More Related Content
Similar to พฤติกรรมสัตว์ .pdf (20)
More from ssusera700ad (9)
พฤติกรรมสัตว์ .pdf
- 1. What’s Behavior ?
Gene
Environment
Behavior
พฤติกรรม เป็นการตอบสนองของสิ่งมีชีวิตต่อการเปลี่ยนแปลง
ของสภาพแวดล้อม ทั้งภายนอกร่างกาย และภายในร่างกายเพื่อ
การอยู่รอด
สรุป : พฤติกรรมของสัตว์เป็นผลจากการทางานร่วมกันระหว่าง
ปัจจัยทางพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
2
- 9. พฤติกรรมจาแนกได้ออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
(โดยแสดงพฤติกรรมออกมาได้ในช่วงชีวิตของสิ่งมีชีวิต)
1. Innate Behavior : พฤติกรรมที่มีมาแต่กาเนิด
และไม่เปลี่ยนแปลง
2. Learned Behavior : พฤติกรรมที่เกิดจากการ
เรียนรู้ ปรับเปลี่ยนได้ขึ้นกับ Experience ในช่วงชีวิต
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
10
- 11. Innate Behavior
(Automatic responses to the environment)
เป็นพฤติกรรมง่ำย ๆ มีลักษณะเฉพำะตัวที่ใช้ในกำรตอบสนอง
ต่อสิ่งเร้ำชนิดใดชนิดหนึ่ง และพฤติกรรมนี้สัตว์ใน species
เดียวกันจะตอบสนองต่อสิ่งเร้ำอย่ำงหนึ่งเหมือนกัน
(Fixed action pattern = FAP)
- พฤติกรรมนี้ได้มำจำกกรรมพันธุ์เท่ำนั้น ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้มำก่อน
- พบในสัตว์ชั้นต่ำซึ่งมีระบบประสำทยังไม่เจริญดี เช่น Protozoa
ตัวอย่าง : กำรกลืนอำหำร, กำรตวัดลิ้นจับแมลง
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
12
- 15. 1. Orientation
เป็นพฤติกรรมการวางตัวของสัตว์ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่
แบ่งได้ 2 แบบ คือ kinesis กับ taxis
1.1 Kinesis พฤติกรรมการเคลื่อนที่โดยตอบสนองต่อสิ่งเร้า
ด้วยการเคลื่อนที่หนีหรือเข้าหาโดยไม่มีทิศทาง
การเคลื่อนที่ของพารามีเซียมหนีออกจาก CO2 หรืออุณหภูมิสูง หรือเข้าหากรดอ่อน
พฤติกรรมการเคลื่อนที่ของแมลงสาบในที่โล่ง
พฤติกรรมการเคลื่อนที่ของตัวกุ้งเต้น (wood lice) เมื่อความชื้นน้อยลง
การเคลื่อนที่เข้าหาแสงของยูกลีนา
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
16
- 19. - สัตว์จะต้องมี Sensory
receptor ที่เหมาะสมกับสิ่งเร้า
- ช่วยให้ให้สัตว์หาตาแหน่ง
ของบ้านได้ถูกต้อง
การเคลื่อนที่เข้าหาหรือหนีออกจากแรงดึงดูดโลกของวงชีวิตผีเสื้อ
การเคลื่อนที่เข้าหาหรือหนีออกจากเสียง(phonotaxis) เข้าหาได้แก่จิ้งหรีดและ
หนีได้แก่ผีเสื้อหนีเสียงอุลต้าโซนิค
การที่กบตัวเมียว่ายน้าเข้าหาเสียงกบตัวผู้เพื่อผสมพันธุ์
การบินเข้าหาแสงสว่างของแมลงเม่า
การบินของค้างคาวเข้าหาแหล่งอาหาร
ลูกไก่วิ่งเข้าหาเสียงร้องของแม่ไก่
ผีเสื้อกลางคืนบินเข้าหาแสง
ท่าการว่ายน้าของปลา
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
20
- 23. 2. พฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์ (REFLEX ARCS)
เป็นรูปแบบการตอบสนองสิ่งเร้าที่
สาระสาคัญ
- พบในสัตว์แทบทุกชนิด รวมทั้งคนด้วย
- พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
- ไม่ต้องมีการเรียนรู้
1. การกระพริบตา
2. การกระตุกเท้าหนีตะปู
3. การกระตุกหัวเข่า
4. การบิดตัวหนีปลายเข็มของ
ไส้เดือนดิน
5. การไอการจามของคน
-รวดเร็ว
-หลีกเลี่ยงอันตราย
-ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
-เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
ส่วนกลาง
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
24
- 24. 3. พฤติกรรมรีเฟลกซ์แบบต่อเนื่อง
(CHAIN OF REFLEXES)
* เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากรีเฟลกซ์สามารถไปกระตุ้นรีเฟลกซ์อื่นๆ ของ
ระบบประสาทให้ทางานทาให้เกิดพฤติกรรมย่อยๆ หลายพฤติกรรม
มีแบบแผนแน่นอนในสัตว์แต่ละสปีชีส์
มีผลมาจากกรรมพันธุ์ มากกว่าสิ่งแวดล้อม
เกิดจาก simple reflex + simple reflex+…
รีเฟล็กซ์แบบต่อเนื่อง อาจเรียกว่า สัญชาตญาณ
(Instinct)
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
25
- 25. การสร้างรังของนก
การชักใยของแมงมุม
การแทะมะพร้าวของกระรอก
การฟักไข่และการเลี้ยงลูกอ่อนของไก่
พฤติกรรมการเกี้ยวพาราสีของสัตว์
การปกป้องอาณาบริเวณที่ได้รับการคุ้มครองของกิ้งก่า
การสร้างปลอกหุ้มไข่ของแมงมุม
การสร้างรังและหาอาหารมาไว้ในรังของพวกต่อและหมาล่า
การดูดนมของทารกการค้นหาหัวนมของแม่และการดูดนมของลูกวาฬ
การเต้นราของผึ้ง
การนาไข่กลับรังของห่านเกรย์แลก
การจาศีลของสัตว์ เช่น กบและหมีขั้วโลก และการอพยพย้ายถิ่นของสัตว์
การกาสิ่งของในมือเด็ก
การใช้ลิ้นตวัดจับแมลงของคางคก
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
26
- 30. สาระสาคัญของ chain of reflexes
- สามารถดารงชีวิตและดารงเผ่าพันธุ์ไว้ได้
- สามารถแสดงพฤติกรรมออกมาได้ แม้จะเลี้ยงแยก species
- เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมและประสบการณ์
- แมลงมีพฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์ต่อเนื่องมากที่สุด
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
31
- 38. “Father of Behavior”
ดร.คอนรำด ลอเรนซ์ (Dr. Konrad
Lorenz)
(born Nov. 7, 1903, Vienna, Austria—
died Feb. 27, 1989, Altenburg)
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
39
- 40. การเดินตามวัตถุแรกที่เคลื่อนที่ได้และส่งเสียงได้ของลูกสัตว์ เช่น ลูกนก ลูกห่าน ลูกวัว ลูกควาย
หลังจากฝักออกจากไข่หรือหลังคลอดแล้ว และเดินได้แล้ว
การฝังใจต่อกลิ่นต่อพืชชนิดหนึ่งที่แมลงหวี่ฟักออกจากไข่ที่แม่แมลงหวี่วางไข่ทิ้งไว้
การฝังใจที่เกิดจากการได้ยินเสียงของลูกเป็ด
การฝังใจที่เกิดจากกลิ่นในปลาแซลมอน
การผสมพันธุ์ของสัตว์ในสปีชีส์เดียวกัน
การเกี้ยวพาราสีของนกต่างสปีชีส์
การเดินไปกอดวัตถุที่อ่อนนุ่มและมีขวดนมของลูกลิงชิมแพนซี
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
41
- 63. 2. Visual Signal Communication
: การสื่อสารโดยใช้ท่าทาง
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
64
- 71. การสื่อสารของผึ้ง : BEE LANGUAGE
1. การเต้นรา
* แบบวงกลม (round dance)
- อาหารอยู่ใกล้ ประมาณ 50 เมตร ไม่เกิน 80 เมตร
* แบบเลข 8 (wagging dance)
- อาหารอยู่ไกล เกิน 80 เมตร ขึ้นไป
2. การส่ายท้อง
- อาหารอยู่ไม่ไกล อัตราการเต้นราแบบส่ายท้องจะเร็วและสั้น
- อาหารอยู่ไกล อัตราการเต้นราแบบส่ายท้องจะช้าและนาน
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
72
- 77. ฟีโรโมน (PHEROMONE)
1. ฟีโรโมนที่ทาให้เกิดพฤติกรรมทันที (releaser pheromone)
เช่น สารดึงดูดเพศตรงข้าม ได้แก่ ฟีโรโมนที่ผีเสื้อไหมตัวเมีย
ปล่อยออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของผีเสื้อไหมตัวผู้
2. ฟีโรโมนที่ไม่ทาให้เกิดพฤติกรรมทันที (primer pheromone)
เช่น ฟีโรโมนของหนูตัวผู้ปล่อยออกมา ชักนาให้หนูตัวเมียเป็นสัด
และพร้อมที่จะผสมพันธุ์
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
78
- 78. ประเภทฟีโรโมน
ฟีโรโมนเพศ (sex pheromone) เช่น ผีเสื้อไหม
ฟีโรโมนปลุกระดม (aggregation pheromone) เช่น
ด้วงที่ทาลายเปลือกไม้
ฟีโรโมนเตือนภัย (alarm pheromone) เช่น ผึ้ง
ฟีโรโมนตามรอย (trail pheromone) เช่น สุนัข
ฟีโรโมนนางพณา (queen-substance pheromone)
เช่น แมลงสังคม ได้แก่ มด ผึ้ง ต่อ แตน ปลวก
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
79
- 80. เช่น สัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก และหิ่งห้อย โดยเกิด
กระบวนการ bioluminescence ดังนี้
Luciferin (L) + O2
Luciferase (E)
E - L E + L + hv (แสง)
5. luminous Communication
: การสื่อสารโดยใช้รหัสแสง
จัดทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล
81