SlideShare a Scribd company logo
1 of 12
1
แบบนำเสนอโครงร่ำงโครงงำนคอมพิวเตอร์
รหัสวิชำ ง33201 ชื่อวิชำ เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร 5
ปีกำรศึกษำ 2562
โครงงำน การลดความอ้วนและการควบคุมอาหาร
ชื่อผู้ทำโครงงำน
ชื่อนาย กฤษดาร หมื่นตุ้มเลขที่ 29 ชั้นม.6 ห้อง 2
ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำโครงงำน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลำดำเนินงำน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562
โรงเรียนยุพรำชวิทยำลัย จังหวัดเชียงใหม่
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำเขต 34
2
ใบงำน
กำรจัดทำข้อเสนอโครงงำนคอมพิวเตอร์
-ผู้จัดทำ
นาย กฤษดารหมื่นตุ้ม
-ชื่อโครงงำน(ภำษำไทย)
การลดความอ้วนและการควบคุมอาหาร
-ชื่อโครงาน(inenglish)
How to Weightloss & Control eating
-ประเภทโครงงำน
พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
-ชื่อที่ปรึกษำ
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
-ระยะเวลำดำเนินโครงงำน
ภาคเรียนที่1
3
ที่มำและควำมสำคัญของโครงงำน
เนื่องจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เผชิญปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วน อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่นพันธุกรรม
สภาพสังคมและวัฒนธรรม และสาเหตุที่สาคัญคือการบริโภคอาหารได้รับอิทธิพลจาก สื่อโฆษณาต่างๆ
การขาดวินัยในการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ไม่รู้จักเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ ขาดวินัยในการใช้เวลา
ไม่รู้คุณค่าของเงิน และ พฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม ทั้งการบริโภคอาหารไขมันสูง พฤติกรรมนั่งๆ นอนๆ
ขาดการออกกาลังกาย ซึ่งก่อให้เกิดโรคเรื้อรังที่พบบ่อย คนเหล่านี้จึงมีปัญหาโรคอ้วนเพิ่มขึ้น
ตามลาดับ อาจส่งผลถึงภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่โรคเบาหวาน หอบ และความดันโลหิตสูง
ทั้งที่ควรจะเป็นโรคในวัยผู้ใหญ่ แต่ในปัจจุบันในวัยเด็กหรือวัยรุ่นก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ได้แก่
โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง
เป็นต้น ดังนั้นการป้องกันความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วน
โดยการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจาเป็น
จึงทาให้ข้าพเจ้าสนใจที่จะทาโครงงานพัฒนาเว็บไซต์เรื่อง...การลดความอ้วนอย่างถูกวิธีเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้เ
ป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาต่อไป
โรคอ้วนจัดเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขที่พบมากขึ้น
โดยเฉพาะในประเทศไทยพบว่าคนที่อยู่ในเมืองที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์มีปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วน
อีกทั้งยังมีปัญหาของโรคอื่นๆตามมา มีคนจานวนมากที่เข้าใจผิดว่าการมีไขมันส่วนเกินเพียงเล็กน้อยที่หน้าท้อ
ง ต้นแขน ต้นขา ก็ถือว่า "อ้วน" ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่งเนื่องจากคาว่า "อ้วน"
ในความหมายของคนทั่วไป
กับความหมายทางวิชาการมีความแตกต่างกัน เราควรที่จะมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาห
รือมีความคิดวิตกกังวลว่าตนเอง "อ้วน"
วัตถุประสงค์
-ทราบการทางานของระบบเผาผลาญในร่างกาย
-ทราบวิธีการควบคุมอาหารที่ถูกต้อง
-ทราบผลเสียที่เกิดจากความอ้วน
ขอบเขตโครงงำน
-กลไกการเผลาผลาญของร่างกาย
-วางแผนการควบคุม
4
หลักกำรและทฤษฎี
การเผาผลาญ(Metabolism)
คือการเปลี่ยนอาหารที่เราทานเข้าไปให้อยู่ในรูปของเชื้อเพลิงพลังงานเพื่อนามาใช้ในกระบวนการต่างๆ
เช่นการหายใจการทางานของอวัยวะภายในการเคลื่อนไหวร่างกายการสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นต้น
การเผาผลาญเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในเซลล์ต่างๆและสาคัญต่อการดารงชีวิต
การเผาผลาญยังแบ่งได้เป็น2กระบวนการได้แก่ การสลายหรือแคแทบอลิซึม (Catabolism)เป็นการสลายสารอินทรีย์เช่น
น้าตาลกลูโคสให้เป็นพลังงานและการสร้างหรือแอแนบอลิซึม (Anabolism)
เป็นการใช้พลังงานที่ได้ในการสร้างส่วนประกอบของเซลล์เช่นโปรตีน,DNA และRNA
ซึ่งกระบวนการทั้งสองจะเกิดควบคู่กันไปอย่างสมดุล
การเผาผลาญสารอาหารแต่ละชนิด
สารอาหารซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันเกลือแร่และวิตามินจะผ่านกระบวนการที่แตกต่างกัน
ในการสลายและนามาใช้ในร่างกาย
คาร์โบไฮเดรต
เป็นแหล่งพลังงานสาคัญ ซึ่งส่วนมากเราจะได้รับจากการทานข้าว แป้ง ขนมปัง
อาหารเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกย่อยให้กลายเป็นน้าตาลขนาดเล็กเช่นน้าตาลกลูโคส จากนั้น เซลล์ต่างๆ
จะรับกลูโคสเข้าไป และสลายต่อไปจนได้เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้าและพลังงาน
ซึ่งใช้สาหรับเป็นเชื้อเพลิงในการทางานของเซลล์ น้าตาลกลูโคสส่วนเกินที่ร่างกายใช้ไม่หมด
จะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน (glycogen) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสารองเมื่อร่างกายต้องการ
แต่หากเราทานแป้งมากจนมีกลูโคสมากเกินพอ น้าตาลกลูโคสส่วนที่เหลือก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมในร่างกาย
ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงสารองอีกรูปแบบหนึ่ง
โปรตีน
เป็นสารอาหารที่ส่วนมากเราจะได้รับจากการทานเนื้อสัตว์ นมไข่ถั่ว อย่างที่เราทราบกันว่า
โปรตีนมีความสาคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เมื่อเราทานอาหารเข้าไป
โปรตีนในอาหารจะถูกย่อยจนกลายเป็นหน่วยเล็กที่สุดคือ กรดอะมิโน และดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
กรดอะมิโนจาเป็นที่เราจะได้รับจากอาหารเท่านั้น ได้แก่ไลซีน ทริปโตแฟน ลิวซีน ไอโซลิวซีน เมตไทโอนีนฟีนิลอะลานีน
ทรีโอนีน และวาลีน ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสาคัญของเอนไซม์และฮอร์โมนหลายชนิด
รวมถึงเป็นสารตั้งต้นในการสร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์ กล้ามเนื้อและสารต่างๆ มากมาย นอกจากนี้
ในภาวะที่ร่างกายขาดพลังงาน โปรตีนในกล้ามเนื้อยังสามารถถูกสลายและเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้พลังงานได้อีกด้วย
ไขมัน
ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูงที่สุดและเราสามารถรับมาจากทั้งพืชและสัตว์
ไขมันในอาหารขนาดใหญ่จะถูกย่อยจนมีขนาดเล็กลงและกลายเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอลซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้
ไขมันมีหน้าที่สาคัญคือเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนสเตียรอยด์ ช่วยในการดูดซึมวิตามิน
และไขมันส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ในเนื้อเยื่อไขมัน
เพื่อใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงสารองเมื่อร่างกายขาดพลังงานแต่อย่างที่เราทราบกันว่า
ไขมันที่สะสมใต้ผิวหนังนั้นทาให้ร่างกายเราอวบอ้วน ไม่กระชับสวยงาม อีกทั้งไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไป
อาจไปเกาะตามอวัยวะและผนังหลอดเลือด ทาให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ได้
เกลือแร่และวิตามิน
เกลือแร่และวิตามินเป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน แต่มีความสาคัญต่อการทางานของระบบต่างๆ รวมถึงระบบเผาผลาญด้วย
เกลือแร่ที่สาคัญมีหลายชนิด เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็กทองแดง สังกะสี เช่นเดียวกับวิตามินที่สาคัญ
ก็มีทั้งวิตามินที่ละลายในไขมันและสามารถสะสมในร่างกายได้ เช่นวิตามิน เอ, ดี, อี, เค
และวิตามินที่ละลายในน้าและไม่ถูกสะสมในร่างกาย เช่นวิตามิน บี และ ซี
ความผิดปกติของระบบเผาผลาญ
เมื่อระบบเผาผลาญเกิดความผิดปกติ เช่นไม่สามารถสลายอาหารที่ทานเข้าไปได้ หรืออัตราการสลายและการสร้างไม่สมดุลกัน
จะทาให้เกิดความแปรปรวนของร่างกายและโรคต่างๆ ตามมา เช่น
ระบบเผาผลาญพัง
เคยสงสัยไหมว่าบางคนกินน้อยแต่ทาไมยังอ้วน? นั่นอาจเป็นเพราะระบบเผาผลาญพัง
ทาให้เราไม่สามารถสลายอาหารที่กินเข้าไปกลายเป็นพลังงานได้ตามปกติ แม้ว่าจะกินข้าวเพียงวันละจานก็ตาม
ซึ่งสาเหตุของระบบเผาผลาญพัง อาจเกิดจากความเครียดสะสม ระดับฮอร์โมนผิดปกติในร่างกาย เช่นขาดฮอร์โมนไทรอยด์
หรือเกิดจากการลดน้าหนักผิดวิธี เช่นบางคนใช้วิธีหักดิบ อดอาหาร และออกกาลังกายอย่างบ้าคลั่ง
ซึ่งการทาแบบนี้น้าหนักจะลดลงเฉพาะในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่พอนานเข้าร่างกายที่ไม่ได้รับอาหารเพียงพอก็จะเข้าสู่
‘โหมดประหยัดพลังงาน’ และเก็บสะสมอาหารทุกสิ่งอย่างที่กินให้อยู่ในรูปไขมัน ซึ่งผลที่ได้คือนอกจากจะไม่ผอมลงแล้ว
ยังทาให้ระบบเผาผลาญพังอย่างที่เห็น
โรคเมตาบอลิคซินโดรม
(Metabolic syndrome)
เมตาบอลิคซินโดรม เรียกกันง่ายๆว่า “ภาวะอ้วนลงพุง” ซึ่งสาหรับคนไทย ภาวะนี้นิยามโดย...
 การมีรอบเอวเกิน 90 ซม. ในผู้ชาย และเกิน80 ซม. ในผู้หญิง
 การมีความดันโลหิตสูงกว่า 130/85 มม.ปรอท
 การมีไขมันไม่ดี(LDL) สูง และมีไขมันดี(HDL) ต่ากว่า 40 มก./ดล. ในผู้ชาย และต่ากว่า 50 มก./ดล. ในผู้หญิง
 การมีไตรกลีเซอไรด์ในเลือด สูงกว่า 150 มก./ดล.
ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาคือความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่คนไทยเป็นกันมากและควบคุมอาการได้ยาก
โรคหลอดเลือด
ภาวะที่อันตรายร้ายแรง คือการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
ซึ่งเกิดจากไขมันส่วนเกินไปเกาะตามผนังหลอดเลือดทาให้หลอดเลือดบาดเจ็บเสียหาย หลอดเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่น
จนอาจถึงขึ้นหลอดเลือดแตกและฉีกขาดได้
การดูแลระบบเผาผลาญให้เป็นปกติ
 ทานอาหารให้ได้พลังงานเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หลีกเลี่ยงการอดอาหารจนหิวโซ หรือการทานมากเกินไป
เพราะจะทาให้ระบบเผาผลาญแปรปรวนได้
 กาหนดสัดส่วนของอาหารให้เหมาะสม โดยร่างกายควรรับพลังงาน 40-50% จากคาร์โบไฮเดรต เช่นข้าวแป้ง อีก 40-
50% ให้ทานโปรตีนและผักผลไม้ และทานไขมันไม่เกิน 10% ของพลังงานทั้งหมดหากต้องการจะลดน้าหนัก
ควรเปลี่ยนมาทานข้าวและแป้งไม่ขัดสี ทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และดื่มน้ามากๆ ไม่ควรใช้วิธีอดอาหารเด็ดขาด
 หากลดน้าหนักด้วยการอดอาหารมาเป็นเวลานาน จนระบบเผาผลาญพังไปแล้ว
การกลับมาทานปกติโดยทันทีจะทาให้อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างที่เรียกว่า “Yoyo effect” ดังนั้น
ควรเริ่มปรับโดยการทานอาหารเพิ่มขึ้นทีละนิด ในสัดส่วนสารอาหารที่เหมาะสม
 ออกกาลังกายเป็นประจา ประมาณ 120-150 นาที/สัปดาห์ เพื่อเพิ่มอัตราการสลายไขมันในร่างกาย
เคล็ดลับเพิ่มกำรเผำผลำญเพื่อควบคุมน้ำหนักแบบไม่ต้องอด ไม่ต้องหิว
 รับประทำนอำหำรโปรตีน อาหารประเภทโปรตีนจะกระตุ้นให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยและดูดซึมไปใช้
มากกว่าการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตหรือไขมัน
สาหรับผู้ที่กาลังควบคุมน้าหนักหรือเพิ่มการเผาผลาญร่างกายควรรับประทานโปรตีนให้มากกว่า 0.8
กรัมต่อน้าหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน หรือควรให้มีโปรตีน 15-35% ของอาหารทั้งวัน หากคุณออกกาลังกายน้อย
ก็รับประทานโปรตีนให้ได้ 15% แต่ถ้าคุณออกกาลังกายมากขึ้นก็ค่อยๆ เพิ่มโปรตีนขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 35%
ของอาหารทั้งวัน
 สกัดแคลอรีเข้ำสู่ร่ำงกำย พลังงานที่เข้าสู่ร่างกายจากสารอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน
จะต้องสมดุลหรือน้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญในแต่ละวัน
“อ้วนแป้งอ้วนน้าตาล ความอ้วนที่บล็อกได้”
แป้งและน้าตาลเป็นสาเหตุสาคัญของน้าหนักร่างกายที่เพิ่มขึ้น เมื่อคุณกินอาหารแป้งและน้าตาล
ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพื่อลดระดับน้าตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ ปัญหาก็คือ
ฮอร์โมนอินซูลินไปลดระดับน้าตาลด้วยการดึงน้าตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เมื่อแคลอรีที่เข้าสู่เซลล์ต่างๆ
มากเกินใช้ อินซูลินจะเริ่มดึงน้าตาลเข้าสู่เซลล์ไขมันและกระตุ้นให้เซลล์ไขมันเปลี่ยนน้าตาลมาเป็นไขมัน
และเริ่มก่อตัวเป็นเนื้อไขมันที่ค่อยๆ พอกพูนตามร่างกายและเพิ่มน้าหนักตัวมากขึ้น
กำรชะลอกำรดูดซึมคำร์โบไฮเดรต (แป้งและน้ำตำล) จะทำให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินลดลง
ผลก็คือร่ำงกำยจะลดอัตรำกำรสะสมไขมันจำกแป้งและน้ำตำลลง
ทำให้มีผลดีต่อกำรควบคุมน้ำหนักและรักษำน้ำหนักให้คงที่หลังลดน้ำหนัก
โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้รับประทำนอำหำรที่มีกำกใยอำหำรสูง เนื่องจำกทำให้กำรดูดซึมช้ำลงและควบคุม
ระดับฮอร์โมนอินซูลินได้ดีขึ้น
สำรสกัดจำกธรรมชำติบำงชนิดมีส่วนช่วยในกำรชะลอกำรดูดซึมพลังงำน น้ำตำล เข้ำสู่ร่ำงกำย
ทำให้กำรเหวี่ยงของระดับน้ำตำลลดลง จึงช่วยลดการกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกหิวและอาจช่วยลดแคลอรีเข้าสู่ร่างกายได้
บางส่วน ทาให้ระดับพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายและเผาผลาญต่อวันมีความสมดุลมากยิ่งขึ้นเช่น
 สำรสกัดถั่วขำว (white kidney bean extract) ช่วยชะลอการย่อยแป้ง
ซึ่งเป็นตัวการสาคัญที่เร่งไขมันสะสมในร่างกาย
 สำรสกัดจำกถั่วเหลืองหมัก (fermented soybean extract) ช่วยชะลอน้าตาลเข้าสู่ร่างกาย
ทาให้ร่างกายมีระดับน้าตาลคงที่ ลดการเกิดไขมันสะสม
“รับประทานไขมันดี ลดพุง”
คนอ้วนหรือเป็นโรคเบาหวานจะมีระดับการอักเสบในร่างกายและไขมันสูง และทาให้การเผาผลาญไขมันช้าลง
เนื่องจากการอักเสบในร่างกายจะมีผลชะลอการเผาผลาญในร่างกายเพื่อสารองพลังงานไว้ต่อสู้กับภาวะอักเสบสูงในร่างก
าย กรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดไขมันโอเมก้ำ-3 จำกน้ำมันปลำ และซีแอลเอ (conjugated linoleic acid)
มีควำมสำคัญในกำรควบคุมหรือลดระดับกำรอักเสบในร่ำงกำย
จึงมีส่วนช่วยในโปรแกรมเร่งกำรเผำผลำญและลดไขมันสะสมในร่ำงกำย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อไขมันอุ
ดตันในหลอดเลือดได้หากกินอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ซีแอล
เอยังช่วยเร่งกำรเผำผลำญไขมันที่สะสมในร่ำงกำย เพิ่มกำรเผำผลำญในระดับเซลล์
จัดเป็นสำรเสริมอำหำรตัวหลักร่วมกับกำรออกกำลังกำย สำหรับคนที่ต้องกำรควบคุมไขมันสะสมในร่ำงกำย
อย่าลืมรักษาสมดุลสารอาหารจาเป็น เพื่อการเผาผลาญ
กระบวนการเผาผลาญเป็นปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ที่ต้องใช้วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารจาเป็น
การลดหรือควบคุมน้าหนักอาจทาให้เซลล์ร่างกายเริ่มขาดแคลอรีและสารอาหารจาเป็น
เซลล์จะเริ่มปรับตัวหรือเข้าสู่ภาวะจาศีลเพื่อลดการเผาผลาญ
เพื่อให้เหลือพลังงานสะสมชดเชยกับที่ร่างกายขาดแคลน
และอาจดึงไขมันสะสมเก็บไว้เพื่อเป็นพลังงานสารองยามขาดแคลน
ดังนั้น สำหรับคนที่ควบคุมอำหำรเพื่อรักษำน้ำหนักตัวเกิน 2-3 เดือน
อำหำรควบคุมน้ำหนักที่คุณรับประทำนอยู่อำจขำดสำรอำหำรจำเป็น และส่งผลให้กำรเผำผลำญชะลอตัวได้
คุณจึงควรเสริมสำรอำหำรจำเป็นให้เพียงพอกับควำมต้องกำรพื้นฐำน หรือเลือกเสริมวิตำมิน เกลือแร่
และไฟโตนิวเทรียนท์
เพื่อมั่นใจว่ำร่ำงกำยของคุณจะคงระดับกำรเผำผลำญได้อย่ำงต่อเนื่องและควบคุมน้ำหนักได้ในระยะยำว
แนวทางการดาเนินงาน
-คิดหัวข ้อโครงงาน
-สืบหาข ้อมูล
-รวบรวมข ้อมูล
-วิเคราะห์ข ้อมูล
-ตรวจสอบปรับปรุงข ้อมูล
-นาเสนอข ้อมูล
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-อินเทอร์เน็ต
-หนังสือชีวะวิทยา
งบประมาณ
-ไม่มี
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลา
ดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดช
อบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข ้อโครงงาน กฤษดาร
2 ศึกษาและค ้นคว้าข ้อมู
ล
กฤษดาร
3 จัดทาโครงร่างงาน กฤษดาร
4 ปฏิบัติการสร้างโครงง
าน
กฤษดาร
5 ปรับปรุงทดสอบ กฤษดาร
6 การทาเอกสารรายงา
น
กฤษดาร
7 ประเมินผลงาน กฤษดาร
8 นาเสนอโครงงาน กฤษดาร
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต ้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
-ได ้รับรู้การทางานของระบบเผาผลาญในร่างกายมากขึ้น
-ดูแลตัวเองมากขึ้น
- ป้องกันตนเองจากโรคอ ้วน
สถานที่ดาเนินการ
-โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
-บ ้าน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
-วิทยาศาสตร์(ชีวะวิทยา)
-สุขศึกษา
แหล่งที่มำ
ระบบเผาผลาญทางานอย่างไร? ใครอยากมีสุขภาพดีควรรู้
https://www.honestdocs.co/how-does-the-metabolic-system-work
เคล็ดลับเพิ่มการเผาผลาญเพื่อควบคุมน้าหนักแบบไม่ต้องอดไม่ต้องหิว
https://www.nutrilite.co.th/th/article/block-and-burn

More Related Content

What's hot

2559 project -final
2559 project -final2559 project -final
2559 project -finaltata natt
 
โครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
โครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพโครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
โครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพWinthai Booloo
 
โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30
โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30
โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30Pattawee Siriwongkhruea
 
โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1Pimsucha02
 
โครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส
โครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสโครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส
โครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสPreeyaporn Wannamanee
 
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนักโครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนักPao Pro
 
สตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ
สตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพสตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ
สตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพnattanit yuyuenyong
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอมmemmosrp
 
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้าKruthai Kidsdee
 
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์pleng.mu
 
โครงงานเพื่อการศึกษา
โครงงานเพื่อการศึกษาโครงงานเพื่อการศึกษา
โครงงานเพื่อการศึกษาPornpisuth Buranasatitwong
 

What's hot (16)

2559 project -final
2559 project -final2559 project -final
2559 project -final
 
โครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
โครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพโครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
โครงงานออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
 
โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30
โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30
โครงงานวิทยาศาสตร์การกีฬา602.30
 
Sm listname teacher1
Sm listname teacher1Sm listname teacher1
Sm listname teacher1
 
โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1
 
โครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส
โครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสโครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส
โครงงาน ความพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส
 
Work 1 Computer project
Work 1 Computer projectWork 1 Computer project
Work 1 Computer project
 
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนักโครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
 
สตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ
สตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพสตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ
สตอเบอรรี่ ครบสูตรคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
แบบร างโครงงานคอม(1)
แบบร างโครงงานคอม(1)แบบร างโครงงานคอม(1)
แบบร างโครงงานคอม(1)
 
2561 project-chichayu
2561 project-chichayu2561 project-chichayu
2561 project-chichayu
 
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
 
Resume
ResumeResume
Resume
 
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานเพื่อการศึกษา
โครงงานเพื่อการศึกษาโครงงานเพื่อการศึกษา
โครงงานเพื่อการศึกษา
 

Similar to krongngan (20)

2559 project (1)
2559 project  (1)2559 project  (1)
2559 project (1)
 
Unsucceed work
Unsucceed workUnsucceed work
Unsucceed work
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Com
ComCom
Com
 
Project 23
Project 23Project 23
Project 23
 
Project 23-191118045036
Project 23-191118045036Project 23-191118045036
Project 23-191118045036
 
Project
ProjectProject
Project
 
Project 23
Project 23Project 23
Project 23
 
Project 23
Project 23Project 23
Project 23
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
2559 project
2559 project 2559 project
2559 project
 
2562 final-project 26 (1)
2562 final-project 26 (1)2562 final-project 26 (1)
2562 final-project 26 (1)
 
2562 final-project 24-mkii
2562 final-project  24-mkii2562 final-project  24-mkii
2562 final-project 24-mkii
 
2562 final-project 612-37
2562 final-project 612-372562 final-project 612-37
2562 final-project 612-37
 
2562 final-project rujira
2562 final-project rujira2562 final-project rujira
2562 final-project rujira
 
2562 final-project26
2562 final-project262562 final-project26
2562 final-project26
 
โครงร่างโครงงาน
โครงร่างโครงงานโครงร่างโครงงาน
โครงร่างโครงงาน
 
Mers
Mers Mers
Mers
 
Final project
Final projectFinal project
Final project
 
Bipolar
BipolarBipolar
Bipolar
 

krongngan

  • 1. 1 แบบนำเสนอโครงร่ำงโครงงำนคอมพิวเตอร์ รหัสวิชำ ง33201 ชื่อวิชำ เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร 5 ปีกำรศึกษำ 2562 โครงงำน การลดความอ้วนและการควบคุมอาหาร ชื่อผู้ทำโครงงำน ชื่อนาย กฤษดาร หมื่นตุ้มเลขที่ 29 ชั้นม.6 ห้อง 2 ชื่ออำจำรย์ที่ปรึกษำโครงงำน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลำดำเนินงำน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนยุพรำชวิทยำลัย จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำเขต 34
  • 2. 2 ใบงำน กำรจัดทำข้อเสนอโครงงำนคอมพิวเตอร์ -ผู้จัดทำ นาย กฤษดารหมื่นตุ้ม -ชื่อโครงงำน(ภำษำไทย) การลดความอ้วนและการควบคุมอาหาร -ชื่อโครงาน(inenglish) How to Weightloss & Control eating -ประเภทโครงงำน พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา -ชื่อที่ปรึกษำ ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ -ระยะเวลำดำเนินโครงงำน ภาคเรียนที่1
  • 3. 3 ที่มำและควำมสำคัญของโครงงำน เนื่องจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เผชิญปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วน อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่นพันธุกรรม สภาพสังคมและวัฒนธรรม และสาเหตุที่สาคัญคือการบริโภคอาหารได้รับอิทธิพลจาก สื่อโฆษณาต่างๆ การขาดวินัยในการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ไม่รู้จักเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ ขาดวินัยในการใช้เวลา ไม่รู้คุณค่าของเงิน และ พฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม ทั้งการบริโภคอาหารไขมันสูง พฤติกรรมนั่งๆ นอนๆ ขาดการออกกาลังกาย ซึ่งก่อให้เกิดโรคเรื้อรังที่พบบ่อย คนเหล่านี้จึงมีปัญหาโรคอ้วนเพิ่มขึ้น ตามลาดับ อาจส่งผลถึงภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่โรคเบาหวาน หอบ และความดันโลหิตสูง ทั้งที่ควรจะเป็นโรคในวัยผู้ใหญ่ แต่ในปัจจุบันในวัยเด็กหรือวัยรุ่นก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น ดังนั้นการป้องกันความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วน โดยการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจาเป็น จึงทาให้ข้าพเจ้าสนใจที่จะทาโครงงานพัฒนาเว็บไซต์เรื่อง...การลดความอ้วนอย่างถูกวิธีเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้เ ป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาต่อไป โรคอ้วนจัดเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขที่พบมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยพบว่าคนที่อยู่ในเมืองที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์มีปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วน อีกทั้งยังมีปัญหาของโรคอื่นๆตามมา มีคนจานวนมากที่เข้าใจผิดว่าการมีไขมันส่วนเกินเพียงเล็กน้อยที่หน้าท้อ ง ต้นแขน ต้นขา ก็ถือว่า "อ้วน" ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่งเนื่องจากคาว่า "อ้วน" ในความหมายของคนทั่วไป กับความหมายทางวิชาการมีความแตกต่างกัน เราควรที่จะมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาห รือมีความคิดวิตกกังวลว่าตนเอง "อ้วน" วัตถุประสงค์ -ทราบการทางานของระบบเผาผลาญในร่างกาย -ทราบวิธีการควบคุมอาหารที่ถูกต้อง -ทราบผลเสียที่เกิดจากความอ้วน ขอบเขตโครงงำน
  • 4. -กลไกการเผลาผลาญของร่างกาย -วางแผนการควบคุม 4 หลักกำรและทฤษฎี การเผาผลาญ(Metabolism) คือการเปลี่ยนอาหารที่เราทานเข้าไปให้อยู่ในรูปของเชื้อเพลิงพลังงานเพื่อนามาใช้ในกระบวนการต่างๆ เช่นการหายใจการทางานของอวัยวะภายในการเคลื่อนไหวร่างกายการสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นต้น การเผาผลาญเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในเซลล์ต่างๆและสาคัญต่อการดารงชีวิต การเผาผลาญยังแบ่งได้เป็น2กระบวนการได้แก่ การสลายหรือแคแทบอลิซึม (Catabolism)เป็นการสลายสารอินทรีย์เช่น น้าตาลกลูโคสให้เป็นพลังงานและการสร้างหรือแอแนบอลิซึม (Anabolism) เป็นการใช้พลังงานที่ได้ในการสร้างส่วนประกอบของเซลล์เช่นโปรตีน,DNA และRNA ซึ่งกระบวนการทั้งสองจะเกิดควบคู่กันไปอย่างสมดุล การเผาผลาญสารอาหารแต่ละชนิด สารอาหารซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันเกลือแร่และวิตามินจะผ่านกระบวนการที่แตกต่างกัน ในการสลายและนามาใช้ในร่างกาย คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานสาคัญ ซึ่งส่วนมากเราจะได้รับจากการทานข้าว แป้ง ขนมปัง อาหารเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกย่อยให้กลายเป็นน้าตาลขนาดเล็กเช่นน้าตาลกลูโคส จากนั้น เซลล์ต่างๆ จะรับกลูโคสเข้าไป และสลายต่อไปจนได้เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้าและพลังงาน ซึ่งใช้สาหรับเป็นเชื้อเพลิงในการทางานของเซลล์ น้าตาลกลูโคสส่วนเกินที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน (glycogen) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสารองเมื่อร่างกายต้องการ แต่หากเราทานแป้งมากจนมีกลูโคสมากเกินพอ น้าตาลกลูโคสส่วนที่เหลือก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมในร่างกาย ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงสารองอีกรูปแบบหนึ่ง
  • 5. โปรตีน เป็นสารอาหารที่ส่วนมากเราจะได้รับจากการทานเนื้อสัตว์ นมไข่ถั่ว อย่างที่เราทราบกันว่า โปรตีนมีความสาคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เมื่อเราทานอาหารเข้าไป โปรตีนในอาหารจะถูกย่อยจนกลายเป็นหน่วยเล็กที่สุดคือ กรดอะมิโน และดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย กรดอะมิโนจาเป็นที่เราจะได้รับจากอาหารเท่านั้น ได้แก่ไลซีน ทริปโตแฟน ลิวซีน ไอโซลิวซีน เมตไทโอนีนฟีนิลอะลานีน ทรีโอนีน และวาลีน ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสาคัญของเอนไซม์และฮอร์โมนหลายชนิด รวมถึงเป็นสารตั้งต้นในการสร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์ กล้ามเนื้อและสารต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ ในภาวะที่ร่างกายขาดพลังงาน โปรตีนในกล้ามเนื้อยังสามารถถูกสลายและเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้พลังงานได้อีกด้วย ไขมัน ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูงที่สุดและเราสามารถรับมาจากทั้งพืชและสัตว์ ไขมันในอาหารขนาดใหญ่จะถูกย่อยจนมีขนาดเล็กลงและกลายเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอลซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ ไขมันมีหน้าที่สาคัญคือเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนสเตียรอยด์ ช่วยในการดูดซึมวิตามิน และไขมันส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ในเนื้อเยื่อไขมัน เพื่อใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงสารองเมื่อร่างกายขาดพลังงานแต่อย่างที่เราทราบกันว่า ไขมันที่สะสมใต้ผิวหนังนั้นทาให้ร่างกายเราอวบอ้วน ไม่กระชับสวยงาม อีกทั้งไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไป อาจไปเกาะตามอวัยวะและผนังหลอดเลือด ทาให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ได้ เกลือแร่และวิตามิน เกลือแร่และวิตามินเป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน แต่มีความสาคัญต่อการทางานของระบบต่างๆ รวมถึงระบบเผาผลาญด้วย เกลือแร่ที่สาคัญมีหลายชนิด เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็กทองแดง สังกะสี เช่นเดียวกับวิตามินที่สาคัญ ก็มีทั้งวิตามินที่ละลายในไขมันและสามารถสะสมในร่างกายได้ เช่นวิตามิน เอ, ดี, อี, เค
  • 6. และวิตามินที่ละลายในน้าและไม่ถูกสะสมในร่างกาย เช่นวิตามิน บี และ ซี ความผิดปกติของระบบเผาผลาญ เมื่อระบบเผาผลาญเกิดความผิดปกติ เช่นไม่สามารถสลายอาหารที่ทานเข้าไปได้ หรืออัตราการสลายและการสร้างไม่สมดุลกัน จะทาให้เกิดความแปรปรวนของร่างกายและโรคต่างๆ ตามมา เช่น ระบบเผาผลาญพัง เคยสงสัยไหมว่าบางคนกินน้อยแต่ทาไมยังอ้วน? นั่นอาจเป็นเพราะระบบเผาผลาญพัง ทาให้เราไม่สามารถสลายอาหารที่กินเข้าไปกลายเป็นพลังงานได้ตามปกติ แม้ว่าจะกินข้าวเพียงวันละจานก็ตาม ซึ่งสาเหตุของระบบเผาผลาญพัง อาจเกิดจากความเครียดสะสม ระดับฮอร์โมนผิดปกติในร่างกาย เช่นขาดฮอร์โมนไทรอยด์ หรือเกิดจากการลดน้าหนักผิดวิธี เช่นบางคนใช้วิธีหักดิบ อดอาหาร และออกกาลังกายอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งการทาแบบนี้น้าหนักจะลดลงเฉพาะในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่พอนานเข้าร่างกายที่ไม่ได้รับอาหารเพียงพอก็จะเข้าสู่ ‘โหมดประหยัดพลังงาน’ และเก็บสะสมอาหารทุกสิ่งอย่างที่กินให้อยู่ในรูปไขมัน ซึ่งผลที่ได้คือนอกจากจะไม่ผอมลงแล้ว ยังทาให้ระบบเผาผลาญพังอย่างที่เห็น โรคเมตาบอลิคซินโดรม (Metabolic syndrome) เมตาบอลิคซินโดรม เรียกกันง่ายๆว่า “ภาวะอ้วนลงพุง” ซึ่งสาหรับคนไทย ภาวะนี้นิยามโดย...  การมีรอบเอวเกิน 90 ซม. ในผู้ชาย และเกิน80 ซม. ในผู้หญิง  การมีความดันโลหิตสูงกว่า 130/85 มม.ปรอท  การมีไขมันไม่ดี(LDL) สูง และมีไขมันดี(HDL) ต่ากว่า 40 มก./ดล. ในผู้ชาย และต่ากว่า 50 มก./ดล. ในผู้หญิง
  • 7.  การมีไตรกลีเซอไรด์ในเลือด สูงกว่า 150 มก./ดล. ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาคือความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่คนไทยเป็นกันมากและควบคุมอาการได้ยาก โรคหลอดเลือด ภาวะที่อันตรายร้ายแรง คือการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเกิดจากไขมันส่วนเกินไปเกาะตามผนังหลอดเลือดทาให้หลอดเลือดบาดเจ็บเสียหาย หลอดเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่น จนอาจถึงขึ้นหลอดเลือดแตกและฉีกขาดได้ การดูแลระบบเผาผลาญให้เป็นปกติ  ทานอาหารให้ได้พลังงานเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หลีกเลี่ยงการอดอาหารจนหิวโซ หรือการทานมากเกินไป เพราะจะทาให้ระบบเผาผลาญแปรปรวนได้  กาหนดสัดส่วนของอาหารให้เหมาะสม โดยร่างกายควรรับพลังงาน 40-50% จากคาร์โบไฮเดรต เช่นข้าวแป้ง อีก 40- 50% ให้ทานโปรตีนและผักผลไม้ และทานไขมันไม่เกิน 10% ของพลังงานทั้งหมดหากต้องการจะลดน้าหนัก ควรเปลี่ยนมาทานข้าวและแป้งไม่ขัดสี ทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และดื่มน้ามากๆ ไม่ควรใช้วิธีอดอาหารเด็ดขาด  หากลดน้าหนักด้วยการอดอาหารมาเป็นเวลานาน จนระบบเผาผลาญพังไปแล้ว การกลับมาทานปกติโดยทันทีจะทาให้อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างที่เรียกว่า “Yoyo effect” ดังนั้น ควรเริ่มปรับโดยการทานอาหารเพิ่มขึ้นทีละนิด ในสัดส่วนสารอาหารที่เหมาะสม  ออกกาลังกายเป็นประจา ประมาณ 120-150 นาที/สัปดาห์ เพื่อเพิ่มอัตราการสลายไขมันในร่างกาย เคล็ดลับเพิ่มกำรเผำผลำญเพื่อควบคุมน้ำหนักแบบไม่ต้องอด ไม่ต้องหิว  รับประทำนอำหำรโปรตีน อาหารประเภทโปรตีนจะกระตุ้นให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยและดูดซึมไปใช้ มากกว่าการรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตหรือไขมัน
  • 8. สาหรับผู้ที่กาลังควบคุมน้าหนักหรือเพิ่มการเผาผลาญร่างกายควรรับประทานโปรตีนให้มากกว่า 0.8 กรัมต่อน้าหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน หรือควรให้มีโปรตีน 15-35% ของอาหารทั้งวัน หากคุณออกกาลังกายน้อย ก็รับประทานโปรตีนให้ได้ 15% แต่ถ้าคุณออกกาลังกายมากขึ้นก็ค่อยๆ เพิ่มโปรตีนขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 35% ของอาหารทั้งวัน  สกัดแคลอรีเข้ำสู่ร่ำงกำย พลังงานที่เข้าสู่ร่างกายจากสารอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน จะต้องสมดุลหรือน้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญในแต่ละวัน “อ้วนแป้งอ้วนน้าตาล ความอ้วนที่บล็อกได้” แป้งและน้าตาลเป็นสาเหตุสาคัญของน้าหนักร่างกายที่เพิ่มขึ้น เมื่อคุณกินอาหารแป้งและน้าตาล ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพื่อลดระดับน้าตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ ปัญหาก็คือ ฮอร์โมนอินซูลินไปลดระดับน้าตาลด้วยการดึงน้าตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เมื่อแคลอรีที่เข้าสู่เซลล์ต่างๆ มากเกินใช้ อินซูลินจะเริ่มดึงน้าตาลเข้าสู่เซลล์ไขมันและกระตุ้นให้เซลล์ไขมันเปลี่ยนน้าตาลมาเป็นไขมัน และเริ่มก่อตัวเป็นเนื้อไขมันที่ค่อยๆ พอกพูนตามร่างกายและเพิ่มน้าหนักตัวมากขึ้น กำรชะลอกำรดูดซึมคำร์โบไฮเดรต (แป้งและน้ำตำล) จะทำให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินลดลง ผลก็คือร่ำงกำยจะลดอัตรำกำรสะสมไขมันจำกแป้งและน้ำตำลลง ทำให้มีผลดีต่อกำรควบคุมน้ำหนักและรักษำน้ำหนักให้คงที่หลังลดน้ำหนัก โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้รับประทำนอำหำรที่มีกำกใยอำหำรสูง เนื่องจำกทำให้กำรดูดซึมช้ำลงและควบคุม ระดับฮอร์โมนอินซูลินได้ดีขึ้น สำรสกัดจำกธรรมชำติบำงชนิดมีส่วนช่วยในกำรชะลอกำรดูดซึมพลังงำน น้ำตำล เข้ำสู่ร่ำงกำย ทำให้กำรเหวี่ยงของระดับน้ำตำลลดลง จึงช่วยลดการกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกหิวและอาจช่วยลดแคลอรีเข้าสู่ร่างกายได้ บางส่วน ทาให้ระดับพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายและเผาผลาญต่อวันมีความสมดุลมากยิ่งขึ้นเช่น
  • 9.  สำรสกัดถั่วขำว (white kidney bean extract) ช่วยชะลอการย่อยแป้ง ซึ่งเป็นตัวการสาคัญที่เร่งไขมันสะสมในร่างกาย  สำรสกัดจำกถั่วเหลืองหมัก (fermented soybean extract) ช่วยชะลอน้าตาลเข้าสู่ร่างกาย ทาให้ร่างกายมีระดับน้าตาลคงที่ ลดการเกิดไขมันสะสม “รับประทานไขมันดี ลดพุง” คนอ้วนหรือเป็นโรคเบาหวานจะมีระดับการอักเสบในร่างกายและไขมันสูง และทาให้การเผาผลาญไขมันช้าลง เนื่องจากการอักเสบในร่างกายจะมีผลชะลอการเผาผลาญในร่างกายเพื่อสารองพลังงานไว้ต่อสู้กับภาวะอักเสบสูงในร่างก าย กรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดไขมันโอเมก้ำ-3 จำกน้ำมันปลำ และซีแอลเอ (conjugated linoleic acid) มีควำมสำคัญในกำรควบคุมหรือลดระดับกำรอักเสบในร่ำงกำย จึงมีส่วนช่วยในโปรแกรมเร่งกำรเผำผลำญและลดไขมันสะสมในร่ำงกำย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อไขมันอุ ดตันในหลอดเลือดได้หากกินอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ซีแอล เอยังช่วยเร่งกำรเผำผลำญไขมันที่สะสมในร่ำงกำย เพิ่มกำรเผำผลำญในระดับเซลล์ จัดเป็นสำรเสริมอำหำรตัวหลักร่วมกับกำรออกกำลังกำย สำหรับคนที่ต้องกำรควบคุมไขมันสะสมในร่ำงกำย อย่าลืมรักษาสมดุลสารอาหารจาเป็น เพื่อการเผาผลาญ กระบวนการเผาผลาญเป็นปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ที่ต้องใช้วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารจาเป็น การลดหรือควบคุมน้าหนักอาจทาให้เซลล์ร่างกายเริ่มขาดแคลอรีและสารอาหารจาเป็น เซลล์จะเริ่มปรับตัวหรือเข้าสู่ภาวะจาศีลเพื่อลดการเผาผลาญ เพื่อให้เหลือพลังงานสะสมชดเชยกับที่ร่างกายขาดแคลน และอาจดึงไขมันสะสมเก็บไว้เพื่อเป็นพลังงานสารองยามขาดแคลน ดังนั้น สำหรับคนที่ควบคุมอำหำรเพื่อรักษำน้ำหนักตัวเกิน 2-3 เดือน อำหำรควบคุมน้ำหนักที่คุณรับประทำนอยู่อำจขำดสำรอำหำรจำเป็น และส่งผลให้กำรเผำผลำญชะลอตัวได้ คุณจึงควรเสริมสำรอำหำรจำเป็นให้เพียงพอกับควำมต้องกำรพื้นฐำน หรือเลือกเสริมวิตำมิน เกลือแร่
  • 11. -หนังสือชีวะวิทยา งบประมาณ -ไม่มี ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลา ดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดช อบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 1 2 1 3 1 4 1 5 1 6 1 7 1 คิดหัวข ้อโครงงาน กฤษดาร 2 ศึกษาและค ้นคว้าข ้อมู ล กฤษดาร 3 จัดทาโครงร่างงาน กฤษดาร 4 ปฏิบัติการสร้างโครงง าน กฤษดาร 5 ปรับปรุงทดสอบ กฤษดาร 6 การทาเอกสารรายงา น กฤษดาร 7 ประเมินผลงาน กฤษดาร 8 นาเสนอโครงงาน กฤษดาร
  • 12. ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต ้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) -ได ้รับรู้การทางานของระบบเผาผลาญในร่างกายมากขึ้น -ดูแลตัวเองมากขึ้น - ป้องกันตนเองจากโรคอ ้วน สถานที่ดาเนินการ -โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย -บ ้าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง -วิทยาศาสตร์(ชีวะวิทยา) -สุขศึกษา แหล่งที่มำ ระบบเผาผลาญทางานอย่างไร? ใครอยากมีสุขภาพดีควรรู้ https://www.honestdocs.co/how-does-the-metabolic-system-work เคล็ดลับเพิ่มการเผาผลาญเพื่อควบคุมน้าหนักแบบไม่ต้องอดไม่ต้องหิว https://www.nutrilite.co.th/th/article/block-and-burn