SlideShare a Scribd company logo
1 of 5
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นางสาวอชิรญา จาปาศรี เลขที่ 10 ชั้น ม.6 ห้อง 7
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1 นางสาวอชิรญา จาปาศรี เลขที่ 10
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Leave from Air allergy
ประเภทโครงงาน วิทยาศาสตร์
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวอชิรญา จาปาศรี
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่2
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักคือ กรรมพันธุ์ การ
เปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง คนในเมืองอยู่บ้านมาก ไม่ออกกาลังกายทาให้ร่างกาย
อ่อนแอ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย เด็กกินนมแม่น้อยลง รับประทานอาหารจานด่วนมากขึ้น ทาให้ได้รับสารอาหารไม่
ครบถ้วน มลภาวะจากอุตสาหกรรม การจราจร และการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน การตกแต่ง
บ้านด้วยการปูพรม ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละออง และการติดเครื่องปรับอากาศทาให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทา
ให้เชื้อไรฝุ่นเจริญเติบโตได้ดี ทั้งนี้ โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายมีความผิดปกติต่อสารก่อ
ภูมิแพ้ ส่งผลให้มีอาการผิดปกติเกิดขึ้นในอวัยวะที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อราในอากาศ อาหาร
ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น ซึ่งในร่างกายคนปกติจะแพ้สารก่อภูมิแพ้ได้น้อยมากหรืออาจจะไม่มีอาการ ส่วนผู้ป่วย
โรคภูมิแพ้แต่ละรายจะมีอาการเกิดขึ้นแตกต่างกันและรุนแรงไม่เท่ากัน แม้จะเป็นสารก่อภูมิแพ้ชนิดเดียวกันก็ตาม
ขึ้นอยู่กับชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของอวัยวะนั้นๆ เช่น เกิดขึ้นบริเวณจมูกทาให้เกิดโรคแพ้
อากาศ อาการจาม คันจมูก คัดจมูกคันเพดานปากหรือคอ น้ามูกไหล
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจัดทาโครงงานเรื่อง ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้อากาศซึ่งได้จัดทาโดยการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมาใช้
ดังประกอบในการทาโครงงานและดาเนินงานตามขั้นตอนอย่างถูกต้องเพื่อหาวิธีป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศที่จะเกิดขึ้น
เพื่อเผยแพร่ความรู้ และหาวิธีที่ดีที่สุดไว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดี
3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้อากาศ
2. เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศสาหรับผู้ที่มีความเสี่ยง
3. เพื่อเป็นแนวทางในการกาจัด หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นที่ก่อให้เกิดโรค
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1. สามารถปฏิบัติตามได้ทุกคน
2. ต้องมีเวลาที่เหมาะสมในการปฏิบัติกิจกรรม
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ชื่อที่ถูกต้องของโรคนี้คือ “โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้” เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติทั่วโลก
อุบัติการณ์ของโรคนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันพบว่าโดยเฉลี่ยผู้ใหญ่ร้อยละ 20 และเด็กร้อยละประมาณ 40
เป็นโรคนี้ ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการเกิดขึ้นเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงหรือมีอาการชัดเจนเฉพาะบางฤดู จึงทาให้ได้
ชื่อว่าโรคแพ้อากาศ
อาการที่พบบ่อย ได้แก่คันในจมูก บางรายอาจคันตา คันเพดานปาก คันในคอ หรือคันในหูด้วย จามติดกันหลายครั้ง
มีน้ามูกใสไหลมากคัดแน่นจมูก มักเป็นสลับข้างกัน อาการอื่น ๆ เช่น หูอื้อ ปวดมึนศีรษะ จมูกไม่ได้กลิ่น มีน้ามูกไหล
ลงคอ หรือมีเสมหะติดในคอ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หงุดหงิด การเรียนไม่ดี อาจพบได้ในผู้ป่วยบางราย
สาเหตุที่ทาให้เกิดอาการมีดังนี้
1.เหตุนาเกิดจากความผิดปกติของระบบสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกรรมพันธุ์ ดังนั้นผู้ที่เกิดมาใน
ครอบครัวที่มีโรคภูมิแพ้อยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคหอบหืด โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคตาอักเสบจากภูมิแพ้ ผื่น
ผิวหนังหรือลมพิษบางชนิด ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคในกลุ่มนี้ได้มากกว่าคนอื่น
2.เหตุโดยตรง คือสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวเรานั่นเอง สารก่อภูมิแพ้ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น
ทางการหายใจ ทางการกินและทางการสัมผัส เนื่องจากจมูกเป็นอวัยวะที่เกี่ยวกับการหายใจ ดังนั้นสารก่อภูมิแพ้ที่
เป็นสาเหตุสาคัญจึงเป็นสารก่อภูมิแพ้ ที่อยู่ในอากาศที่เราหายใจอยู่ตลอดเวลา
จากการศึกษาพบว่าสารก่อภูมิแพ้ที่มีผู้แพ้บ่อยในประเทศไทยคือ ฝุ่นในบ้าน ตัวไรในฝุ่นบ้าน นุ่น ขนและรังแคของ
สัตว์เลี้ยง ละอองเกสรของหญ้าและวัชพืช เศษชิ้นส่วนเล็กๆ และสิ่งขับถ่ายของแมลงที่อยู่ในบ้าน เช่น แมลงสาบ ยุง
แมลงวัน มดแลเชื้อราในอากาศ
ผู้ป่วยบางรายอาจแพ้สารบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพ เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ ทอผ้า โรงสี โรงเลื่อย ถุง
มือยาง ฯลฯ บางรายอาจแพ้อาหารที่กินเข้าไป ซึ่งมักสังเกตเองได้ง่าย และเมื่อสังเกตได้แล้วว่าแพ้อาหารชนิดใดก็ต้อง
งดเสีย
3.เหตุเสริม ได้แก่สาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สารก่อภูมิแพ้ แต่ทาให้ผู้ป่วยมีอาการเกิดขึ้นได้ หรือถ้ามีอาการอยู่แล้วก็จะเป็น
มากขึ้นได้แก่
3.1 สารที่ระคายเคืองต่อเยื่อบุในจมูกโดยตรง เช่น ควันไฟ ควันท่อไอเสียรถ ควันบุหรี่ กลิ่นฉุย ๆ แม้แต่กลิ่น
น้าหอม สเปรย์และฝุ่นละออง รวมทั้งมลพิษในอากาศซึ่งพบมากในเมืองใหญ่
3.2 การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่น อากาศร้อนจัด เย็นจัด ฝนตก พัดลมเป่า เครื่องปรับอากาศเป่า เป็นต้น
3.3 ร่างกายอ่อนเพลีย เนื่องจากอดนอน ท างานหนัก ขาดการออกก าลังกาย ฯลฯ
3.4 อารมณ์ตึงเครียด วิตกกังวล ไม่สบายใจ ไม่สมหวังต่างๆ
3.5 โรคติดเชื้อ เช่น โรคไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ เจ็บคอ ฟันผุหรือไข้หวัด จะทาให้สุขภาพอ่อนแอลง
เป็นเหตุให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีอาการมากขึ้นได้
การกาจัดและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย
ก. ฝุ่นในบ้านและตัวไรในฝุ่น เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นภายในบ้านหรือในที่ทาางานเป็น
ตัวการสาคัญที่ทาให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ได้ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ ฝุ่นละอองภายในบ้าน ประกอบด้วยเส้นใยที่สลาย
4
4 มาจากเสื้อผ้า พรมปูพื้น เครื่องที่นอน ฯลฯ ขี้ไคลและรังแคของคน และสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้าน เศษชิ้นส่วน
เล็ก ๆ และสิ่งขับถ่ายของแมลงชนิด ต่าง ๆ โดยเฉพาะแมลงสาบ แบคทีเรีย เชื้อรา รวมทั้งตัวไรที่อาศัยอยู่ในฝุ่น
ละออง (house-dust mite) ทั้งที่ตายแล้วและยังมีชีวิตอยู่ โดยได้มีการพิสูจน์แน่นอนแล้วว่าตัวไรเหล่านี้ คือ
ส่วนประกอบสาคัญในฝุ่นที่ทาให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ ตัวไรในฝุ่น มีขนาดเล็กกว่าหัวเข็มหมุด มองด้วยตาเปล่า
แทบไม่เห็น ต้องใช้กล้องขยายส่องดู ตัวไรในฝุ่นมีชีวิตอยู่ได้โดยการกินขี้ไคลและรังแคของคน และชอบอาศัยอยู่ตามที่
นอน หมอน และที่ที่ค่อนข้างมืดและชื้น ถ้าถูกแสงแดดร้อนจัดเป็นเวลานานพอสมควรมันจะตาย
ดังนั้นผู้ที่แพ้ฝุ่นละอองภายในบ้าน จึงต้องกาจัดฝุ่นละอองและพยายามลดจานวนตัวไรที่อาศัยอยู่ให้เหลือ
น้อยที่สุด
วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องถ่ายเท ทาความสะอาดพื้นห้องเป็นประจา กาจัดสิ่งของที่ขึ้น
รา หลีกเลี่ยงการกองทับของนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ ใช้เครื่องกาจัดไรฝุ่น ฝุ่นละอองภายในบ้าน ควันบุหรี่ ขนสัตว์
เกสรดอกไม้ เป็นต้น
ดื่มน้าให้มาก น้าสามารถละลายเสมหะได้ มีส่วนช่วยในการขับของเหลวออกจากร่างกาย ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรดื่มน้า
ไม่ต่ากว่าแปดแก้วต่อวัน
นอนหลับให้เพียงพอและใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบ ไม่ทางานหักโหมจนเกินไป สภาพร่างกายที่สมบูรณ์และการพักผ่อนที่
เพียงพอมีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทางานได้ดี ป้องกันโรคภูมิแพ้ได้
ระวังอาหารที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่ได้รับคายืนยันจากแพทย์ว่ามีสาเหตุจากอาหารควรหยุดกิน
อาหารนั้น ๆ
การนอนในห้องปรับอากาศ ส่วนมากผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ จึงไม่ควร
ปรับอุณหภูมิต่าจนเกินไป อาจใช้พัดลมช่วยให้อากาศในห้องถ่ายเทและรักษาอุณหภูมิให้คงที่
ปกป้องดวงตา ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคเยื่อบุนัยน์ตาอักเสบจากภูมิแพ้ ควรสวมแว่นตาเมื่อออกนอกบ้าน เพื่อป้องกัน
เกสรดอกไม้หรือฝุ่นละอองไม่ให้เข้าตา จะทาให้อาการกาเริบ
รักษาสภาพจิตใจให้ปกติ ลดความเครียด ทาจิตใจให้สบายเพราะความเครียดและสุขภาพจิตใจที่ไม่ปกติจะส่งผลต่อ
การทกงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้ได้
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.กาาหนดหัวข้อโครงงานที่สนใจ
2.วางแผนการดาาเนินงาน
3.ศึกษาและรวบรวมข้อมูล
4.จัดทาาโครงร่างโครงงาน
5.จัดทาาโครงงาน
6.นาาเสนอโครงงาน
7.ปรับปรุงและแก้ไข
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.คอมพิวเตอร์
2.แผ่นพับให้ความรู้
งบประมาณ
200 บาท
5
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.เผยแพร่ความรู้ให้กับบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อากาศ
2.รู้จักวิธีการรับมือกับโรคภูมิแพ้อากาศอย่างถูกวิธี
3.ได้วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศ
สถานที่ดาเนินการ
ที่พักอาศัย และโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
-กลุ่มพลศึกษาและสุขศึกษา
-กลุ่มวิทยาศาสตร์
-กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://www.honestdocs.co/how-can-we-prevent-allergies
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=197

More Related Content

What's hot

กิจกรรมที่5
กิจกรรมที่5กิจกรรมที่5
กิจกรรมที่5Manop Amphonyothin
 
โครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืชโครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืชWeeraphon Parawach
 
ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5Ffim Radchasan
 
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์tangkwakamonwan
 
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกโครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกFah Philip
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่Panita Tunpama
 
ใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานPopeye Kotchakorn
 

What's hot (18)

Rabies
RabiesRabies
Rabies
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project
 
2559 project 612-04_08
2559 project 612-04_082559 project 612-04_08
2559 project 612-04_08
 
กิจกรรมที่5
กิจกรรมที่5กิจกรรมที่5
กิจกรรมที่5
 
โครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืชโครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืช
 
ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5ใบงานที่ 5
ใบงานที่ 5
 
Final project
Final projectFinal project
Final project
 
King 16
King 16King 16
King 16
 
Kingg 16
Kingg 16Kingg 16
Kingg 16
 
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกโครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
 
โครงงานคอม
โครงงานคอม โครงงานคอม
โครงงานคอม
 
at1
at1at1
at1
 
ใบงานคอม
ใบงานคอมใบงานคอม
ใบงานคอม
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ งานคู่
 
ใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
 
M6 78 60_3
M6 78 60_3M6 78 60_3
M6 78 60_3
 

Similar to Achi

2562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat012562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat01TeerapatSrilom
 
2562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat012562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat01TeerapatSrilom
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project asirwa04
 
2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)Milk MK
 
หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งTanutkit Kinruean
 
หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งTanutkit Kinruean
 
2562 final project 26,31
2562 final project 26,312562 final project 26,31
2562 final project 26,31Sarocha Somboon
 
2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)Milk MK
 
2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)Sarocha Somboon
 
2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)Sarocha Somboon
 
2562 final project 26,31
2562 final project 26,312562 final project 26,31
2562 final project 26,31Sarocha Somboon
 
เทคนิคการทำความสะอาด
เทคนิคการทำความสะอาดเทคนิคการทำความสะอาด
เทคนิคการทำความสะอาดRaming Thonglek
 
2561 project 16
2561 project 162561 project 16
2561 project 16Achunya
 

Similar to Achi (20)

2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
2558 project
2558 project 2558 project
2558 project
 
2559 project 612-04_08
2559 project 612-04_082559 project 612-04_08
2559 project 612-04_08
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
2562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat012562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat01
 
2562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat012562 final-project teerapat01
2562 final-project teerapat01
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project
 
2561 project 03
2561 project  032561 project  03
2561 project 03
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)
 
หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่ง
 
หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่ง
 
2562 final project 26,31
2562 final project 26,312562 final project 26,31
2562 final project 26,31
 
2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)2557 โครงงาน (1)
2557 โครงงาน (1)
 
2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)
 
2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)2562 final-project-2731 (1)
2562 final-project-2731 (1)
 
2562 final project 26,31
2562 final project 26,312562 final project 26,31
2562 final project 26,31
 
เทคนิคการทำความสะอาด
เทคนิคการทำความสะอาดเทคนิคการทำความสะอาด
เทคนิคการทำความสะอาด
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project
 
2561 project 16
2561 project 162561 project 16
2561 project 16
 

More from Natdawan Boonyai (8)

Anorexia
AnorexiaAnorexia
Anorexia
 
24
2424
24
 
5
55
5
 
4
44
4
 
3
33
3
 
2
2 2
2
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Lk
LkLk
Lk
 

Achi

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6 ปีการศึกษา 2561 ชื่อโครงงาน ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ ชื่อผู้ทาโครงงาน 1 นางสาวอชิรญา จาปาศรี เลขที่ 10 ชั้น ม.6 ห้อง 7 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม .…… 1 นางสาวอชิรญา จาปาศรี เลขที่ 10 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Leave from Air allergy ประเภทโครงงาน วิทยาศาสตร์ ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวอชิรญา จาปาศรี ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่2 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักคือ กรรมพันธุ์ การ เปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง คนในเมืองอยู่บ้านมาก ไม่ออกกาลังกายทาให้ร่างกาย อ่อนแอ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย เด็กกินนมแม่น้อยลง รับประทานอาหารจานด่วนมากขึ้น ทาให้ได้รับสารอาหารไม่ ครบถ้วน มลภาวะจากอุตสาหกรรม การจราจร และการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน การตกแต่ง บ้านด้วยการปูพรม ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละออง และการติดเครื่องปรับอากาศทาให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทา ให้เชื้อไรฝุ่นเจริญเติบโตได้ดี ทั้งนี้ โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายมีความผิดปกติต่อสารก่อ ภูมิแพ้ ส่งผลให้มีอาการผิดปกติเกิดขึ้นในอวัยวะที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อราในอากาศ อาหาร ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น ซึ่งในร่างกายคนปกติจะแพ้สารก่อภูมิแพ้ได้น้อยมากหรืออาจจะไม่มีอาการ ส่วนผู้ป่วย โรคภูมิแพ้แต่ละรายจะมีอาการเกิดขึ้นแตกต่างกันและรุนแรงไม่เท่ากัน แม้จะเป็นสารก่อภูมิแพ้ชนิดเดียวกันก็ตาม ขึ้นอยู่กับชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของอวัยวะนั้นๆ เช่น เกิดขึ้นบริเวณจมูกทาให้เกิดโรคแพ้ อากาศ อาการจาม คันจมูก คัดจมูกคันเพดานปากหรือคอ น้ามูกไหล ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจัดทาโครงงานเรื่อง ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้อากาศซึ่งได้จัดทาโดยการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมาใช้ ดังประกอบในการทาโครงงานและดาเนินงานตามขั้นตอนอย่างถูกต้องเพื่อหาวิธีป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศที่จะเกิดขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้ และหาวิธีที่ดีที่สุดไว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดี
  • 3. 3 วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1. เพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้อากาศ 2. เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศสาหรับผู้ที่มีความเสี่ยง 3. เพื่อเป็นแนวทางในการกาจัด หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นที่ก่อให้เกิดโรค ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) 1. สามารถปฏิบัติตามได้ทุกคน 2. ต้องมีเวลาที่เหมาะสมในการปฏิบัติกิจกรรม หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) ชื่อที่ถูกต้องของโรคนี้คือ “โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้” เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติทั่วโลก อุบัติการณ์ของโรคนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันพบว่าโดยเฉลี่ยผู้ใหญ่ร้อยละ 20 และเด็กร้อยละประมาณ 40 เป็นโรคนี้ ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการเกิดขึ้นเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงหรือมีอาการชัดเจนเฉพาะบางฤดู จึงทาให้ได้ ชื่อว่าโรคแพ้อากาศ อาการที่พบบ่อย ได้แก่คันในจมูก บางรายอาจคันตา คันเพดานปาก คันในคอ หรือคันในหูด้วย จามติดกันหลายครั้ง มีน้ามูกใสไหลมากคัดแน่นจมูก มักเป็นสลับข้างกัน อาการอื่น ๆ เช่น หูอื้อ ปวดมึนศีรษะ จมูกไม่ได้กลิ่น มีน้ามูกไหล ลงคอ หรือมีเสมหะติดในคอ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หงุดหงิด การเรียนไม่ดี อาจพบได้ในผู้ป่วยบางราย สาเหตุที่ทาให้เกิดอาการมีดังนี้ 1.เหตุนาเกิดจากความผิดปกติของระบบสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกรรมพันธุ์ ดังนั้นผู้ที่เกิดมาใน ครอบครัวที่มีโรคภูมิแพ้อยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคหอบหืด โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคตาอักเสบจากภูมิแพ้ ผื่น ผิวหนังหรือลมพิษบางชนิด ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคในกลุ่มนี้ได้มากกว่าคนอื่น 2.เหตุโดยตรง คือสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวเรานั่นเอง สารก่อภูมิแพ้ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น ทางการหายใจ ทางการกินและทางการสัมผัส เนื่องจากจมูกเป็นอวัยวะที่เกี่ยวกับการหายใจ ดังนั้นสารก่อภูมิแพ้ที่ เป็นสาเหตุสาคัญจึงเป็นสารก่อภูมิแพ้ ที่อยู่ในอากาศที่เราหายใจอยู่ตลอดเวลา จากการศึกษาพบว่าสารก่อภูมิแพ้ที่มีผู้แพ้บ่อยในประเทศไทยคือ ฝุ่นในบ้าน ตัวไรในฝุ่นบ้าน นุ่น ขนและรังแคของ สัตว์เลี้ยง ละอองเกสรของหญ้าและวัชพืช เศษชิ้นส่วนเล็กๆ และสิ่งขับถ่ายของแมลงที่อยู่ในบ้าน เช่น แมลงสาบ ยุง แมลงวัน มดแลเชื้อราในอากาศ ผู้ป่วยบางรายอาจแพ้สารบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพ เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ ทอผ้า โรงสี โรงเลื่อย ถุง มือยาง ฯลฯ บางรายอาจแพ้อาหารที่กินเข้าไป ซึ่งมักสังเกตเองได้ง่าย และเมื่อสังเกตได้แล้วว่าแพ้อาหารชนิดใดก็ต้อง งดเสีย 3.เหตุเสริม ได้แก่สาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สารก่อภูมิแพ้ แต่ทาให้ผู้ป่วยมีอาการเกิดขึ้นได้ หรือถ้ามีอาการอยู่แล้วก็จะเป็น มากขึ้นได้แก่ 3.1 สารที่ระคายเคืองต่อเยื่อบุในจมูกโดยตรง เช่น ควันไฟ ควันท่อไอเสียรถ ควันบุหรี่ กลิ่นฉุย ๆ แม้แต่กลิ่น น้าหอม สเปรย์และฝุ่นละออง รวมทั้งมลพิษในอากาศซึ่งพบมากในเมืองใหญ่ 3.2 การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่น อากาศร้อนจัด เย็นจัด ฝนตก พัดลมเป่า เครื่องปรับอากาศเป่า เป็นต้น 3.3 ร่างกายอ่อนเพลีย เนื่องจากอดนอน ท างานหนัก ขาดการออกก าลังกาย ฯลฯ 3.4 อารมณ์ตึงเครียด วิตกกังวล ไม่สบายใจ ไม่สมหวังต่างๆ 3.5 โรคติดเชื้อ เช่น โรคไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ เจ็บคอ ฟันผุหรือไข้หวัด จะทาให้สุขภาพอ่อนแอลง เป็นเหตุให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีอาการมากขึ้นได้ การกาจัดและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ก. ฝุ่นในบ้านและตัวไรในฝุ่น เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นภายในบ้านหรือในที่ทาางานเป็น ตัวการสาคัญที่ทาให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ได้ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ ฝุ่นละอองภายในบ้าน ประกอบด้วยเส้นใยที่สลาย
  • 4. 4 4 มาจากเสื้อผ้า พรมปูพื้น เครื่องที่นอน ฯลฯ ขี้ไคลและรังแคของคน และสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้าน เศษชิ้นส่วน เล็ก ๆ และสิ่งขับถ่ายของแมลงชนิด ต่าง ๆ โดยเฉพาะแมลงสาบ แบคทีเรีย เชื้อรา รวมทั้งตัวไรที่อาศัยอยู่ในฝุ่น ละออง (house-dust mite) ทั้งที่ตายแล้วและยังมีชีวิตอยู่ โดยได้มีการพิสูจน์แน่นอนแล้วว่าตัวไรเหล่านี้ คือ ส่วนประกอบสาคัญในฝุ่นที่ทาให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ ตัวไรในฝุ่น มีขนาดเล็กกว่าหัวเข็มหมุด มองด้วยตาเปล่า แทบไม่เห็น ต้องใช้กล้องขยายส่องดู ตัวไรในฝุ่นมีชีวิตอยู่ได้โดยการกินขี้ไคลและรังแคของคน และชอบอาศัยอยู่ตามที่ นอน หมอน และที่ที่ค่อนข้างมืดและชื้น ถ้าถูกแสงแดดร้อนจัดเป็นเวลานานพอสมควรมันจะตาย ดังนั้นผู้ที่แพ้ฝุ่นละอองภายในบ้าน จึงต้องกาจัดฝุ่นละอองและพยายามลดจานวนตัวไรที่อาศัยอยู่ให้เหลือ น้อยที่สุด วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องถ่ายเท ทาความสะอาดพื้นห้องเป็นประจา กาจัดสิ่งของที่ขึ้น รา หลีกเลี่ยงการกองทับของนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ ใช้เครื่องกาจัดไรฝุ่น ฝุ่นละอองภายในบ้าน ควันบุหรี่ ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น ดื่มน้าให้มาก น้าสามารถละลายเสมหะได้ มีส่วนช่วยในการขับของเหลวออกจากร่างกาย ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรดื่มน้า ไม่ต่ากว่าแปดแก้วต่อวัน นอนหลับให้เพียงพอและใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบ ไม่ทางานหักโหมจนเกินไป สภาพร่างกายที่สมบูรณ์และการพักผ่อนที่ เพียงพอมีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทางานได้ดี ป้องกันโรคภูมิแพ้ได้ ระวังอาหารที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่ได้รับคายืนยันจากแพทย์ว่ามีสาเหตุจากอาหารควรหยุดกิน อาหารนั้น ๆ การนอนในห้องปรับอากาศ ส่วนมากผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ จึงไม่ควร ปรับอุณหภูมิต่าจนเกินไป อาจใช้พัดลมช่วยให้อากาศในห้องถ่ายเทและรักษาอุณหภูมิให้คงที่ ปกป้องดวงตา ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคเยื่อบุนัยน์ตาอักเสบจากภูมิแพ้ ควรสวมแว่นตาเมื่อออกนอกบ้าน เพื่อป้องกัน เกสรดอกไม้หรือฝุ่นละอองไม่ให้เข้าตา จะทาให้อาการกาเริบ รักษาสภาพจิตใจให้ปกติ ลดความเครียด ทาจิตใจให้สบายเพราะความเครียดและสุขภาพจิตใจที่ไม่ปกติจะส่งผลต่อ การทกงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้ได้ วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน 1.กาาหนดหัวข้อโครงงานที่สนใจ 2.วางแผนการดาาเนินงาน 3.ศึกษาและรวบรวมข้อมูล 4.จัดทาาโครงร่างโครงงาน 5.จัดทาาโครงงาน 6.นาาเสนอโครงงาน 7.ปรับปรุงและแก้ไข เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1.คอมพิวเตอร์ 2.แผ่นพับให้ความรู้ งบประมาณ 200 บาท
  • 5. 5 ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1.เผยแพร่ความรู้ให้กับบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อากาศ 2.รู้จักวิธีการรับมือกับโรคภูมิแพ้อากาศอย่างถูกวิธี 3.ได้วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศ สถานที่ดาเนินการ ที่พักอาศัย และโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง -กลุ่มพลศึกษาและสุขศึกษา -กลุ่มวิทยาศาสตร์ -กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) https://www.honestdocs.co/how-can-we-prevent-allergies http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=197