปัญหาของกลิ่นตัวได้เช่นกัน
วิธัแก้เหงื่อออกมาก ด้วยวิธีอื่นๆ
แต่ทั้งหมดนี้ก็ล้วนแต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้น และล้วนแต่ไม่ถาวร ซึ่งหมายความปัญหาเหล่านี้จะ
หายไปแค่ชั่วคราวนั้นเอง รวมถึงการฉีดสารโบทูลินัมทอกซิน(Botulinum toxin A) หรือการทาโบท็อกที่บริเวณใต้วง
แขนเองก็ไม่ใช่การรักษาปัญหา กลิ่นตัว ที่ถาวร เนื่องจากจะมีฤทธิ์อยู่แค่ 3-6 เดือน ทาให้ต้องฉีดซ้าอย่างสม่าเสมอ
การฉีดก็จะฉีดเป็นจุดๆไป ราว 20-25 จุดต่อข้าง (ค่อนข้างเจ็บ) ซึ่งจะระงับการทางานของต่อมเหงื่อได้ มีผลทาให้ลด
เหงื่อ ลดกลิ่นตัวได้ทันที รวมถึงการฉีดเพื่อลดเหงื่อบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้าในบางคนที่เหงื่อออกมามากกว่าปกติ
วิธีการใช้ ไอออนโตก้เป็นอีกวิธีที่มีมานานกว่า 50 ปีแล้ว โดยเรายังไม่ทราบกลไกที่ชัดเจนแน่นอน อาจจะเป็นไปได้ว่า
กระแสไฟฟ้าอ่อนๆทาให้ต่อมเหงื่อทางานลดลงชั่วคราว เราจึงต้องใช้เครื่องมือนี้ถี่มาก เพราะผลค่อนข้างชั่วคราว
มากๆ
ไอออนโตลดเหงื่อฝ่าเท้า
และถึงแม้ว่าการผ่าตัดขูดต่อมไขมัน และต่อมกลิ่น หรือการดูดไขมันชั้นตื้น จะเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนสนใจ
นอกจากมีกระบวนการทาที่เจ็บมากแล้ว กลับให้ผลลัพธ์ที่ไม่มั่นคง และมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้
ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นวิธีแก้ปัญหาเหงื่อ และ กลิ่นตัว มากมาย ทาให้เกิดเป็น miraDry ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการ
กาจัดเหงื่อ และกลิ่นตัวแบบใหม่ล่าสุดโดยการใช้เลเซอร์เข้าไปทาลายต่อมเหงื่อ และต่อมกลิ่น รวมถึงต่อมขนบางส่วน
ทาให้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาได้
อย่างถาวรนั้นเอง
- 12. 12
9 สมุนไพรดับกลิ่นตัว ใช้แล้วกลิ่นหาย สบายใจทั้งตัวเรา และคนรอบข้าง
1. ขิง
ขิงมีสรรพคุณช่วยต้านแบคทีเรีย จึงช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกิดบนผิวกายได้ โดยวิธีใช้ขิง
ดับกลิ่นตัวก็เพียงบดขิงแห้งให้เป็นผง แล้วนามาผสมกับเบกกิ้งโซดาในปริมาณเท่า ๆ กัน จากนั้นนามาทาเป็นแป้งที่ใต้
วงแขน ข้อพับ เพื่อให้ขิงและเบกกิ้งโซดาช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ต้นกาเนิดตัวจี๊ดของกลิ่นกาย แถมขิงยังมีสรรพคุณช่วย
ลดความอับชื้นด้วยนะคะ ดังนั้นหมดห่วงเรื่องเหงื่อและกลิ่นตัวที่มักจะมาพร้อมกันได้เลย
- 13. 13
2. ขมิ้น
ในขมิ้นมีน้ามันหอมระเหย Tumerone ซึ่งมีสรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ดี และยังช่วยบรรเทา
อาการผดผื่นคัน แถมยังช่วยบารุงผิวได้ด้วย ส่วนวิธีการใช้ขมิ้นดับกลิ่นตัวแนะนาให้นาขมิ้นชันไปตากแห้ง บดเป็นผง
แล้วนามาทาใต้วงแขน หรือบริเวณที่อับชื้นอย่างข้อพับ เท่านี้ก็จะช่วยระงับกลิ่นตัวได้แล้วค่ะ
3. สะระแหน่
สารสกัดจากสะระแหน่มีคุณสมบัติเป็นยาดับกลิ่นตามธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงนาสารสกัดจากสะระแหน่
ประมาณ 2-3 หยด ใส่ลงในอ่างอาบน้า แล้วลงไปแช่ตัวสัก 5 นาที หรือจะใช้ใบสะระแหน่สดประมาณ 2 กามือ มาต้ม
กับน้า 1 ถ้วยตวง แล้วนามาผสมเป็นน้าอาบเพื่อดับกลิ่นตัวก็ได้เช่นกันค่ะ
- 15. 15
6. ตาลึง
ผักริมรั้วอย่างตาลึงเมื่อมาผสมกับปูนแดงในปริมาณเล็กน้อย จะมีสรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรียและระงับกลิ่น
กายได้ โดยให้นาต้นตาลึงสด ๆ ประมาณ 1-2 กามือมาตาจนละเอียด แล้วผสมกับปูนแดงเล็กน้อยพอให้เข้ากันดี
จากนั้นนาส่วนผสมมาทาใต้วงแขนทิ้งไว้สักครู่จึงล้างออก แนะนาให้ทาติดต่อกันสัก 1 สัปดาห์นะคะ เพื่อช่วยระงับ
กลิ่นตัวได้ดีขึ้น
7. เปลือกมังคุด
เปลือกมังคุดมีสารแมงโกสตินที่ช่วยลดอาการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยวิธีใช้ให้นาเปลือกมังคุดแห้ง 1
ส่วน ต้มกับน้า 3 ส่วน จากนั้นเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนปริมาณน้าลดลงเกินครึ่งแล้วค่อยกรองเอากากออก พอได้น้าต้ม
เปลือกมังคุดมาแล้วให้ผสมกับน้าเปล่า 20 ลิตรแล้วใช้อาบน้า หรือใช้จะวิธีนาเปลือกมังคุดแห้งประมาณ 1-2 กามือ
- 16. 16
มาต้มกับสะอาดาเล็กน้อยต้มก็จะได้น้าเปลือกมังคุดเข้มข้น มาใช้ทาบริเวณใต้วงแขน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้า
สะอาด
8. มะขามเปียก
นอกจากจะมีฤทธิ์กาจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีแล้ว มะขามเปียกยังจะช่วยกาจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่ให้เกิดการ
หมักหมม อันเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เหงื่อ และความอับชื้น โดยวิธีใช้ก็เพียงคั้นน้ามะขามเปียกปริมาณ
พอเหมาะ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วใช้น้ามะขามแทนสบู่ตอนอาบน้า เน้นบริเวณใต้วงแขนและข้อพับให้มาก
หน่อย จากนั้นก็ล้างออกให้สะอาด
9. มะนาว
กรดในน้ามะนาวจะช่วยลดค่า pH ของผิวใต้วงแขนได้ ส่งผลให้แบคทีเรียเติบโตได้ยาก โดยวิธีใช้ก็ไม่ยากค่ะ เพียงหั่น
มะนาวเป็น 2 ซีก (ตามแนวนอน) จากนั้นคั้นน้ามะนาว 1 ซีกมาผสมกับน้าสะอาด 1/2-1 ถ้วยตวง แล้วจัดการทา
ส่วนผสมให้ทั่ววงแขนหลังอาบน้าเสร็จเป็นประจา ทว่าหากใครมีบาดแผลที่ใต้วงแขนหรือตามข้อพับ สูตรนี้อาจไม่
แนะนานะคะ เพราะอาจทาให้เกิดอาการแสบจากกรดของมะนาวได้
สาหรับใครที่มีปัญหากลิ่นตัวอยู่นั้น ลองเลือกดูสักอย่างที่เราสามารถหาได้ง่ายๆ มาลองใช้ดู การเลือกใช้สมุนไพร
เหล่านี้ จะช่วยให้เราลดการใช้สารเคมี ที่อาจจะให้ให้ตกค้างอยู่ที่ร่างกาย แล้งมาส่งผลร้ายกับเราที่หลัง
- 17. 17
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.) กาหนดหัวข้อโครงงานตามความสนใจ
2.) หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้วนาเสนอครูที่ปรึกษาพร้อมทั้งตั้งคาถามและสมมติฐาน
3.) รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่สนใจโดยค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต หรือแหล่งเรียนรู้
อื่นๆ เช่น ห้องสมุด
4.) ลงมือปฏิบัติตามแบบแผนโครงร่าง
5.) ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลพร้อมทั้งแก้ไขข้อบกพร่อง
6.) นาเสนอโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.) Adobe Photoshop
2.) Microsoft Word
3.) Snipping Tool
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน / ณัฐพล
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล / / ณัฐพล
3 จัดทาโครงร่างงาน / / / สรรเพชญ
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน / / ณัฐพล
5 ปรับปรุงทดสอบ / สรรเพชญ
6 การทาเอกสารรายงาน / ณัฐพล
7 ประเมินผลงาน / สรรเพชญ
8 นาเสนอโครงงาน / ณัฐพล
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.) เป็นแหล่งข้อมูลความรู้ให้กับผู้ที่สนใจในการแก้ไขปัญหาการมีกลิ่นตัว
2.) ผู้ที่ศึกษาสามารถศึกษาและเข้าใจปัญหากลิ่นตัวว่ามีที่มาได้อย่างไร
3.) สามารถนาความรู้ที่มีไปสอนผู้อื่นได้
4.) สามารถช่วยเหลือผู้ที่มีกลิ่นตัวโดยการให้วิธีการในการระงับและป้องกันกลิ่นตัว