More Related Content
Similar to Chutimon-com-project (20)
Chutimon-com-project
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน......................................โรคฟันผุ..................................................
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ น.ส.ชุติมณฑน์ พรมศร เลขที่ 41 ชั้น ม.6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1. น.ส.ชุติมณฑน์ พรมศร ชั้นม.6/2 เลขที่ 41
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน(ภาษาไทย) : โรคฟันผุ
ชื่อโครงงาน(ภาษาอังกฤษ) :All about caries
ประเภทโครงงาน : เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน : น.ส.ชุติมณฑน์ พรมศร
ชื่อที่ปรึกษา: ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน : ภาคเรียนที่ 1-2ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน: โรคฟันผุ
โรคฟันผุก็คือ โรคของฟันที่มีเนื้อฟันถูกทาลายไป
โดยมีการทาลายแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสาคัขของเนื้อเยื่อเหล่านี้ จนทาให้เกิดเป็นรูหรือโพรงที่ตัวฟัน
ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะลุกลาม ขยายใหข่และลึกขึ้นเรื่อยๆ เกิดการเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
และสุดท้ายอาจต้องสูขเสียฟัน โดยต้องถอนออกไป
โรคฟันผุจัดเป็นโรคติดต่อ เพราะเกิดจากเชื้อโรค และติดต่อกันได้ทางน้าลาย โดยกระบวนการเกิดโรค
จาเป็นจะต้องมีองค์ประกอบสาคัข 3อย่างด้วยกัน ได้แก่ตัวฟัน เชื้อจุลินทรีย์
และสภาวะความเป็นกรดภายในช่องปาก
โดยปกติ ภายในช่องปากจะมีกระบวนการแลกเปลี่ยนแร่ธาตุระหว่างตัวฟัน และแร่ธาตุที่มีอยู่ในน้าลายตลอดเวลา
โดยจะมีทั้งการสูขเสียแร่ธาตุจากตัวฟัน และการคืนกลับแร่ธาตุสู่ตัวฟัน ในสภาวะที่สภาพในช่องปากเป็นกลาง
- 3. 3
วัตถุประสงค์ :
1. เพื่อให้ได้ความรู้เกี่ยวกับโรคฟันผุ
2.เพื่อให้รู้สาเหตุของโรคฟันผุ
3.เพื่อให้รู้วิธีรักษาและป้องกันโรคฟันผุ
ขอบเขตโครงงาน
1. นิยามของโรคฟันผุ
2. ระยะของฟันผุ
3. อาการของโรคฟันผุ
4. การรักษาโรคฟันผุ
5. การป้องกันโรคฟันผุ
หลักการและทฤษฎี :
โรคฟันผุ
โรคฟันผุก็คือ โรคของฟันที่มีเนื้อฟันถูกทาลายไป
โดยมีการทาลายแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสาคัขของเนื้อเยื่อเหล่านี้ จนทาให้เกิดเป็นรูหรือโพรงที่ตัวฟัน
ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะลุกลาม ขยายใหข่และลึกขึ้นเรื่อยๆ เกิดการเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
และสุดท้ายอาจต้องสูขเสียฟัน โดยต้องถอนออกไป
โรคฟันผุจัดเป็นโรคติดต่อ เพราะเกิดจากเชื้อโรค และติดต่อกันได้ทางน้าลาย โดยกระบวนการเกิดโรค
จาเป็นจะต้องมีองค์ประกอบสาคัข 3อย่างด้วยกัน ได้แก่ตัวฟัน เชื้อจุลินทรีย์
และสภาวะความเป็นกรดภายในช่องปาก
โดยปกติ ภายในช่องปากจะมีกระบวนการแลกเปลี่ยนแร่ธาตุระหว่างตัวฟัน
และแร่ธาตุที่มีอยู่ในน้าลายตลอดเวลา โดยจะมีทั้งการสูขเสียแร่ธาตุจากตัวฟัน และการคืนกลับแร่ธาตุสู่ตัวฟัน
ในสภาวะที่สภาพในช่องปากเป็นกลาง ก่อนที่จะเกิดรูผุบนฟันที่มองเห็นได้ ในระยะเริ่มแรกที่มีการสูขเสียแร่ธาตุ
ออกจากผิวฟันนั้น หากสังเกตให้ดี จะเห็นว่าฟันเริ่มเสียความเงามัน มองเห็นเป็นสีขุ่นขาวคล้ายชอล์ก
เริ่มจากเป็นจุดขาว และขยายขนาดขึ้นได้ ซึ่งมักพบบริเวณที่เป็นหลุมร่องฟันลึก หรือบริเวณซอกฟัน คอฟัน
ที่มีคราบจุลินทรีย์ สะสมไว้มาก ซึ่งหากสังเกตเห็นได้ทัน จะสามารถหยุดยั้งการลุกลามของการเกิดฟันผุนี้ได้
ผลเสียของการเกิดโรคฟันผุ
- 4. 4
โรคฟันผุระยะเริ่มต้นยังไม่ก่อให้เกิดอาการเสียวหรือเจ็บปวด มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิวฟัน เห็นเป็นจุด
หรือฝ้าขาวขุ่นคล้ายชอล์ก ซึ่งถ้าสังเกตเห็น หรือตรวจพบแต่เนิ่นๆ แล้ว จะสามารถรักษาไม่ให้เกิดเป็นรูผุได้
แต่ถ้าต่อไปรักษาไม่ได้แล้วละก็ จะเกิดการทาลายของเนื้อฟันต่อไป ตามลาดับดังนี้คือ
ฟันผุระยะที่ 1 เริ่มเห็นเป็นรูผุที่ผิวฟันอาจมี สีเทาหรือดา มีสีขาวขุ่นรอบๆ ระยะนี้ยังไม่มีอาการใดๆ
ฟันผุระยะที่ 2 รูฟันผุลุกลามกว้าง และลึกขึ้นเข้าสู่ชั้นเนื้อฟัน ใกล้โพรงประสาทเกิดอาการเสียวฟัน
โดยเฉพาะเมื่อกินอาหารหวานหรือน้าเย็น
ฟันผุระยะที่ 3 รูฟันที่ผุลุกลามลึกลงไป ถึง โพรงประสาทฟัน ซึ่งเป็นที่อยู่ของประสาทรับความ รู้สึก ทาให้ปวด
เคี้ยวไม่ได้
ฟันผุระยะที่ 4 การอักเสบลุกลามออกไป รอบตัวฟัน ถึงอวัยวะรอบตัวฟัน อาจเกิดฝี หนอง ฟันโยก ปวด เคี้ยวไม่ได้
เมื่อไม่สามารถรักษาฟันซี่ที่ผุไว้ได้ ต้องถอนฟันซี่นั้นออก ทาให้เกิดการต้องสูขเสียฟัน และมีปัขหาอื่นๆ
ตามมาได้อีก
โรคฟันผุเกิดขึ้นได้อย่างไร
โรคฟันผุเกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องปากรวมตัวกับเศษอาหารและน้าลายสะสมกันจนเป็นคราบเห
นียวที่เรียกว่า คราบฟัน หรือคราบแบคทีเรีย
ซึ่งจะเกาะอยู่บนผิวของฟันแบคทีเรียเหล่านี้จะเปลี่ยนสภาพน้าตาลและแป้งให้เป็นกรด
มีฤทธิ์ทาลายแร่ธาตุที่ผิวฟัน จนก่อให้เกิดเป็นรู โดยเริ่มจากขนาดเล็กมากๆ ลุกลามใหข่ขึ้นเรื่อยๆ
จนกลายเป็นโรคฟันผุ
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อโรคฟันผุ
โรคฟันผุมักจะพบได้บ่อยในเด็ก แต่ผู้ใหข่ก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน โดยมีปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ
– การบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต (แป้งและน้าตาล
– การดื่มน้าที่ไม่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบ
– อาการปากแห้ง
– การใช้ยาบางชนิด
– การดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ
ส่วนใดของฟันที่ผุได้ง่ายที่สุด
อาการฟันผุมักเกิดใน 3 ตาแหน่งดังนี้
1. อาการฟันผุบริเวณพื้นเคลือบฟันที่ใช้ในการบดเคี้ยว
- 5. 5
2. อาการฟันผุระหว่างซอกฟัน
3. อาการฟันผุที่บริเวณรากฟัน
อาการบ่งชี้ของโรคฟันผุมีอะไรบ้าง
– มีการพบรูหรือรอยผุที่ฟัน
– มีอาการเสียวฟันมากขึ้น (เมื่อดื่มหรือรับประทานอาหารหวาน ร้อนจัด หรือเย็นจัด
– มีอาการปวดฟัน
– มีเศษอาหารติดบริเวณซอกฟันบ่อยครั้งขึ้น
ระดับความรุนแรงของโรคฟันผุ
1. การเกิดคราบขาวแบคทีเรียจะทาปฏิกิริยากับแป้งหรือน้าตาล ก่อให้เกิดกรดที่สามารถทาลายผิวเคลือบฟัน
เป็นจุดเริ่มต้นของการสูขเสียแร่ธาตุ (แคลเซียม ซึ่งจะปรากฎให้เห็นเป็นคราบสีขาวขุ่นที่ฟัน
ระยะนี้ยังสามารถรักษาได้โดยง่าย
2. การผุที่ผิวเคลือบฟัน (enamel) การสูขเสีย แคลเซียมดาเนินต่อไปจนมี การเสื่อมสลายของผิวเคลือบฟัน
ระยะนี้ควรได้รับการดูแลรักษาโดยทันตแพทย์
3. การผุที่เนื้อฟัน (dentin) การผุจากผิวเคลือบฟันลุกลามลึกเข้าไปถึงเนื้อฟัน ซึ่งสามารถขยายการผุไปยังฟันซีอื่นๆ
ได้
4. การผุลุกลามไปยังโพรงประสาทฟัน (dentalpulp) หากอาการฟันผุไม่ได้รับการรักษา
การผุจะลุกลามลึกไปถึงโพรงประสาทฟัน ซึ่งเป็นแหล่งรวมของเส้นประสาทมากมาย
และหากโพรงประสาทฟันเกิดการติดเชื้ออาจเกิดฝีที่ปลายรากฟันได้
การรักษาโรคฟันผุ
ฟันผุมีการรักษาได้ต่างๆ กันไป ตามระยะการเกิดโรคก็คือ การใช้ฟลูออไรด์เฉพาะที่
หรือการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ จะช่วยรักษา ฟันที่เกือบจะผุให้กลับสู่ปกติได้
โดยแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เป็นประจา และทิ้งยาสีฟัน นั้นให้คงอยู่ในช่องปากนานขึ้นไม่น้อยกว่า 2
นาที แล้วค่อยบ้วนทิ้ง ก็จะช่วยให้ฟันไม่ผุต่อไปได้ (แต่สาหรับเด็กเล็กๆ ต้องระวังไม่ให้กลืนยาสีฟัน
เพราะอาจเกิดผลเสียได้ คนที่มีการใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ หรือติดแน่น หรือผู้ที่ใส่ เครื่องมือเพื่อการจัดฟัน
หากไม่ได้ดูแลทาความสะอาดฟันอย่างดี จะทาให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ได้ง่าย เกิดความเสี่ยงต่อ
การเป็นโรคฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์อักเสบได้เช่นเดียวกัน
อุดฟัน เมื่อฟันผุเห็นเป็นรูชัดเจน อยู่ในระยะที่มีการทาลายเฉพาะถึงส่วนเนื้อฟัน
- 6. 6
รักษารากฟัน เป็นการรักษาโรคฟันผุ ที่มีการผุลุกลามเข้าไปถึงโพรงประสาทฟันแล้ว
ถอนฟัน เมื่อการอักเสบลุกลามไปมาก ไม่เหลือเนื้อฟันที่จะสามารถรักษาฟันซี่นั้น ไว้ได้ต่อไป
การป้องกันฟันผุ
– แปรงฟันวันละ 2
ครั้งด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือมีคุณสมบัติช่วยลดการก่อตัวของคราบแบคทีเรีย
– การใช้ไหมขัดฟัน หรือ แปรงทาความสะอาดฟอกฟันเป็นประจา
เพื่อทาความสะอาดบริเวณซอกฟันหรือบริเวณที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง
– การบ้วนปากด้วยน้ายาบ้วนปากที่ออกฤทธิ์ในต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
– บริโภคอาหารให้เหมาะสมตามหลักโภชนาการ และจากัดการบริโภคคาร์โบไฮเดรต
– เข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 6เดือน เป็นประจา
– การเคลือบหลุมร่องฟัน ก็เป็นอีกวิธีที่ ทันตแพทย์ส่วนใหข่แนะนา
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารหวานเหนียวติดฟันที่ทาให้เกิดโรคฟันผุ
- ดูแลรักษาความสะอาดช่องปากให้สะอาดอย่างทั่วถึง สม่าเสมอ โดยแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ทุกครั้ง
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
__________________________________________________________________
___________________________________________________________________
- 7. 7
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
สถานที่ดาเนินการ
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
- 8. 8
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆที่นามาใช้การทาโครงงาน
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________