SlideShare a Scribd company logo
1 of 34
คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4รหัสวิชำ ว 31221
วิชำเคมี 1จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์
เวลำ 60 ชั่วโมง/ปี จำนวน 1.5 หน่วยกิต
คำอธิบำยรำยวิชำ
ศึก ษ ำ ข้อ ป ฏิบัติเ บื้ อ ง ต้ น ใ น ก ำ ร ท ำ ป ฏิบัติ ก ำ ร เ ค มี
ก ำ ร เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ เ ค รื่ อ ง มื อ ใ น ก ำ ร ท ำ ป ฏิบัติ ก ำ ร
ก ำ ร ร ะ บุ ห น่ ว ย วั ด ป ริ ม ำ ณ ต่ ำ ง ๆ ข อ ง ส ำ ร
กำรเปลี่ยนหน่วยในระบบเอสไอด้วยกำรใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
ศึก ษ ำ แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม สัญ ลัก ษ ณ์ นิ ว เ ค ลี ย ร์ ข อ ง ธ ำ ตุ
อนุภำคมูลฐำนของอะต อม กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในอ ะต อม
ก ำ ร จั ด เ รี ย ง ธ ำ ตุ ใ น ต ำ ร ำ ง ธ ำ ตุ
แนวโน้มสมบัติบำงประกำรของธำตุในตำรำงธำตุตำมหมู่และตำมคำบ
ส ม บั ติ ข อ ง ธ ำ ตุ โ ล ห ะ แ ท ร น ซิ ชั น
กำรเปรียบเทียบสมบัติกับธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรีเซนเททีฟ
ศึกษำและอธิบำยสมบัติและคำนวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี
ย ก ตั ว อ ย่ ำ ง ก ำ ร น ำ ธ ำ ตุ ม ำ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์
ร ว ม ทั้ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ สิ่ ง มี ชี วิ ต แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม
ศึกษำกำรเกิดพันธะไอออนิก สูตรและกำรเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก
กำรเปลี่ย นแปลงพ ลังงำนในกำรเกิด สำรประกอบไอออนิ ก
สมบัติของสำรประกอบไอออนิก ปฏิกิริยำของสำรประกอบไอออนิก
ศึ ก ษ ำ ก ำ ร เ กิ ด พั น ธ ะ แ ล ะ ช นิ ด ข อ ง พั น ธ ะ โ ค เ ว เ ล น ต์
ก ำ ร เ ขี ย น สู ต ร แ ล ะ เ รี ย ก ชื่ อ ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์
ค ว ำ ม ย ำ ว พัน ธ ะ แ ล ะ พ ลัง ง ำ น พัน ธ ะ ใ น ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์
พ ลัง ง ำ น ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กับ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ข อ ง ส ำ ร โ ค เ ว - เ ล น ต์
รูปร่ำงโมเลกุลโค เวเลนต์ สภำพ ขั้วข องโมเลกุลโค เวเลนต์
แ ร ง ยึ ด เ ห นี่ ย ว ร ะ ห ว่ ำ ง โ ม เ ล กุ ล โ ค เ ว เ ล น ต์
ส ม บั ติ ข อ ง ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ โ ค ร ง ร่ ำ ง ต ำ ข่ ำ ย
ศึกษำกำรเกิดโลหะและสมบัติของโลหะ
โด ย ใช้กำรเรีย นรู้ด้วย กระบวน กำร ทำงวิทย ำศ ำ ส ต ร์
ก ำ ร สื บ เ ส ำ ะ ห ำ ค ว ำ ม รู้ ก ำ ร ส ำ ร ว จ ต ร ว จ ส อ บ
สำมำรถนำค วำมรู้และห ลักกำร ไปใช้ป ระโย ช น์ เชื่ อมโย ง
อ ธิ บ ำ ย ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ห รื อ แ ก้ปัญ ห ำ ใ น ชี วิต ป ร ะ จ ำ วัน
สำมำรถจัด กระทำแล ะวิเค รำะห์ข้อมู ล สื่อสำรสิ่งที่เรีย น รู้
มีค วำมสำมำรถในกำรตัด สินใจแก้ปัญห ำ มีจิต วิทย ำศำสตร์
เ ห็ น คุ ณ ค่ ำ ข อ ง วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ มี จ ริ ย ธ ร ร ม
คุณธรรมและค่ำนิยมที่เหมำะสม
ผลกำรเรียนรู้
1. บอกและอธิบำยข้อปฏิบัติเบื้องต้น
และปฏิบัติตนที่แสดงถึงควำมตระหนักในกำรทำปฏิบัติกำรเคมีเพื่อให้มี
ควำมปลอดภัยทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม
และเสนอแนวทำงแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
2. เลือกและใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือในกำรทำปฏิบัติกำร
และวัดปริมำณต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม
3. นำเสนอแผนกำรทดลอง ทดลอง และเขียนรำยงำนกำรทดลอง
4. ระบุหน่วยวัดปริมำณต่ำง ๆ ของสำร
และเปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยกำรใช้แฟกเตอร์เป
ลี่ยนหน่วย
5. สืบค้นข้อมูลสมมติฐำน กำรทดลอง
หรือผลกำรทดลองที่เป็นประจักษ์พยำนในกำรเสนอแบบจำลองอะตอมข
องนักวิทยำศำสตร์ และอธิบำยวิวัฒนำกำรของแบบจำลองอะตอม
6. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุ และระบุจำนวนโปรตอน
นิวตรอน
และอิเล็กตรอนของอะตอมจำกสัญลักษณ์นิวเคลียร์รวมทั้งบอกควำมหม
ำยของไอโซโทป
7. อธิบำยและเขียนกำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำนหลัก
และระดับพลังงำนย่อยเมื่อทรำบเลขอะตอมของธำตุ
8. ระบุหมู่ คำบ ควำมเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ
ของธำตุเรพรีเซนเททีฟ และธำตุแทรนซิชันในตำรำงธำตุ
9.
วิเครำะห์และบอกแนวโน้มสมบัติของธำตุเรพรีเซนเททีฟตำมหมู่และตำ
มคำบ
10. บอกสมบัติของธำตุโลหะแทรนซิชัน
และเปรียบเทียบสมบัติกับธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรีเซนเททีฟ
11. อธิบำยสมบัติและคำนวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี
12. สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่ำงกำรนำธำตุมำใช้ประโยชน์
รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
13. อธิบำยกำรเกิดไอออนและกำรเกิดพันธะไอออนิก
โดยใช้แผนภำพ หรือสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส
14. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก
15.
คำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกจำ
กวัฏจักรบอร์น-ฮำเบอร์
16. อธิบำยสมบัติของสำรประกอบไอออนิก
17. เขียนสมกำรไอออนิก
และสมกำรไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยำของสำรประกอบไอออนิก
18. อธิบำยกำรเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่
และพันธะสำม ด้วยโครงสร้ำงลิวอิส
19. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์
20. วิเครำะห์และเปรียบเทียบควำมยำวพันธะ
และพลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์
รวมทั้งคำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำของสำรโคเวเลนต์จำกพลั
งงำนพันธะ
21.
คำดคะเนรูปร่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีกำรผลักระหว่ำงคู่อิเล็ก
ตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุสภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
22. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์
และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดือด
และกำรละลำยน้ำของสำรโคเวเลนต์
23.
สืบค้นข้อมูลและอธิบำยสมบัติของสำรโคเวเลนต์โครงร่ำงตำข่ำยชนิดต่ำ
ง ๆ
24. อธิบำยกำรเกิดพันธะโลหะและสมบัติของโลหะ
25. เปรียบเทียบสมบัติบำงประกำรของสำรประกอบไอออนิก
สำรโคเวเลนต์ และโลหะ
สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่ำงกำรใช้ประโยชน์ของสำรประกอบไออ
อนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะได้อย่ำงเหมำะสม
รวม 25 ผลกำรเรียนรู้
โครงสร้ำงรำยวิชำ
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4รหัสวิชำ ว 31221
วิชำเคมี 1จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์
เวลำ 60 ชั่วโมง/ปี จำนวน 1.5 หน่วยกิต
สำระสำค
สดงถึงควำมตระหนักในกำรทำป
อื่นและสิ่งแวดล้อม
กำร และวัดปริมำณต่ำงๆ
นกำรทดลอง
ยกำรใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
- กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องคำนึงถึงควำมปลอดภัย ควำมถูกต้อง และ
- กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องมีกำรเลือกและใช้อุปกรณ์ในกำรทำปฏิบัต
จึงมีกำรกำหนดหน่วยในระบบเอสไอให้เป็นหน่วยสำกล
แบบ
- นักวิทยำศำสตร์ศึกษำโครงสร้ำงของอะตอม และเสนอแบบจำลองอ
กำรตั้งสมมติฐำน และผลกำรทดลองสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุปร
สำระสำค
นำกำรของแบบ จำลองอะตอม
นโปรตอน นิวตรอน
วมทั้งบอก
ังงำนหลัก
ของธำตุเรพรีเซนเททีฟ
นเททีฟตำมหมู่และตำมคำบ
รีเซนเททีฟ
ัมมันตรังสี
ยชน์
- อิเล็กตรอนจัดเรียงอยู่รอบๆ นิวเคลียสในระดับพลังงำนหลักต่ำง ๆ
- ตำรำงธำตุในปัจจุบันจัดเรียงธำตุตำมเลขอะตอม และสมบัติที่คล้ำย
- ธำตุเรพรีเซนเททีฟมีสมบัติทำงเคมีคล้ำยคลึงกันตำมหมู่
– ธำตุแทรนซิชันเป็นโลหะ มีขนำดอะตอมใกล้เคียงกัน มีจุดเดือด จุด
เมื่อเกิดเป็นสำรประกอบส่วนใหญ่จะมีสี
- ธำตุกัมมันตรังสีเป็นธำตุที่ทุกไอโซโทปสำมำรถแผ่รังสีได้
โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีเป็นระยะเวลำที่ไอโซโทปกัม
- สมบัติบำงประกำรของธำตุแต่ละชนิด ทำให้สำมำรถนำธำตุไปใช้ป
โดยใช้แผนภำพ
ระกอบไอออนิกจำกวัฏจักรบอร์น
งปฏิกิริยำของสำร
พันธะคู่ และพันธะสำม
ลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์
รโคเวเลนต์จำกพลังงำนพันธะ
งเวเลนซ์
เลนต์
ำยน้ำของสำรโคเวเลนต์
- กำรเกิดพันธะเคมีส่วนใหญ่เป็นไปตำมกฎออกเตต
- พันธะไอออนิกเกิดจำกกำรยึดเหนี่ยวระหว่ำงประจุไฟฟ้ำของไอออ
-
สำรประกอบไอออนิกเขียนแสดงสูตรเคมีโดยใช้สัญลักษณ์ธำตุที่เป็
นลบ และมีตัวเลขแสดงอัตรำส่วนอย่ำงต่ำของจำนวนไอออน
- กำรเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิกให้เรียกชื่อไอออนบวกตำมด้วยช
- ปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกแสดงได้ด้วยวัฏจักรบอร์น-ฮ
- สำรประกอบไอออนิกส่วน ใหญ่เป็นของแข็ง มีจุดเดือดและจุด
แต่เมื่อหลอมเหลวหรือละลำยน้ำจะนำไฟฟ้ำได้ และสำรละลำยของ
- พันธะโคเวเลนต์เกิดจำกใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกันของอโลหะ
- โดยทั่วไปสูตรโมเลกุลของ สำรโคเวเลนต์เขียนแสดงด้วนสัญลักษ
และมีตัวเลขแสดงจำนวนอะตอมของธำตุที่มีมำกกว่ำ 1 อะตอม
และกำรเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ทำได้โดยเรียกชื่อธำตุที่อยู่หน้ำก่อนแ
และมีคำนำหน้ำระบุจำนวนอะตอมของธำตุ
สำระสำค
ต์โครงร่ำงตำข่ำยชนิดต่ำง ๆ
อออนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะ
งสำรประกอบไอออนิก
- ควำมยำวพันธะและ
พลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ขึ้นกับชนิดของอะตอมคู่ร่วมพันธะ
- รูปร่ำงของโมเลกุลโคเวเลนต์ ขึ้นอยู่กับจำนวนพันธะและจำนวนอ
และสภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์เป็นผลรวมปริมำณเวกเตอร์สภ
- แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำง โมเลกุลมีผลต่อจุดหลอมเหลว จุดเดือด
โดยสำรโคเวเลนต์จะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ และไม่ละลำย
- สำรโคเวเลนต์บำงชนิดที่มี โครงสร้ำงโมเลกุลขนำดใหญ่
และมีพันธะโคเวเลนต์ต่อเนื่องเป็นโครงร่ำงตำข่ำยจะมีจุดหลอมเหล
- พันธะโลหะเกิดจำกเวเลนซ์
อิเล็กตรอนของทุกอะตอมของโลหะเคลื่อนที่อย่ำงอิสระไปทั่วทั้งโลห
- โลหะส่วนใหญ่เป็นของแข็ง ผิวมันวำว จุดหลอม
- สำรประกอบไอออนิก สำร โคเวเลนต์ และโลหะ มีสมบัติเฉ
จึงนำมำใช้ประโยชน์ในด้ำน ต่ำง ๆ ได้ตำมควำมเหมำะสม
หมำยเหตุ ร หมำยถึง
ระหว่ำงภำค
ป หมำยถึง
ปลำยภำค
หน่วยกำรเรียนรู้
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้
ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น
รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4
จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน
จำนวน 1.5 หน่วยกิต
1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้
เข้ำใจห ลักกำรทำปฏิบัติกำ รเค มี กำรวัด ปริมำ ณ ส ำ ร
หน่วยวัดและกำรเปลี่ยนหน่วย กำรคำนวณปริมำณของสำร
ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง ส ำ ร ล ะ ล ำ ย
รวมทั้งกำรบูรณำกำรควำมรู้และทักษะในกำรอธิบำยปรำกฏกำรณ์ใน
ชีวิตประจำวันและกำรแก้ปัญหำทำงเคมี
2. ผลกำรเรียนรู้
1. บ อ ก แ ล ะ อ ธิ บ ำ ย ข้ อ ป ฏิ บั ติ เ บื้ อ ง ต้ น
และปฏิบัติตนที่แสดงถึงควำมตระหนักในกำรทำปฏิบัติกำรเค
มี เพื่อให้มีควำมปลอดภัยทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม
และเสนอแนวทำงแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
2. เลือกและใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือในกำรทำปฏิบัติกำร
และวัดปริมำณต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม
3. นำเสนอแผนกำรทดลอง ทดลองและเขียนรำยงำนกำรทดลอง
4. ร ะ บุ ห น่ ว ย วั ด ป ริ ม ำ ณ ต่ ำ ง ๆ ข อ ง ส ำ ร
และเปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยกำรใช้แ
ฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
3. สำระกำรเรียนรู้
1)
กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องคำนึงถึงควำมปลอดภัยและควำมเ
ป็ น มิ ต ร ต่ อ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ดั ง นั้ น
จึงควรศึกษำข้อปฏิบัติของกำรทำปฏิบัติกำรเคมี เช่น
ค ว ำ ม ป ล อ ด ภัย ใ น ก ำ ร ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ ส ำ ร เ ค มี
กำรป้องกันอุบัติเหตุระหว่ำงกำรทดลอง กำรกำจัดสำรเคมี
2) อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ เ ค รื่ อ ง มื อ ชั่ ง ต ว ง วั ด
แต่ละช นิด มีวิธี กำรใช้งำนและกำรดูแลแต กต่ำงกัน
ซึ่ ง ก ำ ร วั ด ป ริ ม ำ ณ ต่ ำ ง ๆ
ให้ได้ข้อมูลที่มีควำมเที่ยงและควำมแม่นในระดับนัยสำคัญที่ต้
อ ง ก ำ ร
ต้องมีกำรเลือกและใช้อุปกรณ์ในกำรทำปฏิบัติกำรอย่ำงเหมำะ
สม
3)
กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องมีกำรวำงแผนกำรทดลองกำรทำก
ำรทดลอง กำรบันทึกข้อมูล สรุปและวิเครำะห์ นำเสนอข้อมูล
แ ล ะ ก ำ ร เ ขี ย น ร ำ ย ง ำ น ก ำ ร ท ด ล อ ง ที่ ถู ก ต้ อ ง
โดยกำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องคำนึงถึงวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์
ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ จิตวิทยำศำสต ร์
และจริยธรรมทำงวิทยำศำสตร์
4) กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องมีกำรวัดปริมำณต่ำง ๆ ของสำร
กำรบอกปริมำณของสำรอำจระบุอยู่ในหน่วยต่ำง ๆ ดังนั้น
เ พื่ อ ใ ห้ มี ม ำ ต ร ฐ ำ น เ ดี ย ว กั น
จึงมีกำรกำหนดหน่วยในระบบเอสไอให้เป็ นหน่วย สำกล
ซึ่งกำรเปลี่ยนหน่วยเพื่อให้เป็นหน่วยสำกลสำมำรถทำได้ด้วย
กำรใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด
กำรทำปฏิบัติกำรทำงเคมีจะมีควำมเกี่ยวข้องสำรเคมีหลำยชนิด
ร ว ม ทั้ ง อุ ป ก ร ณ์ เ ค รื่ อ ง แ ก้ ว ต่ ำ ง ๆ
สำรเคมีบำงชนิดอำจทำให้เกิดอันตรำยต่อร่ำงกำยของผู้ทำปฏิบัติกำร
ได้โดยตรง หรืออำจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ในขณะทำปฏิบัติกำรเคมี
ดั ง นั้ น
ผู้ทำปฏิบัติกำรเคมีจึงจำเป็นต้องทรำบถึงข้อปฏิบัติในกำรทำปฏิบัติกำ
รเคมี หรือกำรปฐมพยำบำลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น
อุปกรณ์ทำงวิทยำศำสตร์เป็ นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ทั้งภำยใน
ห้องปฏิบัติกำรเพื่อใช้ทดลอง และหำคำตอบต่ำง ๆ ทำงวิทยำศำสตร์
เ ช่ น เ ค รื่ อ ง แ ก้ ว เ ค รื่ อ ง ชั่ ง เ ป็ น ต้ น
จึงค วรมี ค วำมรู้เกี่ย วกับวิธี กำรใช้งำน และกำรดูแลรักษำ
เพรำะในห้องปฏิบัติกำรจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือหลำ
ย ช นิ ด แ ล ะ ส ำ ร เ ค มี ที่ มี ส ม บั ติ แ ต ก ต่ ำ ง กั น
ห ำกข ำด ค วำมรู้ใ นกำรใช้อุปกรณ์ ห รือเค รื่องมือที่ถูกต้อง
อ ำ จ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด อุ บัติ เ ห ตุ ต่ อ ผู้ ใ ช้ ห้ อ ง ป ฏิ บัติ ก ำ ร เ อ ง
และเกิดควำมเสียหำยต่อทรัพย์สินต่ำง ๆ ของโรงเรียนได้
กำรทำปฏิบัติกำรเคมีเป็นกำรเสริมสร้ำงควำมรู้และควำมเข้ำใจใน
ก ำ ร ศึ ก ษ ำ วิ ช ำ เ ค มี ใ ห้ ดี ยิ่ ง ขึ้ น
และเป็นกำรช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้นักเรียนมีโอกำสฝึกกำรสังเ
กตด้วยตนเอง โดยนำทักษะต่ำง ๆ มำใช้ร่วมกันเพื่อหำคำต อบ
ตลอดจนให้ผู้ทำกำรทดลองได้มีโอกำสแสดงควำมคิดเห็นจำกกำรเขีย
นรำยงำนกำรทดลอง ซึ่งจะทำให้กำรศึกษำวิชำเคมีประสบควำมสำเร็จ
หน่วยทำงเคมีเป็นหน่วยที่ใช้บอกขนำดของปริมำณสำรเคมีที่ต้อง
กำรใช้ มีทั้งหน่วยน้ำหนัก หน่วยปริมำตร และหน่วยควำมเข้มข้น
รวมทั้งหน่วยอุณหภูมิ โดยอำจใช้เป็ นหน่วยในระบบเมต ริก
ห รื อ ร ะ บ บ เ อ ส ไ อ
ในกำรคำนวณหำปริมำณสำรเพื่อใช้ในกำรทดลองจำเป็นต้องแสดงห
น่วยและเลขนัยสำคัญในกำรแสดงผลของกำรวัดและหน่วยของกำรวั
ดด้วยควำมถูกต้องและแม่นยำ
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคิด
1) ทักษะกำรสังเกต
2) ทักษะกำรสำรวจค้นหำ
3) ทักษะกำรวิเครำะห์
4) ทักษะกำรตั้งสมมติฐำน
5) ทักษะกำรทดลอง
6) ทักษะกำรตีควำมหมำยและลงข้อสรุป
3. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในกำรทำงำน
7. กิจกรรมกำรเรียนรู้
- แผนฯ ที่ 1 : กำรปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติกำรเคมี
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 2 : เทคนิคกำรใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทำงเคมี
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 3 : กำรปฏิบัติและเขียนรำยงำนกำรทดลอง
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 4 : หน่วยวัดทำงเคมี
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
8. กำรวัดและกำรประเมินผล
รำยกำรวัด วิธีว
8.1 กำรประเมินชิ้นงำน/ภำระงำน (รวบยอด) - ตรวจผังมโนทัศน์
กำรปฏิบัติตนในห้อ
รำยกำรวัด วิธีว
- ตรวจแบบบันทึก
กำรละลำยของสำรใ
ๆ
8.2 กำรประเมินก่อนเรียน
-
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยกำรเรียนรู้ที่1เรื่องปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น
- ตรวจแบบทดสอบ
ก่อนเรียน
8.3 กำรประเมินระหว่ำงกำรจัดกิจกรรม
1) กำรปฏิบัติตนในห้อง ปฏิบัติกำรเคมี
- ตรวจใบงำนที่ 1.1
- ตรวจแบบฝึกหัด
2) เทคนิคกำรใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทำงเคมี - ตรวจใบงำนที่ 1.2
- ตรวจแบบฝึกหัด
3) กำรปฏิบัติและเขียนรำยงำนกำรทดลอง - ตรวจแบบฝึกหัด
4) หน่วยวัดทำงเคมี - ตรวจใบงำนที่ 1.3
- ตรวจแบบฝึกหัด
5) กำรนำเสนอผลงำน - ประเมินกำร นำเส
6( พฤติกรรมกำรทำงำนรำยบุคคล -
สังเกตพฤติกรรมกำ
7) พฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม
กำรทำงำนกลุ่ม
8) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตควำมมีวินัย
ใฝ่เรียนรู้และมุ่งมั่น
ในกำรทำงำน
8.4 กำรประเมินหลังเรียน
- แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง
ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น
ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรียน
9. ชิ้นงำน/ภำระงำน
1. ผังมโนทัศน์ เรื่อง กำรปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติกำรเคมี
2. แบบบันทึกกิจกรรม เรื่อง กำรละลำยของสำรในตัวทำละลำยต่ำง
ๆ
10. สื่อ/แหล่งกำรเรียนรู้
10.1 สื่อกำรเรียนรู้
1) หนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1
ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น
2) หนังสือแบบฝึกหัดเคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1
ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น
3) ใบควำมรู้ที่ 1.1 เรื่อง สำรละลำย
4) ใบงำนที่ 1.1 เรื่อง กำรปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติกำรเคมี
5) ใบงำนที่ 1.2 เรื่อง
กำรเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือในกำรทดลองกำรละลำยของ
สำร
6) ใบงำนที่ 1.3 เรื่อง หน่วยวัดทำงเคมี
7) PowerPoint เรื่อง กำรแต่งกำยที่เหมำะสมในห้องปฏิบัติกำร
8) PowerPoint เรื่อง
สัญลักษณ์แสดงอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับควำมปลอดภัย
9) PowerPoint เรื่อง กำรปฐมพยำบำล
10) PowerPoint เรื่อง สัญลักษณ์อันตรำยจำกสำรเคมี
11) PowerPoint เรื่อง
เทคนิคกำรใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทำงเคมี
10.2 แหล่งกำรเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องปฏิบัติกำรวิทยำศำสตร์
3) แหล่งข้อมูลสำรสนเทศ
• ควำมปลอดภัยในห้องปฏิบัติกำร :
https://www.youtube.com/watch?v=cjFi0gpXpos
• กำรใช้เครื่องแก้วในห้องปฏิบัติกำร :
https://www.youtube.com/watch?v=aGlV83eKJ9
ลงชื่อ.....................................................................ผู้สอน
(นำงสำววรำภรณ์ บุรำณเดช)
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
หน่วยกำรเรียนรู้
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้
ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น
รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4
จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน
จำนวน 1.5 หน่วยกิต
1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้
เข้ำใจโครงสร้ำงอะต อม กำรจัดเรียงธำตุในตำรำงธ ำตุ
สมบัติของธำตุ พันธะเคมีและสมบัติของสำร แก๊สและสมบัติของแก๊ส
ประเภทและสมบัติข องสำรประกอบอินทรีย์ และพ อลิเ มอ ร์
รวมทั้งกำรนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ผลกำรเรียนรู้
5. สื บ ค้ น ข้ อ มู ล ส ม ม ติ ฐ ำ น ก ำ ร ท ด ล อ ง
หรือผลกำรทดลองที่เป็นประจักษ์พยำนในกำรเสนอแบบจำลอ
ง อ ะ ต อ ม ข อ ง นั ก วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์
และอธิบำยวิวัฒนำกำรของแบบจำลองอะตอม
6. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุ และระบุจำนวนโปรตอน
นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอมจำกสัญลักษณ์นิวเคลียร์
รวมทั้งบอกควำมหมำยของไอโซโทป
7. อธิบำยและเขียนกำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำนหลัก
และระดับพลังงำนย่อยเมื่อทรำบ เลขอะตอมของธำตุ
8. ร ะ บุ ห มู่ ค ำ บ ค ว ำ ม เ ป็ น โ ล ห ะ อ โ ล ห ะ
แ ล ะ กึ่ ง โ ล ห ะ ข อ ง ธ ำ ตุ เ ร พ รี เ ซ น เ ท ที ฟ
และธำตุแทรนซิชันในตำรำงธำตุ
9 .
วิเครำะห์และบอกแนวโน้มสมบัติของธำตุเรพรีเซนเททีฟต
ำมหมู่และตำมคำบ
10. บ อ ก ส ม บั ติ ข อ ง ธ ำ ตุ โ ล ห ะ แ ท ร น ซิ ชั น
และเปรียบเทียบสมบัติกับธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรีเซนเททีฟ
1 1 .
อธิบำยสมบัติและคำนวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรัง
สี
12. สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่ำงกำรนำธำตุมำใช้ประโยชน์
รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
3. สำระกำรเรียนรู้
1) นั ก วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ ศึ ก ษ ำ โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ข อ ง อ ะ ต อ ม
และเสนอแบบจำลองอะตอมแบบต่ำง ๆ จำกกำรศึกษำข้อมูล
กำรสังเกต กำรตั้งสมมติฐำน และผลกำรทดลอง
2) แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม มี วิ วั ฒ น ำ ก ำ ร
โดยเริ่มจำกดอลตันเสนอว่ำธำตุประกอบด้วยอะตอมซึ่งเป็ นอนุ
ภ ำ ค ข น ำ ด เ ล็ ก ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ แ บ่ ง แ ย ก ไ ด้
ต่อมำทอมสันเสนอว่ำอะตอมประกอบด้วยอนุภำคที่มีประจุลบ
เ รี ย ก ว่ ำ อิ เ ล็ ก ต ร อ น แ ล ะ อ นุ ภ ำ ค ป ร ะ จุ บ ว ก
รัทเทอร์ฟอร์ดเสนอว่ำประจุบว กที่เรีย กว่ำ โปรต อน
รวมตัวกันอยู่ต รงกึ่งกลำงอะตอม เรียกว่ำ นิวเคลีย ส
ซึ่งมีขนำดเล็กมำก และมีอิเล็กตรอนอยู่รอบนิวเคลีย ส
โบร์เสนอว่ำอิเล็กตรอนเคลื่อนที่เป็ นวงรอบนิวเค ลีย ส
โ ด ย แ ต่ ล ะ ว ง มี ร ะ ดั บ พ ลั ง ง ำ น เ ฉ พ ำ ะ ตั ว
ในปัจจุบันนักวิทยำศำสตร์ยอมรับว่ำอิเล็กตรอนมีกำรเคลื่อนที่
ร ว ด เ ร็ ว ร อ บ นิ ว เ ค ลี ย ส
แ ล ะ ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ ร ะ บุ ต ำ แ ห น่ ง ที่ แ น่ น อ น ไ ด้
จึ ง เ ส น อ แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม แ บ บ ก ลุ่ ม ห ม อ ก
ซึ่งแสดงโอกำสกำรพบอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส
3) สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุประกอบด้วยสัญลักษณ์ ธำตุ
เ ล ข อ ะ ต อ ม ซึ่ ง แ ส ด ง จ ำ น ว น โ ป ร ต อ น
และเลขมวลซึ่งแสดงผลรวมของจำนวนโปรตอนกับนิวตรอน
อะตอมของธำตุชนิดเดียวกันที่มีจำนวนโปรตอนเท่ำกัน
แต่มีจำนวนนิวตรอนต่ำงกัน เรียกว่ำ ไอโซโทป
4)
กำรศึกษำสเปกตรัมกำรเปล่งแสงของอะตอมแก๊สทำให้ทรำ
บ ว่ ำ อิ เ ล็ ก ต ร อ น จั ด เ รี ย ง อ ยู่ ร อ บ ๆ
นิ ว เ ค ลี ย ส ใ น ร ะ ดั บ พ ลั ง ง ำ น ห ลั ก ต่ ำ ง ๆ
และแต่ละระดับพลังงำนหลักยังแบ่งเป็ นระดับพลังงำนย่อย
ซึ่งมีบริเวณที่จะพ บ อิเล็ กต รอน เรีย กว่ำ ออร์บิทัล
ไ ด้ แ ต ก ต่ ำ ง กัน แ ล ะ อิ เ ล็ ก ต ร อ น จ ะ จัด เ รี ย ง ใ น
ออร์บิทัลให้มีระดับพลังงำนต่ำที่สุดสำหรับอะตอมในสถำนะพื้
น
5 )
ตำรำงธำตุในปัจจุบันจัดเรียงธำตุตำมเลขอะตอมและสมบัติ
ที่ ค ล้ ำ ย ค ลึ ง กั น เ ป็ น ห มู่ แ ล ะ ค ำ บ
โดยอำจแบ่งธำตุในตำรำงธำตุเป็ นกลุ่มธำตุโลหะ กึ่งโลหะ
และอโลห ะ นอกจำกนี้ อำจแบ่งเป็ นกลุ่มธ ำตุเรพรี-
เซนเททีฟและกลุ่มธำตุแทรนซิชัน
6 )
ธำตุเรพรีเซนเททีฟในหมู่เดียวกันมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตร
อ น เ ท่ ำ กั น
และธำตุที่อยู่ในคำบเดียวกันมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนในระดับพลัง
ง ำ น ห ลั ก เ ดี ย ว กั น
ธำตุเรพรีเซนเททีฟมีสมบัติทำงเคมีคล้ำยคลึงกันต ำมหมู่
และมีแนวโน้มสมบัติบำงประกำรเป็นไปตำมหมู่และตำมคำบ
เช่น ขนำดอะตอม รัศมีไอออน พลังงำนไอออไนเซชัน
อิเล็กโทรเนกำติวิตี สัมพรรคภำพอิเล็กตรอน
7 )
ธำตุแทรนซิชันเป็นโลหะที่ส่วนใหญ่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่
ำกับ 2 มีขนำดอะตอมใกล้เคียงกัน มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว
แ ล ะ ค ว ำ ม ห น ำ แ น่ น สู ง
เกิดปฏิกิริยำกับน้ำได้ช้ำกว่ำธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรี -
เซนเททีฟ เมื่อเกิดเป็นสำรประกอบส่วนใหญ่จะมีสี
8) ธ ำ ตุ แ ต่ ล ะ ช นิ ด มี ไ อ โ ซ โ ท ป
ซึ่ ง ใ น ธ ร ร ม ช ำติบ ำง ธ ำ ตุมี ไ อ โซ โ ท ป ที่แ ผ่รังสีได้
เนื่องจำกนิวเคลียสไม่เสถียร เรียกว่ำ ไอโซโทปกัมมันตรังสี
สำหรับธำตุกัมมันตรังสีเป็นธำตุที่ทุกไอโซโทปสำมำรถแผ่รังสี
ได้รังสีที่เกิดขึ้น เช่น รังสีแอลฟำ รังสีบีตำ รังสีแกมมำ
โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีเป็ นระยะเวลำที่ไอโซโ
ทป กัมมันตรังสีสลำยตัวจนเหลือครึ่งหนึ่งของปริมำณเดิม
ซึ่งเป็นค่ำคงที่เฉพำะของแต่ละไอโซโทปกัมมันตรังสี
9) ส ม บั ติ บ ำ ง ป ร ะ ก ำ ร ข อ ง ธ ำ ตุ แ ต่ ล ะ ช นิ ด
ทำให้ส ำมำรถนำธ ำตุไปใช้ประโยช น์ในด้ำน ต่ำง ๆ
ไ ด้ อ ย่ ำ ง ห ล ำ ก ห ล ำ ย
ทั้งนี้กำรนำธำตุไปใช้ต้องตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งมีชีวิ
ต แ ล ะ สิ่ง แ ว ด ล้อ ม โ ด ย เ ฉ พ ำ ะ ส ำ ร กัม มัน ต รัง สี
ซึ่งต้องมีกำรจัดกำรอย่ำงเหมำะสม
4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด
ธ ำ ตุ ต่ำ ง ๆ จ ะ มี อ นุ ภ ำ ค ที่ เ ล็ ก ม ำ ก เ รี ย ก ว่ำ อ ะ ต อ ม
ภำยในโครงสร้ำงอะตอมของธำตุต่ำง ๆ ประกอบด้วยอนุภำคมูลฐำน
แ ล ะ จั ด เ รี ย ง ตั ว กั น อ ย่ ำ ง เ ป็ น ร ะ บ บ
ซึ่ ง ส ำ ม ำ ร ถ ช่ ว ย อ ธิ บ ำ ย ส ม บั ติ ท ำ ง เ ค มี ข อ ง ส ส ำ ร
และก่อให้เกิดประโยชน์มำกมำย
นักวิทยำศำสตร์ได้ศึกษำโครงสร้ำงอะตอมโดยสร้ำงแบบจำลองอะตอ
มแบบต่ำง ๆ เช่น แบบจำลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด
โ บ ร์ แ ล ะ แ บ บ ก ลุ่ ม ห ม อ ก
ซึ่งจำกกำรศึกษำทำให้เกิดพัฒนำกำรอย่ำงต่อเนื่องของกำรศึกษำโครงส
ร้ ำ ง ข อ ง อ ะ ต อ ม แ ล ะ อ ธิ บ ำ ย ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ต่ ำ ง ๆ
ที่เกิดขึ้นได้อย่ำงถูกต้องเหมำะสม
จ ำ ก ก ำ ร ศึก ษ ำ แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม ท ำ ใ ห้ท ร ำ บ ว่ ำ
อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ล้อมรอบนิวเคลียสเป็ นระดับพลังงำนที่มีค่ำจำเพำะ
โดยในแต่ละระดับพลังงำนจะมีจำนวนอิเล็กตรอนไม่เกิน 2n2
เมื่อ n คือ
ร ะ ดับ ชั้ น พ ลั ง ง ำ น แ ล ะ ใ น ก ำ ร จัด เ รี ย ง อิ เ ล็ ก ต ร อ น
อิเล็กตรอนชั้นนอกสุดที่เรียกว่ำ เวเลนซ์อิเล็กตรอน ต้องไม่เกิน 8
อิเล็กตรอน
ก ำ ร ค้น พ บ ธ ำ ตุ จ ำ น ว น ม ำ ก ที่ มี ส ม บัติ แ ต ก ต่ ำ ง กัน
ท ำ ใ ห้ ย ำ ก ต่ อ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ
นั ก วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ จึ ง ไ ด้ จัด จ ำ แ น ก ห ม ว ด ห มู่ ข อ ง ธ ำ ตุ
โ ด ย จัด ธ ำ ตุที่ มี ส ม บัติค ล ำ ย ค ลึงกัน ใ ห้อ ยู่ใ น ก ลุ่ม เ ดีย วกัน
โดยนำเสนอในรูปแบบข องต ำรำงธำตุที่แสด งสมบัติทำง เค มี
แ ล ะ ส ม บั ติ ท ำ ง ก ำ ย ภ ำ พ ข อ ง ธ ำ ตุ ไ ว้ อ ย่ ำ ง ชั ด เ จ น
ซึ่ ง ส ำ ม ำ ร ถ น ำ ม ำ ใ ช้ อ ธิ บ ำ ย เ ห ตุ ก ำ ร ณ์ ต่ ำ ง ๆ
ของธำตุในกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีของสำรได้
ธำตุเรพรีเซนเททีฟในหมู่เดียวกันจะมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ำกั
น
และธำตุที่อยู่ในคำบเดียวกันจะมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนอยู่ในระดับพลังงำน
ห ลั ก เ ดี ย ว กั น
ทำให้ธำตุเรพรีเซนเททีฟมีสมบัติคล้ำยคลึงกันตำมหมู่และตำมคำบ
ธำตุแทรนซิชันเป็ นโลหะ มีขนำดอะตอมใกล้เคียงกัน มีจุดเดือด
จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว แ ล ะ ค ว ำ ม ห น ำ แ น่ น สู ง
เมื่อเกิดเป็นสำรประกอบส่วนใหญ่จะมีสี
ธำตุกัมมันตรังสีเป็ นธำตุที่ทุกไอโซโทปสำมำรถแผ่รังสีได้
โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีเป็ นระยะเวลำที่ไอโซโทปกัมมัน
ตรังสีสลำยตัวจนเหลือครึ่งหนึ่งของปริมำณเดิม
ส ม บั ติ บ ำ ง ป ร ะ ก ำ ร ข อ ง ธ ำ ตุ แ ต่ ล ะ ช นิ ด
ทำให้สำมำรถนำธำตุไปใช้ประโยชน์ในด้ำนต่ำง ๆ ได้หลำกหลำย
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคิด
1) ทักษะกำรสังเกต
2) ทักษะกำรสำรวจค้นหำ
3) ทักษะกำรวิเครำะห์
4) ทักษะกำรตั้งสมมติฐำน
5) ทักษะกำรทดลอง
6) ทักษะกำรลงควำมเห็นจำกข้อมูล
7) ทักษะกำรตีควำมหมำยและลงข้อสรุป
8) ทักษะกำรกำหนดและควบคุมตัวแปร
3. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในกำรทำงำน
7. กิจกรรมกำรเรียนรู้
- แผนฯ ที่ 1 : แบบจำลองอะตอม
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 8 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 2 : กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 3 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 3 : ตำรำงธำตุ
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 3 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 4 : สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 6 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 5 : ธำตุแทรนซิชัน
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 5 ชั่วโมง
แผนฯ ที่ 6 : ธำตุกัมมันตรังสี
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 7 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 7 : ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 3 ชั่วโมง
8. กำรวัดและกำรประเมินผล
รำยกำรวัด วิธีวัด
8.1 กำรประเมินชิ้นงำน/ภำระงำน
(รวบยอด)
- ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง
แบบจำลองอะตอมของธำตุ
- ตรวจรำยงำนกำรทดลอง เรื่อง
กำรศึกษำสีของเปลวไฟจำกสำรประกอบ
และสเปกตรัมของธำตุบำงชนิด
- ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง
กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน
- ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง
วิวัฒนำกำรของตำรำงธำตุ
- ตรวจผังสรุปควำมรู้ เรื่อง
สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ
- ตรวจรำยงำนกำรทดลอง เรื่องกำร
ศึกษำสมบัติของสำรประกอบของ โครเมียมและ
แมงกำนีส
- ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่องธำตุแทรนซิชัน
- ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุกัมมันตรังสี
- ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง
ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
8.2 กำรประเมินก่อนเรียน
-
ตรวจแบบทดสอบ
ก่อนเรียน
รำยกำรวัด วิธีวัด
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยกำรเรียนรู้
ที่ 2 เรื่อง อะตอมและตำรำงธำตุ
8.3
กำรประเมินระหว่ำงกำรจัดกิจกรรม
1) แบบจำลองอะตอม
- ตรวจใบงำนที่
2.1-2.2
- ตรวจแบบฝึกหัด
2) กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน - ตรวจใบงำนที่
2.3-2.5
- ตรวจแบบฝึกหัด
3( ตำรำงธำตุ - ตรวจใบงำนที่ 2.6
- ตรวจแบบฝึกหัด
4( สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ - ตรวจใบงำนที่
2.7-2.8
- ตรวจแบบฝึกหัด
5) ธำตุแทรนซิชัน - ตรวจใบงำนที่ 2.9
- ตรวจแบบฝึกหัด
6) ธำตุกัมมันตรังสี - ตรวจใบงำนที่ 2.10
- ตรวจแบบฝึกหัด
7) ธำตุและสำร
ประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
- ตรวจใบงำนที่ 2.11
- ตรวจแบบฝึกหัด
8) กำรนำเสนอผลงำน - ประเมินกำรนำเสนอ
ผลงำน
9) พฤติกรรมกำรทำงำน รำยบุคคล - สังเกตพฤติกรรม
กำรทำงำนรำยบุคคล
10) พฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม
กำรทำงำนกลุ่ม
11) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตควำมมีวินัย
ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในกำรทำงำน
8.4 กำรประเมินหลังเรียน
-
แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยกำรเรียนรู้ที่
2 เรื่อง อะตอมและตำรำงธำตุ
ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรียน
9. ชิ้นงำน/ภำระงำน (รวบยอด)
1. ผังมโนทัศน์ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของธำตุ
2. รำยงำนกำรทดลอง เรื่อง
กำรศึกษำสีของเปลวไฟจำกสำรประกอบ
และสเปกตรัมของธำตุบำงชนิด
3. ผังมโนทัศน์ เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน
5. ผังมโนทัศน์ เรื่อง วิวัฒนำกำรของตำรำงธำตุ
6. ผังสรุปควำมรู้ เรื่อง สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ
7. รำยงำนกำรทดลอง เรื่อง
กำรศึกษำสมบัติของสำรประกอบของโครเมียมและแมงกำนีส
8. ผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุแทรนซิชัน
9. ผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุกัมมันตรังสี
10. ผังมโนทัศน์ เรื่อง
ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
10. สื่อ/แหล่งกำรเรียนรู้
10.1 สื่อกำรเรียนรู้
1) หนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2
อะตอมและตำรำงธำตุ
2) ใบควำมรู้ที่ 2.1 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน
3) ใบควำมรู้ที่ 2.2 เรื่อง ตำรำงธำตุ
4) ใบงำนที่ 2.1 เรื่อง วิวัฒนำกำรของแบบจำลองอะตอม
5) ใบงำนที่ 2.2 เรื่อง แบบจำลองอะตอมของธำตุ
6) ใบงำนที่ 2.3 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน 1
7) ใบงำนที่ 2.4 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน 2
8) ใบงำนที่ 2.5 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน 3
9) ใบงำนที่ 2.6 เรื่อง ตำรำงธำตุ
10) ใบงำนที่ 2.7 เรื่อง สมบัติของธำตุในตำรำงธำตุ
11) ใบงำนที่ 2.8 เรื่อง เลขออกซิเดชัน
12) ใบงำนที่ 2.9 เรื่อง ธำตุแทรนซิชัน
13) ใบงำนที่ 2.10 เรื่อง ธำตุกัมมันตรังสี
14) ใบงำนที่ 2.11 เรื่อง
ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
15) PowerPoint เรื่อง แบบจำลองอะตอมของโบร์
16) PowerPoint เรื่อง แบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
17) PowerPoint เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน
18) PowerPoint เรื่อง ตำรำงธำตุ
19) PowerPoint เรื่อง ปฏิกิริยำฟิชชัน
20) PowerPoint เรื่อง ปฏิกิริยำฟิวชัน
10.2 แหล่งกำรเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องปฏิบัติกำรวิทยำศำสตร์
ลงชื่อ.....................................................................ผู้สอน
(นำงสำววรำภรณ์ บุรำณเดช)
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
หน่วยกำรเรียนรู้
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้
ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น
รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4
จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน
จำนวน 1.5 หน่วยกิต
1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้
เข้ำใจโครงสร้ำงอะต อม กำรจัดเรียงธำตุในตำรำงธ ำตุ
สมบัติของธำตุ พันธะเคมีและสมบัติของสำร แก๊สและสมบัติของแก๊ส
ประเภทและสมบัติข องสำรประกอบอินทรีย์ และพ อลิเ มอ ร์
รวมทั้งกำรนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ผลกำรเรียนรู้
13. อธิบำยกำรเกิดไอออน และกำรเกิดพันธะไอออนิ ก
โดยใช้แผนภำพหรือสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส
14. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก
1 5 .
คำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอ
บไอออนิกจำกวัฏจักรบอร์น-ฮำเบอร์
16. อธิบำยสมบัติของสำรประกอบไอออนิก
1 7 .
เขียนสมกำรไอออนิกและสมกำรไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยำ
ของสำรประกอบไอออนิก
18. อธิบำยกำรเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่
และพันธะสำม ด้วยโครงสร้ำงลิวอิส
19. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์
20. วิ เ ค ร ำ ะ ห์ แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ ค ว ำ ม ย ำ ว พั น ธ ะ
แ ล ะ พ ลั ง ง ำ น พั น ธ ะ ใ น ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์
รวมทั้งคำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำของสำรโคเวเล
นต์จำกพลังงำนพันธะ
2 1 .
คำดคะเนรูปร่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีกำรผลักระ
ห ว่ ำ ง คู่ อิ เ ล็ ก ต ร อ น ใ น ว ง เ ว เ ล น ซ์
และระบุสภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
22. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์
แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว จุ ด เ ดื อ ด
และกำรละลำยน้ำของสำรโคเวเลนต์
2 3 .
สืบค้นข้อมูลและอธิบำยสมบัติของสำรโคเวเลนต์โครงร่ำงต
ำข่ำยชนิดต่ำง ๆ
24. อธิบำยกำรเกิดพันธะโลหะและสมบัติของโลหะ
25. เปรียบเทียบสมบัติบำงประกำรของสำรประกอบไอออนิก
ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ แ ล ะ โ ล ห ะ
สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่ำงกำรใช้ประโยชน์ของสำรประ
กอบไอออนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะได้อย่ำงเหมำะสม
3. สำระกำรเรียนรู้
1) สำรเค มีเกิด จำ ก กำ รยึด เห นี่ ย ว กันด้วย พันธ ะ เ ค มี
ซึ่งเกี่ยวข้องกับเวเลนซ์อิเล็กตรอนที่แสดงได้ด้วยสัญลักษณ์แบ
บ จุ ด ข อ ง ลิ ว อิ ส
โดยกำรเกิดพันธะเคมีส่วนใหญ่เป็นไปตำมกฎออกเตต
2 )
พันธะไอออนิกเกิดจำกกำรยึดเหนี่ยวระหว่ำงประจุไฟฟ้ ำข
อ ง ไ อ อ อ น บ ว ก กั บ ไ อ อ อ น ล บ
ส่วนใหญ่ไอออนบวกเกิดจำกโลหะเสียอิเล็กตรอนและไอออน
ล บ เ กิ ด จ ำ ก อ โ ล ห ะ รั บ อิ เ ล็ ก ต ร อ น
ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ที่ เ กิด จ ำ ก พัน ธ ะ ไ อ อ อ นิ ก เ รี ย ก ว่ำ
ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก
ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก ไ ม่ อ ยู่ ใ น รู ป โ ม เ ล กุ ล
แต่เป็นโครงผลึกที่ประกอบด้วยไอออนบวกและไอออนลบจัดเ
รียงตัวต่อเนื่องกันไปทั้งสำมมิติ
3)
สำรประกอบไอออนิกเขียนแสดงสูตรเคมีโดยให้สัญลักษณ์
ธ ำ ตุ ที่ เ ป็ น ไ อ อ อ น บ ว ก ไ ว้ ข้ ำ ง ห น้ ำ
ต ำ ม ด้ ว ย สั ญ ลั ก ษ ณ์ ธ ำ ตุ ที่ เ ป็ น ไ อ อ อ น ล บ
โดยมีตัวเลขแสดงอัตรำส่วนอย่ำงต่ำของจำนวนไอออนที่เป็ นอ
งค์ประกอบ
4)
กำรเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิกทำได้โดยเรียกชื่อไอออน
บ ว ก แ ล้ ว ต ำ ม ด้ ว ย ชื่ อ ไ อ อ อ น ล บ
สำหรับสำรประกอบไอออนิกที่เกิดจำกโลหะที่มีเลขออกซิเดชั
นได้หลำยค่ำ ต้องระบุเลขออกซิเดชันของโลหะด้วย
5 )
ปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกจำกธำตุเกี่ยวข้องกับ
ป ฏิ กิ ริ ย ำ เ ค มี ห ล ำ ย ขั้ น ต อ น
มี ทั้ง ที่ เ ป็ น ป ฏิกิริย ำ ดู ด พ ลัง ง ำ น แ ล ะ ค ำย พ ลังงำน
ซึ่ ง แ ส ด ง ไ ด้ ด้ ว ย วั ฏ จั ก ร บ อ ร์ น - ฮ ำ เ บ อ ร์
และพลังงำนของปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกเป็ นผล
รวมของพลังงำนทุกขั้นตอน
6) สำรประกอบไอออนิกส่วนใหญ่มีลักษณะเป็ นผลึกของแข็ง
เ ป ร ำ ะ มี จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว แ ล ะ จุ ด เ ดื อ ด สู ง
ล ะ ล ำ ย น้ ำ แ ล้ ว แ ต ก ตั ว เ ป็ น ไ อ อ อ น เ รี ย ก ว่ ำ
สำรละลำยอิเล็กโทรไลต์ เมื่อเป็ นของแข็งไม่นำไฟฟ้ ำ
แต่ถ้ำทำให้หลอมเหลวหรือละลำยในน้ำจะนำไฟฟ้ำ
7 )
สำรละลำยของสำรประกอบไอออนิกแสดงสมบัติควำมเป็ น
ก ร ด –เ บ ส ต่ ำ ง กั น
สำรละลำยของสำรประกอบคลอไรด์มีสมบัติเป็ นกลำง
และสำรละลำยของสำรประกอบออกไซด์มีสมบัติเป็นเบส
8) ป ฏิ กิ ริ ย ำ ข อ ง ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก
สำมำรถเขียนแสดงด้วยสมกำรไอออนิกหรือสมกำรไอออนิกสุ
ท ธิ
โดยที่สมกำรไอออนิกแสดงสำรตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่
แ ต ก ตั ว ไ ด้ ใ น รู ป ข อ ง ไ อ อ อ น
ส่วนสมกำรไอออนิกสุทธิแสดงเฉพำะไอออนที่ทำปฏิกิริยำกัน
และผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น
9 )
พันธะโคเวเลนต์เป็นกำรยึดเหนี่ยวที่เกิดขึ้นภำยในโมเลกุลจ
ำ ก ก ำ ร ใ ช้ เ ว เ ล น ซ์ อิ เ ล็ ก ต ร อ น ร่ ว ม กัน ข อ ง ธ ำ ตุ
ซึ่ ง ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ธ ำ ตุ อ โ ล ห ะ
โ ด ย ทั่ ว ไ ป จ ะ เ ป็ น ไ ป ต ำ ม ก ฎ อ อ ก เ ต ต
สำรที่ยึด เห นี่ ย วกัน ด้วย พันธ ะโค เว เล นต์ เรีย กว่ำ
สำรโคเวเลนต์ พันธะโคเวเลนต์เกิดได้ทั้งพันธะเดี่ยว พันธะคู่
และพันธะสำม ซึ่งสำมำรถเขียนแสดงได้ด้วยโครงสร้ำงลิวอิส
โด ย แสด งอิเล็กต รอนคู่ร่ว มพันธ ะด้วย จุด ห รื อ เ ส้น
และแสดงอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของแต่ละอะตอมด้วยจุด
10) สู ต ร โ ม เ ล กุ ล ข อ ง ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์
โดยทั่วไปเขียนแสดงด้วยสัญลักษณ์ของธำตุเรียงลำดับตำมค่ำ
อิ เ ล็ ก - โ ท ร เ น ก ำ ติ วิ ตี จ ำ ก น้ อ ย ไ ป ม ำ ก
โดยมีตัวเลขแสดงจำนวนอะตอมของธำตุที่มีมำกกว่ำ 1
อะตอมในโมเลกุล
1 1 )
กำรเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ทำได้โดยเรียกชื่อธำตุที่อยู่หน้ำก่
อ น แ ล้ ว ต ำ ม ด้ ว ย ชื่ อ ธ ำ ตุ ที่ อ ยู่ ถั ด ม ำ
โดยมีคำนำหน้ำระบุจำนวนอะตอมของธำตุที่เป็นองค์ประกอบ
1 2 )
ควำมยำวพันธะและพลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ขึ้นกับ
ช นิ ด ข อ ง อ ะ ต อ ม คู่ร่ว ม พัน ธ ะ แ ล ะ ช นิ ด ข องพันธ ะ
โ ด ย พั น ธ ะ เ ดี่ ย ว พั น ธ ะ คู่
และพันธะสำมมีควำมยำวพันธะและพลังงำนพันธะแตกต่ำงกั
น
นอกจำกนี้โมเลกุลโคเวเลนต์บำงชนิดมีค่ำควำมยำวพันธะและ
พลังงำนพันธะแต กต่ำงจำกข องพันธ ะเดี่ย ว พันธะคู่
แ ล ะ พั น ธ ะ ส ำ ม
ซึ่งสำรเหล่ำนี้สำมำรถเขียนโครงสร้ำงลิวอิสที่เหมำะสมได้มำก
กว่ำ 1 โครงสร้ำงที่เรียกว่ำ โครงสร้ำงเรโซแนนซ์
1 3 )
พลังงำนพันธะนำมำใช้ในกำรคำนวณพลังงำนของปฏิกิริยำ
ซึ่งได้จำกผลต่ำงของพลังงำนพันธะรวมของสำรตั้งต้นกับผลิต
ภัณฑ์
1 4 )
รูปร่ำงของโมเลกุลโคเวเลนต์อำจพิจำรณำโดยใช้ทฤษฎีกำร
ผ ลักระห ว่ำงคู่อิเล็กต ร อนใน วงเว เลนซ์ ( VSEPR)
ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนพันธะและจำนวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวรอ
บอะตอมกลำง โมเลกุลโคเว-เลนต์มีทั้งโมเลกุ ล มีขั้ว
แ ล ะ ไ ม่ มี ขั้ ว
สภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์เป็ นผลรวมปริมำณเวกเตอร์ส
ภำพขั้วของแต่ละพันธะตำมรูปร่ำงโมเลกุล
15) แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลซึ่งอำจเป็ นแรงลอนด อน
แ ร ง ดึ ง ดู ด ร ะ ห ว่ ำ ง ขั้ ว
และพันธะไฮโดรเจนมีผลต่อจุด หลอมเหลว จุดเดือด
แ ล ะ ก ำ ร ล ะ ล ำ ย น้ ำ ข อ ง ส ำ ร
นอกจำกนี้สำรโคเวเลนต์ส่วนใหญ่ยังมีจุดหลอมเหลวและจุดเดื
อ ด ต่ ำ ก ว่ ำ ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก
เนื่องจำกแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลมีค่ำน้อยกว่ำพันธะไอ
ออนิก
16) สำรโคเวเลนต์ส่วนใหญ่มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ
แ ล ะ ไ ม่ ล ะ ล ำ ย ใ น น้ ำ
สำหรับสำรโคเวเลนต์ที่ละลำยน้ำมีทั้งแตกตัวและไม่แตกตัวเป็
น ไ อ อ อ น
สำรละลำยที่ได้จำกสำรที่ไม่แตกตัวเป็ นไอออนจะไม่นำไฟฟ้ ำ
เ รี ย ก ว่ ำ ส ำ ร ล ะ ล ำ ย น อ น อิ เ ล็ ก โ ท ร ไ ล ต์
ส่วนสำรละลำยที่ได้จำกสำรที่แตกตัวเป็ นไอออนจะนำไฟฟ้ ำ
เ รี ย ก ว่ ำ ส ำ ร ล ะ ล ำ ย อิ เ ล็ ก โ ท ร ไ ล ต์
สำรละลำยของสำรประกอบคลอไรด์และออกไซด์จะมีสมบัติเป็
นกรด
1 7 )
สำรโคเวเลนต์บำงชนิดที่มีโครงสร้ำงโมเลกุลขนำดใหญ่และ
มี พัน ธ ะ โ ค เ ว เ ล น ต์ ต่อ เ นื่ อ ง เ ป็ น โ ค ร ง ร่ำ ง ต ำข่ำย
จ ะ มี จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว แ ล ะ จุ ด เ ดื อ ด สู ง
สำรโคเวเลนต์โครงร่ำงตำข่ำยที่มีธำตุองค์ประกอบเหมือนกัน
แต่มีอัญรูปต่ำงกันจะมีสมบัติต่ำงกัน เช่น เพชร แกรไฟต์
1 8 )
พันธะโลหะเกิดจำกเวเลนซ์อิเล็กตรอนของทุกอะตอมของโ
ล ห ะ เ ค ลื่ อ น ที่ อ ย่ ำ ง อิ ส ร ะ ไ ป ทั่ ว ทั้ ง โ ล ห ะ
และเกิดแรงยึดเหนี่ยวกับโปรตอนในนิวเคลียสทุกทิศทำง
19) โ ล ห ะ ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ข อ ง แ ข็ ง มี ผิ ว มั น ว ำ ว
ส ำ ม ำ ร ถ ตี เ ป็ น แ ผ่ น ห รื อ ดึ ง เ ป็ น เ ส้ น ไ ด้
นำควำมร้อนและนำไฟฟ้ำได้ดี มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
20) สำรประกอบไอออนิก สำรโค เวเลนต์ และโลห ะ
มีสมบัติเฉพำะตัวบำงประกำรที่แตกต่ำงกัน เช่น จุดเดือด
จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว ก ำ ร ล ะ ล ำ ย น้ ำ ก ำ ร น ำ ไ ฟ ฟ้ ำ
จึ ง ส ำ ม ำ ร ถ น ำ ม ำ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ด้ ำ น ต่ ำ ง ๆ
ได้ตำมควำมเหมำะสม
4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด
พันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเคมีชนิดหนึ่งที่เกิดจำกอะตอมของอโล
ห ะ มี ก ำ ร น ำ อิ เ ล็ ก ต ร อ น ม ำ ใ ช้ ร่ ว ม กั น
แล้วเกิดแรงดึงดูดระหว่ำงอิเล็กตรอนกับโปรตอนที่อยู่ในนิวเคลียสขอ
ง ทั้ ง ส อ ง อ ะ ต อ ม
ซึ่งสำรประกอบโคเวเลนต์อำจเกิดจำกอะตอมของอโลหะชนิดเดียวกัน
หรือต่ำงชนิดกันก็ได้
สูตรโมเลกุลของสำรโคเวเลนต์จะเขียนแสดงด้วยสัญลักษณ์ของธำ
ตุ และมีตัวเลขแสดงจำนวนอะตอมของธำตุที่มีมำกกว่ำ 1 อะตอม
และกำรเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ทำได้โดยเรียกชื่อธำตุที่อยู่หน้ำก่อนแล้
ว ต ำ ม ด้ ว ย ชื่ อ ธ ำ ตุ ที่ อ ยู่ ถั ด ม ำ
และมีคำนำหน้ำระบุจำนวนอะตอมของธำตุ
ควำมยำวพันธะและพลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ขึ้นกับชนิดข
องอะตอมคู่ร่วมพันธ ะ ชนิดของพันธะ และพลังงำน พันธ ะ
นำมำใช้ในกำรคำนวณพลังงำนของปฏิกิริยำได้
รูปร่ำงของโมเลกุลโคเวเลนต์ขึ้นอยู่กับจำนวนพันธะและจำนวนอิเ
ล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวรอบอะตอมกลำง
สภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์เป็นผลรวมปริมำณเวกเตอร์ของส
ภำพขั้วของแต่ละพันธะตำมรูปร่ำงโมเลกุล
แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลมีผลต่อจุดหลอมเหลว จุดเดือด
แ ล ะ ก ำ ร ล ะ ล ำ ย น้ ำ ข อ ง ส ำ ร โ ด ย ส ำ ร โ ค เ ว -
เลนต์จะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ และไม่ละลำยน้ำ
สำรโคเวเลนต์บำงชนิดที่มีโครงสร้ำงโมเลกุลขนำด ให ญ่
แ ล ะ มี พัน ธ ะ โ ค เ ว เ ล น ต์ ต่อ เ นื่ อ ง เ ป็ น โ ค ร ง ร่ำ ง ต ำ ข่ ำ ย
จะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
พันธะไอออนิกเกิดจำกกำรยึดเหนี่ยวระหว่ำงประจุไฟฟ้ำของไออ
อนบวกของโลหะกับไอออนลบของอโลหะ
สำรประกอบไอออนิกเขียนแสดงสูตรเคมีโดยใช้สัญลักษณ์ธำตุที่เ
ป็ นไอออนบวกไว้ด้ำนหน้ำตำมด้วยสัญลักษณ์ธำตุที่เป็ นไอออนลบ
และมีตัวเลขแสดงอัตรำส่วนอย่ำงต่ำของจำนวนไอออน
ปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกแสดงได้ด้วยวัฏจักรบอร์น-
ฮำเบอร์
ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ข อ ง แ ข็ ง
มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง เมื่อเป็ นของแข็งไม่นำไฟฟ้ ำ
แ ต่ เ มื่ อ ห ล อ ม เ ห ล ว ห รื อ ล ะ ล ำ ย น้ ำ จ ะ น ำ ไ ฟ ฟ้ ำ ไ ด้
และสำรละลำยของสำรประกอบไอออนิกแสดงสมบัติควำมเป็นกรด-
เบสต่ำงกัน
พันธะโลหะเกิดจำกเวเลนซ์อิเล็กตรอนของทุกอะตอมของโลหะเค
ลื่อนที่อย่ำงอิสระไปทั่วทั้งโลหะและเกิดแรงยึดเหนี่ยวกับโปรตอนในนิ
วเคลียสทุกทิศทำง โลหะส่วนให ญ่เป็ นของแข็ง ผิวมันวำว
จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง นำไฟฟ้ำและควำมร้อนได้ดี
ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ แ ล ะ โ ล ห ะ
มี ส ม บั ติ เ ฉ พ ำ ะ ตั ว บ ำ ง ป ร ะ ก ำ ร ที่ แ ต ก ต่ ำ ง กั น
จึงนำมำใช้ประโยชน์ในด้ำนต่ำง ๆ ได้ตำมควำมเหมำะสม
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร
2. ควำมสำมำรถในกำรคิด
1) ทักษะกำรสังเกต
2) ทักษะกำรสำรวจค้นหำ
3) ทักษะกำรวิเครำะห์
4) ทักษะกำรทดลอง
5) ทักษะกำรกำหนดและควบคุมตัวแปร
6) ทักษะกำรตีควำมหมำยและลงข้อสรุป
3. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในกำรทำงำน
7. กิจกรรมกำรเรียนรู้
- แผนฯ ที่ 1 : กำรเกิดและชนิดของพันธะโคเวเลนต์
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 4 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 2 : กำรเขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบโคเวเลนต์
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 3 : พลังงำนพันธะและควำมยำวพันธะ
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 2 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 4 : รูปร่ำงและมุมระหว่ำงพันธะของโมเลกุลโคเวเลนต์
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 2 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 5 : สภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 6 : แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 7 : สำรโคเวเลนต์โครงผลึกร่ำงตำข่ำย
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 8 : กำรเกิดและโครงสร้ำงของสำรประกอบไอออนิก
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 9 : กำรเขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 10 : พลังงำนกับกำรเกิดสำรประกอบไอออนิก
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 1 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 11 : สมบัติและปฏิกิริยำของสำรประกอบไอออนิก
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 4 ชั่วโมง
- แผนฯ ที่ 12 : พันธะโลหะ
วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
เวลำ 2 ชั่วโมง
8. กำรวัดและกำรประเมินผล
รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ
รประเมิ
น
8.1
กำรประเมินชิ้นงำน/
ภำระงำน (รวบยอด)
-
ตรวจผังมโน
ทัศน์ เรื่อง
กำรเกิดพันธ
ะโคเวเลนต์
-
ตรวจผังมโน
ทัศน์ เรื่อง
พันธะ
โคเวเลนต์
-
ตรวจรำยงำ
นกำรทดลอง
เรื่อง
กำรละลำยข
องสำรประก
อบ
ไอออนิกใน
น้ำ
-
ตรวจรำยงำ
นกำรทดลอง
เรื่อง
กำรเกิดปฏิกิ
ริยำของสำร
ประกอบ
ไอออนิก
-
แบบประเมินชิ้น
งำน/ภำระงำน
-
แบบประเมินชิ้น
งำน/ภำระงำน
-
แบบประเมินกำร
ปฏิบัติกำร
-
แบบประเมินกำร
ปฏิบัติกำร
-
แบบประเมินชิ้น
งำน/ภำระงำน
-
แบบประเมินชิ้น
งำน/ภำระงำน
ระดับคุณ
ภำพ 2
ผ่ำนเกณ
ฑ์
ระดับคุณ
ภำพ 2
ผ่ำนเกณ
ฑ์
ระดับคุณ
ภำพ 2
ผ่ำนเกณ
ฑ์
ระดับคุณ
ภำพ 2
ผ่ำนเกณ
ฑ์
ระดับคุณ
ภำพ 2
รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ
รประเมิ
น
-
ตรวจผังมโน
ทัศน์ เรื่อง
พันธะไอออ
นิก
-
ตรวจผังมโน
ทัศน์ เรื่อง
พันธะโลหะ
ผ่ำนเกณ
ฑ์
ระดับคุณ
ภำพ 2
ผ่ำนเกณ
ฑ์
8.2
กำรประเมินก่อนเรีย
น
-
แบบทดสอบก่อนเรีย
นหน่วยกำรเรียนรู้ที่
3 เรื่อง พันธะเคมี
ตรวจแบบทดส
อบ
ก่อนเรียน
แบบทดสอบก่อนเ
รียน
ประเมิน
ตำมสภำ
พจริง
8.3
กำรประเมินระหว่ำง
กำรจัดกิจกรรม
1)
-
ตรวจใบงำนที่
3.1
- ใบงำนที่ 3.1
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ
รประเมิ
น
กำรเกิดและชนิดของ
พันธะโคเวเลนต์
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
2)
กำรเขียนสูตรและเรี
ยกชื่อสำร
ประกอบโคเวเลนต์
-
ตรวจใบงำนที่
3.2
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.2
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
3)
พลังงำนพันธะและค
วำมยำวพันธะ
-
ตรวจใบงำนที่
3.3
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.3
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
4)
รูปร่ำงและมุมระหว่ำ
งพันธะของโมเลกุลโ
คเวเลนต์
-
ตรวจใบงำนที่
3.4-3.5
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.4-
3.5
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
5)
สภำพขั้วของโมเลกุล
โคเวเลนต์
-
ตรวจใบงำนที่
3.6
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.6
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
6)
แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำ
งโมเลกุลโคเวเลนต์
-
ตรวจใบงำนที่
3.7
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.7
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ
รประเมิ
น
7)
สำรโคเวเลนต์โครงผ
ลึกร่ำงตำข่ำย
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- แบบฝึกหัด ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
8) กำรเกิดและโครง
สร้ำงของสำรประกอ
บไอออนิก
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- แบบฝึกหัด ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
9)
กำรเขียนสูตรและเรี
ยกชื่อไอออนิก
-
ตรวจใบงำนที่
3.8
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.8
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
10)
พลังงำนกับกำรเกิดส
ำรประกอบไอออนิก
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- แบบฝึกหัด ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
11)
สมบัติและปฏิกิริยำข
องสำร
ประกอบไอออนิก
-
ตรวจใบงำนที่
3.9
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.9
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
12) พันธะโลหะ -
ตรวจใบงำนที่
3.10
-
ตรวจแบบฝึก
หัด
- ใบงำนที่ 3.10
- แบบฝึกหัด
ร้อยละ
60
ผ่ำนเกณ
ฑ์
13)
กำรนำเสนอผลงำน
-
ประเมินกำร
-
แบบประเมินกำ
รนำเสนอผลงำน
ระดับคุณ
ภำพ 2
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม

More Related Content

Similar to คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม

สุขฯ ม.2 หน่วย 7
สุขฯ ม.2 หน่วย 7สุขฯ ม.2 หน่วย 7
สุขฯ ม.2 หน่วย 7supap6259
 
แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551
แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551
แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551Weerachat Martluplao
 
งานนำเสนอคอมพิวเตอร์
งานนำเสนอคอมพิวเตอร์งานนำเสนอคอมพิวเตอร์
งานนำเสนอคอมพิวเตอร์Parnkeaw
 
คำอธิบายรายวิชา ม.ต้น
คำอธิบายรายวิชา ม.ต้นคำอธิบายรายวิชา ม.ต้น
คำอธิบายรายวิชา ม.ต้นschool
 
ประชุมประกันบุสมล่าสุด
ประชุมประกันบุสมล่าสุดประชุมประกันบุสมล่าสุด
ประชุมประกันบุสมล่าสุดSujit Chuajine
 
โครงการ โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคม
โครงการ   โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคมโครงการ   โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคม
โครงการ โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคมWeerachat Martluplao
 
09552062 e learning
09552062 e   learning09552062 e   learning
09552062 e learningKaow Oath
 
ตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพ
ตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพ
ตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพWC Triumph
 
ประเมินหลักสูตร
ประเมินหลักสูตรประเมินหลักสูตร
ประเมินหลักสูตรpaween
 
บทที่ 1 5
บทที่ 1 5บทที่ 1 5
บทที่ 1 5Tonkaow Jb
 
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]Paweena Kittitongchaikul
 
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]Paweena Kittitongchaikul
 
5 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp025 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp02Sky Aloha'
 
5 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp025 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp02Sky Aloha'
 
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่ายรายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่ายJiraporn Chaimongkol
 

Similar to คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม (20)

สุขฯ ม.2 หน่วย 7
สุขฯ ม.2 หน่วย 7สุขฯ ม.2 หน่วย 7
สุขฯ ม.2 หน่วย 7
 
แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551
แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551
แผนการสอน โมเมนตั้มและการชน หลักสูตร 2551
 
งานนำเสนอคอมพิวเตอร์
งานนำเสนอคอมพิวเตอร์งานนำเสนอคอมพิวเตอร์
งานนำเสนอคอมพิวเตอร์
 
คำอธิบายรายวิชา ม.ต้น
คำอธิบายรายวิชา ม.ต้นคำอธิบายรายวิชา ม.ต้น
คำอธิบายรายวิชา ม.ต้น
 
ประชุมประกันบุสมล่าสุด
ประชุมประกันบุสมล่าสุดประชุมประกันบุสมล่าสุด
ประชุมประกันบุสมล่าสุด
 
จดหมายข่าวตุลาคม 2555
จดหมายข่าวตุลาคม 2555จดหมายข่าวตุลาคม 2555
จดหมายข่าวตุลาคม 2555
 
โครงการ โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคม
โครงการ   โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคมโครงการ   โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคม
โครงการ โครงงานสำรวจและปฏิบัติการ การประหยัดพลังงาน โรงเรียนซับบอนวิทยาคม
 
09552062 e learning
09552062 e   learning09552062 e   learning
09552062 e learning
 
ตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพ
ตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพ
ตัวอย่าง การจัดทำโครงการและการประเมินผลด้านสุขภาพ
 
ประเมินหลักสูตร
ประเมินหลักสูตรประเมินหลักสูตร
ประเมินหลักสูตร
 
Standard7
Standard7Standard7
Standard7
 
.3
 .3  .3
.3
 
Presentation 3 finally
Presentation 3 finallyPresentation 3 finally
Presentation 3 finally
 
บทที่ 1 5
บทที่ 1 5บทที่ 1 5
บทที่ 1 5
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
 
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
 
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
กระบวนการสารสนเทศ [โหมดความเข้ากันได้]
 
5 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp025 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp02
 
5 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp025 8-120816125651-phpapp02
5 8-120816125651-phpapp02
 
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่ายรายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
 

คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม

  • 1. คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ เวลำ 60 ชั่วโมง/ปี จำนวน 1.5 หน่วยกิต คำอธิบำยรำยวิชำ ศึก ษ ำ ข้อ ป ฏิบัติเ บื้ อ ง ต้ น ใ น ก ำ ร ท ำ ป ฏิบัติ ก ำ ร เ ค มี ก ำ ร เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ เ ค รื่ อ ง มื อ ใ น ก ำ ร ท ำ ป ฏิบัติ ก ำ ร ก ำ ร ร ะ บุ ห น่ ว ย วั ด ป ริ ม ำ ณ ต่ ำ ง ๆ ข อ ง ส ำ ร กำรเปลี่ยนหน่วยในระบบเอสไอด้วยกำรใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย ศึก ษ ำ แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม สัญ ลัก ษ ณ์ นิ ว เ ค ลี ย ร์ ข อ ง ธ ำ ตุ อนุภำคมูลฐำนของอะต อม กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในอ ะต อม ก ำ ร จั ด เ รี ย ง ธ ำ ตุ ใ น ต ำ ร ำ ง ธ ำ ตุ แนวโน้มสมบัติบำงประกำรของธำตุในตำรำงธำตุตำมหมู่และตำมคำบ ส ม บั ติ ข อ ง ธ ำ ตุ โ ล ห ะ แ ท ร น ซิ ชั น กำรเปรียบเทียบสมบัติกับธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรีเซนเททีฟ ศึกษำและอธิบำยสมบัติและคำนวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี ย ก ตั ว อ ย่ ำ ง ก ำ ร น ำ ธ ำ ตุ ม ำ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ร ว ม ทั้ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ สิ่ ง มี ชี วิ ต แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ศึกษำกำรเกิดพันธะไอออนิก สูตรและกำรเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก กำรเปลี่ย นแปลงพ ลังงำนในกำรเกิด สำรประกอบไอออนิ ก สมบัติของสำรประกอบไอออนิก ปฏิกิริยำของสำรประกอบไอออนิก ศึ ก ษ ำ ก ำ ร เ กิ ด พั น ธ ะ แ ล ะ ช นิ ด ข อ ง พั น ธ ะ โ ค เ ว เ ล น ต์ ก ำ ร เ ขี ย น สู ต ร แ ล ะ เ รี ย ก ชื่ อ ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ ค ว ำ ม ย ำ ว พัน ธ ะ แ ล ะ พ ลัง ง ำ น พัน ธ ะ ใ น ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ พ ลัง ง ำ น ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กับ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ข อ ง ส ำ ร โ ค เ ว - เ ล น ต์ รูปร่ำงโมเลกุลโค เวเลนต์ สภำพ ขั้วข องโมเลกุลโค เวเลนต์ แ ร ง ยึ ด เ ห นี่ ย ว ร ะ ห ว่ ำ ง โ ม เ ล กุ ล โ ค เ ว เ ล น ต์ ส ม บั ติ ข อ ง ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ โ ค ร ง ร่ ำ ง ต ำ ข่ ำ ย ศึกษำกำรเกิดโลหะและสมบัติของโลหะ โด ย ใช้กำรเรีย นรู้ด้วย กระบวน กำร ทำงวิทย ำศ ำ ส ต ร์ ก ำ ร สื บ เ ส ำ ะ ห ำ ค ว ำ ม รู้ ก ำ ร ส ำ ร ว จ ต ร ว จ ส อ บ สำมำรถนำค วำมรู้และห ลักกำร ไปใช้ป ระโย ช น์ เชื่ อมโย ง อ ธิ บ ำ ย ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ห รื อ แ ก้ปัญ ห ำ ใ น ชี วิต ป ร ะ จ ำ วัน สำมำรถจัด กระทำแล ะวิเค รำะห์ข้อมู ล สื่อสำรสิ่งที่เรีย น รู้
  • 2. มีค วำมสำมำรถในกำรตัด สินใจแก้ปัญห ำ มีจิต วิทย ำศำสตร์ เ ห็ น คุ ณ ค่ ำ ข อ ง วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ มี จ ริ ย ธ ร ร ม คุณธรรมและค่ำนิยมที่เหมำะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. บอกและอธิบำยข้อปฏิบัติเบื้องต้น และปฏิบัติตนที่แสดงถึงควำมตระหนักในกำรทำปฏิบัติกำรเคมีเพื่อให้มี ควำมปลอดภัยทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม และเสนอแนวทำงแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 2. เลือกและใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือในกำรทำปฏิบัติกำร และวัดปริมำณต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม 3. นำเสนอแผนกำรทดลอง ทดลอง และเขียนรำยงำนกำรทดลอง 4. ระบุหน่วยวัดปริมำณต่ำง ๆ ของสำร และเปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยกำรใช้แฟกเตอร์เป ลี่ยนหน่วย 5. สืบค้นข้อมูลสมมติฐำน กำรทดลอง หรือผลกำรทดลองที่เป็นประจักษ์พยำนในกำรเสนอแบบจำลองอะตอมข องนักวิทยำศำสตร์ และอธิบำยวิวัฒนำกำรของแบบจำลองอะตอม 6. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุ และระบุจำนวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอมจำกสัญลักษณ์นิวเคลียร์รวมทั้งบอกควำมหม ำยของไอโซโทป 7. อธิบำยและเขียนกำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำนหลัก และระดับพลังงำนย่อยเมื่อทรำบเลขอะตอมของธำตุ 8. ระบุหมู่ คำบ ควำมเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ของธำตุเรพรีเซนเททีฟ และธำตุแทรนซิชันในตำรำงธำตุ 9. วิเครำะห์และบอกแนวโน้มสมบัติของธำตุเรพรีเซนเททีฟตำมหมู่และตำ มคำบ 10. บอกสมบัติของธำตุโลหะแทรนซิชัน และเปรียบเทียบสมบัติกับธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรีเซนเททีฟ 11. อธิบำยสมบัติและคำนวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี 12. สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่ำงกำรนำธำตุมำใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 13. อธิบำยกำรเกิดไอออนและกำรเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภำพ หรือสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส
  • 3. 14. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก 15. คำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกจำ กวัฏจักรบอร์น-ฮำเบอร์ 16. อธิบำยสมบัติของสำรประกอบไอออนิก 17. เขียนสมกำรไอออนิก และสมกำรไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยำของสำรประกอบไอออนิก 18. อธิบำยกำรเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสำม ด้วยโครงสร้ำงลิวอิส 19. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ 20. วิเครำะห์และเปรียบเทียบควำมยำวพันธะ และพลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ รวมทั้งคำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำของสำรโคเวเลนต์จำกพลั งงำนพันธะ 21. คำดคะเนรูปร่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีกำรผลักระหว่ำงคู่อิเล็ก ตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุสภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ 22. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดือด และกำรละลำยน้ำของสำรโคเวเลนต์ 23. สืบค้นข้อมูลและอธิบำยสมบัติของสำรโคเวเลนต์โครงร่ำงตำข่ำยชนิดต่ำ ง ๆ 24. อธิบำยกำรเกิดพันธะโลหะและสมบัติของโลหะ 25. เปรียบเทียบสมบัติบำงประกำรของสำรประกอบไอออนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะ สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่ำงกำรใช้ประโยชน์ของสำรประกอบไออ อนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะได้อย่ำงเหมำะสม รวม 25 ผลกำรเรียนรู้
  • 4. โครงสร้ำงรำยวิชำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ เวลำ 60 ชั่วโมง/ปี จำนวน 1.5 หน่วยกิต สำระสำค สดงถึงควำมตระหนักในกำรทำป อื่นและสิ่งแวดล้อม กำร และวัดปริมำณต่ำงๆ นกำรทดลอง ยกำรใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย - กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องคำนึงถึงควำมปลอดภัย ควำมถูกต้อง และ - กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องมีกำรเลือกและใช้อุปกรณ์ในกำรทำปฏิบัต จึงมีกำรกำหนดหน่วยในระบบเอสไอให้เป็นหน่วยสำกล แบบ - นักวิทยำศำสตร์ศึกษำโครงสร้ำงของอะตอม และเสนอแบบจำลองอ กำรตั้งสมมติฐำน และผลกำรทดลองสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุปร
  • 5. สำระสำค นำกำรของแบบ จำลองอะตอม นโปรตอน นิวตรอน วมทั้งบอก ังงำนหลัก ของธำตุเรพรีเซนเททีฟ นเททีฟตำมหมู่และตำมคำบ รีเซนเททีฟ ัมมันตรังสี ยชน์ - อิเล็กตรอนจัดเรียงอยู่รอบๆ นิวเคลียสในระดับพลังงำนหลักต่ำง ๆ - ตำรำงธำตุในปัจจุบันจัดเรียงธำตุตำมเลขอะตอม และสมบัติที่คล้ำย - ธำตุเรพรีเซนเททีฟมีสมบัติทำงเคมีคล้ำยคลึงกันตำมหมู่ – ธำตุแทรนซิชันเป็นโลหะ มีขนำดอะตอมใกล้เคียงกัน มีจุดเดือด จุด เมื่อเกิดเป็นสำรประกอบส่วนใหญ่จะมีสี - ธำตุกัมมันตรังสีเป็นธำตุที่ทุกไอโซโทปสำมำรถแผ่รังสีได้ โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีเป็นระยะเวลำที่ไอโซโทปกัม - สมบัติบำงประกำรของธำตุแต่ละชนิด ทำให้สำมำรถนำธำตุไปใช้ป โดยใช้แผนภำพ ระกอบไอออนิกจำกวัฏจักรบอร์น งปฏิกิริยำของสำร พันธะคู่ และพันธะสำม ลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ รโคเวเลนต์จำกพลังงำนพันธะ งเวเลนซ์ เลนต์ ำยน้ำของสำรโคเวเลนต์ - กำรเกิดพันธะเคมีส่วนใหญ่เป็นไปตำมกฎออกเตต - พันธะไอออนิกเกิดจำกกำรยึดเหนี่ยวระหว่ำงประจุไฟฟ้ำของไอออ - สำรประกอบไอออนิกเขียนแสดงสูตรเคมีโดยใช้สัญลักษณ์ธำตุที่เป็ นลบ และมีตัวเลขแสดงอัตรำส่วนอย่ำงต่ำของจำนวนไอออน - กำรเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิกให้เรียกชื่อไอออนบวกตำมด้วยช - ปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกแสดงได้ด้วยวัฏจักรบอร์น-ฮ - สำรประกอบไอออนิกส่วน ใหญ่เป็นของแข็ง มีจุดเดือดและจุด แต่เมื่อหลอมเหลวหรือละลำยน้ำจะนำไฟฟ้ำได้ และสำรละลำยของ - พันธะโคเวเลนต์เกิดจำกใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกันของอโลหะ - โดยทั่วไปสูตรโมเลกุลของ สำรโคเวเลนต์เขียนแสดงด้วนสัญลักษ และมีตัวเลขแสดงจำนวนอะตอมของธำตุที่มีมำกกว่ำ 1 อะตอม และกำรเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ทำได้โดยเรียกชื่อธำตุที่อยู่หน้ำก่อนแ และมีคำนำหน้ำระบุจำนวนอะตอมของธำตุ
  • 6. สำระสำค ต์โครงร่ำงตำข่ำยชนิดต่ำง ๆ อออนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะ งสำรประกอบไอออนิก - ควำมยำวพันธะและ พลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ขึ้นกับชนิดของอะตอมคู่ร่วมพันธะ - รูปร่ำงของโมเลกุลโคเวเลนต์ ขึ้นอยู่กับจำนวนพันธะและจำนวนอ และสภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์เป็นผลรวมปริมำณเวกเตอร์สภ - แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำง โมเลกุลมีผลต่อจุดหลอมเหลว จุดเดือด โดยสำรโคเวเลนต์จะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ และไม่ละลำย - สำรโคเวเลนต์บำงชนิดที่มี โครงสร้ำงโมเลกุลขนำดใหญ่ และมีพันธะโคเวเลนต์ต่อเนื่องเป็นโครงร่ำงตำข่ำยจะมีจุดหลอมเหล - พันธะโลหะเกิดจำกเวเลนซ์ อิเล็กตรอนของทุกอะตอมของโลหะเคลื่อนที่อย่ำงอิสระไปทั่วทั้งโลห - โลหะส่วนใหญ่เป็นของแข็ง ผิวมันวำว จุดหลอม - สำรประกอบไอออนิก สำร โคเวเลนต์ และโลหะ มีสมบัติเฉ จึงนำมำใช้ประโยชน์ในด้ำน ต่ำง ๆ ได้ตำมควำมเหมำะสม หมำยเหตุ ร หมำยถึง ระหว่ำงภำค ป หมำยถึง ปลำยภำค หน่วยกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1 ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4
  • 7. จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน จำนวน 1.5 หน่วยกิต 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ เข้ำใจห ลักกำรทำปฏิบัติกำ รเค มี กำรวัด ปริมำ ณ ส ำ ร หน่วยวัดและกำรเปลี่ยนหน่วย กำรคำนวณปริมำณของสำร ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง ส ำ ร ล ะ ล ำ ย รวมทั้งกำรบูรณำกำรควำมรู้และทักษะในกำรอธิบำยปรำกฏกำรณ์ใน ชีวิตประจำวันและกำรแก้ปัญหำทำงเคมี 2. ผลกำรเรียนรู้ 1. บ อ ก แ ล ะ อ ธิ บ ำ ย ข้ อ ป ฏิ บั ติ เ บื้ อ ง ต้ น และปฏิบัติตนที่แสดงถึงควำมตระหนักในกำรทำปฏิบัติกำรเค มี เพื่อให้มีควำมปลอดภัยทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม และเสนอแนวทำงแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 2. เลือกและใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือในกำรทำปฏิบัติกำร และวัดปริมำณต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม 3. นำเสนอแผนกำรทดลอง ทดลองและเขียนรำยงำนกำรทดลอง 4. ร ะ บุ ห น่ ว ย วั ด ป ริ ม ำ ณ ต่ ำ ง ๆ ข อ ง ส ำ ร และเปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยกำรใช้แ ฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย 3. สำระกำรเรียนรู้ 1) กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องคำนึงถึงควำมปลอดภัยและควำมเ ป็ น มิ ต ร ต่ อ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ดั ง นั้ น จึงควรศึกษำข้อปฏิบัติของกำรทำปฏิบัติกำรเคมี เช่น ค ว ำ ม ป ล อ ด ภัย ใ น ก ำ ร ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ ส ำ ร เ ค มี กำรป้องกันอุบัติเหตุระหว่ำงกำรทดลอง กำรกำจัดสำรเคมี 2) อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ เ ค รื่ อ ง มื อ ชั่ ง ต ว ง วั ด แต่ละช นิด มีวิธี กำรใช้งำนและกำรดูแลแต กต่ำงกัน ซึ่ ง ก ำ ร วั ด ป ริ ม ำ ณ ต่ ำ ง ๆ ให้ได้ข้อมูลที่มีควำมเที่ยงและควำมแม่นในระดับนัยสำคัญที่ต้ อ ง ก ำ ร ต้องมีกำรเลือกและใช้อุปกรณ์ในกำรทำปฏิบัติกำรอย่ำงเหมำะ สม 3) กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องมีกำรวำงแผนกำรทดลองกำรทำก ำรทดลอง กำรบันทึกข้อมูล สรุปและวิเครำะห์ นำเสนอข้อมูล
  • 8. แ ล ะ ก ำ ร เ ขี ย น ร ำ ย ง ำ น ก ำ ร ท ด ล อ ง ที่ ถู ก ต้ อ ง โดยกำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องคำนึงถึงวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ จิตวิทยำศำสต ร์ และจริยธรรมทำงวิทยำศำสตร์ 4) กำรทำปฏิบัติกำรเคมีต้องมีกำรวัดปริมำณต่ำง ๆ ของสำร กำรบอกปริมำณของสำรอำจระบุอยู่ในหน่วยต่ำง ๆ ดังนั้น เ พื่ อ ใ ห้ มี ม ำ ต ร ฐ ำ น เ ดี ย ว กั น จึงมีกำรกำหนดหน่วยในระบบเอสไอให้เป็ นหน่วย สำกล ซึ่งกำรเปลี่ยนหน่วยเพื่อให้เป็นหน่วยสำกลสำมำรถทำได้ด้วย กำรใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด กำรทำปฏิบัติกำรทำงเคมีจะมีควำมเกี่ยวข้องสำรเคมีหลำยชนิด ร ว ม ทั้ ง อุ ป ก ร ณ์ เ ค รื่ อ ง แ ก้ ว ต่ ำ ง ๆ สำรเคมีบำงชนิดอำจทำให้เกิดอันตรำยต่อร่ำงกำยของผู้ทำปฏิบัติกำร ได้โดยตรง หรืออำจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ในขณะทำปฏิบัติกำรเคมี ดั ง นั้ น ผู้ทำปฏิบัติกำรเคมีจึงจำเป็นต้องทรำบถึงข้อปฏิบัติในกำรทำปฏิบัติกำ รเคมี หรือกำรปฐมพยำบำลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น อุปกรณ์ทำงวิทยำศำสตร์เป็ นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ทั้งภำยใน ห้องปฏิบัติกำรเพื่อใช้ทดลอง และหำคำตอบต่ำง ๆ ทำงวิทยำศำสตร์ เ ช่ น เ ค รื่ อ ง แ ก้ ว เ ค รื่ อ ง ชั่ ง เ ป็ น ต้ น จึงค วรมี ค วำมรู้เกี่ย วกับวิธี กำรใช้งำน และกำรดูแลรักษำ เพรำะในห้องปฏิบัติกำรจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือหลำ ย ช นิ ด แ ล ะ ส ำ ร เ ค มี ที่ มี ส ม บั ติ แ ต ก ต่ ำ ง กั น ห ำกข ำด ค วำมรู้ใ นกำรใช้อุปกรณ์ ห รือเค รื่องมือที่ถูกต้อง อ ำ จ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด อุ บัติ เ ห ตุ ต่ อ ผู้ ใ ช้ ห้ อ ง ป ฏิ บัติ ก ำ ร เ อ ง และเกิดควำมเสียหำยต่อทรัพย์สินต่ำง ๆ ของโรงเรียนได้ กำรทำปฏิบัติกำรเคมีเป็นกำรเสริมสร้ำงควำมรู้และควำมเข้ำใจใน ก ำ ร ศึ ก ษ ำ วิ ช ำ เ ค มี ใ ห้ ดี ยิ่ ง ขึ้ น และเป็นกำรช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้นักเรียนมีโอกำสฝึกกำรสังเ กตด้วยตนเอง โดยนำทักษะต่ำง ๆ มำใช้ร่วมกันเพื่อหำคำต อบ ตลอดจนให้ผู้ทำกำรทดลองได้มีโอกำสแสดงควำมคิดเห็นจำกกำรเขีย นรำยงำนกำรทดลอง ซึ่งจะทำให้กำรศึกษำวิชำเคมีประสบควำมสำเร็จ หน่วยทำงเคมีเป็นหน่วยที่ใช้บอกขนำดของปริมำณสำรเคมีที่ต้อง กำรใช้ มีทั้งหน่วยน้ำหนัก หน่วยปริมำตร และหน่วยควำมเข้มข้น รวมทั้งหน่วยอุณหภูมิ โดยอำจใช้เป็ นหน่วยในระบบเมต ริก
  • 9. ห รื อ ร ะ บ บ เ อ ส ไ อ ในกำรคำนวณหำปริมำณสำรเพื่อใช้ในกำรทดลองจำเป็นต้องแสดงห น่วยและเลขนัยสำคัญในกำรแสดงผลของกำรวัดและหน่วยของกำรวั ดด้วยควำมถูกต้องและแม่นยำ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด 1) ทักษะกำรสังเกต 2) ทักษะกำรสำรวจค้นหำ 3) ทักษะกำรวิเครำะห์ 4) ทักษะกำรตั้งสมมติฐำน 5) ทักษะกำรทดลอง 6) ทักษะกำรตีควำมหมำยและลงข้อสรุป 3. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในกำรทำงำน 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ - แผนฯ ที่ 1 : กำรปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติกำรเคมี วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 2 : เทคนิคกำรใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทำงเคมี วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 3 : กำรปฏิบัติและเขียนรำยงำนกำรทดลอง วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 4 : หน่วยวัดทำงเคมี วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง 8. กำรวัดและกำรประเมินผล รำยกำรวัด วิธีว 8.1 กำรประเมินชิ้นงำน/ภำระงำน (รวบยอด) - ตรวจผังมโนทัศน์ กำรปฏิบัติตนในห้อ
  • 10. รำยกำรวัด วิธีว - ตรวจแบบบันทึก กำรละลำยของสำรใ ๆ 8.2 กำรประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยกำรเรียนรู้ที่1เรื่องปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน 8.3 กำรประเมินระหว่ำงกำรจัดกิจกรรม 1) กำรปฏิบัติตนในห้อง ปฏิบัติกำรเคมี - ตรวจใบงำนที่ 1.1 - ตรวจแบบฝึกหัด 2) เทคนิคกำรใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทำงเคมี - ตรวจใบงำนที่ 1.2 - ตรวจแบบฝึกหัด 3) กำรปฏิบัติและเขียนรำยงำนกำรทดลอง - ตรวจแบบฝึกหัด 4) หน่วยวัดทำงเคมี - ตรวจใบงำนที่ 1.3 - ตรวจแบบฝึกหัด 5) กำรนำเสนอผลงำน - ประเมินกำร นำเส 6( พฤติกรรมกำรทำงำนรำยบุคคล - สังเกตพฤติกรรมกำ 7) พฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม กำรทำงำนกลุ่ม 8) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตควำมมีวินัย ใฝ่เรียนรู้และมุ่งมั่น ในกำรทำงำน 8.4 กำรประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน 9. ชิ้นงำน/ภำระงำน 1. ผังมโนทัศน์ เรื่อง กำรปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติกำรเคมี 2. แบบบันทึกกิจกรรม เรื่อง กำรละลำยของสำรในตัวทำละลำยต่ำง ๆ 10. สื่อ/แหล่งกำรเรียนรู้ 10.1 สื่อกำรเรียนรู้
  • 11. 1) หนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น 2) หนังสือแบบฝึกหัดเคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น 3) ใบควำมรู้ที่ 1.1 เรื่อง สำรละลำย 4) ใบงำนที่ 1.1 เรื่อง กำรปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติกำรเคมี 5) ใบงำนที่ 1.2 เรื่อง กำรเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือในกำรทดลองกำรละลำยของ สำร 6) ใบงำนที่ 1.3 เรื่อง หน่วยวัดทำงเคมี 7) PowerPoint เรื่อง กำรแต่งกำยที่เหมำะสมในห้องปฏิบัติกำร 8) PowerPoint เรื่อง สัญลักษณ์แสดงอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับควำมปลอดภัย 9) PowerPoint เรื่อง กำรปฐมพยำบำล 10) PowerPoint เรื่อง สัญลักษณ์อันตรำยจำกสำรเคมี 11) PowerPoint เรื่อง เทคนิคกำรใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทำงเคมี 10.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) ห้องปฏิบัติกำรวิทยำศำสตร์ 3) แหล่งข้อมูลสำรสนเทศ • ควำมปลอดภัยในห้องปฏิบัติกำร : https://www.youtube.com/watch?v=cjFi0gpXpos • กำรใช้เครื่องแก้วในห้องปฏิบัติกำร : https://www.youtube.com/watch?v=aGlV83eKJ9 ลงชื่อ.....................................................................ผู้สอน (นำงสำววรำภรณ์ บุรำณเดช) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
  • 12. หน่วยกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1 ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน จำนวน 1.5 หน่วยกิต 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ เข้ำใจโครงสร้ำงอะต อม กำรจัดเรียงธำตุในตำรำงธ ำตุ สมบัติของธำตุ พันธะเคมีและสมบัติของสำร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติข องสำรประกอบอินทรีย์ และพ อลิเ มอ ร์ รวมทั้งกำรนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลกำรเรียนรู้ 5. สื บ ค้ น ข้ อ มู ล ส ม ม ติ ฐ ำ น ก ำ ร ท ด ล อ ง หรือผลกำรทดลองที่เป็นประจักษ์พยำนในกำรเสนอแบบจำลอ ง อ ะ ต อ ม ข อ ง นั ก วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ และอธิบำยวิวัฒนำกำรของแบบจำลองอะตอม 6. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุ และระบุจำนวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอมจำกสัญลักษณ์นิวเคลียร์ รวมทั้งบอกควำมหมำยของไอโซโทป 7. อธิบำยและเขียนกำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำนหลัก และระดับพลังงำนย่อยเมื่อทรำบ เลขอะตอมของธำตุ 8. ร ะ บุ ห มู่ ค ำ บ ค ว ำ ม เ ป็ น โ ล ห ะ อ โ ล ห ะ แ ล ะ กึ่ ง โ ล ห ะ ข อ ง ธ ำ ตุ เ ร พ รี เ ซ น เ ท ที ฟ และธำตุแทรนซิชันในตำรำงธำตุ 9 . วิเครำะห์และบอกแนวโน้มสมบัติของธำตุเรพรีเซนเททีฟต ำมหมู่และตำมคำบ 10. บ อ ก ส ม บั ติ ข อ ง ธ ำ ตุ โ ล ห ะ แ ท ร น ซิ ชั น และเปรียบเทียบสมบัติกับธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรีเซนเททีฟ
  • 13. 1 1 . อธิบำยสมบัติและคำนวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรัง สี 12. สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่ำงกำรนำธำตุมำใช้ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 3. สำระกำรเรียนรู้ 1) นั ก วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ ศึ ก ษ ำ โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ข อ ง อ ะ ต อ ม และเสนอแบบจำลองอะตอมแบบต่ำง ๆ จำกกำรศึกษำข้อมูล กำรสังเกต กำรตั้งสมมติฐำน และผลกำรทดลอง 2) แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม มี วิ วั ฒ น ำ ก ำ ร โดยเริ่มจำกดอลตันเสนอว่ำธำตุประกอบด้วยอะตอมซึ่งเป็ นอนุ ภ ำ ค ข น ำ ด เ ล็ ก ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ แ บ่ ง แ ย ก ไ ด้ ต่อมำทอมสันเสนอว่ำอะตอมประกอบด้วยอนุภำคที่มีประจุลบ เ รี ย ก ว่ ำ อิ เ ล็ ก ต ร อ น แ ล ะ อ นุ ภ ำ ค ป ร ะ จุ บ ว ก รัทเทอร์ฟอร์ดเสนอว่ำประจุบว กที่เรีย กว่ำ โปรต อน รวมตัวกันอยู่ต รงกึ่งกลำงอะตอม เรียกว่ำ นิวเคลีย ส ซึ่งมีขนำดเล็กมำก และมีอิเล็กตรอนอยู่รอบนิวเคลีย ส โบร์เสนอว่ำอิเล็กตรอนเคลื่อนที่เป็ นวงรอบนิวเค ลีย ส โ ด ย แ ต่ ล ะ ว ง มี ร ะ ดั บ พ ลั ง ง ำ น เ ฉ พ ำ ะ ตั ว ในปัจจุบันนักวิทยำศำสตร์ยอมรับว่ำอิเล็กตรอนมีกำรเคลื่อนที่ ร ว ด เ ร็ ว ร อ บ นิ ว เ ค ลี ย ส แ ล ะ ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ ร ะ บุ ต ำ แ ห น่ ง ที่ แ น่ น อ น ไ ด้ จึ ง เ ส น อ แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม แ บ บ ก ลุ่ ม ห ม อ ก ซึ่งแสดงโอกำสกำรพบอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส 3) สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธำตุประกอบด้วยสัญลักษณ์ ธำตุ เ ล ข อ ะ ต อ ม ซึ่ ง แ ส ด ง จ ำ น ว น โ ป ร ต อ น และเลขมวลซึ่งแสดงผลรวมของจำนวนโปรตอนกับนิวตรอน อะตอมของธำตุชนิดเดียวกันที่มีจำนวนโปรตอนเท่ำกัน แต่มีจำนวนนิวตรอนต่ำงกัน เรียกว่ำ ไอโซโทป 4) กำรศึกษำสเปกตรัมกำรเปล่งแสงของอะตอมแก๊สทำให้ทรำ บ ว่ ำ อิ เ ล็ ก ต ร อ น จั ด เ รี ย ง อ ยู่ ร อ บ ๆ นิ ว เ ค ลี ย ส ใ น ร ะ ดั บ พ ลั ง ง ำ น ห ลั ก ต่ ำ ง ๆ และแต่ละระดับพลังงำนหลักยังแบ่งเป็ นระดับพลังงำนย่อย ซึ่งมีบริเวณที่จะพ บ อิเล็ กต รอน เรีย กว่ำ ออร์บิทัล ไ ด้ แ ต ก ต่ ำ ง กัน แ ล ะ อิ เ ล็ ก ต ร อ น จ ะ จัด เ รี ย ง ใ น
  • 14. ออร์บิทัลให้มีระดับพลังงำนต่ำที่สุดสำหรับอะตอมในสถำนะพื้ น 5 ) ตำรำงธำตุในปัจจุบันจัดเรียงธำตุตำมเลขอะตอมและสมบัติ ที่ ค ล้ ำ ย ค ลึ ง กั น เ ป็ น ห มู่ แ ล ะ ค ำ บ โดยอำจแบ่งธำตุในตำรำงธำตุเป็ นกลุ่มธำตุโลหะ กึ่งโลหะ และอโลห ะ นอกจำกนี้ อำจแบ่งเป็ นกลุ่มธ ำตุเรพรี- เซนเททีฟและกลุ่มธำตุแทรนซิชัน 6 ) ธำตุเรพรีเซนเททีฟในหมู่เดียวกันมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตร อ น เ ท่ ำ กั น และธำตุที่อยู่ในคำบเดียวกันมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนในระดับพลัง ง ำ น ห ลั ก เ ดี ย ว กั น ธำตุเรพรีเซนเททีฟมีสมบัติทำงเคมีคล้ำยคลึงกันต ำมหมู่ และมีแนวโน้มสมบัติบำงประกำรเป็นไปตำมหมู่และตำมคำบ เช่น ขนำดอะตอม รัศมีไอออน พลังงำนไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกำติวิตี สัมพรรคภำพอิเล็กตรอน 7 ) ธำตุแทรนซิชันเป็นโลหะที่ส่วนใหญ่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ ำกับ 2 มีขนำดอะตอมใกล้เคียงกัน มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว แ ล ะ ค ว ำ ม ห น ำ แ น่ น สู ง เกิดปฏิกิริยำกับน้ำได้ช้ำกว่ำธำตุโลหะในกลุ่มธำตุเรพรี - เซนเททีฟ เมื่อเกิดเป็นสำรประกอบส่วนใหญ่จะมีสี 8) ธ ำ ตุ แ ต่ ล ะ ช นิ ด มี ไ อ โ ซ โ ท ป ซึ่ ง ใ น ธ ร ร ม ช ำติบ ำง ธ ำ ตุมี ไ อ โซ โ ท ป ที่แ ผ่รังสีได้ เนื่องจำกนิวเคลียสไม่เสถียร เรียกว่ำ ไอโซโทปกัมมันตรังสี สำหรับธำตุกัมมันตรังสีเป็นธำตุที่ทุกไอโซโทปสำมำรถแผ่รังสี ได้รังสีที่เกิดขึ้น เช่น รังสีแอลฟำ รังสีบีตำ รังสีแกมมำ โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีเป็ นระยะเวลำที่ไอโซโ ทป กัมมันตรังสีสลำยตัวจนเหลือครึ่งหนึ่งของปริมำณเดิม ซึ่งเป็นค่ำคงที่เฉพำะของแต่ละไอโซโทปกัมมันตรังสี 9) ส ม บั ติ บ ำ ง ป ร ะ ก ำ ร ข อ ง ธ ำ ตุ แ ต่ ล ะ ช นิ ด ทำให้ส ำมำรถนำธ ำตุไปใช้ประโยช น์ในด้ำน ต่ำง ๆ ไ ด้ อ ย่ ำ ง ห ล ำ ก ห ล ำ ย ทั้งนี้กำรนำธำตุไปใช้ต้องตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งมีชีวิ
  • 15. ต แ ล ะ สิ่ง แ ว ด ล้อ ม โ ด ย เ ฉ พ ำ ะ ส ำ ร กัม มัน ต รัง สี ซึ่งต้องมีกำรจัดกำรอย่ำงเหมำะสม 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด ธ ำ ตุ ต่ำ ง ๆ จ ะ มี อ นุ ภ ำ ค ที่ เ ล็ ก ม ำ ก เ รี ย ก ว่ำ อ ะ ต อ ม ภำยในโครงสร้ำงอะตอมของธำตุต่ำง ๆ ประกอบด้วยอนุภำคมูลฐำน แ ล ะ จั ด เ รี ย ง ตั ว กั น อ ย่ ำ ง เ ป็ น ร ะ บ บ ซึ่ ง ส ำ ม ำ ร ถ ช่ ว ย อ ธิ บ ำ ย ส ม บั ติ ท ำ ง เ ค มี ข อ ง ส ส ำ ร และก่อให้เกิดประโยชน์มำกมำย นักวิทยำศำสตร์ได้ศึกษำโครงสร้ำงอะตอมโดยสร้ำงแบบจำลองอะตอ มแบบต่ำง ๆ เช่น แบบจำลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด โ บ ร์ แ ล ะ แ บ บ ก ลุ่ ม ห ม อ ก ซึ่งจำกกำรศึกษำทำให้เกิดพัฒนำกำรอย่ำงต่อเนื่องของกำรศึกษำโครงส ร้ ำ ง ข อ ง อ ะ ต อ ม แ ล ะ อ ธิ บ ำ ย ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ต่ ำ ง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่ำงถูกต้องเหมำะสม จ ำ ก ก ำ ร ศึก ษ ำ แ บ บ จ ำ ล อ ง อ ะ ต อ ม ท ำ ใ ห้ท ร ำ บ ว่ ำ อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ล้อมรอบนิวเคลียสเป็ นระดับพลังงำนที่มีค่ำจำเพำะ โดยในแต่ละระดับพลังงำนจะมีจำนวนอิเล็กตรอนไม่เกิน 2n2 เมื่อ n คือ ร ะ ดับ ชั้ น พ ลั ง ง ำ น แ ล ะ ใ น ก ำ ร จัด เ รี ย ง อิ เ ล็ ก ต ร อ น อิเล็กตรอนชั้นนอกสุดที่เรียกว่ำ เวเลนซ์อิเล็กตรอน ต้องไม่เกิน 8 อิเล็กตรอน ก ำ ร ค้น พ บ ธ ำ ตุ จ ำ น ว น ม ำ ก ที่ มี ส ม บัติ แ ต ก ต่ ำ ง กัน ท ำ ใ ห้ ย ำ ก ต่ อ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ นั ก วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ จึ ง ไ ด้ จัด จ ำ แ น ก ห ม ว ด ห มู่ ข อ ง ธ ำ ตุ โ ด ย จัด ธ ำ ตุที่ มี ส ม บัติค ล ำ ย ค ลึงกัน ใ ห้อ ยู่ใ น ก ลุ่ม เ ดีย วกัน โดยนำเสนอในรูปแบบข องต ำรำงธำตุที่แสด งสมบัติทำง เค มี แ ล ะ ส ม บั ติ ท ำ ง ก ำ ย ภ ำ พ ข อ ง ธ ำ ตุ ไ ว้ อ ย่ ำ ง ชั ด เ จ น ซึ่ ง ส ำ ม ำ ร ถ น ำ ม ำ ใ ช้ อ ธิ บ ำ ย เ ห ตุ ก ำ ร ณ์ ต่ ำ ง ๆ ของธำตุในกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีของสำรได้ ธำตุเรพรีเซนเททีฟในหมู่เดียวกันจะมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ำกั น และธำตุที่อยู่ในคำบเดียวกันจะมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนอยู่ในระดับพลังงำน ห ลั ก เ ดี ย ว กั น ทำให้ธำตุเรพรีเซนเททีฟมีสมบัติคล้ำยคลึงกันตำมหมู่และตำมคำบ
  • 16. ธำตุแทรนซิชันเป็ นโลหะ มีขนำดอะตอมใกล้เคียงกัน มีจุดเดือด จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว แ ล ะ ค ว ำ ม ห น ำ แ น่ น สู ง เมื่อเกิดเป็นสำรประกอบส่วนใหญ่จะมีสี ธำตุกัมมันตรังสีเป็ นธำตุที่ทุกไอโซโทปสำมำรถแผ่รังสีได้ โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีเป็ นระยะเวลำที่ไอโซโทปกัมมัน ตรังสีสลำยตัวจนเหลือครึ่งหนึ่งของปริมำณเดิม ส ม บั ติ บ ำ ง ป ร ะ ก ำ ร ข อ ง ธ ำ ตุ แ ต่ ล ะ ช นิ ด ทำให้สำมำรถนำธำตุไปใช้ประโยชน์ในด้ำนต่ำง ๆ ได้หลำกหลำย 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด 1) ทักษะกำรสังเกต 2) ทักษะกำรสำรวจค้นหำ 3) ทักษะกำรวิเครำะห์ 4) ทักษะกำรตั้งสมมติฐำน 5) ทักษะกำรทดลอง 6) ทักษะกำรลงควำมเห็นจำกข้อมูล 7) ทักษะกำรตีควำมหมำยและลงข้อสรุป 8) ทักษะกำรกำหนดและควบคุมตัวแปร 3. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในกำรทำงำน 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ - แผนฯ ที่ 1 : แบบจำลองอะตอม วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 8 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 2 : กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 3 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 3 : ตำรำงธำตุ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 3 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 4 : สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ
  • 17. วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 6 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 5 : ธำตุแทรนซิชัน วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 5 ชั่วโมง แผนฯ ที่ 6 : ธำตุกัมมันตรังสี วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 7 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 7 : ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 3 ชั่วโมง 8. กำรวัดและกำรประเมินผล รำยกำรวัด วิธีวัด 8.1 กำรประเมินชิ้นงำน/ภำระงำน (รวบยอด) - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของธำตุ - ตรวจรำยงำนกำรทดลอง เรื่อง กำรศึกษำสีของเปลวไฟจำกสำรประกอบ และสเปกตรัมของธำตุบำงชนิด - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง วิวัฒนำกำรของตำรำงธำตุ - ตรวจผังสรุปควำมรู้ เรื่อง สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ - ตรวจรำยงำนกำรทดลอง เรื่องกำร ศึกษำสมบัติของสำรประกอบของ โครเมียมและ แมงกำนีส - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่องธำตุแทรนซิชัน - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุกัมมันตรังสี - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 8.2 กำรประเมินก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน
  • 18. รำยกำรวัด วิธีวัด แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยกำรเรียนรู้ ที่ 2 เรื่อง อะตอมและตำรำงธำตุ 8.3 กำรประเมินระหว่ำงกำรจัดกิจกรรม 1) แบบจำลองอะตอม - ตรวจใบงำนที่ 2.1-2.2 - ตรวจแบบฝึกหัด 2) กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน - ตรวจใบงำนที่ 2.3-2.5 - ตรวจแบบฝึกหัด 3( ตำรำงธำตุ - ตรวจใบงำนที่ 2.6 - ตรวจแบบฝึกหัด 4( สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ - ตรวจใบงำนที่ 2.7-2.8 - ตรวจแบบฝึกหัด 5) ธำตุแทรนซิชัน - ตรวจใบงำนที่ 2.9 - ตรวจแบบฝึกหัด 6) ธำตุกัมมันตรังสี - ตรวจใบงำนที่ 2.10 - ตรวจแบบฝึกหัด 7) ธำตุและสำร ประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม - ตรวจใบงำนที่ 2.11 - ตรวจแบบฝึกหัด 8) กำรนำเสนอผลงำน - ประเมินกำรนำเสนอ ผลงำน 9) พฤติกรรมกำรทำงำน รำยบุคคล - สังเกตพฤติกรรม กำรทำงำนรำยบุคคล 10) พฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม กำรทำงำนกลุ่ม 11) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตควำมมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในกำรทำงำน 8.4 กำรประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง อะตอมและตำรำงธำตุ ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน 9. ชิ้นงำน/ภำระงำน (รวบยอด) 1. ผังมโนทัศน์ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของธำตุ
  • 19. 2. รำยงำนกำรทดลอง เรื่อง กำรศึกษำสีของเปลวไฟจำกสำรประกอบ และสเปกตรัมของธำตุบำงชนิด 3. ผังมโนทัศน์ เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน 5. ผังมโนทัศน์ เรื่อง วิวัฒนำกำรของตำรำงธำตุ 6. ผังสรุปควำมรู้ เรื่อง สมบัติของธำตุตำมหมู่และตำมคำบ 7. รำยงำนกำรทดลอง เรื่อง กำรศึกษำสมบัติของสำรประกอบของโครเมียมและแมงกำนีส 8. ผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุแทรนซิชัน 9. ผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุกัมมันตรังสี 10. ผังมโนทัศน์ เรื่อง ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 10. สื่อ/แหล่งกำรเรียนรู้ 10.1 สื่อกำรเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนเคมี ม.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 อะตอมและตำรำงธำตุ 2) ใบควำมรู้ที่ 2.1 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน 3) ใบควำมรู้ที่ 2.2 เรื่อง ตำรำงธำตุ 4) ใบงำนที่ 2.1 เรื่อง วิวัฒนำกำรของแบบจำลองอะตอม 5) ใบงำนที่ 2.2 เรื่อง แบบจำลองอะตอมของธำตุ 6) ใบงำนที่ 2.3 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน 1 7) ใบงำนที่ 2.4 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน 2 8) ใบงำนที่ 2.5 เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงำน 3 9) ใบงำนที่ 2.6 เรื่อง ตำรำงธำตุ 10) ใบงำนที่ 2.7 เรื่อง สมบัติของธำตุในตำรำงธำตุ 11) ใบงำนที่ 2.8 เรื่อง เลขออกซิเดชัน 12) ใบงำนที่ 2.9 เรื่อง ธำตุแทรนซิชัน 13) ใบงำนที่ 2.10 เรื่อง ธำตุกัมมันตรังสี 14) ใบงำนที่ 2.11 เรื่อง ธำตุและสำรประกอบในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 15) PowerPoint เรื่อง แบบจำลองอะตอมของโบร์ 16) PowerPoint เรื่อง แบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก 17) PowerPoint เรื่อง กำรจัดเรียงอิเล็กตรอน 18) PowerPoint เรื่อง ตำรำงธำตุ 19) PowerPoint เรื่อง ปฏิกิริยำฟิชชัน 20) PowerPoint เรื่อง ปฏิกิริยำฟิวชัน
  • 20. 10.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) ห้องปฏิบัติกำรวิทยำศำสตร์ ลงชื่อ.....................................................................ผู้สอน (นำงสำววรำภรณ์ บุรำณเดช) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี หน่วยกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ ปฏิบัติกำรเคมีเบื้องต้น รหัสวิชำ ว 31221 วิชำเคมี 1 ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดำห์ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน จำนวน 1.5 หน่วยกิต 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ เข้ำใจโครงสร้ำงอะต อม กำรจัดเรียงธำตุในตำรำงธ ำตุ สมบัติของธำตุ พันธะเคมีและสมบัติของสำร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติข องสำรประกอบอินทรีย์ และพ อลิเ มอ ร์ รวมทั้งกำรนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ผลกำรเรียนรู้ 13. อธิบำยกำรเกิดไอออน และกำรเกิดพันธะไอออนิ ก โดยใช้แผนภำพหรือสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส
  • 21. 14. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก 1 5 . คำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอ บไอออนิกจำกวัฏจักรบอร์น-ฮำเบอร์ 16. อธิบำยสมบัติของสำรประกอบไอออนิก 1 7 . เขียนสมกำรไอออนิกและสมกำรไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยำ ของสำรประกอบไอออนิก 18. อธิบำยกำรเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสำม ด้วยโครงสร้ำงลิวอิส 19. เขียนสูตรและเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ 20. วิ เ ค ร ำ ะ ห์ แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ ค ว ำ ม ย ำ ว พั น ธ ะ แ ล ะ พ ลั ง ง ำ น พั น ธ ะ ใ น ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ รวมทั้งคำนวณพลังงำนที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยำของสำรโคเวเล นต์จำกพลังงำนพันธะ 2 1 . คำดคะเนรูปร่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีกำรผลักระ ห ว่ ำ ง คู่ อิ เ ล็ ก ต ร อ น ใ น ว ง เ ว เ ล น ซ์ และระบุสภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ 22. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์ แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว จุ ด เ ดื อ ด และกำรละลำยน้ำของสำรโคเวเลนต์ 2 3 . สืบค้นข้อมูลและอธิบำยสมบัติของสำรโคเวเลนต์โครงร่ำงต ำข่ำยชนิดต่ำง ๆ 24. อธิบำยกำรเกิดพันธะโลหะและสมบัติของโลหะ 25. เปรียบเทียบสมบัติบำงประกำรของสำรประกอบไอออนิก ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ แ ล ะ โ ล ห ะ สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่ำงกำรใช้ประโยชน์ของสำรประ กอบไอออนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะได้อย่ำงเหมำะสม 3. สำระกำรเรียนรู้ 1) สำรเค มีเกิด จำ ก กำ รยึด เห นี่ ย ว กันด้วย พันธ ะ เ ค มี ซึ่งเกี่ยวข้องกับเวเลนซ์อิเล็กตรอนที่แสดงได้ด้วยสัญลักษณ์แบ บ จุ ด ข อ ง ลิ ว อิ ส โดยกำรเกิดพันธะเคมีส่วนใหญ่เป็นไปตำมกฎออกเตต
  • 22. 2 ) พันธะไอออนิกเกิดจำกกำรยึดเหนี่ยวระหว่ำงประจุไฟฟ้ ำข อ ง ไ อ อ อ น บ ว ก กั บ ไ อ อ อ น ล บ ส่วนใหญ่ไอออนบวกเกิดจำกโลหะเสียอิเล็กตรอนและไอออน ล บ เ กิ ด จ ำ ก อ โ ล ห ะ รั บ อิ เ ล็ ก ต ร อ น ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ที่ เ กิด จ ำ ก พัน ธ ะ ไ อ อ อ นิ ก เ รี ย ก ว่ำ ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก ไ ม่ อ ยู่ ใ น รู ป โ ม เ ล กุ ล แต่เป็นโครงผลึกที่ประกอบด้วยไอออนบวกและไอออนลบจัดเ รียงตัวต่อเนื่องกันไปทั้งสำมมิติ 3) สำรประกอบไอออนิกเขียนแสดงสูตรเคมีโดยให้สัญลักษณ์ ธ ำ ตุ ที่ เ ป็ น ไ อ อ อ น บ ว ก ไ ว้ ข้ ำ ง ห น้ ำ ต ำ ม ด้ ว ย สั ญ ลั ก ษ ณ์ ธ ำ ตุ ที่ เ ป็ น ไ อ อ อ น ล บ โดยมีตัวเลขแสดงอัตรำส่วนอย่ำงต่ำของจำนวนไอออนที่เป็ นอ งค์ประกอบ 4) กำรเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิกทำได้โดยเรียกชื่อไอออน บ ว ก แ ล้ ว ต ำ ม ด้ ว ย ชื่ อ ไ อ อ อ น ล บ สำหรับสำรประกอบไอออนิกที่เกิดจำกโลหะที่มีเลขออกซิเดชั นได้หลำยค่ำ ต้องระบุเลขออกซิเดชันของโลหะด้วย 5 ) ปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกจำกธำตุเกี่ยวข้องกับ ป ฏิ กิ ริ ย ำ เ ค มี ห ล ำ ย ขั้ น ต อ น มี ทั้ง ที่ เ ป็ น ป ฏิกิริย ำ ดู ด พ ลัง ง ำ น แ ล ะ ค ำย พ ลังงำน ซึ่ ง แ ส ด ง ไ ด้ ด้ ว ย วั ฏ จั ก ร บ อ ร์ น - ฮ ำ เ บ อ ร์ และพลังงำนของปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกเป็ นผล รวมของพลังงำนทุกขั้นตอน 6) สำรประกอบไอออนิกส่วนใหญ่มีลักษณะเป็ นผลึกของแข็ง เ ป ร ำ ะ มี จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว แ ล ะ จุ ด เ ดื อ ด สู ง ล ะ ล ำ ย น้ ำ แ ล้ ว แ ต ก ตั ว เ ป็ น ไ อ อ อ น เ รี ย ก ว่ ำ สำรละลำยอิเล็กโทรไลต์ เมื่อเป็ นของแข็งไม่นำไฟฟ้ ำ แต่ถ้ำทำให้หลอมเหลวหรือละลำยในน้ำจะนำไฟฟ้ำ 7 ) สำรละลำยของสำรประกอบไอออนิกแสดงสมบัติควำมเป็ น ก ร ด –เ บ ส ต่ ำ ง กั น
  • 23. สำรละลำยของสำรประกอบคลอไรด์มีสมบัติเป็ นกลำง และสำรละลำยของสำรประกอบออกไซด์มีสมบัติเป็นเบส 8) ป ฏิ กิ ริ ย ำ ข อ ง ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก สำมำรถเขียนแสดงด้วยสมกำรไอออนิกหรือสมกำรไอออนิกสุ ท ธิ โดยที่สมกำรไอออนิกแสดงสำรตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ แ ต ก ตั ว ไ ด้ ใ น รู ป ข อ ง ไ อ อ อ น ส่วนสมกำรไอออนิกสุทธิแสดงเฉพำะไอออนที่ทำปฏิกิริยำกัน และผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น 9 ) พันธะโคเวเลนต์เป็นกำรยึดเหนี่ยวที่เกิดขึ้นภำยในโมเลกุลจ ำ ก ก ำ ร ใ ช้ เ ว เ ล น ซ์ อิ เ ล็ ก ต ร อ น ร่ ว ม กัน ข อ ง ธ ำ ตุ ซึ่ ง ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ธ ำ ตุ อ โ ล ห ะ โ ด ย ทั่ ว ไ ป จ ะ เ ป็ น ไ ป ต ำ ม ก ฎ อ อ ก เ ต ต สำรที่ยึด เห นี่ ย วกัน ด้วย พันธ ะโค เว เล นต์ เรีย กว่ำ สำรโคเวเลนต์ พันธะโคเวเลนต์เกิดได้ทั้งพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสำม ซึ่งสำมำรถเขียนแสดงได้ด้วยโครงสร้ำงลิวอิส โด ย แสด งอิเล็กต รอนคู่ร่ว มพันธ ะด้วย จุด ห รื อ เ ส้น และแสดงอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของแต่ละอะตอมด้วยจุด 10) สู ต ร โ ม เ ล กุ ล ข อ ง ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ โดยทั่วไปเขียนแสดงด้วยสัญลักษณ์ของธำตุเรียงลำดับตำมค่ำ อิ เ ล็ ก - โ ท ร เ น ก ำ ติ วิ ตี จ ำ ก น้ อ ย ไ ป ม ำ ก โดยมีตัวเลขแสดงจำนวนอะตอมของธำตุที่มีมำกกว่ำ 1 อะตอมในโมเลกุล 1 1 ) กำรเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ทำได้โดยเรียกชื่อธำตุที่อยู่หน้ำก่ อ น แ ล้ ว ต ำ ม ด้ ว ย ชื่ อ ธ ำ ตุ ที่ อ ยู่ ถั ด ม ำ โดยมีคำนำหน้ำระบุจำนวนอะตอมของธำตุที่เป็นองค์ประกอบ 1 2 ) ควำมยำวพันธะและพลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ขึ้นกับ ช นิ ด ข อ ง อ ะ ต อ ม คู่ร่ว ม พัน ธ ะ แ ล ะ ช นิ ด ข องพันธ ะ โ ด ย พั น ธ ะ เ ดี่ ย ว พั น ธ ะ คู่ และพันธะสำมมีควำมยำวพันธะและพลังงำนพันธะแตกต่ำงกั น นอกจำกนี้โมเลกุลโคเวเลนต์บำงชนิดมีค่ำควำมยำวพันธะและ พลังงำนพันธะแต กต่ำงจำกข องพันธ ะเดี่ย ว พันธะคู่
  • 24. แ ล ะ พั น ธ ะ ส ำ ม ซึ่งสำรเหล่ำนี้สำมำรถเขียนโครงสร้ำงลิวอิสที่เหมำะสมได้มำก กว่ำ 1 โครงสร้ำงที่เรียกว่ำ โครงสร้ำงเรโซแนนซ์ 1 3 ) พลังงำนพันธะนำมำใช้ในกำรคำนวณพลังงำนของปฏิกิริยำ ซึ่งได้จำกผลต่ำงของพลังงำนพันธะรวมของสำรตั้งต้นกับผลิต ภัณฑ์ 1 4 ) รูปร่ำงของโมเลกุลโคเวเลนต์อำจพิจำรณำโดยใช้ทฤษฎีกำร ผ ลักระห ว่ำงคู่อิเล็กต ร อนใน วงเว เลนซ์ ( VSEPR) ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนพันธะและจำนวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวรอ บอะตอมกลำง โมเลกุลโคเว-เลนต์มีทั้งโมเลกุ ล มีขั้ว แ ล ะ ไ ม่ มี ขั้ ว สภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์เป็ นผลรวมปริมำณเวกเตอร์ส ภำพขั้วของแต่ละพันธะตำมรูปร่ำงโมเลกุล 15) แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลซึ่งอำจเป็ นแรงลอนด อน แ ร ง ดึ ง ดู ด ร ะ ห ว่ ำ ง ขั้ ว และพันธะไฮโดรเจนมีผลต่อจุด หลอมเหลว จุดเดือด แ ล ะ ก ำ ร ล ะ ล ำ ย น้ ำ ข อ ง ส ำ ร นอกจำกนี้สำรโคเวเลนต์ส่วนใหญ่ยังมีจุดหลอมเหลวและจุดเดื อ ด ต่ ำ ก ว่ ำ ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก เนื่องจำกแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลมีค่ำน้อยกว่ำพันธะไอ ออนิก 16) สำรโคเวเลนต์ส่วนใหญ่มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ แ ล ะ ไ ม่ ล ะ ล ำ ย ใ น น้ ำ สำหรับสำรโคเวเลนต์ที่ละลำยน้ำมีทั้งแตกตัวและไม่แตกตัวเป็ น ไ อ อ อ น สำรละลำยที่ได้จำกสำรที่ไม่แตกตัวเป็ นไอออนจะไม่นำไฟฟ้ ำ เ รี ย ก ว่ ำ ส ำ ร ล ะ ล ำ ย น อ น อิ เ ล็ ก โ ท ร ไ ล ต์ ส่วนสำรละลำยที่ได้จำกสำรที่แตกตัวเป็ นไอออนจะนำไฟฟ้ ำ เ รี ย ก ว่ ำ ส ำ ร ล ะ ล ำ ย อิ เ ล็ ก โ ท ร ไ ล ต์ สำรละลำยของสำรประกอบคลอไรด์และออกไซด์จะมีสมบัติเป็ นกรด 1 7 ) สำรโคเวเลนต์บำงชนิดที่มีโครงสร้ำงโมเลกุลขนำดใหญ่และ มี พัน ธ ะ โ ค เ ว เ ล น ต์ ต่อ เ นื่ อ ง เ ป็ น โ ค ร ง ร่ำ ง ต ำข่ำย
  • 25. จ ะ มี จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว แ ล ะ จุ ด เ ดื อ ด สู ง สำรโคเวเลนต์โครงร่ำงตำข่ำยที่มีธำตุองค์ประกอบเหมือนกัน แต่มีอัญรูปต่ำงกันจะมีสมบัติต่ำงกัน เช่น เพชร แกรไฟต์ 1 8 ) พันธะโลหะเกิดจำกเวเลนซ์อิเล็กตรอนของทุกอะตอมของโ ล ห ะ เ ค ลื่ อ น ที่ อ ย่ ำ ง อิ ส ร ะ ไ ป ทั่ ว ทั้ ง โ ล ห ะ และเกิดแรงยึดเหนี่ยวกับโปรตอนในนิวเคลียสทุกทิศทำง 19) โ ล ห ะ ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ข อ ง แ ข็ ง มี ผิ ว มั น ว ำ ว ส ำ ม ำ ร ถ ตี เ ป็ น แ ผ่ น ห รื อ ดึ ง เ ป็ น เ ส้ น ไ ด้ นำควำมร้อนและนำไฟฟ้ำได้ดี มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง 20) สำรประกอบไอออนิก สำรโค เวเลนต์ และโลห ะ มีสมบัติเฉพำะตัวบำงประกำรที่แตกต่ำงกัน เช่น จุดเดือด จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว ก ำ ร ล ะ ล ำ ย น้ ำ ก ำ ร น ำ ไ ฟ ฟ้ ำ จึ ง ส ำ ม ำ ร ถ น ำ ม ำ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ด้ ำ น ต่ ำ ง ๆ ได้ตำมควำมเหมำะสม 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด พันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเคมีชนิดหนึ่งที่เกิดจำกอะตอมของอโล ห ะ มี ก ำ ร น ำ อิ เ ล็ ก ต ร อ น ม ำ ใ ช้ ร่ ว ม กั น แล้วเกิดแรงดึงดูดระหว่ำงอิเล็กตรอนกับโปรตอนที่อยู่ในนิวเคลียสขอ ง ทั้ ง ส อ ง อ ะ ต อ ม ซึ่งสำรประกอบโคเวเลนต์อำจเกิดจำกอะตอมของอโลหะชนิดเดียวกัน หรือต่ำงชนิดกันก็ได้ สูตรโมเลกุลของสำรโคเวเลนต์จะเขียนแสดงด้วยสัญลักษณ์ของธำ ตุ และมีตัวเลขแสดงจำนวนอะตอมของธำตุที่มีมำกกว่ำ 1 อะตอม และกำรเรียกชื่อสำรโคเวเลนต์ทำได้โดยเรียกชื่อธำตุที่อยู่หน้ำก่อนแล้ ว ต ำ ม ด้ ว ย ชื่ อ ธ ำ ตุ ที่ อ ยู่ ถั ด ม ำ และมีคำนำหน้ำระบุจำนวนอะตอมของธำตุ ควำมยำวพันธะและพลังงำนพันธะในสำรโคเวเลนต์ขึ้นกับชนิดข องอะตอมคู่ร่วมพันธ ะ ชนิดของพันธะ และพลังงำน พันธ ะ นำมำใช้ในกำรคำนวณพลังงำนของปฏิกิริยำได้ รูปร่ำงของโมเลกุลโคเวเลนต์ขึ้นอยู่กับจำนวนพันธะและจำนวนอิเ ล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวรอบอะตอมกลำง สภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์เป็นผลรวมปริมำณเวกเตอร์ของส ภำพขั้วของแต่ละพันธะตำมรูปร่ำงโมเลกุล
  • 26. แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลมีผลต่อจุดหลอมเหลว จุดเดือด แ ล ะ ก ำ ร ล ะ ล ำ ย น้ ำ ข อ ง ส ำ ร โ ด ย ส ำ ร โ ค เ ว - เลนต์จะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่ำ และไม่ละลำยน้ำ สำรโคเวเลนต์บำงชนิดที่มีโครงสร้ำงโมเลกุลขนำด ให ญ่ แ ล ะ มี พัน ธ ะ โ ค เ ว เ ล น ต์ ต่อ เ นื่ อ ง เ ป็ น โ ค ร ง ร่ำ ง ต ำ ข่ ำ ย จะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง พันธะไอออนิกเกิดจำกกำรยึดเหนี่ยวระหว่ำงประจุไฟฟ้ำของไออ อนบวกของโลหะกับไอออนลบของอโลหะ สำรประกอบไอออนิกเขียนแสดงสูตรเคมีโดยใช้สัญลักษณ์ธำตุที่เ ป็ นไอออนบวกไว้ด้ำนหน้ำตำมด้วยสัญลักษณ์ธำตุที่เป็ นไอออนลบ และมีตัวเลขแสดงอัตรำส่วนอย่ำงต่ำของจำนวนไอออน ปฏิกิริยำกำรเกิดสำรประกอบไอออนิกแสดงได้ด้วยวัฏจักรบอร์น- ฮำเบอร์ ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ข อ ง แ ข็ ง มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง เมื่อเป็ นของแข็งไม่นำไฟฟ้ ำ แ ต่ เ มื่ อ ห ล อ ม เ ห ล ว ห รื อ ล ะ ล ำ ย น้ ำ จ ะ น ำ ไ ฟ ฟ้ ำ ไ ด้ และสำรละลำยของสำรประกอบไอออนิกแสดงสมบัติควำมเป็นกรด- เบสต่ำงกัน พันธะโลหะเกิดจำกเวเลนซ์อิเล็กตรอนของทุกอะตอมของโลหะเค ลื่อนที่อย่ำงอิสระไปทั่วทั้งโลหะและเกิดแรงยึดเหนี่ยวกับโปรตอนในนิ วเคลียสทุกทิศทำง โลหะส่วนให ญ่เป็ นของแข็ง ผิวมันวำว จุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง นำไฟฟ้ำและควำมร้อนได้ดี ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ไ อ อ อ นิ ก ส ำ ร โ ค เ ว เ ล น ต์ แ ล ะ โ ล ห ะ มี ส ม บั ติ เ ฉ พ ำ ะ ตั ว บ ำ ง ป ร ะ ก ำ ร ที่ แ ต ก ต่ ำ ง กั น จึงนำมำใช้ประโยชน์ในด้ำนต่ำง ๆ ได้ตำมควำมเหมำะสม 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด 1) ทักษะกำรสังเกต 2) ทักษะกำรสำรวจค้นหำ 3) ทักษะกำรวิเครำะห์ 4) ทักษะกำรทดลอง 5) ทักษะกำรกำหนดและควบคุมตัวแปร 6) ทักษะกำรตีควำมหมำยและลงข้อสรุป 3. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
  • 27. 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในกำรทำงำน 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ - แผนฯ ที่ 1 : กำรเกิดและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 4 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 2 : กำรเขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบโคเวเลนต์ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 3 : พลังงำนพันธะและควำมยำวพันธะ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 2 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 4 : รูปร่ำงและมุมระหว่ำงพันธะของโมเลกุลโคเวเลนต์ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 2 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 5 : สภำพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 6 : แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงโมเลกุลโคเวเลนต์ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 7 : สำรโคเวเลนต์โครงผลึกร่ำงตำข่ำย วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 8 : กำรเกิดและโครงสร้ำงของสำรประกอบไอออนิก วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 9 : กำรเขียนสูตรและเรียกชื่อสำรประกอบไอออนิก วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 10 : พลังงำนกับกำรเกิดสำรประกอบไอออนิก วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 1 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 11 : สมบัติและปฏิกิริยำของสำรประกอบไอออนิก
  • 28. วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 4 ชั่วโมง - แผนฯ ที่ 12 : พันธะโลหะ วิธีสอนแบบสืบเสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) เวลำ 2 ชั่วโมง 8. กำรวัดและกำรประเมินผล รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ รประเมิ น 8.1 กำรประเมินชิ้นงำน/ ภำระงำน (รวบยอด) - ตรวจผังมโน ทัศน์ เรื่อง กำรเกิดพันธ ะโคเวเลนต์ - ตรวจผังมโน ทัศน์ เรื่อง พันธะ โคเวเลนต์ - ตรวจรำยงำ นกำรทดลอง เรื่อง กำรละลำยข องสำรประก อบ ไอออนิกใน น้ำ - ตรวจรำยงำ นกำรทดลอง เรื่อง กำรเกิดปฏิกิ ริยำของสำร ประกอบ ไอออนิก - แบบประเมินชิ้น งำน/ภำระงำน - แบบประเมินชิ้น งำน/ภำระงำน - แบบประเมินกำร ปฏิบัติกำร - แบบประเมินกำร ปฏิบัติกำร - แบบประเมินชิ้น งำน/ภำระงำน - แบบประเมินชิ้น งำน/ภำระงำน ระดับคุณ ภำพ 2 ผ่ำนเกณ ฑ์ ระดับคุณ ภำพ 2 ผ่ำนเกณ ฑ์ ระดับคุณ ภำพ 2 ผ่ำนเกณ ฑ์ ระดับคุณ ภำพ 2 ผ่ำนเกณ ฑ์ ระดับคุณ ภำพ 2
  • 29. รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ รประเมิ น - ตรวจผังมโน ทัศน์ เรื่อง พันธะไอออ นิก - ตรวจผังมโน ทัศน์ เรื่อง พันธะโลหะ ผ่ำนเกณ ฑ์ ระดับคุณ ภำพ 2 ผ่ำนเกณ ฑ์ 8.2 กำรประเมินก่อนเรีย น - แบบทดสอบก่อนเรีย นหน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง พันธะเคมี ตรวจแบบทดส อบ ก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเ รียน ประเมิน ตำมสภำ พจริง 8.3 กำรประเมินระหว่ำง กำรจัดกิจกรรม 1) - ตรวจใบงำนที่ 3.1 - ใบงำนที่ 3.1 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์
  • 30. รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ รประเมิ น กำรเกิดและชนิดของ พันธะโคเวเลนต์ - ตรวจแบบฝึก หัด 2) กำรเขียนสูตรและเรี ยกชื่อสำร ประกอบโคเวเลนต์ - ตรวจใบงำนที่ 3.2 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.2 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 3) พลังงำนพันธะและค วำมยำวพันธะ - ตรวจใบงำนที่ 3.3 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.3 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 4) รูปร่ำงและมุมระหว่ำ งพันธะของโมเลกุลโ คเวเลนต์ - ตรวจใบงำนที่ 3.4-3.5 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.4- 3.5 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 5) สภำพขั้วของโมเลกุล โคเวเลนต์ - ตรวจใบงำนที่ 3.6 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.6 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 6) แรงยึดเหนี่ยวระหว่ำ งโมเลกุลโคเวเลนต์ - ตรวจใบงำนที่ 3.7 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.7 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์
  • 31. รำยกำรวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำ รประเมิ น 7) สำรโคเวเลนต์โครงผ ลึกร่ำงตำข่ำย - ตรวจแบบฝึก หัด - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 8) กำรเกิดและโครง สร้ำงของสำรประกอ บไอออนิก - ตรวจแบบฝึก หัด - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 9) กำรเขียนสูตรและเรี ยกชื่อไอออนิก - ตรวจใบงำนที่ 3.8 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.8 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 10) พลังงำนกับกำรเกิดส ำรประกอบไอออนิก - ตรวจแบบฝึก หัด - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 11) สมบัติและปฏิกิริยำข องสำร ประกอบไอออนิก - ตรวจใบงำนที่ 3.9 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.9 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 12) พันธะโลหะ - ตรวจใบงำนที่ 3.10 - ตรวจแบบฝึก หัด - ใบงำนที่ 3.10 - แบบฝึกหัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณ ฑ์ 13) กำรนำเสนอผลงำน - ประเมินกำร - แบบประเมินกำ รนำเสนอผลงำน ระดับคุณ ภำพ 2