SlideShare a Scribd company logo
1 of 11
Download to read offline
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
1
โรงเรียนทิวไผ่งาม
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551
วิชาชีววิทยา 3 (ว40243)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1-5/2 คะแนนเต็ม 30 คะแนน
สอบวันที่ 25 กันยายน 2551 เวลา 12.40 – 14.00 น.
ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาชี้แจง 1. ข้อสอบประกอบด้วย 1 ตอน
- ตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 50 ข้อ (ข้อละ 0.5 คะแนน เต็ม 25 คะแนน)
- ตอนที่2 อัตนัย จานวน 1 ข้อ (เต็ม 5 คะแนน)
2. ให้นักเรียนกรอก ชื่อ นามสกุล ชั้น เลขที่สอบ วิชาที่สอบ วันที่สอบ ลงในกระดาษคาตอบให้เรียบร้อย
3. ให้นักเรียนระบาย  ทึบสีดาลงในช่องว่างวงกลมโดยใช้ดินสอดา 2B หรือเข้มกว่า 2B ระบายให้เต็มวง
4. เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงคาตอบให้ใช้ยางลบ ลบให้สะอาดก่อนระบายคาตอบใหม่
5. ถ้าข้อสอบไม่มีคาตอบ ให้นักเรียนเลือกตอบข้อ ก. เพียงคาตอบเดียวเท่านั้น
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ข้อที่ 3 อธิบายและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับระบบขับถ่าย และการรักษาสมดุล (ปรนัยข้อที่ 1-20) 10 คะแนน
ข้อที่ 4 อธิบายและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับระบบการสืบพันธุ์ และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์บางชนิด (ปรนัยข้อที่
21-50 ,อัตนัยข้อ 1) 20 คะแนน
คาสั่งตอนที่ 1 จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง
ก. ฟองน้ำและไฮดรำนั้นแม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตหลำยเซลล์ก็ตำม แต่เซลล์ทุกเซลล์สำมำรถสัมผัสกับน้ำได้โดยตรง ของเสีย
จำพวกยูเรียจึงถูกขับออกโดยกำรแพร่สู่สิ่งแวดล้อม
ข. เฟลมเซลล์(flame cell) เป็นอวัยวะขับถ่ำยของไส้เดือนดิน มีลักษณะเป็นท่อขดไปมำและมีปลำยเปิดสองด้ำน
ค. หนอนตัวแบนที่อำศัยอยู่ในน้ำ เช่น พลำนำเรีย มีเนฟริเดีย (nephridia) ทำหน้ำที่กำจัดของเสียกระจำยอยู่ตลอดควำม
ยำวของลำตัว
ง. สัตว์มีกระดูกสันหลังมีไตเป็นอวัยวะขับถ่ำย ทำหน้ำที่ทั้งกำจัดของเสียและรักษำสมดุลของน้ำและแร่ธำตุ โดยทำงำน
ร่วมกับระบบหมุนเวียนโลหิต
2. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง
ก. ปลำน้ำจืดมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นน้อยกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก
ข. ปลำน้ำจืดมีบริเวณเหงือกที่ทำให้น้ำภำยในตัวเสียให้กับน้ำข้ำงนอกได้
ค. ปลำน้ำเค็มมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นน้อยกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก
ง. ปลำน้ำเค็มจะปัสสำวะมำกแต่มีควำมเข้มข้นสูงเพื่อขับเกลือส่วนเกินออก
3. ถ้ำต่อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior pituitary gland) ได้รับอันตรำยจะมีผลต่อกำรทำงำนของไตหรือไม่ เพรำะเหตุใด
ก. ไม่มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกตำแหน่งอวัยวะอยู่ห่ำงกันมำก
ข. ไม่มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกกำรทำงำนของอวัยวะนั้นคนละประเภทกัน
ค. มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกไตไม่สำมำรถรักษำสมดุลน้ำในร่ำงกำยได้เป็นปกติ
ง. มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกต่อมใต้สมองส่วนหลังคอยควบคุมสั่งกำรกำรทำงำนของไต
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
2
4. จำกตำรำงแสดงกำรตรวจพบสำรในน้ำเลือดของชำยคนหนึ่งและในปัสสำวะที่พบในชำยคนเดียวกัน
สารที่ตรวจพบ % ที่พบในน้าเลือด % ที่พบในน้าปัสสาวะ
I โปรตีน 7.5 – 9.0 0.00
II คลอไรด์ 0.370 0.60
III ยูเรีย 0.030 2.00
IV น้ำตำล 0.100 0.00
V กรดยูริก 0.003 0.05
VI เกลือแอมโมเนีย 0.001 0.04
VII น้ำ 90.000 96.00
ของเสียในข้อใดที่ถูกขับออกทำงเลือด
ก. I III V VII ข. II III IV VII ค. II III VI VII ง. III IV V VI
5. A และ B เป็นกรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอุณหภูมิร่ำงกำยและอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมของสัตว์ชนิดใดตำมลำดับ
สิ่งมีชีวิต A สิ่งมีชีวิต B
ก. นกกำงเขน
ข. หนู
ค. เต่ำ
ง. ปลำฉลำม
กิ้งก่ำ
นกเพนกวิน
โลมำ
กบ
6. เนื้อไตแบ่งออกได้เป็นชั้น cortex และ medullaซึ่งมีหน้ำที่หลักแตกต่ำงกันอย่ำงไร
ก. cortex กรองเลือด ,medulla ดูดกลับน้ำและเกลือแร่
ข. cortex ดูดกลับน้ำ ,medulla กรองเลือดและดูดกลับเกลือแร่
ค. cortex กรองเลือด ,medulla ดูดกลับน้ำ
ง. cortex ดูดกลับเกลือแร่ ,medulla กรองเลือดและดูดกลับน้ำ
7. ข้อใดกล่ำวถึงทำงเดินปัสสำวะในnephron ได้อย่ำงถูกต้อง
ก. glomerulusBowman’s capsuleproximal tubuleHenle loopdistal tubule
ข. Bowman’s capsuleproximal tubuleglomerulusHenle loopdistal tubule
ค. Henle loop Bowman’s capsule distal tubule glomerulusproximal tubule
ง. glomerulus Henle loopdistal tubuleBowman’s capsuleproximal tubule
8. จำกภำพ หมำยเลขต่ำงๆ คืออะไร
(1) (7) (3) (5)
ก. ไต
ข. ไต
ค. ไต
ง. ไต
หลอดเลือดเข้ำไต
ท่อไต
หลอดเลือดเข้ำไต
ท่อไต
กระเพำะปัสสำวะ
กระเพำะปัสสำวะ
ท่อไต
หลอดเลือดเข้ำไต
ท่อไต
ท่อปัสสำวะ
กระเพำะปัสสำวะ
ท่อปัสสำวะ
อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม
A
B
อุณหภูมิร่างกาย
(7)
(4)
(3)
(1)
(5)
(6)
(2)
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
3
9. สำรที่ละลำยอยู่ในของเหลวที่ไหลผ่ำนจำกท่อไตสู่กระเพำะปัสสำวะ มีสำรใดบ้ำง
น้า โปรตีน ยูเรีย กรดยูริก กลูโคส กรดอะมิโน ไอออนต่างๆ
ก. มี
ข. มี
ค. มี
ง. มี
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
มี
มี
มี
มี
มี
ไม่มี
มี
ไม่มี
มี
ไม่มี
ไม่มี
มี
ไม่มี
มี
ไม่มี
ไม่มี
มี
มี
มี
มี
10. หลังจำกที่เด็กชำยคนหนึ่งออกกำลังกำยโดยกำรวิ่งในตอนบ่ำยที่อำกำศร้อนจัดของเหลวในหลอดปัสสำวะ (ureter)
จะมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร
(1) ควำมเข้มข้นของยูเรียเพิ่มขึ้น (2) ปริมำณของของเหลวน้อยลง
(3) ปริมำณของน้ำตำลกลูโคสเพิ่มขึ้น (4) ของเหลวเคลื่อนที่หลอดปัสสำวะเพิ่มขึ้น
ก. (1) ,(2) ข. (2) ,(3) ค. (1) ,(2),(4) ง. (1) ,(2) ,(3) ,(4)
11. ข้อใดมีควำมหมำยตรงกับกำรรักษำดุลยภำพของร่ำงกำยในสิ่งมีชีวิต
ก. ปลำตะเพียนมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก
ข. ปลำทูมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นน้อยกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก
ค. ปลำเทโพที่บริเวณเหงือกน้ำภำยในตัวเสียให้กับน้ำข้ำงนอกได้
ง. ปลำฉลำมขับเกลือแร่ส่วนเกินออกจำกเหงือกโดยวิธีกำรแพร่
12. ข้อใดอธิบำยได้ถูกต้องในกรณีที่ออกกำลังกำยมำใหม่ๆ
เส้นเลือด ต่อมเหงื่อ อุณหภูมิที่ผิวหนัง
ก. หดตัว
ข. ขยำยตัว
ค. ขยำยตัว
ง. หดตัว
ทำงำนลดลง
ทำงำนเพิ่มขึ้น
ทำงำนลดลง
ทำงำนเพิ่มขึ้น
ต่ำ
สูง
ต่ำ
สูง
13. สัตว์ชนิดใดมีอวัยวะขับถ่ำยเฉพำะเป็นพวกแรก (1) และอวัยวะหรือระบบขับถ่ำยนั้น คืออะไร (2)
ก. (1) หนอนตัวแบน (2) เนฟริเดีย ข. (1) หนอนตัวกลม (2) เนฟริเดีย
ค. (1) หนอนตัวแบน (2) เฟลมเซลล์ ง. (1) หนอนตัวกลม (2) เฟลมเซลล์
14. จำกกำรทดลองพบว่ำสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนำดเล็กจะสูญเสียควำมร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมต่อ 1 หน่วยน้ำหนักได้
มำกกว่ำสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีขนำดใหญ่กว่ำ ดังนั้น กำรรักษำอุณหภูมิของร่ำงกำยให้คงที่อยู่ได้ควรเป็นไปตำม
เหตุผลข้อใด
ก. สัตว์ขนำดเล็กจะมีกำรควำมตื่นตัวแอกทีฟมำกกว่ำสัตว์ขนำดใหญ่
ข. สัตว์ขนำดใหญ่ปรับตัวให้เข้ำกับสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่ำสัตว์ขนำดเล็ก
ค. สัตว์ขนำดเล็กมีอัตรำกำรเพิ่มขึ้นเมทำบอลิซึมสูงกว่ำสัตว์ขนำดใหญ่
ง. สัตว์ขนำดใหญ่มีอัตรำส่วนของพื้นที่ผิวต่อปริมำตรสูงกว่ำสัตว์ขนำดเล็ก
15. สัตว์3 ชนิด คือ A B และ C มีกำรกำจัดของเสียที่เป็นสำรประกอบไนโตรเจนในปริมำณที่แตกต่ำงกันดังนี้
A = ammonia > urea B = urea > uric acid C = uric acid > urea
A B และ C คือสัตว์ชนิดใดตำมลำดับ
ก. ปลำนิล สุนัข กบ ข. ปลำนิล สุนัข นกแก้ว ค. สุนัข กบ ฉลำม ง. สุนัข นกแก้ว กบ
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
4
16. เขียวและขำวมีสภำพร่ำงกำยที่เหมือนกัน กินถั่วคลุกเกลือเหมือนกัน แต่เขียวดื่มเบียร์เพิ่มอีก 2 แก้ว ข้อใดถูกต้อง
ก. เขียวจะมีปริมำณปัสสำวะออกมำน้อยกว่ำขำว
ข. เขียวจะมีกำรหลั่งฮอร์โมนแอลโดสเตอโรนมำกกว่ำขำว
ค. เขียวจะมีกำรหลั่งฮอร์โมน ADH ออกมำน้อยกว่ำขำว
ง. เขียวจะมีกำรหลั่งฮอร์โมน ADH น้อยกว่ำแต่แอลโดสเตอโรนมำกกว่ำขำว
17. ในกรณีที่เรำดื่มน้ำมำกๆหลังมื้ออำหำรเช้ำแล้วต้องเข้ำห้องน้ำบ่อยๆแสดงว่ำไตมีกำรทำงำนอย่ำงไร เพรำะเหตุใด
ก. มีกำรดูดกลับน้ำมำก เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมมำก ข. มีกำรดูดกลับน้ำมำก เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมน้อย
ค. มีกำรดูดกลับน้ำน้อย เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมมำก ง. มีกำรดูดกลับน้ำน้อย เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมน้อย
18 .ในหมีขั้วโลกเหนือตอบสนองต่ออุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมที่ต่ำมำกๆโดย (1) และถ้ำอำกำศมีอุณหภูมิสูงมำกสุนัขจะ
หอบทั้งนี้เพรำะ (2) ข้อใดถูกต้อง
ก. (1) กำรนอนหลับ (2) กำรหำยใจทำงปำก ข. (1) กำรอยู่นิ่งๆ (2) กำรลดเมทำบอลิซึม
ค. (1) กำรจำศีล (2) กำรระบำยควำมร้อน ง. (1) กำรเคลื่อนที่ตลอด (2) กำรแสดงอำกำรเหนื่อย
19. ข้อใดต่อไปนี้กล่ำวผิดจำกควำมเป็นจริง
ก. นกเป็นสัตว์ปีกที่มีอัตรำกำรเกิดเมทำบอลิซึมของร่ำงกำยสูงมำก
ข. กบมีกระบวนจำศีลเพรำะสภำพภูมิอำกำศภำยนอกไม่เหมำะสมต่อกำรดำรงชีวิต
ค. สัตว์ที่มีควำมสำมำรถในกำรรักษำอุณหภูมิร่ำงกำยให้คงที่มีเฉพำะพวกสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
ง. เต่ำ จระเข้กิ้งก่ำ กบ ปลำ จัดเป็นสัตว์พวกเลือดเย็นที่เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิร่ำงกำยตำมสภำพแวดล้อม
20. ถ้ำ x แทนปริมำณของ glucose และ y แทนปริมำณ urea ที่ผ่ำนจำก glomerlus เข้ำสู่หน่วยไตเมื่อผ่ำนเข้ำสู่กระเพำะ
ปัสสำวะ ระดับ glucose ของผู้เป็นเบำหวำน และระดับ urea ของผู้มีไตปกติ ควรจะมีค่ำเท่ำไร
กำหนดให้ (1) = กูลโคส/หน่วยไต ,(2) = ยูเรีย/หน่วยไต
ก. (1) น้อยกว่ำx ,(2) มำกกว่ำ y ข. (1) น้อยกว่ำ x ,(2) มำกเท่ำ y
ค. (1) ไม่มี ,(2) มำกกว่ำ y ง. (1) มำกกว่ำ x ,(2) น้อยกว่ำ y
21. ข้อใดแสดงถึงวิธีกำรสืบพันธุ์แบบไม่อำศัยเพศของสิ่งมีชีวิตได้อย่ำงถูกต้อง
การแบ่งตัวตามยาว การแตกหน่อ การแตกหักแล้วงอกใหม่ การสร้างสปอร์
ก. Paramecium
ข. Euglena
ค. Amoeba
ง. Euglena
Hydra
Yeast
Planaria
Paramecium
ดำวทะเล
Planaria
Paramecium
Hydra
เห็ด
เฟิร์น
ดำวทะเล
เชื้อรำ
22. นิวเคลียสของเซลล์บำงเซลล์ของสิ่งมีชีวิต จะแลกเปลี่ยนสำรพันธุกรรมระหว่ำงกันได้โดยตรง ต่อมำหลังจำกที่แยก
ออกจำกกันก็จะมีลักษณะบำงอย่ำงเปลี่ยนแปลงไปจำกเดิมซึ่งมีผลให้รุ่นต่อไปมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงเหมำะสมด้วย
แสดงว่ำสิ่งมีชีวิตนี้น่ำจะเป็นสิ่งมีชีวิตใดและมีกำรสืบพันธุ์อย่ำงไร
ก. hydra ,budding ข. yeast ,binary fission ค. paramecium ,conjugation ง. planaria ,fragmentation
23. กำหนดให้ (1) ระบบผิวหนัง (2) ระบบประสำท (3) ระบบทำงเดินอำหำร
(4) ระบบกล้ำมเนื้อ (5) ระบบบกระดูก (6) ระบบทำงเดินหำยใจ
ข้อใดคือระบบอวัยวะที่พัฒนำมำจำกชั้นเนื้อเยื่อ ectoderm ,mesoderm และ endoderm ของเอ็มบริโอ ตำมลำดับ
ก. (2) ,(5) ,(6) ข. (1) ,(2) ,(4) ค. (3) ,(4) ,(6) ง. (4) ,(5) ,(6)
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
5
24. ข้อควำมใดต่อไปนี้กล่ำวได้ถูกต้องมำกที่สุด
ก. วิธีกำรแบ่งตัวของไซโกตของกบและไก่ในระยะคลีเวจมีควำมคล้ำยคลึงกัน
ข. เอ็มบริโอของพวกนกมีถุงอัลแลนตอยส์ เพื่อแก้ปัญหำของกำรขับถ่ำยของตัวอ่อน
ค. เอ็มบริโอของสัตว์เลื้อยคลำนมีถุงน้ำคร่ำ (amnion) เป็นที่เก็บของเสียพวกแอมโมเนีย
ง. เอ็มบริโอของคนมีโครงสร้ำงของรกที่ทำหน้ำที่เชื่อมถุงน้ำคร่ำกับตัวของเอ็มบริโอ
25. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนกำรสร้ำงไข่
ก. โอโอไซด์ระยะแรก 1 เซลล์สำมำรถแบ่งแบบไมโทซิส ได้โอโอไซด์ระยะที่สอง 2 เซลล์
ข. โอโอไซด์ระยะที่สอง 1 เซลล์แบ่งตัวได้เซลล์ไข่1 เซลล์และโพลำร์บอดี 3 เซลล์
ค. กำรเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงเกิดขึ้นหลังจำกกำรแบ่งเซลล์ได้เซลล์ไข่ 1 ใบ และโพลำร์บอดี 3 เซลล์แล้ว
ง. เซลล์ไข่เริ่มเป็นแฮพลอยด์(n) ตั้งแต่โอโอไซด์ระยะที่สองซึ่งจะเริ่มสร้ำงขึ้นตั้งแต่ยังเป็นทำรกอยู่ในครรภ์
26. ข้อควำมใดถูกต้อง
ก. เมื่อผู้หญิงหมดประจำเดือนแล้ว แสดงว่ำ โอโอไซต์ทั้งหมดเจริญเต็มที่แล้ว
ข. เมื่อไข่ในฟอลลิเคิลเจริญเต็มที่และตกลงมำสู่ท่อนำไข่แล้ว ฟอลลิเคิลจะหดหำยไป
ค. คอร์ปัสลูเตียม มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเยื่อสีเหลืองซึ่งเดิมก็คือเนื้อเยื่อที่เป็นฟอลลิเคิล
ง. เมื่อไข่ที่ผสมแล้วเคลื่อนที่มำยังผนังมดลูกจะมีฮอร์โมนช่วยในกำรตั้งครรภ์ถูกสร้ำงขึ้น
27. ข้อใดแสดงกำรเดินทำงที่ถูกต้องของ sperm จำกแหล่งที่สร้ำงสู่ภำยนอก
ก. epididymisvas deferensseminal vesicleprostate glandCowper’s glandurethra
ข. vas deferensepididymisCowper’s glandprostate glandseminal vesicleurethra
ค. epididymisvas deferensprostate glandCowper’s glandseminal vesicleurethra
ง. vas deferensseminal vesicleepididymisprostate glandCowper’s glandurethra
28. ข้อใดกล่ำวผิดจำกควำมเป็นจริง
ก. กำรทำหมันถำวรเป็นกระบวนกำรคุมกำเนิดที่ป้องกันไม่ให้ sperm ปฏิสนธิกับ egg ได้
ข. secondary spermatocyte ,polar body และsperm ต่ำงก็มีโครโมโซมจำนวนเท่ำๆกัน
ค. Cowper’s gland คืออวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชำยทำหน้ำที่หลั่งสำรลดควำมเป็นกรดในท่อปัสสำวะ
ง. กำรเกิดแฝด อิน-จัน มีสำเหตุจำกบลำสโทซิสแยกตัวจำกกันอย่ำงไม่สมบูรณ์ก่อนที่จะฝังตัวที่ผนังมดลูก
29. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง
ก. คลีเวจเป็นกระบวนกำรที่ไซโกตมีกำรแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสอย่ำงรวดเร็วทำให้ได้เอ็มบริโอที่มีจำนวนเซลล์เพิ่มขึ้น
แต่ขนำดของเซลล์แต่ละเซลล์ของเอ็มบริโอมีขนำดเล็กลงตำมลำดับ
ข. บลำสทูเรชันเป็นกระบวนกำรที่เซลล์เอ็มบริโอมีกำรจัดเรียงตัวเป็นชั้นอยู่รอบนอก ตรงกลำงเป็นช่องว่ำงที่มีของเหลว
บรรจุอยู่เต็มเรียกว่ำบลำสโตซีล (blastocoel)
ค. แกสทรูเลชันเป็นกระบวนกำรที่มีกำรเคลื่อนที่ของเซลล์ในลักษณะต่ำงๆกัน เช่น กลุ่มเซลล์ชั้นนอกบุ๋มตัวเข้ำไปข้ำง
ใน หรือมีกำรม้วนตัวเข้ำไปในช่องว่ำงภำยในเอ็มบิโอ
ง. ออร์แกโนเจเนซิสเป็นกระบวนกำรที่เซลล์มีกำรจัดเรียงตัวเป็นเนื้อเยื่อชั้นต่ำงๆ 3 ชั้น ได้แก่ เอกโทเดิร์ม (ectoderm)
เมโซเดิร์ม (mesoderm) และเอนโดเดิร์ม (endoderm)
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
6
30. กรำฟแสดงกำรเพิ่มขนำดอวัยวะและเนื้อเยื่อบำงส่วนของร่ำงกำย หมำยเลข (1) – (4) ในข้อใดถูกต้อง
(1) (2) (3) (4)
ก. ขนำดของร่ำงกำย อวัยวะสืบพันธุ์ เนื้อเยื่อที่สร้ำงเซลล์
เม็ดเลือดขำว
สมองและศีรษะ
ข. สมองและศีรษะ ขนำดของร่ำงกำย เนื้อเยื่อที่สร้ำงเซลล์
เม็ดเลือดขำว
อวัยวะสืบพันธุ์
ค. เนื้อเยื่อที่สร้ำง
เซลล์เม็ดเลือดขำว
สมองและศีรษะ ขนำดของร่ำงกำย อวัยวะสืบพันธุ์
ง. อวัยวะสืบพันธุ์ ขนำดของร่ำงกำย สมองและศีรษะ เนื้อเยื่อที่สร้ำงเซลล์
เม็ดเลือดขำว
31. กำรสืบพันธุ์ของไวรัสแตกต่ำงจำกสิ่งมีชีวิตพวกอื่น คือข้อใด
ก. ไวรัสไม่มีกำรสร้ำงเซลล์สืบพันธุ์ สิ่งมีชีวิตอื่นมีกำรสร้ำงเซลล์สืบพันธุ์เสมอ
ข. ไวรัสมีโครงสร้ำงและกระบวนกำรแบ่งเซลล์เหมือนกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่น
ค. ไวรัสไม่สำมำรถสร้ำงจำกไวรัสได้เองต้องอำศัยกระบวนกำรของสิ่งมีชีวิตอื่น
ง. ไวรัสมีขนำดเล็กจึงมีกำรสืบพันธุ์แบบไม่อำศัยเพศคือแบ่งตัวจำกหนึ่งเป็นสอง
32. ข้อใดกล่ำวถึงกระบวนกำรแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้ถูกต้อง
ก. กำรแบ่งเซลล์แบ่ง Meiosis จะเกิดขึ้นในกระบวนกำรงอกใหม่ของดำวทะเล
ข. เซลล์ที่ระยะ metaphase เหมำะที่จะใช้ในกำรศึกษำควำมผิดปกติทำงพันธุกรรมมำกที่สุด
ค. ลักษณะที่เกิดกำรแปรผันทำงพันธุกรรมของโครโมโซมจะเกิดขึ้นตั้งแต่ในระยะ prophase II
ง. สิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติในกำรปรับตัวและวิวัฒนำกำรเกิดจำกกระบวนกำรแบ่งเซลล์ในช่วง Mitosis
33. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับเส้นกรำฟกำรเจริญเติบโต(growth curve) ของสิ่งมีชีวิต
ก. เส้นกรำฟแสดงกำรเพิ่มและกำรลดของจำนวนประชำกรของสิ่งมีชีวิตระยะหนึ่ง
ข. เส้นกรำฟแสดงอัตรำส่วนกำรเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักหรือควำมสูงเทียบกับเวลำ
ค. เส้นกรำฟแสดงปริมำณกำรได้รับสำรอำหำรของประชำกรของสิ่งมีชีวิตระยะหนึ่ง
ง. เส้นกรำฟแสดงอัตรำส่วนกำรเปลี่ยนแปลงของอำยุหรือกำรดำรงชีวิตเทียบกับเวลำ
34. ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องตำมควำมเป็นจริง
ก. หน้ำที่ของ placenta ที่ถูกสร้ำงขึ้นระหว่ำงกำรตั้งครรภ์คือ ส่งผ่ำนสำรต่ำงๆที่สร้ำงได้จำกแม่ไปยัง fetus
ข. โครงสร้ำงในเอ็มบริโอไก่ที่ทำหน้ำที่เหมือนกับโครงสร้ำงชื่อเดียวกันในเอ็มบริโอคน คือ Yolk sac
ค. ยำเม็ดคุมกำเนิดที่มี estrogen และ progesterone ป้องกันตั้งครรภ์โดยยับยั้งต่อมใต้สมองส่วนหน้ำไม่ให้หลั่ง FSH
ง. วิธีกำรรักษำผู้ที่มีบุตรยำกโดยกำรฉีด sperm เข้ำไปในไข่และใส่ตัวอ่อนเข้ำไปในโพรงมดลูก เรียกว่ำICSI
ขนาดคิดเป็นค่าร้อย
ละของขนาดใน
ระยะโตเต็มที่แล้ว
อายุ
(3)
(1)
(2)
(4)
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
7
35. หำกนำเอ็มบริโอของหนูในขั้น cleavage ระยะต้นๆ 2 ตัวที่มีโครโมโซมเพศ XX และ XY มำรวมเป็นก้อนเดียวกัน
ในหลอดทดลอง จำกนั้นจึงถ่ำยฝำกไปไว้ในมดลูกของแม่หนูพันธุ์เดียวกันอีกตัวหนึ่ง เมื่อแม่หนูคลอดลูกออกมำจะเป็น
อย่ำงไร
ก. มีลักษณะเหมือนฝำแฝดเทียมที่เกิดจำกไข่คนละใบและมีเพศแตกต่ำงกัน
ข. เป็นฝำแฝดที่มีอวัยวะบำงส่วนติดกันแต่มีอวัยวะสืบพันธุ์แยกกันคนละเพศ
ค. เป็นหนูกะเทยแท้เพียงตัวเดียวซึ่งมีอวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศในตัวเอง
ง. เป็นหนูกะเทยแท้2 ตัวซึ่งลักษณะหน้ำตำเหมือนกันและมีสองเพศในตัวเอง
36. ข้อใดถูกต้องในขั้นตอนกำรเจริญของไข่กบ ถ้ำกำหนดให้
(1) ปริมำณของไข่แดงมีอิทธิพลต่อแบบแผนกำรเจริญระยะแรกของสิ่งมีชีวิต
(2) กำรแบ่งเซลล์ของไซโกจะเกิดขึ้นเฉพำะบำงบริเวณที่ได้รับกำรปฏิสนธิไม่ตลอดทั้งไซโกต
(3) ในระยะ cleavageไซโกตจะไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงขนำดของเซลล์แต่มีจำนวนเซลล์เพิ่มมำกขึ้น
(4) กำรเคลื่อนย้ำยและกำรเปลี่ยนแปรสภำพของกลุ่มเซลล์มีผลต่อกระบวนกำรเกิดเนื้อเยื่อและโครงสร้ำงของสิ่งมีชีวิต
ก. (1) (2) และ (3) ข. (1) (2) และ (4) ค. (1) (3) และ (4) ง. (2) (3) และ (4)
37. ข้อควำมใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนกำรแบ่งเซลล์
ก. crossing over เกิดขึ้นระหว่ำง chromatid คนละแท่งของ chromosome ที่ไม่ใช่คู่กัน
ข. centriole เป็น organelle ยึด spidle fiber กับ centromere เพื่อช่วยในกำรเกิด crossing over
ค. centromere คือ จุดที่ไขว้กันระหว่ำง chromatid แท่งที่ต่ำงกันของ chromosome คู่ที่เหมือนกัน
ง. ระยะ anaphase จะเกิดกำรหดสั้นขึ้นของ spidle fiber ดึง chromatid ของแต่ละ chromosome แยกจำกกัน
38. ในระบบสืบพันธุ์ของคน เซลล์ต่อไปนี้มีจำนวนโครโมโซมเป็นเท่ำใดตำมลำดับ
(1) polar body (2) oogonium (3) primary spermatocyte
ก. (1) = 23 แท่ง (2) = 46 แท่ง (3) = 23 แท่ง ข. (1) = 23 แท่ง (2) = 46 แท่ง (3) = 46 แท่ง
ค. (1) = 46 แท่ง (2) = 23 แท่ง (3) = 46 แท่ง ง. (1) = 46 แท่ง (2) = 23 แท่ง (3) = 23 แท่ง
39. กรำฟแสดงระดับฮอร์โมนต่ำงๆ ในรอบเดือนของหญิงสำว (ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงสิ้นสุดในระยะเวลำ 1 เดือน)
(1) ,(2) และ (3) คือฮอร์โมนใดและมีบทบำทอย่ำงไร
ก. (1) = estrogen-ลักษณะทำงเพศ ,(2) =LH-กระตุ้นกำรตกไข่ ,(3) = progesterone-ผนังมดลูกหนำตัว
ข. (1) = progesterone-ลักษณะทำงเพศ ,(2) =LH-กระตุ้นกำรตกไข่ ,(3) = estrogen-ผนังมดลูกหนำตัว
ค. (1) = estrogen-กระตุ้นกำรตกไข่,(2) =LH-ลักษณะทำงเพศ ,(3) = progesterone-ผนังมดลูกหนำตัว
ง. (1) = progesterone-ผนังมดลูกหนำตัว ,(2) =estrogen-ลักษณะทำงเพศ ,(3) = LH-กระตุ้นกำรตกไข่
40. ยำแก้แพ้ท้อง Thalidomide มีผลกระทบอย่ำงรุนแรงทำให้ทำรกมีลักษณะผิดปกติ แขนขำกุดเพรำะยำนี้มีผลดังข้อใด
ก. กำรเปลี่ยนแปลงลักษณะทำงพันธุกรรม ข. กำรเจริญของทำรกในระยะแรกๆ
ค. กำรทำงำนของยีนในเซลล์ต่ำงๆผิดปกติ ง. กำรลดลงของภูมิคุ้มกันจึงติดเชื้อง่ำย
ระดับฮอร์โมน
เวลา
(3)
(1)
(2)
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
8
41. กำรจัดตัวของ chromosome ในภำพ A และ B แสดงกำรแบ่ง nucleus ในระยะใดและจะพบในเซลล์ใด
ภาพ A ภาพ B
(1) metaphase I (2) metaphase (3) primary oocyte (4) spermatogonium
ก. ภำพ A คือ (1) และ (2) ส่วนภำพ B คือ (2) และ (3) ข. ภำพ A คือ (2) และ (3) ส่วนภำพ B คือ (1) และ (4)
ค. ภำพ A คือ (1) และ (3) ส่วนภำพ B คือ (2) และ (4) ง. ภำพ A คือ (2) และ (4) ส่วนภำพ B คือ (1) และ (3)
42. ไข่ของแมลงสังคมบำงชนิด เช่น ผึ้ง มด ปลวก สำมำรถพัฒนำเป็นตัวได้โดยไม่ต้องรับกำรปฏิสนธิ เรำเรียกกำร
สืบพันธุ์แบบนี้ว่ำอะไร และไข่ที่ว่ำจะมีเพศอะไร
ก. asexual reproduction ,เพศเมีย ข. parthenogenesis ,เพศผู้
ค. morphogenesis ,เพศผู้ ง. sexual reproduction ,เพศเมีย
43. ถ้ำเกิดควำมผิดปกติขึ้นที่ต่อมคำวเปอร์ คำกล่ำวใดต่อไปนี้ถูกต้อง
ก. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกตำยในสภำพควำมเป็นกรดภำยในช่องคลอด
ข. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกขำดพลังงำนจำพวกกรดอะมิโนและน้ำตำล
ค. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกตำยในสภำพควำมเป็นกรดภำยในท่อปัสสำวะ
ง. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกหำงไม่สำมำรถทำงำนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
44. อัตรำกำรเจริญของสิ่งมีชีวิตอำจวัดได้โดยใช้ควำมสูง พบว่ำชำยไทยผู้หนึ่งที่อำยุ 13 ปี มีควำมสูง 153.9 cm. เมื่ออำยุ
23 ปี มีควำมสูง 167.5 cm. ดังนั้นเมื่อเขำอำยุ33 ปี เขำควรจะมีควำมสูงเท่ำใด
ก. 181.9 cm. ตำมอัตรำกำรเจริญปกติ ข. น้อยกว่ำ 167.5 cm. เพรำะอัตรำกำรเจริญลดลง
ค. 167.5 cm. เท่ำเดิม เพรำะอัตรำควำมสูงหยุดแล้ว ง. ระหว่ำง 167.5 cm. ถึง 181.1 cm. ขึ้นกับอำหำรที่ได้รับ
45.จำกกรำฟแสดงกำรเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตใดตำมลำดับ
ก. (1) = ไส้เดือน ,(2) = ตั๊กแตน
ข. (1) = กุ้ง ,(2) = ตั๊กแตน
ค. (1) = กุ้ง ,(2) = ปูก้ำมดำบ
ง. (1) = เต่ำ ,(2) = มนุษย์
46. สิ่งมีชีวิตที่มีเอ็มบริโอเจริญภำยนอกตัวแม่จนกระทั่งเป็นตัวสมบูรณ์ ควรมีไข่ลักษณะเป็นไปตำมข้อใด
ก. มีไข่แดงปริมำณน้อยมำกเพรำะเอ็มบริโอสำมำรถเจริญเป็นตัวอ่อนอย่ำงรวดเร็ว
ข. มีไข่แดงปริมำณมำกเพรำะเอ็มบริโอจะได้ใช้ในกำรเจริญพัฒนำจนเป็นตัวเต็มวัย
ค. มีปริมำณไข่แดงเพียงพอเพื่อให้เอ็มบริโอเจริญเป็นตัวอ่อนที่สำมำรถหำกินได้เอง
ง. มีปริมำณไข่แดงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับระยะกำรเจริญและพัฒนำของตัวอ่อนแต่ละชนิด
47. กำหนดให้ (1) = organogenesis (2) = cell growth (3) = cell multiplication (4) = cell differentiation
ข้อใดเรียงลำดับเหตุกำรณ์ได้ถูกต้องและปรำกฏกำรณ์ใดที่จะไม่พบในสิ่งมีชีวิตพวก protozoa
ก. (1)(2)(3)(4) ,เฉพำะ (1) ข. (3)(2)(4)(1) ,เฉพำะ (1) และ (4)
ค. (4)(1)(3)(2) ,เฉพำะ (2) และ (3) ง. (2)(3)(4)(1) ,เฉพำะ (4)
น้าหนัก
เวลา
(1)
(2)
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
9
48. จำกแผนภำพที่แสดงนี้เป็นกำรเจริญเติบโตแบบใด(1) และยังพบได้
ในสิ่งมีชีวิตชนิดใดอีก (2)
ก. (1) = complete metamorphosis (2) = แมลงวัน
ข. (1) = complete metamorphosis (2) = แมลงปอ
ค. (1) = incomplete metamorphosis (2) = แมลงหำงดีด
ง. (1) = incomplete metamorphosis (2) = แมลงสำป
49. จำกแผนภำพนี้ในแถว ก. ระยะเอ็มบริโอเริ่มตั้งแต่
ภำพใด (1) และในแถว ข. ระยะฟีตัสเริ่มตั้งแต่
สัปดำห์ที่เท่ำไร (2)
ก. (1) คือ ภำพที่ 1 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 12
ข. (1) คือ ภำพที่ 2 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 8
ค. (1) คือ ภำพที่ 4 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 4
ง. (1) คือ ภำพที่ 5 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 6
50. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง
ก. paramecium มี 2 นิวเคลียส ได้แก่ micronucleus และ macronucleusจึงทำให้ paramecium 2 ตัวสำมำรถจับคู่กันเพื่อ
แลกเปลี่ยนสำรพันธุกรรมได้
ข. พลำนำเรียเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งสองเพศอยู่ในตัวเดียวกันเรียกว่ำhermaphrodite จึงสำมำรถสืบพันธุ์โดย
อำศัยเพศได้โดยพลำนำเรียเพียงตัวเดียวได้
ค. สัตว์เลื้อยคลำนและนกเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนำกำรขึ้นมำอยู่บนบก กำรปฏิสนธิไม่จำเป็นต้องอำศัยน้ำ ไข่มีเปลือกหุ้มเพื่อ
ป้องกันเอ็มบริโอแต่ในไข่ยังมีของเหลวล้อมรอบเอ็มบริโออยู่
ง. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนำกำรสูงที่สุด ซึ่งมีกำรปฏิสนธิภำยในและออกลูกเป็นตัว ดังนั้น ตัวอ่อน
เอ็มบริโอจะมีกำรเจริญและพัฒนำเป็นตัวสมบูรณ์ภำยในมดลูกจนกระทั่งคลอด
ไม่มีคาว่าพ่ายแพ้
หากเรามีความเพียรพยายาม
ลบคาว่าพ่ายแพ้ออกไปจากจิตใจ
ไม่มีอุปสรรคใดที่เราข้ามไม่พ้น
ขอเพียงละความอ่อนแอทิ้งไป
เอลเบิร์ต ฮับบาร์ด
1 2 3 4 5
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
10
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปมักจะต้องมีความสัมพันธ์กับระบบหรือ
กระบวนการขับถ่ายเพื่อให้กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตสามารถดาเนินต่อไปได้เป็นปกติ” นักเรียนเห็นด้วย
กับประโยคข้ำงต้นหรือไม่ จงอธิบำย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่ำงชัดเจน วำดรูปประกอบได้( 5 คะแนน )
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
...............................................................................................................................................................…………………..
ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า
ว40243
11
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
เฉลย : คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปมักจะต้องมีความสัมพันธ์กับระบบหรือ
กระบวนการขับถ่ายเพื่อให้กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตสามารถดาเนินต่อไปได้เป็นปกติ” นักเรียนเห็นด้วย
กับประโยคข้ำงต้นหรือไม่ จงอธิบำย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่ำงชัดเจน วำดรูปประกอบได้( 5 คะแนน )
...กำรเจริญเติบโต (Growth and Development) หมำยถึง จะเป็นกระบวนกำรในกำรเปลี่ยนแปลงขนำดและรูปร่ำง ซึ่ง
เป็นผลมำจำกกำรเพิ่มจำนวนเซลล์ด้วยกำรแบ่งเซลล์ที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งมีกำรขยำยขนำดของเซลล์ด้วยกำรสร้ำงไซ
โทพลำสซึมทำให้เซลล์มีขนำดใหญ่โตขึ้น ต่อมำเซลล์ก็จะมีกำรเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงและหน้ำที่ จนกระทั่งรวมกลุ่มเกิด
เป็นอวัยวะหลำยๆ อวัยวะ รวมตัวกันเป็นร่ำงกำยของสิ่งมีชีวิต เพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสภำพแวดล้อมต่อไป
...กำรสืบพันธุ์ (Reproduction) หมำยถึง กระบวนกำรที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ขึ้นมำจำกสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน โดยที่
สิ่งมีชีวิตรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นจะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่ำที่ตำยไป ทำให้สิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่ได้โดยไม่สูญพันธุ์
...กำรขับถ่ำย (excretion) คือ กำรกำจัดของเสียอันเกิดจำกขบวนกำรเมตำโบลิซึม ร่ำงกำยขับน้ำออกมำในรูปปัสสำวะ
และเหงื่อ ซึ่งใน ปัสสำวะจะมีสำร เช่น ยูเรีย กรดยูริก แอมโมเนีย โซเดียมคลอไรด์กรดฟอสฟอริก โซเดียม กำมะถัน
และโพแทสเซียมละลำยปนอยู่...
...ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรเจริญเติบโต กำรสืบพันธุ์และกำรขับถ่ำย...
...กระบวนกำรปฏิกิริยำชีวเคมีภำยในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่ำ เมทำบอลิซึม (metabolism)เพื่อให้กระบวนกำรต่ำงๆ
ในกำรดำรงชีวิตและเผ่ำพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเป็นไปได้อย่ำงปกติให้อยู่รอดในสภำพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลำ
(ปรับตัวและกำรรักษำดุลยภำพ)
...กระบวนกำรเจริญเติบโต ต้องอำศัยปฏิกิริยำชีวเคมีต่ำงๆมำกมำย ในกำรเกิด cell multiplication ,cell growth ,cell
differentiation และ cell morphogenesis ซึ่งพบตั้งแต่สิ่งมีชีวิตยังอยู่ในระยะตัวอ่อน คือ cleavage ,blastulation
,gastrulation และ organogenesis ของเสียที่เกิดขึ้นจำกกระบวนกำรต่ำงเหล่ำนี้จึงต้องถูกกำจัดโดยอำศัยอวัยวะขับถ่ำยที่
พัฒนำขึ้นมำให้ทำงำนได้อย่ำงเต็มที่...
...กระบวนกำรสืบพันธุ์ ต้องอำศัยปฏิกิริยำชีวเคมีต่ำงๆมำกมำย ในกำรเกิด mitosisใน asexual reproduction หรือ
meiosis ใน sexual reproduction และparthenogenesis ของเสียที่เกิดขึ้นจำกกระบวนกำรต่ำงเหล่ำนี้จึงต้องถูกกำจัดโดย
อำศัยอวัยวะขับถ่ำยที่ถูกกำหนดขึ้นมำโดยสำรพันธุกรรมที่ถูกถ่ำยทอดมำ นอกจำกนี้กระบวนกำรสืบพันธุ์ส่วนใหญ่ยัง
ต้องอำศัยอวัยวะขับถ่ำยเป็นทำผ่ำนของ sex cell อีกด้วย เช่น pennies ในเพศชำย..

More Related Content

What's hot

Aแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อน
Aแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อนAแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อน
Aแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อนkrupornpana55
 
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสารวิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสารWuttipong Tubkrathok
 
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสAomiko Wipaporn
 
แบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีนแบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีนWichai Likitponrak
 
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนCoverslide Bio
 
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกายสำเร็จ นางสีคุณ
 
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdfแบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdfssuser2feafc1
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตIssara Mo
 
ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2oraneehussem
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพPinutchaya Nakchumroon
 
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์Attapon Phonkamchon
 
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2dnavaroj
 
เทคโนDnaลายพิมพ์
เทคโนDnaลายพิมพ์เทคโนDnaลายพิมพ์
เทคโนDnaลายพิมพ์Wichai Likitponrak
 
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102พัน พัน
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560Thitaree Samphao
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5Wichai Likitponrak
 
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมJariya Jaiyot
 

What's hot (20)

Aแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อน
Aแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อนAแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อน
Aแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายโอนพลังงานความร้อน
 
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสารวิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
 
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
 
แบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีนแบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีน
 
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอนใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 3 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
 
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
 
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdfแบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
 
ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
 
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม1เทอม2
 
หน่วย 2
หน่วย 2หน่วย 2
หน่วย 2
 
เทคโนDnaลายพิมพ์
เทคโนDnaลายพิมพ์เทคโนDnaลายพิมพ์
เทคโนDnaลายพิมพ์
 
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
 
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
 
ระบบประสาท (Nervous System)
ระบบประสาท (Nervous System)ระบบประสาท (Nervous System)
ระบบประสาท (Nervous System)
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 1m-5
 
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
 

Viewers also liked

สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2Wichai Likitponrak
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2Wichai Likitponrak
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1Wichai Likitponrak
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการWichai Likitponrak
 
สอบปลายภาคชีวะ51 1
สอบปลายภาคชีวะ51 1สอบปลายภาคชีวะ51 1
สอบปลายภาคชีวะ51 1Wichai Likitponrak
 
1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนอง1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนองWichai Likitponrak
 
ยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซมยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซมWichai Likitponrak
 
พันธุเทคโน
พันธุเทคโนพันธุเทคโน
พันธุเทคโนWichai Likitponrak
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5Wichai Likitponrak
 
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่มพันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่มWichai Likitponrak
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5Wichai Likitponrak
 

Viewers also liked (17)

ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2สอบกลางภาคชีวะ51 2
สอบกลางภาคชีวะ51 2
 
สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1สอบกลางภาคชีวะ51 1
สอบกลางภาคชีวะ51 1
 
Midterm1 m6 51
Midterm1 m6 51Midterm1 m6 51
Midterm1 m6 51
 
Final 2 m6 51
Final 2 m6 51Final 2 m6 51
Final 2 m6 51
 
วิวัฒนาการ
วิวัฒนาการวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ
 
สอบปลายภาคชีวะ51 1
สอบปลายภาคชีวะ51 1สอบปลายภาคชีวะ51 1
สอบปลายภาคชีวะ51 1
 
Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51
 
Final1 m6 51
Final1 m6 51Final1 m6 51
Final1 m6 51
 
1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนอง1.รับรู้ตอบสนอง
1.รับรู้ตอบสนอง
 
ยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซมยีนเเละโครโมโซม
ยีนเเละโครโมโซม
 
พันธุเทคโน
พันธุเทคโนพันธุเทคโน
พันธุเทคโน
 
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
 
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่มพันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
สอบปลายภาคชีวะ51 2m.5
 
ม.6biodiver
ม.6biodiverม.6biodiver
ม.6biodiver
 

Similar to สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5

Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6
Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6
Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6Tanchanok Pps
 
Pat2 52 72
Pat2 52 72Pat2 52 72
Pat2 52 72june41
 
ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)Lupin F'n
 
M6 science-2551
M6 science-2551M6 science-2551
M6 science-2551sutham
 
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretion
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretionชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretion
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretionkasidid20309
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasissupreechafkk
 
วิชา วิทยาศาสตร์
วิชา วิทยาศาสตร์วิชา วิทยาศาสตร์
วิชา วิทยาศาสตร์Chariyakornkul
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์linnoi
 
M6 science-2551
M6 science-2551M6 science-2551
M6 science-2551mcf_cnx1
 
O net วิทยาศาสตร์2552
O net วิทยาศาสตร์2552O net วิทยาศาสตร์2552
O net วิทยาศาสตร์2552Mint Natthanan
 

Similar to สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5 (20)

Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6
Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6
Sci access 14th : เฉลยตะลุยโจทย์ ชีวะ ม.6
 
Pat2 52 72
Pat2 52 72Pat2 52 72
Pat2 52 72
 
Pat2 2552
Pat2 2552Pat2 2552
Pat2 2552
 
ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ข้อสอบ Pat 2 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
 
Pat2 52-1
Pat2 52-1Pat2 52-1
Pat2 52-1
 
M6 science-2551
M6 science-2551M6 science-2551
M6 science-2551
 
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretion
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretionชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretion
ชีววิทยาเรื่องระบบขับถ่าย Excretion
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
 
2
22
2
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
 
วิชา วิทยาศาสตร์
วิชา วิทยาศาสตร์วิชา วิทยาศาสตร์
วิชา วิทยาศาสตร์
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
 
O net51-science
O net51-scienceO net51-science
O net51-science
 
6
66
6
 
Onet52
Onet52Onet52
Onet52
 
M6 science-2551
M6 science-2551M6 science-2551
M6 science-2551
 
M6 science-2551
M6 science-2551M6 science-2551
M6 science-2551
 
O net sci
O net sciO net sci
O net sci
 
O net วิทยาศาสตร์2552
O net วิทยาศาสตร์2552O net วิทยาศาสตร์2552
O net วิทยาศาสตร์2552
 

More from Wichai Likitponrak

บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัยWichai Likitponrak
 
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัยWichai Likitponrak
 
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัยWichai Likitponrak
 
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัยWichai Likitponrak
 
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdfSAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdfWichai Likitponrak
 
การสำรวจพืช Globe tu64
การสำรวจพืช Globe tu64การสำรวจพืช Globe tu64
การสำรวจพืช Globe tu64Wichai Likitponrak
 
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64Wichai Likitponrak
 
การสำรวจน้ำ Globe tu64
การสำรวจน้ำ Globe tu64การสำรวจน้ำ Globe tu64
การสำรวจน้ำ Globe tu64Wichai Likitponrak
 
การสำรวจดิน Globe tu64
การสำรวจดิน Globe tu64การสำรวจดิน Globe tu64
การสำรวจดิน Globe tu64Wichai Likitponrak
 
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564Wichai Likitponrak
 

More from Wichai Likitponrak (20)

บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินรับสมัครGS2565_ครูวิชัย
 
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินดับเพลิง2565_ครูวิชัย
 
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินสอวนชีวะ2565_ครูวิชัย
 
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัยบันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
บันทึกข้อความประเมินทัศนศึกษา2565_ครูวิชัย
 
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdfSAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
SAR64-วิชัย(ชีววิทยา).pdf
 
การสำรวจพืช Globe tu64
การสำรวจพืช Globe tu64การสำรวจพืช Globe tu64
การสำรวจพืช Globe tu64
 
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
การสำรวจบรรยากาศ Globe tu64
 
การสำรวจน้ำ Globe tu64
การสำรวจน้ำ Globe tu64การสำรวจน้ำ Globe tu64
การสำรวจน้ำ Globe tu64
 
การสำรวจดิน Globe tu64
การสำรวจดิน Globe tu64การสำรวจดิน Globe tu64
การสำรวจดิน Globe tu64
 
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
แนวข้อสอบสามัญชีวะ2564
 
Biotest kku60
Biotest kku60Biotest kku60
Biotest kku60
 
Key biotestku60 kruwichaitu
Key biotestku60 kruwichaituKey biotestku60 kruwichaitu
Key biotestku60 kruwichaitu
 
Bi opat2 onet2564_kru_wichai
Bi opat2 onet2564_kru_wichaiBi opat2 onet2564_kru_wichai
Bi opat2 onet2564_kru_wichai
 
BiOsaman2564
BiOsaman2564BiOsaman2564
BiOsaman2564
 
Biosaman63 kruwichai
Biosaman63 kruwichaiBiosaman63 kruwichai
Biosaman63 kruwichai
 
Ijs obio62 testing
Ijs obio62 testingIjs obio62 testing
Ijs obio62 testing
 
Pptgst uprojectplant62
Pptgst uprojectplant62Pptgst uprojectplant62
Pptgst uprojectplant62
 
Pptgst uprojectpaper62
Pptgst uprojectpaper62Pptgst uprojectpaper62
Pptgst uprojectpaper62
 
Pptgst uprojectnickle61
Pptgst uprojectnickle61Pptgst uprojectnickle61
Pptgst uprojectnickle61
 
Pptgst uprojectflower61
Pptgst uprojectflower61Pptgst uprojectflower61
Pptgst uprojectflower61
 

สอบปลายภาคชีวะ51 1m-5

  • 1. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 1 โรงเรียนทิวไผ่งาม ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 วิชาชีววิทยา 3 (ว40243) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1-5/2 คะแนนเต็ม 30 คะแนน สอบวันที่ 25 กันยายน 2551 เวลา 12.40 – 14.00 น. ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่.............. คาชี้แจง 1. ข้อสอบประกอบด้วย 1 ตอน - ตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 50 ข้อ (ข้อละ 0.5 คะแนน เต็ม 25 คะแนน) - ตอนที่2 อัตนัย จานวน 1 ข้อ (เต็ม 5 คะแนน) 2. ให้นักเรียนกรอก ชื่อ นามสกุล ชั้น เลขที่สอบ วิชาที่สอบ วันที่สอบ ลงในกระดาษคาตอบให้เรียบร้อย 3. ให้นักเรียนระบาย  ทึบสีดาลงในช่องว่างวงกลมโดยใช้ดินสอดา 2B หรือเข้มกว่า 2B ระบายให้เต็มวง 4. เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงคาตอบให้ใช้ยางลบ ลบให้สะอาดก่อนระบายคาตอบใหม่ 5. ถ้าข้อสอบไม่มีคาตอบ ให้นักเรียนเลือกตอบข้อ ก. เพียงคาตอบเดียวเท่านั้น ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ข้อที่ 3 อธิบายและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับระบบขับถ่าย และการรักษาสมดุล (ปรนัยข้อที่ 1-20) 10 คะแนน ข้อที่ 4 อธิบายและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับระบบการสืบพันธุ์ และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์บางชนิด (ปรนัยข้อที่ 21-50 ,อัตนัยข้อ 1) 20 คะแนน คาสั่งตอนที่ 1 จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว 1. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. ฟองน้ำและไฮดรำนั้นแม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตหลำยเซลล์ก็ตำม แต่เซลล์ทุกเซลล์สำมำรถสัมผัสกับน้ำได้โดยตรง ของเสีย จำพวกยูเรียจึงถูกขับออกโดยกำรแพร่สู่สิ่งแวดล้อม ข. เฟลมเซลล์(flame cell) เป็นอวัยวะขับถ่ำยของไส้เดือนดิน มีลักษณะเป็นท่อขดไปมำและมีปลำยเปิดสองด้ำน ค. หนอนตัวแบนที่อำศัยอยู่ในน้ำ เช่น พลำนำเรีย มีเนฟริเดีย (nephridia) ทำหน้ำที่กำจัดของเสียกระจำยอยู่ตลอดควำม ยำวของลำตัว ง. สัตว์มีกระดูกสันหลังมีไตเป็นอวัยวะขับถ่ำย ทำหน้ำที่ทั้งกำจัดของเสียและรักษำสมดุลของน้ำและแร่ธำตุ โดยทำงำน ร่วมกับระบบหมุนเวียนโลหิต 2. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. ปลำน้ำจืดมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นน้อยกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก ข. ปลำน้ำจืดมีบริเวณเหงือกที่ทำให้น้ำภำยในตัวเสียให้กับน้ำข้ำงนอกได้ ค. ปลำน้ำเค็มมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นน้อยกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก ง. ปลำน้ำเค็มจะปัสสำวะมำกแต่มีควำมเข้มข้นสูงเพื่อขับเกลือส่วนเกินออก 3. ถ้ำต่อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior pituitary gland) ได้รับอันตรำยจะมีผลต่อกำรทำงำนของไตหรือไม่ เพรำะเหตุใด ก. ไม่มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกตำแหน่งอวัยวะอยู่ห่ำงกันมำก ข. ไม่มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกกำรทำงำนของอวัยวะนั้นคนละประเภทกัน ค. มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกไตไม่สำมำรถรักษำสมดุลน้ำในร่ำงกำยได้เป็นปกติ ง. มีผลกระทบต่อกำรทำงำนของไต เนื่องจำกต่อมใต้สมองส่วนหลังคอยควบคุมสั่งกำรกำรทำงำนของไต
  • 2. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 2 4. จำกตำรำงแสดงกำรตรวจพบสำรในน้ำเลือดของชำยคนหนึ่งและในปัสสำวะที่พบในชำยคนเดียวกัน สารที่ตรวจพบ % ที่พบในน้าเลือด % ที่พบในน้าปัสสาวะ I โปรตีน 7.5 – 9.0 0.00 II คลอไรด์ 0.370 0.60 III ยูเรีย 0.030 2.00 IV น้ำตำล 0.100 0.00 V กรดยูริก 0.003 0.05 VI เกลือแอมโมเนีย 0.001 0.04 VII น้ำ 90.000 96.00 ของเสียในข้อใดที่ถูกขับออกทำงเลือด ก. I III V VII ข. II III IV VII ค. II III VI VII ง. III IV V VI 5. A และ B เป็นกรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอุณหภูมิร่ำงกำยและอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมของสัตว์ชนิดใดตำมลำดับ สิ่งมีชีวิต A สิ่งมีชีวิต B ก. นกกำงเขน ข. หนู ค. เต่ำ ง. ปลำฉลำม กิ้งก่ำ นกเพนกวิน โลมำ กบ 6. เนื้อไตแบ่งออกได้เป็นชั้น cortex และ medullaซึ่งมีหน้ำที่หลักแตกต่ำงกันอย่ำงไร ก. cortex กรองเลือด ,medulla ดูดกลับน้ำและเกลือแร่ ข. cortex ดูดกลับน้ำ ,medulla กรองเลือดและดูดกลับเกลือแร่ ค. cortex กรองเลือด ,medulla ดูดกลับน้ำ ง. cortex ดูดกลับเกลือแร่ ,medulla กรองเลือดและดูดกลับน้ำ 7. ข้อใดกล่ำวถึงทำงเดินปัสสำวะในnephron ได้อย่ำงถูกต้อง ก. glomerulusBowman’s capsuleproximal tubuleHenle loopdistal tubule ข. Bowman’s capsuleproximal tubuleglomerulusHenle loopdistal tubule ค. Henle loop Bowman’s capsule distal tubule glomerulusproximal tubule ง. glomerulus Henle loopdistal tubuleBowman’s capsuleproximal tubule 8. จำกภำพ หมำยเลขต่ำงๆ คืออะไร (1) (7) (3) (5) ก. ไต ข. ไต ค. ไต ง. ไต หลอดเลือดเข้ำไต ท่อไต หลอดเลือดเข้ำไต ท่อไต กระเพำะปัสสำวะ กระเพำะปัสสำวะ ท่อไต หลอดเลือดเข้ำไต ท่อไต ท่อปัสสำวะ กระเพำะปัสสำวะ ท่อปัสสำวะ อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม A B อุณหภูมิร่างกาย (7) (4) (3) (1) (5) (6) (2)
  • 3. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 3 9. สำรที่ละลำยอยู่ในของเหลวที่ไหลผ่ำนจำกท่อไตสู่กระเพำะปัสสำวะ มีสำรใดบ้ำง น้า โปรตีน ยูเรีย กรดยูริก กลูโคส กรดอะมิโน ไอออนต่างๆ ก. มี ข. มี ค. มี ง. มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี มี มี มี มี มี ไม่มี มี ไม่มี มี ไม่มี ไม่มี มี ไม่มี มี ไม่มี ไม่มี มี มี มี มี 10. หลังจำกที่เด็กชำยคนหนึ่งออกกำลังกำยโดยกำรวิ่งในตอนบ่ำยที่อำกำศร้อนจัดของเหลวในหลอดปัสสำวะ (ureter) จะมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร (1) ควำมเข้มข้นของยูเรียเพิ่มขึ้น (2) ปริมำณของของเหลวน้อยลง (3) ปริมำณของน้ำตำลกลูโคสเพิ่มขึ้น (4) ของเหลวเคลื่อนที่หลอดปัสสำวะเพิ่มขึ้น ก. (1) ,(2) ข. (2) ,(3) ค. (1) ,(2),(4) ง. (1) ,(2) ,(3) ,(4) 11. ข้อใดมีควำมหมำยตรงกับกำรรักษำดุลยภำพของร่ำงกำยในสิ่งมีชีวิต ก. ปลำตะเพียนมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก ข. ปลำทูมีของเหลวในร่ำงกำยเข้มข้นน้อยกว่ำสิ่งแวดล้อมภำยนอก ค. ปลำเทโพที่บริเวณเหงือกน้ำภำยในตัวเสียให้กับน้ำข้ำงนอกได้ ง. ปลำฉลำมขับเกลือแร่ส่วนเกินออกจำกเหงือกโดยวิธีกำรแพร่ 12. ข้อใดอธิบำยได้ถูกต้องในกรณีที่ออกกำลังกำยมำใหม่ๆ เส้นเลือด ต่อมเหงื่อ อุณหภูมิที่ผิวหนัง ก. หดตัว ข. ขยำยตัว ค. ขยำยตัว ง. หดตัว ทำงำนลดลง ทำงำนเพิ่มขึ้น ทำงำนลดลง ทำงำนเพิ่มขึ้น ต่ำ สูง ต่ำ สูง 13. สัตว์ชนิดใดมีอวัยวะขับถ่ำยเฉพำะเป็นพวกแรก (1) และอวัยวะหรือระบบขับถ่ำยนั้น คืออะไร (2) ก. (1) หนอนตัวแบน (2) เนฟริเดีย ข. (1) หนอนตัวกลม (2) เนฟริเดีย ค. (1) หนอนตัวแบน (2) เฟลมเซลล์ ง. (1) หนอนตัวกลม (2) เฟลมเซลล์ 14. จำกกำรทดลองพบว่ำสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนำดเล็กจะสูญเสียควำมร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมต่อ 1 หน่วยน้ำหนักได้ มำกกว่ำสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีขนำดใหญ่กว่ำ ดังนั้น กำรรักษำอุณหภูมิของร่ำงกำยให้คงที่อยู่ได้ควรเป็นไปตำม เหตุผลข้อใด ก. สัตว์ขนำดเล็กจะมีกำรควำมตื่นตัวแอกทีฟมำกกว่ำสัตว์ขนำดใหญ่ ข. สัตว์ขนำดใหญ่ปรับตัวให้เข้ำกับสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่ำสัตว์ขนำดเล็ก ค. สัตว์ขนำดเล็กมีอัตรำกำรเพิ่มขึ้นเมทำบอลิซึมสูงกว่ำสัตว์ขนำดใหญ่ ง. สัตว์ขนำดใหญ่มีอัตรำส่วนของพื้นที่ผิวต่อปริมำตรสูงกว่ำสัตว์ขนำดเล็ก 15. สัตว์3 ชนิด คือ A B และ C มีกำรกำจัดของเสียที่เป็นสำรประกอบไนโตรเจนในปริมำณที่แตกต่ำงกันดังนี้ A = ammonia > urea B = urea > uric acid C = uric acid > urea A B และ C คือสัตว์ชนิดใดตำมลำดับ ก. ปลำนิล สุนัข กบ ข. ปลำนิล สุนัข นกแก้ว ค. สุนัข กบ ฉลำม ง. สุนัข นกแก้ว กบ
  • 4. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 4 16. เขียวและขำวมีสภำพร่ำงกำยที่เหมือนกัน กินถั่วคลุกเกลือเหมือนกัน แต่เขียวดื่มเบียร์เพิ่มอีก 2 แก้ว ข้อใดถูกต้อง ก. เขียวจะมีปริมำณปัสสำวะออกมำน้อยกว่ำขำว ข. เขียวจะมีกำรหลั่งฮอร์โมนแอลโดสเตอโรนมำกกว่ำขำว ค. เขียวจะมีกำรหลั่งฮอร์โมน ADH ออกมำน้อยกว่ำขำว ง. เขียวจะมีกำรหลั่งฮอร์โมน ADH น้อยกว่ำแต่แอลโดสเตอโรนมำกกว่ำขำว 17. ในกรณีที่เรำดื่มน้ำมำกๆหลังมื้ออำหำรเช้ำแล้วต้องเข้ำห้องน้ำบ่อยๆแสดงว่ำไตมีกำรทำงำนอย่ำงไร เพรำะเหตุใด ก. มีกำรดูดกลับน้ำมำก เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมมำก ข. มีกำรดูดกลับน้ำมำก เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมน้อย ค. มีกำรดูดกลับน้ำน้อย เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมมำก ง. มีกำรดูดกลับน้ำน้อย เพรำะมีฮอร์โมนที่ควบคุมน้อย 18 .ในหมีขั้วโลกเหนือตอบสนองต่ออุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมที่ต่ำมำกๆโดย (1) และถ้ำอำกำศมีอุณหภูมิสูงมำกสุนัขจะ หอบทั้งนี้เพรำะ (2) ข้อใดถูกต้อง ก. (1) กำรนอนหลับ (2) กำรหำยใจทำงปำก ข. (1) กำรอยู่นิ่งๆ (2) กำรลดเมทำบอลิซึม ค. (1) กำรจำศีล (2) กำรระบำยควำมร้อน ง. (1) กำรเคลื่อนที่ตลอด (2) กำรแสดงอำกำรเหนื่อย 19. ข้อใดต่อไปนี้กล่ำวผิดจำกควำมเป็นจริง ก. นกเป็นสัตว์ปีกที่มีอัตรำกำรเกิดเมทำบอลิซึมของร่ำงกำยสูงมำก ข. กบมีกระบวนจำศีลเพรำะสภำพภูมิอำกำศภำยนอกไม่เหมำะสมต่อกำรดำรงชีวิต ค. สัตว์ที่มีควำมสำมำรถในกำรรักษำอุณหภูมิร่ำงกำยให้คงที่มีเฉพำะพวกสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ง. เต่ำ จระเข้กิ้งก่ำ กบ ปลำ จัดเป็นสัตว์พวกเลือดเย็นที่เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิร่ำงกำยตำมสภำพแวดล้อม 20. ถ้ำ x แทนปริมำณของ glucose และ y แทนปริมำณ urea ที่ผ่ำนจำก glomerlus เข้ำสู่หน่วยไตเมื่อผ่ำนเข้ำสู่กระเพำะ ปัสสำวะ ระดับ glucose ของผู้เป็นเบำหวำน และระดับ urea ของผู้มีไตปกติ ควรจะมีค่ำเท่ำไร กำหนดให้ (1) = กูลโคส/หน่วยไต ,(2) = ยูเรีย/หน่วยไต ก. (1) น้อยกว่ำx ,(2) มำกกว่ำ y ข. (1) น้อยกว่ำ x ,(2) มำกเท่ำ y ค. (1) ไม่มี ,(2) มำกกว่ำ y ง. (1) มำกกว่ำ x ,(2) น้อยกว่ำ y 21. ข้อใดแสดงถึงวิธีกำรสืบพันธุ์แบบไม่อำศัยเพศของสิ่งมีชีวิตได้อย่ำงถูกต้อง การแบ่งตัวตามยาว การแตกหน่อ การแตกหักแล้วงอกใหม่ การสร้างสปอร์ ก. Paramecium ข. Euglena ค. Amoeba ง. Euglena Hydra Yeast Planaria Paramecium ดำวทะเล Planaria Paramecium Hydra เห็ด เฟิร์น ดำวทะเล เชื้อรำ 22. นิวเคลียสของเซลล์บำงเซลล์ของสิ่งมีชีวิต จะแลกเปลี่ยนสำรพันธุกรรมระหว่ำงกันได้โดยตรง ต่อมำหลังจำกที่แยก ออกจำกกันก็จะมีลักษณะบำงอย่ำงเปลี่ยนแปลงไปจำกเดิมซึ่งมีผลให้รุ่นต่อไปมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงเหมำะสมด้วย แสดงว่ำสิ่งมีชีวิตนี้น่ำจะเป็นสิ่งมีชีวิตใดและมีกำรสืบพันธุ์อย่ำงไร ก. hydra ,budding ข. yeast ,binary fission ค. paramecium ,conjugation ง. planaria ,fragmentation 23. กำหนดให้ (1) ระบบผิวหนัง (2) ระบบประสำท (3) ระบบทำงเดินอำหำร (4) ระบบกล้ำมเนื้อ (5) ระบบบกระดูก (6) ระบบทำงเดินหำยใจ ข้อใดคือระบบอวัยวะที่พัฒนำมำจำกชั้นเนื้อเยื่อ ectoderm ,mesoderm และ endoderm ของเอ็มบริโอ ตำมลำดับ ก. (2) ,(5) ,(6) ข. (1) ,(2) ,(4) ค. (3) ,(4) ,(6) ง. (4) ,(5) ,(6)
  • 5. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 5 24. ข้อควำมใดต่อไปนี้กล่ำวได้ถูกต้องมำกที่สุด ก. วิธีกำรแบ่งตัวของไซโกตของกบและไก่ในระยะคลีเวจมีควำมคล้ำยคลึงกัน ข. เอ็มบริโอของพวกนกมีถุงอัลแลนตอยส์ เพื่อแก้ปัญหำของกำรขับถ่ำยของตัวอ่อน ค. เอ็มบริโอของสัตว์เลื้อยคลำนมีถุงน้ำคร่ำ (amnion) เป็นที่เก็บของเสียพวกแอมโมเนีย ง. เอ็มบริโอของคนมีโครงสร้ำงของรกที่ทำหน้ำที่เชื่อมถุงน้ำคร่ำกับตัวของเอ็มบริโอ 25. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนกำรสร้ำงไข่ ก. โอโอไซด์ระยะแรก 1 เซลล์สำมำรถแบ่งแบบไมโทซิส ได้โอโอไซด์ระยะที่สอง 2 เซลล์ ข. โอโอไซด์ระยะที่สอง 1 เซลล์แบ่งตัวได้เซลล์ไข่1 เซลล์และโพลำร์บอดี 3 เซลล์ ค. กำรเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงเกิดขึ้นหลังจำกกำรแบ่งเซลล์ได้เซลล์ไข่ 1 ใบ และโพลำร์บอดี 3 เซลล์แล้ว ง. เซลล์ไข่เริ่มเป็นแฮพลอยด์(n) ตั้งแต่โอโอไซด์ระยะที่สองซึ่งจะเริ่มสร้ำงขึ้นตั้งแต่ยังเป็นทำรกอยู่ในครรภ์ 26. ข้อควำมใดถูกต้อง ก. เมื่อผู้หญิงหมดประจำเดือนแล้ว แสดงว่ำ โอโอไซต์ทั้งหมดเจริญเต็มที่แล้ว ข. เมื่อไข่ในฟอลลิเคิลเจริญเต็มที่และตกลงมำสู่ท่อนำไข่แล้ว ฟอลลิเคิลจะหดหำยไป ค. คอร์ปัสลูเตียม มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเยื่อสีเหลืองซึ่งเดิมก็คือเนื้อเยื่อที่เป็นฟอลลิเคิล ง. เมื่อไข่ที่ผสมแล้วเคลื่อนที่มำยังผนังมดลูกจะมีฮอร์โมนช่วยในกำรตั้งครรภ์ถูกสร้ำงขึ้น 27. ข้อใดแสดงกำรเดินทำงที่ถูกต้องของ sperm จำกแหล่งที่สร้ำงสู่ภำยนอก ก. epididymisvas deferensseminal vesicleprostate glandCowper’s glandurethra ข. vas deferensepididymisCowper’s glandprostate glandseminal vesicleurethra ค. epididymisvas deferensprostate glandCowper’s glandseminal vesicleurethra ง. vas deferensseminal vesicleepididymisprostate glandCowper’s glandurethra 28. ข้อใดกล่ำวผิดจำกควำมเป็นจริง ก. กำรทำหมันถำวรเป็นกระบวนกำรคุมกำเนิดที่ป้องกันไม่ให้ sperm ปฏิสนธิกับ egg ได้ ข. secondary spermatocyte ,polar body และsperm ต่ำงก็มีโครโมโซมจำนวนเท่ำๆกัน ค. Cowper’s gland คืออวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชำยทำหน้ำที่หลั่งสำรลดควำมเป็นกรดในท่อปัสสำวะ ง. กำรเกิดแฝด อิน-จัน มีสำเหตุจำกบลำสโทซิสแยกตัวจำกกันอย่ำงไม่สมบูรณ์ก่อนที่จะฝังตัวที่ผนังมดลูก 29. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง ก. คลีเวจเป็นกระบวนกำรที่ไซโกตมีกำรแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสอย่ำงรวดเร็วทำให้ได้เอ็มบริโอที่มีจำนวนเซลล์เพิ่มขึ้น แต่ขนำดของเซลล์แต่ละเซลล์ของเอ็มบริโอมีขนำดเล็กลงตำมลำดับ ข. บลำสทูเรชันเป็นกระบวนกำรที่เซลล์เอ็มบริโอมีกำรจัดเรียงตัวเป็นชั้นอยู่รอบนอก ตรงกลำงเป็นช่องว่ำงที่มีของเหลว บรรจุอยู่เต็มเรียกว่ำบลำสโตซีล (blastocoel) ค. แกสทรูเลชันเป็นกระบวนกำรที่มีกำรเคลื่อนที่ของเซลล์ในลักษณะต่ำงๆกัน เช่น กลุ่มเซลล์ชั้นนอกบุ๋มตัวเข้ำไปข้ำง ใน หรือมีกำรม้วนตัวเข้ำไปในช่องว่ำงภำยในเอ็มบิโอ ง. ออร์แกโนเจเนซิสเป็นกระบวนกำรที่เซลล์มีกำรจัดเรียงตัวเป็นเนื้อเยื่อชั้นต่ำงๆ 3 ชั้น ได้แก่ เอกโทเดิร์ม (ectoderm) เมโซเดิร์ม (mesoderm) และเอนโดเดิร์ม (endoderm)
  • 6. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 6 30. กรำฟแสดงกำรเพิ่มขนำดอวัยวะและเนื้อเยื่อบำงส่วนของร่ำงกำย หมำยเลข (1) – (4) ในข้อใดถูกต้อง (1) (2) (3) (4) ก. ขนำดของร่ำงกำย อวัยวะสืบพันธุ์ เนื้อเยื่อที่สร้ำงเซลล์ เม็ดเลือดขำว สมองและศีรษะ ข. สมองและศีรษะ ขนำดของร่ำงกำย เนื้อเยื่อที่สร้ำงเซลล์ เม็ดเลือดขำว อวัยวะสืบพันธุ์ ค. เนื้อเยื่อที่สร้ำง เซลล์เม็ดเลือดขำว สมองและศีรษะ ขนำดของร่ำงกำย อวัยวะสืบพันธุ์ ง. อวัยวะสืบพันธุ์ ขนำดของร่ำงกำย สมองและศีรษะ เนื้อเยื่อที่สร้ำงเซลล์ เม็ดเลือดขำว 31. กำรสืบพันธุ์ของไวรัสแตกต่ำงจำกสิ่งมีชีวิตพวกอื่น คือข้อใด ก. ไวรัสไม่มีกำรสร้ำงเซลล์สืบพันธุ์ สิ่งมีชีวิตอื่นมีกำรสร้ำงเซลล์สืบพันธุ์เสมอ ข. ไวรัสมีโครงสร้ำงและกระบวนกำรแบ่งเซลล์เหมือนกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่น ค. ไวรัสไม่สำมำรถสร้ำงจำกไวรัสได้เองต้องอำศัยกระบวนกำรของสิ่งมีชีวิตอื่น ง. ไวรัสมีขนำดเล็กจึงมีกำรสืบพันธุ์แบบไม่อำศัยเพศคือแบ่งตัวจำกหนึ่งเป็นสอง 32. ข้อใดกล่ำวถึงกระบวนกำรแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้ถูกต้อง ก. กำรแบ่งเซลล์แบ่ง Meiosis จะเกิดขึ้นในกระบวนกำรงอกใหม่ของดำวทะเล ข. เซลล์ที่ระยะ metaphase เหมำะที่จะใช้ในกำรศึกษำควำมผิดปกติทำงพันธุกรรมมำกที่สุด ค. ลักษณะที่เกิดกำรแปรผันทำงพันธุกรรมของโครโมโซมจะเกิดขึ้นตั้งแต่ในระยะ prophase II ง. สิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติในกำรปรับตัวและวิวัฒนำกำรเกิดจำกกระบวนกำรแบ่งเซลล์ในช่วง Mitosis 33. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับเส้นกรำฟกำรเจริญเติบโต(growth curve) ของสิ่งมีชีวิต ก. เส้นกรำฟแสดงกำรเพิ่มและกำรลดของจำนวนประชำกรของสิ่งมีชีวิตระยะหนึ่ง ข. เส้นกรำฟแสดงอัตรำส่วนกำรเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักหรือควำมสูงเทียบกับเวลำ ค. เส้นกรำฟแสดงปริมำณกำรได้รับสำรอำหำรของประชำกรของสิ่งมีชีวิตระยะหนึ่ง ง. เส้นกรำฟแสดงอัตรำส่วนกำรเปลี่ยนแปลงของอำยุหรือกำรดำรงชีวิตเทียบกับเวลำ 34. ข้อใดกล่ำวได้ถูกต้องตำมควำมเป็นจริง ก. หน้ำที่ของ placenta ที่ถูกสร้ำงขึ้นระหว่ำงกำรตั้งครรภ์คือ ส่งผ่ำนสำรต่ำงๆที่สร้ำงได้จำกแม่ไปยัง fetus ข. โครงสร้ำงในเอ็มบริโอไก่ที่ทำหน้ำที่เหมือนกับโครงสร้ำงชื่อเดียวกันในเอ็มบริโอคน คือ Yolk sac ค. ยำเม็ดคุมกำเนิดที่มี estrogen และ progesterone ป้องกันตั้งครรภ์โดยยับยั้งต่อมใต้สมองส่วนหน้ำไม่ให้หลั่ง FSH ง. วิธีกำรรักษำผู้ที่มีบุตรยำกโดยกำรฉีด sperm เข้ำไปในไข่และใส่ตัวอ่อนเข้ำไปในโพรงมดลูก เรียกว่ำICSI ขนาดคิดเป็นค่าร้อย ละของขนาดใน ระยะโตเต็มที่แล้ว อายุ (3) (1) (2) (4)
  • 7. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 7 35. หำกนำเอ็มบริโอของหนูในขั้น cleavage ระยะต้นๆ 2 ตัวที่มีโครโมโซมเพศ XX และ XY มำรวมเป็นก้อนเดียวกัน ในหลอดทดลอง จำกนั้นจึงถ่ำยฝำกไปไว้ในมดลูกของแม่หนูพันธุ์เดียวกันอีกตัวหนึ่ง เมื่อแม่หนูคลอดลูกออกมำจะเป็น อย่ำงไร ก. มีลักษณะเหมือนฝำแฝดเทียมที่เกิดจำกไข่คนละใบและมีเพศแตกต่ำงกัน ข. เป็นฝำแฝดที่มีอวัยวะบำงส่วนติดกันแต่มีอวัยวะสืบพันธุ์แยกกันคนละเพศ ค. เป็นหนูกะเทยแท้เพียงตัวเดียวซึ่งมีอวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศในตัวเอง ง. เป็นหนูกะเทยแท้2 ตัวซึ่งลักษณะหน้ำตำเหมือนกันและมีสองเพศในตัวเอง 36. ข้อใดถูกต้องในขั้นตอนกำรเจริญของไข่กบ ถ้ำกำหนดให้ (1) ปริมำณของไข่แดงมีอิทธิพลต่อแบบแผนกำรเจริญระยะแรกของสิ่งมีชีวิต (2) กำรแบ่งเซลล์ของไซโกจะเกิดขึ้นเฉพำะบำงบริเวณที่ได้รับกำรปฏิสนธิไม่ตลอดทั้งไซโกต (3) ในระยะ cleavageไซโกตจะไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงขนำดของเซลล์แต่มีจำนวนเซลล์เพิ่มมำกขึ้น (4) กำรเคลื่อนย้ำยและกำรเปลี่ยนแปรสภำพของกลุ่มเซลล์มีผลต่อกระบวนกำรเกิดเนื้อเยื่อและโครงสร้ำงของสิ่งมีชีวิต ก. (1) (2) และ (3) ข. (1) (2) และ (4) ค. (1) (3) และ (4) ง. (2) (3) และ (4) 37. ข้อควำมใดถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนกำรแบ่งเซลล์ ก. crossing over เกิดขึ้นระหว่ำง chromatid คนละแท่งของ chromosome ที่ไม่ใช่คู่กัน ข. centriole เป็น organelle ยึด spidle fiber กับ centromere เพื่อช่วยในกำรเกิด crossing over ค. centromere คือ จุดที่ไขว้กันระหว่ำง chromatid แท่งที่ต่ำงกันของ chromosome คู่ที่เหมือนกัน ง. ระยะ anaphase จะเกิดกำรหดสั้นขึ้นของ spidle fiber ดึง chromatid ของแต่ละ chromosome แยกจำกกัน 38. ในระบบสืบพันธุ์ของคน เซลล์ต่อไปนี้มีจำนวนโครโมโซมเป็นเท่ำใดตำมลำดับ (1) polar body (2) oogonium (3) primary spermatocyte ก. (1) = 23 แท่ง (2) = 46 แท่ง (3) = 23 แท่ง ข. (1) = 23 แท่ง (2) = 46 แท่ง (3) = 46 แท่ง ค. (1) = 46 แท่ง (2) = 23 แท่ง (3) = 46 แท่ง ง. (1) = 46 แท่ง (2) = 23 แท่ง (3) = 23 แท่ง 39. กรำฟแสดงระดับฮอร์โมนต่ำงๆ ในรอบเดือนของหญิงสำว (ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงสิ้นสุดในระยะเวลำ 1 เดือน) (1) ,(2) และ (3) คือฮอร์โมนใดและมีบทบำทอย่ำงไร ก. (1) = estrogen-ลักษณะทำงเพศ ,(2) =LH-กระตุ้นกำรตกไข่ ,(3) = progesterone-ผนังมดลูกหนำตัว ข. (1) = progesterone-ลักษณะทำงเพศ ,(2) =LH-กระตุ้นกำรตกไข่ ,(3) = estrogen-ผนังมดลูกหนำตัว ค. (1) = estrogen-กระตุ้นกำรตกไข่,(2) =LH-ลักษณะทำงเพศ ,(3) = progesterone-ผนังมดลูกหนำตัว ง. (1) = progesterone-ผนังมดลูกหนำตัว ,(2) =estrogen-ลักษณะทำงเพศ ,(3) = LH-กระตุ้นกำรตกไข่ 40. ยำแก้แพ้ท้อง Thalidomide มีผลกระทบอย่ำงรุนแรงทำให้ทำรกมีลักษณะผิดปกติ แขนขำกุดเพรำะยำนี้มีผลดังข้อใด ก. กำรเปลี่ยนแปลงลักษณะทำงพันธุกรรม ข. กำรเจริญของทำรกในระยะแรกๆ ค. กำรทำงำนของยีนในเซลล์ต่ำงๆผิดปกติ ง. กำรลดลงของภูมิคุ้มกันจึงติดเชื้อง่ำย ระดับฮอร์โมน เวลา (3) (1) (2)
  • 8. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 8 41. กำรจัดตัวของ chromosome ในภำพ A และ B แสดงกำรแบ่ง nucleus ในระยะใดและจะพบในเซลล์ใด ภาพ A ภาพ B (1) metaphase I (2) metaphase (3) primary oocyte (4) spermatogonium ก. ภำพ A คือ (1) และ (2) ส่วนภำพ B คือ (2) และ (3) ข. ภำพ A คือ (2) และ (3) ส่วนภำพ B คือ (1) และ (4) ค. ภำพ A คือ (1) และ (3) ส่วนภำพ B คือ (2) และ (4) ง. ภำพ A คือ (2) และ (4) ส่วนภำพ B คือ (1) และ (3) 42. ไข่ของแมลงสังคมบำงชนิด เช่น ผึ้ง มด ปลวก สำมำรถพัฒนำเป็นตัวได้โดยไม่ต้องรับกำรปฏิสนธิ เรำเรียกกำร สืบพันธุ์แบบนี้ว่ำอะไร และไข่ที่ว่ำจะมีเพศอะไร ก. asexual reproduction ,เพศเมีย ข. parthenogenesis ,เพศผู้ ค. morphogenesis ,เพศผู้ ง. sexual reproduction ,เพศเมีย 43. ถ้ำเกิดควำมผิดปกติขึ้นที่ต่อมคำวเปอร์ คำกล่ำวใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกตำยในสภำพควำมเป็นกรดภำยในช่องคลอด ข. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกขำดพลังงำนจำพวกกรดอะมิโนและน้ำตำล ค. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกตำยในสภำพควำมเป็นกรดภำยในท่อปัสสำวะ ง. อสุจิไม่สำมำรถไปถึงเซลล์ไข่ได้เนื่องจำกหำงไม่สำมำรถทำงำนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ 44. อัตรำกำรเจริญของสิ่งมีชีวิตอำจวัดได้โดยใช้ควำมสูง พบว่ำชำยไทยผู้หนึ่งที่อำยุ 13 ปี มีควำมสูง 153.9 cm. เมื่ออำยุ 23 ปี มีควำมสูง 167.5 cm. ดังนั้นเมื่อเขำอำยุ33 ปี เขำควรจะมีควำมสูงเท่ำใด ก. 181.9 cm. ตำมอัตรำกำรเจริญปกติ ข. น้อยกว่ำ 167.5 cm. เพรำะอัตรำกำรเจริญลดลง ค. 167.5 cm. เท่ำเดิม เพรำะอัตรำควำมสูงหยุดแล้ว ง. ระหว่ำง 167.5 cm. ถึง 181.1 cm. ขึ้นกับอำหำรที่ได้รับ 45.จำกกรำฟแสดงกำรเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตใดตำมลำดับ ก. (1) = ไส้เดือน ,(2) = ตั๊กแตน ข. (1) = กุ้ง ,(2) = ตั๊กแตน ค. (1) = กุ้ง ,(2) = ปูก้ำมดำบ ง. (1) = เต่ำ ,(2) = มนุษย์ 46. สิ่งมีชีวิตที่มีเอ็มบริโอเจริญภำยนอกตัวแม่จนกระทั่งเป็นตัวสมบูรณ์ ควรมีไข่ลักษณะเป็นไปตำมข้อใด ก. มีไข่แดงปริมำณน้อยมำกเพรำะเอ็มบริโอสำมำรถเจริญเป็นตัวอ่อนอย่ำงรวดเร็ว ข. มีไข่แดงปริมำณมำกเพรำะเอ็มบริโอจะได้ใช้ในกำรเจริญพัฒนำจนเป็นตัวเต็มวัย ค. มีปริมำณไข่แดงเพียงพอเพื่อให้เอ็มบริโอเจริญเป็นตัวอ่อนที่สำมำรถหำกินได้เอง ง. มีปริมำณไข่แดงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับระยะกำรเจริญและพัฒนำของตัวอ่อนแต่ละชนิด 47. กำหนดให้ (1) = organogenesis (2) = cell growth (3) = cell multiplication (4) = cell differentiation ข้อใดเรียงลำดับเหตุกำรณ์ได้ถูกต้องและปรำกฏกำรณ์ใดที่จะไม่พบในสิ่งมีชีวิตพวก protozoa ก. (1)(2)(3)(4) ,เฉพำะ (1) ข. (3)(2)(4)(1) ,เฉพำะ (1) และ (4) ค. (4)(1)(3)(2) ,เฉพำะ (2) และ (3) ง. (2)(3)(4)(1) ,เฉพำะ (4) น้าหนัก เวลา (1) (2)
  • 9. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 9 48. จำกแผนภำพที่แสดงนี้เป็นกำรเจริญเติบโตแบบใด(1) และยังพบได้ ในสิ่งมีชีวิตชนิดใดอีก (2) ก. (1) = complete metamorphosis (2) = แมลงวัน ข. (1) = complete metamorphosis (2) = แมลงปอ ค. (1) = incomplete metamorphosis (2) = แมลงหำงดีด ง. (1) = incomplete metamorphosis (2) = แมลงสำป 49. จำกแผนภำพนี้ในแถว ก. ระยะเอ็มบริโอเริ่มตั้งแต่ ภำพใด (1) และในแถว ข. ระยะฟีตัสเริ่มตั้งแต่ สัปดำห์ที่เท่ำไร (2) ก. (1) คือ ภำพที่ 1 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 12 ข. (1) คือ ภำพที่ 2 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 8 ค. (1) คือ ภำพที่ 4 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 4 ง. (1) คือ ภำพที่ 5 ,(2) คือ สัปดำห์ที่ 6 50. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง ก. paramecium มี 2 นิวเคลียส ได้แก่ micronucleus และ macronucleusจึงทำให้ paramecium 2 ตัวสำมำรถจับคู่กันเพื่อ แลกเปลี่ยนสำรพันธุกรรมได้ ข. พลำนำเรียเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งสองเพศอยู่ในตัวเดียวกันเรียกว่ำhermaphrodite จึงสำมำรถสืบพันธุ์โดย อำศัยเพศได้โดยพลำนำเรียเพียงตัวเดียวได้ ค. สัตว์เลื้อยคลำนและนกเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนำกำรขึ้นมำอยู่บนบก กำรปฏิสนธิไม่จำเป็นต้องอำศัยน้ำ ไข่มีเปลือกหุ้มเพื่อ ป้องกันเอ็มบริโอแต่ในไข่ยังมีของเหลวล้อมรอบเอ็มบริโออยู่ ง. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนำกำรสูงที่สุด ซึ่งมีกำรปฏิสนธิภำยในและออกลูกเป็นตัว ดังนั้น ตัวอ่อน เอ็มบริโอจะมีกำรเจริญและพัฒนำเป็นตัวสมบูรณ์ภำยในมดลูกจนกระทั่งคลอด ไม่มีคาว่าพ่ายแพ้ หากเรามีความเพียรพยายาม ลบคาว่าพ่ายแพ้ออกไปจากจิตใจ ไม่มีอุปสรรคใดที่เราข้ามไม่พ้น ขอเพียงละความอ่อนแอทิ้งไป เอลเบิร์ต ฮับบาร์ด 1 2 3 4 5
  • 10. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 10 ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่.............. คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์ 1. “กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปมักจะต้องมีความสัมพันธ์กับระบบหรือ กระบวนการขับถ่ายเพื่อให้กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตสามารถดาเนินต่อไปได้เป็นปกติ” นักเรียนเห็นด้วย กับประโยคข้ำงต้นหรือไม่ จงอธิบำย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่ำงชัดเจน วำดรูปประกอบได้( 5 คะแนน ) ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............................. ...............................................................................................................................................................………………….. ...............................................................................................................................................................…………………..
  • 11. ม.5/1-5/2 โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า ว40243 11 ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่.............. เฉลย : คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์ 1. “กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปมักจะต้องมีความสัมพันธ์กับระบบหรือ กระบวนการขับถ่ายเพื่อให้กระบวนการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตสามารถดาเนินต่อไปได้เป็นปกติ” นักเรียนเห็นด้วย กับประโยคข้ำงต้นหรือไม่ จงอธิบำย พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่ำงชัดเจน วำดรูปประกอบได้( 5 คะแนน ) ...กำรเจริญเติบโต (Growth and Development) หมำยถึง จะเป็นกระบวนกำรในกำรเปลี่ยนแปลงขนำดและรูปร่ำง ซึ่ง เป็นผลมำจำกกำรเพิ่มจำนวนเซลล์ด้วยกำรแบ่งเซลล์ที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งมีกำรขยำยขนำดของเซลล์ด้วยกำรสร้ำงไซ โทพลำสซึมทำให้เซลล์มีขนำดใหญ่โตขึ้น ต่อมำเซลล์ก็จะมีกำรเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงและหน้ำที่ จนกระทั่งรวมกลุ่มเกิด เป็นอวัยวะหลำยๆ อวัยวะ รวมตัวกันเป็นร่ำงกำยของสิ่งมีชีวิต เพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสภำพแวดล้อมต่อไป ...กำรสืบพันธุ์ (Reproduction) หมำยถึง กระบวนกำรที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ขึ้นมำจำกสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน โดยที่ สิ่งมีชีวิตรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นจะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่ำที่ตำยไป ทำให้สิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่ได้โดยไม่สูญพันธุ์ ...กำรขับถ่ำย (excretion) คือ กำรกำจัดของเสียอันเกิดจำกขบวนกำรเมตำโบลิซึม ร่ำงกำยขับน้ำออกมำในรูปปัสสำวะ และเหงื่อ ซึ่งใน ปัสสำวะจะมีสำร เช่น ยูเรีย กรดยูริก แอมโมเนีย โซเดียมคลอไรด์กรดฟอสฟอริก โซเดียม กำมะถัน และโพแทสเซียมละลำยปนอยู่... ...ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรเจริญเติบโต กำรสืบพันธุ์และกำรขับถ่ำย... ...กระบวนกำรปฏิกิริยำชีวเคมีภำยในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่ำ เมทำบอลิซึม (metabolism)เพื่อให้กระบวนกำรต่ำงๆ ในกำรดำรงชีวิตและเผ่ำพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเป็นไปได้อย่ำงปกติให้อยู่รอดในสภำพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลำ (ปรับตัวและกำรรักษำดุลยภำพ) ...กระบวนกำรเจริญเติบโต ต้องอำศัยปฏิกิริยำชีวเคมีต่ำงๆมำกมำย ในกำรเกิด cell multiplication ,cell growth ,cell differentiation และ cell morphogenesis ซึ่งพบตั้งแต่สิ่งมีชีวิตยังอยู่ในระยะตัวอ่อน คือ cleavage ,blastulation ,gastrulation และ organogenesis ของเสียที่เกิดขึ้นจำกกระบวนกำรต่ำงเหล่ำนี้จึงต้องถูกกำจัดโดยอำศัยอวัยวะขับถ่ำยที่ พัฒนำขึ้นมำให้ทำงำนได้อย่ำงเต็มที่... ...กระบวนกำรสืบพันธุ์ ต้องอำศัยปฏิกิริยำชีวเคมีต่ำงๆมำกมำย ในกำรเกิด mitosisใน asexual reproduction หรือ meiosis ใน sexual reproduction และparthenogenesis ของเสียที่เกิดขึ้นจำกกระบวนกำรต่ำงเหล่ำนี้จึงต้องถูกกำจัดโดย อำศัยอวัยวะขับถ่ำยที่ถูกกำหนดขึ้นมำโดยสำรพันธุกรรมที่ถูกถ่ำยทอดมำ นอกจำกนี้กระบวนกำรสืบพันธุ์ส่วนใหญ่ยัง ต้องอำศัยอวัยวะขับถ่ำยเป็นทำผ่ำนของ sex cell อีกด้วย เช่น pennies ในเพศชำย..