More Related Content
More from Teetut Tresirichod (20)
บทที่ 2 ผลกระทบทางด้านวัฒนธรรมที่มีต่อการดำเนินธุรกิจและการเจราจาต่อรอง
- 2. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
1. ความเข้าใจในเรื่องของเวลา
2. รูปแบบการคิด
3. ระยะห่างระหว่างบุคคล
4. การยึดโยงวัตถุนิยม
5. บทบาทครอบครัวและมิตรภาพ
6. การแข่งขันและความเป็นปัจเจกบุคคล
7. พฤติกรรมเชิงสังคม
1. การรับประทานอาหาร
2. อาหาร
3. การให้ของขวัญ
4. การทักทาย
8. บริบทการพูดจา
- 3. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
คนแต่ละชาติมองเรื่องเวลาที่แตกต่างกันไป บางสังคมมองเวลาแบบเป็นเงินเป็นทอง
ในขณะที่บางสังคมไม่ได้ให้ความสาคัญขนาดนั้น รวมทั้งการตรงต่อเวลาที่มีการให้
ความสาคัญไม่เท่ากัน บางแห่งเห็นว่าการตรงเวลาเกินไปดูจะเป็นพฤติกรรมที่เหมือน
จะปราศจากเหตุผลว่าทาไมคนเราจะต้องมีความเข้มงวดขนาดนั้น ในบางสังคมเห็น
ว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ดีกว่าการไปมุ่งในเรื่องของเวลาหรือการตรงเวลา
ตารางเวลาและกาหนดการ นับเป็นประเด็นสาคัญสาหรับการเจรจาต่อรอง บาง
วัฒนธรรมไม่ได้มีการยึดโยงกับกาหนดการนัก แต่บางสัมคมกลับมีความเข้มงวดให้
ความสาคัญกับเส้นตายและต้องทาให้ได้ แต่บางสังคมก็เห็นว่าทางานเสร็จเมื่อไรก็
เมื่อนั้น
- 4. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
อาจแบ่งได้กว้าง ๆ เป็นการคิดแบบวัฏจักรกับการคิดที่เป็นแบบเส้นตรง การคิดแบบ
เป็นวัฎจักรเห็นว่าแต่ละปัจเจกบุคคล สามารถเห็นได้ว่าอะไรเกิดขึ้นแล้วในอดีต อดีต
จึงเปรียบเหมือนสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า และเมื่อเขาไม่อาจมองเห็นอนาคต มันจึง
เหมือนกับสิ่งที่อยู่ข้างหลัง ในสังคมนี้จึงมักมองการเปลี่ยนแปลงว่าจะเป็นสิ่งเลวร้าย
จะมองอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วอยู่ข้างหลัง ดังนั้นจึงมองเรื่องของการเปลี่ยนแปลงว่า
เป็นสิ่งที่ดีและพยายามฉกฉวยโอกาสที่เขาพอจะเห็นได้ ดังนั้นจึงมองเรื่องของการ
เปลี่ยนแปลงว่าเป็นสิ่งที่ดีและพยายามฉกฉวยที่เขาพอจะเห็นได้ ดังนั้นจึงมักมี
ความคิดใหม่ ๆ และมีการกาหนดวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งอนาคต
- 5. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล 2 คน ในแต่ละสังคมจะมีระยะห่างในการยืนพูดคุย
กันโดยมีระยะห่างที่ไม่เท่ากัน บางสังคมที่มีระยะห่างพอสมควร อย่างเช่นคน
อเมริกัน แต่ถ้าหากจะให้เข้ามายืนคุยกันระยะใกล้กว่าปกติก็สร้างความอึดอัดในบาง
วัฒนธรรม เช่น พวกอาหรับชอบที่จะยืนพูดคุยกันแบบใกล้ ๆ แทบประชิด หากยืน
ระยะห่างออกไปก็จะถูกมองว่าเป็นการปฏิเสธเขาได้
- 7. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
บางวัฒนธรรมให้คุณค่ากับครอบครัวมาก ความเชื่อมโยงระหว่างกันในสมาชิก
ความรับผิดชอบต่อสมาชิกในครอบครัว ซึ่งกลายเป็นตัวกาหนดพฤติกรรมของคน
มากกว่าเรื่องของการทางานหรือธุรกิจที่จะเป็นตัวกาหนด
แต่ในบางวัฒนธรรมจะแยกเรื่องครอบครัวและธุรกิจออกจากกันเรื่องงานต้องมาก่อน
ไม่เกี่ยวกับครอบครัว
ในเรื่องการสร้างมิตรภาพก็มีความแตกต่าง บางวัฒนธรรมการสร้างความสัมพันธ์
ระหว่างกันใช้เวลามาก แต่ในบางสังคมมีการสร้างกันได้อย่างรวดเร็ว
- 8. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
บางสังคมให้ความสาคัญกับการแข่งขัน ความเป็นปัจเจกบุคคลและชอบที่จะแข่งขัน
มุ่งหวังที่จะให้ได้ชัยชนะ เช่น สังคมอเมริกา ในขณะที่วัฒนธรรมยุโรปปฏิเสธทัศนคติ
อันนี้โดยเห็นว่าการทางานเป็นทีมและความมีฉันทามติ ให้คุณค่าจิตวิญญาณของ
ทีมพอประมาณ และอดทน การที่ปัจเจกบุคคลทาอะไรอย่างในสังคมแรกจะเป็นการ
ตีความว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าวและเร่งรีบ
- 9. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
มีพฤติกรรมทางสังคมหลายประการที่เห็นว่ามีความแตกต่างกันได้แก่
◦ การรับประทานอาหาร ก็มีความแตกต่างกันแม้กระทั่งบางวัฒนธรรมการรับประทานแบบมีเสียงดัง นับว่า
แสดงถึงความเอร็ดอร่อยและเป็นที่ยอมรับได้ เช่น ญี่ปุ่น ในขณะที่สังคมอื่นไม่ยอมรับในกริยาดังกล่าว
แม้กระทั่งการรับประทานในแบบของคนอเมริกันที่มักจะสลับส้อมมาไว้ในมือขวาก็ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้
ของคนในตะวันตกนั
◦ อาหาร อาหารมีความหลากหลายในแต่ละวัฒนธรรม คนที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารบางประเภทที่เจ้าภาพ
เลี้ยงก็อาจสร้างความตะหนกตกใจได้พอสมควร ดูตัวอย่างเมนูอาหารของคนจีนที่มียาวเหยียดอาจถึง
15 รายการ ในโต๊ะ และบางเมนูก็อาจเป็นอาหารแปลก เช่น ซุปค้างคาว ซุปตุ๊กแก
◦ การให้ของขวัญ ของขวัญและสิ่งของที่จะให้ย่อมมีนัยที่แตกต่างกันในแต่ละวัฒนธรรม โดยเฉพาะเรื่องที่
เกี่ยวกับโชคลาภและเกี่ยวพันกับพิธีกรรมอื่น ๆ บางสังคมก็ไม่นิยมในเรื่องของขวัญนัก เช่น เยอรมนี หรือ
บางทีการให้ก็เป็นแบบส่วนตัว จะไม่เป็นการมาให้ต่อหน้าบุคคลอื่น
◦ การทักทาย นับว่ามีความสาคัญ เพราะจะเป็นการทาให้ประทับใจหรือไม่ก็ตอนที่พบกันครั้งแรกนี่เอง
โดยมาตรฐานทั่วไป การทักทายกระทาโดยการจับมือกัน บางสังคมอาจมีการสวมกอด จูบแก้ม
- 10. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
อาจแบ่งเป็นบริบทสูงและบริบทต่า สังคมที่มีบริบทการพูดจาสูง จะไม่อาจเข้าใจ
ความหมายได้โดยทันที หรือว่าบางทีความหมายก็ไม่ค่อยตรงตามที่พูด สาหรับ
สังคมที่มีบริบทต่าจะมีความหมายตามที่พูดออกไปตามนั้น ดังนั้น การทาความ
เข้าใจว่าสังคมไหนมีบริบทอย่างไรก็จะช่วยทาให้การเจรจาสัมฤทธิ์ผลได้
- 11. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
Phatak และ Habib (1996) เห็นว่าปัจจัยที่ทาให้การเจรจาต่อรองข้าม
ชาติมีความแตกต่างกันออกไปน่าจะเกิดจากอิทธิพลของบริบท 2 ประการ คือ
บริบทของสภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการเจรจาต่อรองโดยที่ผู้เจรจาไม่อาจควบคุม
ปัจจัยตรงนี้ได้ และอีกประการหนึ่งคือ บริบทที่ใกล้ชิด
- 14. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
เห็นได้ง่าย ๆ ในกรณีของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่มีความแตกต่าง
กันทั้งในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและวิธีการปฏิบัติ และนี่คือปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะกับคนที่ต้องจ่ายเงินในสกุลของประเทศอื่น นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับ
เสถียรภาพของค่าเงินที่มีการขึ้นลงตลอดเวลาด้วย ซึ่งก็จะมีผลต่อการเจรจาทาง
ธุรกิจ
- 15. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
รัฐบาลแต่ละประเทศจะมีการกาหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่
ต่างกันไป ในประเทศที่ค่อนข้างเสรี เช่น สหรัฐอเมริกา รัฐจะไม่เข้าไปแทรกแซง
บริษัทธุรกิจเอกชน แต่อาจมีการกาหนดกฎเกณฑ์บังคับที่หนักเบาเข้มข้นไม่เท่ากันได้
แล้วแต่ประเภทของธุรกิจแต่ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลของหลายประเทศสังคมนิยม
และประเทศกาลังพัฒนา การเข้าไปแทรกแซงของรัฐ ทั้งในเชิงการกากับหรือการร่วม
ลงทุนก็เป็นไปได้ และหากยังเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและ
กระทบต่อฐานะการคลัง ย่อมมีโอกาสที่รัฐบาลจะเข้ามายุ่งเกี่ยวในการเจรจาต่อรอง
ด้วยไม่น้อย
- 16. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
มีหลายรูปแบบทั้งในด้านการเมืองที่ขาดเสถียรภาพ มีการเปลี่ยนขั้วอานาจกันบ่อย
หรือไม่ก็มีรัฐประหาร นอกจากนี้ยังหมายถึงเสถียรภาพในเรื่องของทรัพยากร แม้ใน
ยามเจรจาต่อรอง เช่น ไฟฟ้ า คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กระดาษที่จะใช้ การเจรจา
ต่อรองจึงต้องมีการการวิเคราะห์เรื่องดังกล่าวนี้ให้ดี การจัดการกับความไม่แน่นอน
และการลดความเสี่ยงจากภาวะไร้เสถียรภาพดังกล่าว จึงนับเป็นความท้าทายในการ
เจรจาต่อรอง
- 17. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
แต่ละประเทศมีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน อาทิ สหรัฐอเมริกาให้ความสาคัญกับเรื่อง
ของการได้ประโยชน์ของปัจเจกบุคคลและลัทธิทุนนิยม คนอเมริกันจึงมีความเชื่อใน
เรื่องของสิทธิของปัจเจกบุคคล การเห็นถึงคุณค่าการลงทุนภาคเอกชนเป็นสิ่งที่ดี
และการทากาไรของภาคธุรกิจ ในขณะเดียวกัน บางประเทศ เช่น จีน ฝรั่งเศษ จะให้
คุณค่าในเรื่องของกลุ่มมากกว่าสิทธิของปัจเจกบุคคล และเห็นว่าการลงทุนจาก
ภาครัฐเป็นการจัดสรรทรัพยากรที่ดีกว่าการลงทุนของภาคเอกชน นอกจากนี้ยังอาจมี
มุมมองในเรื่องของการทากาไรที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปได้ว่าทั้ง 2 ฝ่าย มี
แนวคิดพื้นฐานในการเจรจาที่ต่างกัน
- 18. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
คนที่มาจากต่างวัฒนธรรมกันจะมีการเจรจาต่อรองที่ต่างกันไป เริ่มตั้งแต่การมี
พฤติกรรมต่างกัน การตีความในกระบวนการเจรจาต่อรองที่ไม่เหมือนกัน อาทิ บาง
วัฒนธรรมอาจเจรจาเรื่องทั่ว ๆ ไปก่อนแล้วค่อยนามาสู่เรื่องเฉพาะ ในขณะที่บาง
วัฒนธรรมอาจคุยกันในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยก่อนแล้วค่อยนาไปสู่ข้อสรุปทั่วไป
หรืออาจเห็นได้ว่า บางวัฒนธรรมให้ความสาคัญกับเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์
และความไว้วางใจมากกว่าการพิจารณาในเรื่องของสารัตถะ แต่ในอีกวัฒนธรรมเห็น
ว่าการเจรจา ควรมุ่งในเรื่องเนื้อหาสาระและเข้าประเด็นมากกว่าจะไปให้
ความสาคัญกับเรื่องการสร้างความสัมพันธ์
- 22. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งสูง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องของชาติพันธ์ อัตลักษณ์
หรือทางภูมิศาสตร์ ย่อมมีความยากลาบากในการเจรจาแก้ไข ดังจะเห็นในตัวอย่าง
ของความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือในแอฟริกา การที่จะเจรจาให้ตกฟากได้
จะต้องดาเนินการอย่างครอบคลุมในหลายด้าน นอกจากนี้สิ่งสาคัญอีกประการหนึ่ง
คือ การวางกรอบหรือแนวคิดในการเจรจาที่มีความแตกต่างกัน อย่างกรณีตะวันออก
กลางที่แต่ละฝ่ายจะมองเรื่องความมั่นคง อานาจอธิปไตย หรือสิทธิเสรีภาพกระทั่ง
เรื่องประวัติศาสตร์ที่ไม่เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้ผู้เจรจาจะต้องคานึงถึง
- 23. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
ความสัมพันธ์ระหว่างคู่เจรจา ความสัมพันธ์ที่พัฒนาไประหว่างคู่เจรจานับว่าจะมี
ผลกระทบสาคัญต่อกระบวนการเจรจาและผลลัพธ์ ว่าไปแล้วการเจรจาต่อรอง
นับเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ของทุกฝ่าย ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่าง
กันจะมีผลต่อการเจรจาในปัจจุบัน และการเจรจาในปัจจุบันก็ย่อมที่จะส่งผลต่อไป
ในอนาคตเช่นกัน
- 24. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
ปัจจัยที่มองเห็นและมองไม่เห็น ล้วนมีผลต่อการได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป หลาย
ประเทศมักใช้การเจรจาต่อรองระหว่างประเทศเพื่อให้บรรลุเป้ าหมายทางการเมือง
ภายในประเทศด้วย ลองดูตัวอย่างกรณีของเวียดนามเหนือเมื่อครั้งสงคราม
เวียดนาม ที่ยินดีให้มีการเจรจาสงบศึกที่ปารีส ส่วนหนึ่งของเป้ าประสงค์ที่ต้องการ
คือ การยอมรับภายในประเทศของตนด้วยนั่นเอง นอกจากนี้อาจพิจารณาว่าการที่ไม่
ได้ผลตามที่ต้องการทั้งหมดในระยะสั้น แต่ก็เพื่อที่จะให้ได้ผลของความสัมพันธ์ใน
ระยะยาว ในกรณีการหารือระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐอเมริกาทางด้านการค้า สะท้อน
แนวคิดดังกล่าวนี้
- 25. ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใกล้ชิดสุดในการเจรจาประกอบด้วย ผู้เจรจาเอง รวมทั้งตัวแทนที่
เขามาแทน เช่น ผู้จัดการ นายจ้าง หรือคณะกรรมการอานวนการ บุคคลเหล่านี้ล้วน
มีอิทธิพลต่อการเจรจาในหลายทางด้วยกัน ทักษะ ความสามารถและประสบการณ์
ระหว่างประเทศ ล้วนมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางต่อกระบวนการและผลลัพธ์
นอกจากนี้แรงจูงใจส่วนบุคคลของผู้เจรจาหลักและรวมทั้งผู้ใกล้ชิดอื่น ๆ ก็มีอิทธิพล
ต่อการเจรจาและรวมไปถึงปัจจัยที่มองไม่เห็นอีกด้วย เช่น หนทางก้าวหน้าของผู้
เจรจา(หากเจรจาดีหรือไม่ดี)