More Related Content
Similar to บทที่10พฤติกรรมสัตว์
Similar to บทที่10พฤติกรรมสัตว์ (20)
บทที่10พฤติกรรมสัตว์
- 3. พฤติก รรม
(Behavior)
การตอบสนองของสิ่ง มี
ชีว ิต ต่อ การเปลี่ย นแปลงของ
สภาพแวดล้อ ม ทั้ง ภายนอก
Gene
Behavior
ร่า งกาย และภายในร่า งกาย
Environment
เพื่อ การอยู่ระบบประสาทและฮอร์โมนเป็นตัว
* โดยมีร
อด
ควบคุม
- 4. สรุป
พฤติก รรมของสัต ว์
เป็น ผลจากการ
ทำา งานร่ว มกัน
ระหว่า งปัจ จัย ทาง
พัน ธุก รรมและสภาพ
- 5. Gene - ควบคุม พฤติก รรม
ซึง พัฒ นาให้เ หมาะสมกับ
่
สภาพแวดล้อ มโดย
Natural selection
- ควบคุม ระดับ การ
เจริญ ของ
ระบบประสาท
- 6. ตัว อย่า ง : งู (Garter
snake)
- พวกอยู่บ นบกไม่
กิน ทาก
- พวกอยูใ กล้ช ายฝัง
่ Experi
Environment ่
กิน ทาก Stimul
ence
us
- 7. ขั้น ตอนการเกิด
พฤติก รรม :
Integrated
Stimulus Recepter
(สิง เร้า )
่ Center
(หน่ว ยรับ
ความรู้ส ก )
ึ (สมอง,
ไขสัน หลัง )
คำา สั่ง
Behavior Effector
(หน่ว ยตอบ
สนอง)
- พฤติก รรมจะสลับ ซับ ซ้อ นมากหรือ
น้อ ยขึ้น กับ ระดับ การเจริญ ของปัจ จัย
- 9. อธิบาย
แสดงพฤติก รรมออกมา แสดงพฤติก รรมออกมา
เหตุจ ง ใจสูงตัว กระตุ้น ปลดปล่อ ยตำ่า
ู เหตุจ ง ใจตำ่า ว กระตุ้น ปลดปล่อ ยสูง
ู ตั
- 10. ประเภทพฤติกรรม(behavior)
พฤติกรรม
พฤติก รรมที่ม ีม าแต่ก ำา เนิรรมที่เ กิด จากการเรีย นรู้
พฤติก ด
โทรปริซ ึม การฝัง ใจ
ไคเนซีส ความเคยชิน
แทกซีส การมีเ งือ นไข
่
รีแ ฟลกซ์ การลองผิด ลองถูก
รีแ ฟลกซ์ต ่อ เนือ ง
่ การใช้เ หตุผ ล
- 11. พฤติก รรมจำา แนกได้อ อก
เป็น 2 ชนิด ใหญ่ ๆ คือ
(โดยแสดงพฤติก รรมออกมาได้
ในช่ว งชีว ิต ของสิ่ง มีช ว ิต )
ี
1. Innate Behavior :
พฤติก รรมที่ม ีม าแต่ก ำา เนิด และ
ไม่เ ปลี่ย นแปลง
2. Learned Behavior :
- 12. Innate Behavior
(Autometic responses to
the environment)
เป็น พฤติก รรมง่า ย ๆ มี
ลัก ษณะเฉพาะตัว ทีใ ช้ใ นการตอบ
่
สนองต่อ สิ่ง เร้า ชนิด ใดชนิด หนึง่
และพฤติก รรมนี้ส ัต ว์ใ น species
เดีย วกัน จะตอบสนองต่อ สิ่ง เร้า
อย่า งหนึ่ง เหมือ นกัน (Fixed -
- 13. 1. Orientation :
พฤติก รรมการวางตัว ของ
สัต ว์ซ ง จะเกีย วข้อ งกับ
ึ่ ่
การเคลือ นที่แ บ่ง ได้ 2 แบบ
่
1.1 Kinesis พฤติก รรม
การเคลือ นที่โ ดย
่
ตอบสนองต่อ สิ่ง เร้า ด้ว ยการ
เคลื่อ นทีห นีห รือ เข้า หา
่
โดยไม่ม ท ศ ทางี ิ
- 14. • การเคลื่อนที่ของพารามีเซียมหนีออกจาก
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
• พฤติกรรมการเคลื่อนทีของแมลงสาบในที่
่
โล่ง
• พฤติกรรมการเคลื่อนทีของตัวกุ้งเต้น(wood
่
lice)เมื่อความชื้นน้อยลง
• การเคลื่อนที่เข้าหาแสงของยูกลีนา
* เชือ ว่า ไคนีซ ีส พัฒ นาการเป็น
่
พฤติก รรมการลองผิด ลองถูก
- 16. 1.2 Taxis พฤติก รรมการ
เคลื่อ นทีเ ข้า หาสิ่ง เร้า
่
อย่า งมีท ิศ ทางที่แ น่น อน
เช่น หนอนแมลงวัน , เห็บ ,
ยุง
- สัต ว์จ ะต้อ งมี Sensory
receptor ทีเ หมาะสมกับ สิ่ง เร้า
่
- ช่ว ยให้ใ ห้ส ัต ว์ห าตำา แหน่ง ของ
- 17. • การบินเข้าหาแสงไฟของแมลงดานาในเวลา
กลางคืน
• การเคลื่อนที่หนีแสงสว่าง แต่เข้าหาความมืด
ของหนอนแมลงวัน
• การเคลื่อนที่เข้าหาแสงสว่างของเห็บ(Ixodes
ricinus)
• การเคลื่อนที่ของพลานาเรียเข้าหาแสงและ
เข้าหาอาหาร
• การเคลื่อนที่เข้าหาหรือออกจากวัตถุ โดย
ใช้แสงเป็นเข็มทิศ ยกตัวอย่างเช่นผึ้ง มด
โดยใช้ดวงอาทิตย์เป็นเข็มทิศ
- 21. พฤติกรรมแบบรีแฟลกซ์ (Reflex arcs)
ตอบสนองสิง เร้า
่ 1. การกระพริบ ตา
-รวดเร็ว 2. การกระตุก เท้า หนีต ะปู
-หลีก เลี่ย งอัน ตราย 3. การกระตุก หัว เข่า
-ส่ว นใดส่ว นหนึง ของ
่ 4. การบิด ตัว หนีป ลายเข็ม
ร่า งกาย ของไส้เ ดือ น
-เกีย วข้อ งกับ ระบบ
่ สาระสำา คั5. การไอการจามของคน
ญ
ประสาทส่ว นกลาง
- พบในสัต ว์แ ทบทุก ชนิด รวมทั้ง คน
ด้ว ย
- พฤติก รรมที่เ กี่ย วข้อ งกับ ระบบ
ประสาท
- 22. พฤติกรรมแบบรีแฟลกต่อ
เนือง(chain of reflexes)
่
• มีแบบแผนแน่นอนในสัตว์แต่ละสปีชีส์
• มีผลมาจากกรรมพันธุ์ มากกว่าสิ่งแวดล้อม
• เกิดจาก simple reflex + simple reflex
* เป็นพฤติกรรมทีเกิดจากรีแฟลกซ์สามารถไป
่
กระตุ้นรีแฟลกซ์อื่นๆของระบบประสาทให้ทำางาน
ทำาให้เกิดพฤติกรรย่อยๆหลายพฤติกรรม
- 23. • การสร้างรังของนก
• การชักใยของแมงมุม
• การแทะมะพร้าวของกระรอก
• การฟักไข่และการเลี้ยงลูกอ่อนของไก่
• พฤติกรรมการเกี้ยวพาราสีของสัตว์
• การปกป้องอาณาบริเวณทีได้รับการคุ้มครองของ
่
กิ้งก่า
• การสร้างปลอกหุมไขของแมงมุม
้
• การสร้างรังและหาอาหารมาไว้ในรังของพวกต่อ
และหมาล้า
• การดูดนมของทารกการค้นหาหัวนมของแม่และการ
ดูดนมของลูกปลาวาฬ
• การเต้นรำาของผึ้ง
• การนำาไข่กลับรังของห่านเกรย์แลก
- 24. การชักใยของ
แมงมุม
การสร้างรังของ
การใช้ลิ้นตวัดจับแมง นก
- 26. การนำา ไข่ก ลับ รัง ของ
ห่า นเกรย์แ ลก
การเกี้ยวพาราสีของปลาสติก
เกิลสามหนาม
- 28. Learned Behavior
Learning เป็น การเพิ่ม
fitness (การอยู่ร อดและ
สืบ พัน ธุ์) ให้แ ก่ส ัต ว์
พฤติก รรมที่ต ้อ งอาศัย
ประสบการณ์ท ี่ม ีใ นอดีต มา
ปรับ ปรุง ในพฤติก รรมที่เ กิด ขึ้น
- 29. 1. Imprinting (ความฝัง ใจ):
การเรีย นรู้ท จ ำา กัด โดยเวลา
ี่
เป็น พฤติก รรมทีส ัต ว์ส ามารถ
่
จดจำา และผูก พัน กับ แม่ห รือ พ่อ ได้
พฤติก รรมความฝัง ใจนีจ ะ ้
เป็น การทำา งานร่ว มกัน ระหว่า ง
กรรมพัน ธุ์แ ละการเรีย นรู้ โดย
กรรมพัน ธุ์จ ะเป็น ตัว กำา หนดช่ว ง
เวลาทีจ ำา เป็น ซึง จะเกิด ความ
่ ่
- 31. • การเดินตามวัตถุแรกที่เคลื่อนที่ได้และส่ง
เสียงได้ของลูกสัตว์ เช่น ลูกนก ลูกห่าน
ลูกวัว ลูกควาย หลังจากฝักออกจากไข่หรือ
หลังคลอดแล้ว และเดินได้แล้ว
• การฝังใจต่อกลิ่นต่อพืชชนิดหนึ่งที่แมลงหวี่
ฟักออกจากไข่ที่แม่แมลงหวี่วางไข่ทิ้งไว้
• การฝังใจที่เกิดจากการได้ยินเสียงของลูกเป็ด
• การฝังใจที่เกิดจากกลิ่นในปลาแซลมอน
• การผสมพันธุ์ของสัตว์ในสปีชส์เดียวกัน
ี
• การเกี้ยวพาราสีของนกในต่างสปีชีส์
• การเดินไปกอดวัตถุที่อ่อนนุ่มและมีขวดนม
ของลูกลิงชิมแพนซี
- 32. 2. Habituation (ความ
เคยชิน )
เป็น การลดภาระการ
ตอบสนองของสัต ว์ ทำา ให้
ประหยัด พลัง งาน
พฤติก รรมทีส ัต ว์เ พิก
่
เฉยที่จ ะตอบสนองต่อ สิง เร้า่
ที่ มิไ ด้ม ผ ลต่อ การดำา รง
ี
ชีว ิต เมือ ได้ร บ การกระตุ้น
่ ั
- 34. • การหลบของลูกนก ต่อสิงที่บินอยู่เหนือหัว
่
• การหนีของกา ที่มต่อหุ่นไล่กา
ี
• กบที่เลี้ยงไว้ในบ่อ
• สุนขที่เลี้ยงไว้ในบ้าน ที่ใกล้สนามบิน
ั
• ในเวลาสงคราม เมื่อมีการเปิดสัญญานเตือน
ภัย
• นกที่สร้างรังอยู่ริมถนน หรือหากินตามแหล่ง
ถนน
• การฝ่าสัญญาไฟแดงของนักขับรถ
• การกินอาหารสุกๆ ดิบๆ
• การที่คางคกตวัดลิ้นจับแมลงทุกชนิดที่ผ่าน
หน้า
- 35. 3.Conditioning (การเรีย นรู้
แบบมีเ งื่อ นไข)
เป็น พฤติก รรมที่ส ิ่ง เร้า ตัว
หนึ่ง เข้า แทนสิ่ง เร้า ที่ แท้จ ริง
ตัว ่ง เร้า เดิม ) แล้ว ้อ (ก นำา ให้เ กิIด
(สิ อย่า ง หมา + เนืชั Stimulus )
การตอบสนอง ่งชนิด เดีย วกัน
นำ้า ลายไหลเนื้อ ( Stimulus
หมา + เสีย งกระดิ +
II ) นำ้า ลายไหล
หมา + เสีย งกระดิ่ง
นำ้า ลายไหล
- 39. • การที่เด็กไม่กินผักสีเขียวหั่นฝอยที่โรยบน
อาหาร เพราะคิดว่าเป็นต้นหอมที่เขาไม่กิน
• การฝึกสัตว์ให้แสดงพฤติกรรมที่เราต้องการ
โดยการให้รางวัลและการลงโทษ
• การเห็นภาพวิวทิวทัศน์แล้วทำาให้เกิดความ
สุข
• การได้ยินคำาว่า มะม่วง หรือ มะยมแล้วทำาให้
เกิดนำ้าลายไหล
• การฝึกหนูให้กระโดดหนีเมื่อหลอดไฟสว่าง
- 40. 4. Trial and Error : (การลอง
ผิด ลองถูก )
ซับ ซ้อ นมากกว่า
Habituation
เป็น พฤติก รรมที่ส ัต ว์
แสดงออกโดยบัง เอิญ
แล้ว ถ้า ได้ร างวัล ก็จ ะชัก นำา ให้
ทำา พฤติก รรมเช่น นั้น อีก :
การตอบสนอง (Response) ถูก
- 42. 5. Insight Learning (การ
รู้จ ัก ใช้เ หตุผ ล) :
เกิด ในพวก Primates
เป็น พฤติก รรมทีม ีก าร
่
ดัด แปลงมาจากการลองผิด ลอง
ถูก โดยการเรีpattern จ ะเกิด ขึInsight
สรุป Fixed-action ย นรู้น ี้ ้น
อย่า งรวดเร็ว โดยสัต ว์ต อบสนอง
(Innate) (Learned)
ได้ถ ูก ต้อ งเลยในครั้ง แรก
มีเ ป้า หมาย เพิ่ม โอกาส
อยู่ร อด + โอกาสสืบ พัน ธุ์
- 45. พฤติก รรมทางสัง คม
Communication
1. Sound (การสือ สารโดยใช้เ สีย ง )
่
เสีย งของสัต ว์ใ ช้ใ นการ
ติด ต่อ สื่อ สารระหว่า งกัน และก่อ
ให้เ กิด การตอบสนองถือ ว่า
เป็น การเรีย นรู้อ ย่า งหนึ่ง
- 47. การสื่อสารด้วยเสียงมีจุดมุ่งหมาย
คล้ายกันดังนี้
1. ใช้ในการบอกชนิดสัตว์ ซึ่งอยู่ใน
สปีชสเดียวกัน
ี ์
2. ใช้บอกเพศว่าเป็นเพศผู้หรือเพศ
เมีย
3. บอกตำาแหน่งตนเองให้ทราบว่าอยู่
จุดใด
4. เป็นการประกาศเขตแดนให้สตว์ ั
- 48. เสียงมีความหมายที่แตกต่างกัน
ออกไปคือ
1. เสียงเรียกติดต่อ (contact calls)
2. เสียงเรียกเตือนภัย (warning calls)
3. เสียงเรียกคู่ (mating calls)
4. เสียงเรียกกำาหนดสถานที่ของ
วัตถุ (echolocation)
- 50. การสื่อสารของผึ้ง
1. การเต้นรำา
* แบบวงกลม (round dance)
- อาหารอยู่ใกล้ ประมาณ 50 เมตร ไม่เกิน
80 เมตร
* แบบเลข 8 (wagging dance)
- อาหารอยู่ไกล เกิน 80 เมตร ขึ้นไป
2. การส่ายท้อง
- อาหารอยู่ไม่ไกล อัตราการเต้นรำาแบบส่าย
ท้องจะเร็วและสั้น
- 52. ฟีโรโมน (pheromone)
• ฟีโรโมนที่ทำาให้เกิดพฤติกรรมทันที(releaser
pheromone) เช่นสารดึงดูดเพศตรงข้าม ได้แก่ ฟี
โรโมนที่ผีเสือไหมตัวเมียปล่อยออกมาเพื่อดึงดูด
้
ความสนใจของผีเสือตัวผู้
้
• ฟีโรโมนที่ไม่ทำาให้เกิดพฤติกรรมทันที(primer
pheromone) เช่น ฟีโรโมนของหนูตัวผูปล่อยออก
้
มาชักนำาให้หนูตัวเมีย เป็นสัดและพร้อมที่จะผสม
พันธุ์
- 53. ประเภทฟีโรโมน
• ฟีโรโมนเพศ (sex pheromone) เช่น ผีเสื้อ
ไหม
• ฟีโรโมนปลุกระดม (aggregation pheromone)
เช่นด้วงที่ทำาลายเปลือกไม้
• ฟีโรโมนเตือนภัย (alarm pheromone) เช่น
ผึง
้
• ฟีโรโมนตามรอย (trail pheromone) เช่น
สุนขั
• ฟีโรโมนนางพณา (queen-substance
- 55. Communication
5. luminous Communication
(การสือ สารโดยใช้ร หัส แสง )
่
ตัว อย่า ง สัต ว์ท อ าศัย อยู่
ี่
ในทะเลลึก และหิ่ง ห้อ ยโดยเกิด
กระบวนการ bioluminescence
Luciferin (L) + O
Luciferase (E)
E-L E + L + hv (แสง)
ดัง นี้
2
Editor's Notes
- supreecha swpy 2006
- supreecha swpy 2006
- supreecha swpy 2006
- supreecha swpy 2006