More Related Content
Similar to Music drama (20)
Music drama
- 2. ความหมายของดนตรีและนาฏศิลป์
กำ ธร สนิทวงศ์ ณ อยุธยำ (2514 : 1) ดนตรี หมายถึง เครื่องมือ (Tools) สา หรับ
ไว้สื่อความคิด (Idia) ความนึกฝัน (Imagination) และความรู้สึก
(Emotion) โดยออกมาในรูปของ “เสียง” เพื่อให้ตนเอง ให้ผู้อื่น ได้ชื่นชมชื่น
ใจ อย่างไรก็ตามการที่ผู้ฟังจะเข้าใจภาษาสากลของดนตรีนี้ได้อย่าง ลึกซึ้งเพียงใด
ก็ย่อมขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างบุคคล พื้นฐานการศึกษา ความรู้ เกี่ยวกับ
ดนตรี ตลอดจนประสบการณ์ของผู้ฟังเป็นสา คัญ
ประดิษฐ์ อินทนิล (2536:1) นาฏศิลป์หมายถึง การเคลื่อนไหวอิริยาบถต่างๆ ทั้ง
มือ แขน ขา ลา ตัว และใบหน้า เป็นสื่อถ่ายทอดความหมายและอารมณ์ เพื่อให้ผู้ชม
คนดูเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ต่างๆ
- 3. ดนตรี
เครื่องดนตรี คือ เครื่องมือที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้บรรเลงให้มีเสียงดังเป็น
ทา นองเพลง ทา ให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน การแบ่งเครื่องดนตรี
โดยอาศัยอากัปกิริยาในการบรรเลง แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
เครื่องดนตรีประเภทดีด
เครื่องดนตรีประเภทสี
เครื่องดนตรีประเภทตี
เครื่องดนตรีประเภทเป่า
- 4. 1.เครื่องดนตรีประเภทดีด ใช้มือดีด หรือดีดด้วยวัสดุอื่นเกิดเป็นเสียง ดีดที่
สายขึง ใช้นิ้วกดที่สาย แล้วดีดให้เกิดเป็นเสียง 7 เสียงได้แก่ พิณ ซึง จะเข้ กระจับปี่
2.เครื่องดนตรีประเภทสีมีเสียงเกิดจากการสีของคันชักที่ทา มาจากหางม้าสี
ลงบนสายที่ทา มาจากไหม หรือเอ็น มี 2-3 สาย มีคันทวนและกะโหลก ได้แก่สะ
ล้อ ซอสามสาย ซอด้วง ซออู้ ซออีสาน ซอมอญ
3.เครื่องดนตรีประเภทตีจา แนกได้อีก 3 ประเภท คือ
3.1 เครื่องตีทา ด้วยไม้ได้แก่ กรับคู่กรับพวง
3.2 เครื่องตีทา ด้วยโลหะ ได้แก่ มโหระทึก ฆ้อง ฉิ่ง ฉาบ ระฆัง กังสดาล
3.3 เครื่องตีทา ด้วยหนัง ได้แก่ กลองทัด กลองตุ๊ก ตะโพน บัณเฑาะว์ กลอง
มลายู
4.เครื่องดนตรีประเภทเป่า ได้แก่ แตรเขาควาย แตรงอน แตรสังข์ ปี่ใน ขลุ่ย
ปี่ซอ ประเภทของวงดนตรีไทย
- 5. การผสมวงดนตรีไทย
การผสมวงดนตรีไทย มี ดังนี้
1. วงขับไม้ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ซอสามสาย โทน กระจับปี่
และผู้ขับร้อง
2. วงเครื่องกลองแขก ประกอบด้วยเครี่องดนตรี กลองมลายู ปี่ ฆ้อง
โหม่ง
3. วงเครื่องสาย ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ซอด้วง ซออู้ จะเข้ฉิ่ง ขลุ่ย
โทน รามะนา
- 6. 4. วงปี่พาทย์มีชื่อเรียกต่าง ๆ กัน ได้แก่
4.1 วงปี่พาทย์ชาตรี มี ปี่นอก ฆ้องคู่ โทนชาตรี ตะโพน กลองทัด ฉิ่ง
ฆ้องวงใหญ่
4.2 วงปี่พาทย์เครื่องห้า มี ระนาดเอก ปี่ใน ตะโพน กลองทัด ฆ้องวง
ใหญ่ ฉิ่ง
4.3 วงปี่พาทย์เครื่องคู่ มี ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ปี่ใน ตะโพน กลอง
ทัด ฉิ่ง ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงเล็ก
4.4 วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ มี ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ฆ้อง
วงเล็ก ปี่ใน ปี่นอก ตะโพน กลองทัด ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง ระนาดเอก
เหล็ก ระนาดทุ้มเหล็ก
- 7. 5. วงมโหรีเป็นวงดนตรีที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด มีเครื่องดนตรีทุกประเภท เป็น
การรวมวงเครื่องสายกับปี่พาทย์เข้าด้วยกัน วงมโหรีมี 3 ชนิด คือ
5.1 วงมโหรีเครื่องเดี่ยว มี ระนาดเอก ฆ้องวง ซอ ขลุ่ย จะเข้ โทน รามะนา ฉิ่ง
ฉาบ
5.2 วงมโหรีเครื่องคู่ มี ซอด้วง ซออู้ จะเข้ ซอสามสาย (อย่างละ 2) ระนาดเอก
ระนาดทุ้ม ฆ้องวงเล็ก ฆ้องวงใหญ่ ขลุ่ยหนีบ ขลุ่ยเพียงออ โหม่งราว ฉิ่ง ฉาบ กรับ
พวง โทน รามะนา
5.3 วงมโหรีเครื่องใหญ่ มีเครื่องดนตรีครบทุกประเภท และสมบูรณ์มาก
ที่สุด โดย เพิ่มระนาดเอกเหล็ก และระนาดทุ้มเหล็กเข้าไป มีขลุ่ยอู้อีกชิ้นหนึ่ง
ด้วย ดนตรีสากล เป็นเครื่องดนตรีที่ชาวตะวันตกได้นา มาเผยแพร่จนเป็นที่
รู้จักกันทั่วโลก จึงทา ให้ทุกชนชาติทุกภาษาสามารถเล่นดนตรีสากลได้ ทั้งนี้เพราะ
เครื่องดนตรีสากลมีมาตรฐานเดียวกัน และใช้ โน้ต บันทึกทา นองเพลง
- 8. ประเภทของดนตรีสากล
แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. ดนตรีพื้นเมือง หรือดนตรีพื้นบ้าน (Folk Music) มีอยู่ตามท้องถิ่น ส่วน
ใหญ่ใช้เครื่องประกอบจังหวะ ฉิ่ง กรับ ฉาบ โหม่ง โทน ระมะนา กลอง อาจมี สะ
ล้อ ซอ ซึง แคน เป็นต้น
2. ดนตรีแบบฉบับ (Classical Music) เป็นการพัฒนาดนตรีของแต่ละ
ชนชาติ จนเป็นดนตรีชั้นสูง มีความดีเด่นจนเป็นดนตรีประจา ชาติได้เช่น ดนตรี
ไทย มีพัฒนาการจนสามารถบรรเลงในราชสา นักได้
3. ดนตรีสมัยนิยมหรือ ชนนิยม (Popular Music) เป็นดนตรีที่ได้รับ
ความนิยมจากประชาชนทั่วไป จะมีเพลงที่ได้รับความนิยมอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง แล้ว
ก็เสื่อมไป มีเพลงใหม่เข้ามาแทนที่ มีการนา เอาทา นองของต่างชาติมาใช้
- 9. เครื่องดนตรีสากล
แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
เครื่องสาย (The String Instruments)
เครื่องเป่าลมไม้ (The Woodwind Instruments)
เครื่องเป่าโลหะ (The Brass Instruments)
คีย์บอร์ด (The Keyboard Instruments)
เครื่องตี(The Percussion Instruments)
- 10. 1. เครื่องสาย (The String Instruments) ทา มาจากสายโลหะ และสายเอ็น
1.1 จา พวกเครื่องสายแบบดีด ได้แก่ กีตาร์ แบนโจ แมนโดลีน ฮาร์ป
1.2 จา พวกเครื่องสายสี ใช้คันชัก ได้แก่ ไวโอลีน วิโอล่า ดับเบิลเบส
2. เครื่องเป่าลมไม้(The Woodwind Instruments)
2.1 ประเภทเป่าลมผ่านช่องลม ได้แก่ ฟลุท ปิคโคโล เรคอเดอร์
2.2 ประเภทเป่าลมผ่านลิ้น ได้แก่ คลาริเนท แซกโซโฟน โอโบ บา
สซูน
3. เครื่องเป่าโลหะ (The Brass Instruments) เป่าผ่านริมฝีปากไปปะทะช่องที่
เป่า ได้แก่ คอร์เน็ท ทรัมเป็ต เฟรนซ์ฮอร์น ทรอมโบน แบริโทน ยูโฟเนีม
ทูบา ซูซาโฟน
- 11. 4. ประเภทคีย์บอร์ด (The Keyboard Instruments) มีลิ่มนิ้วเรียงกันเป็น
แผง ได้แก่ เปียโน ออร์แกน อิเล็กโทน แอ็คคอร์เดียน คีย์บอร์ดไฟฟ้า
5. เครื่องตี(The Percussion Instruments) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
5.1 เครื่องตีนา ทา นอง (Molodic Percussion) ได้แก่ โซโลโฟน เบล
ไลลา ระฆังราว
5.2 เครื่องตีทา จังหวะ (Rhythmic Percussion) ได้แก่ กลอง
บองโกส์ ทอมบา ฉิ่ง ฉาบ กรับ ลูกแซก กลองชุด ความไพเราะของเพลง มี
ส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ เพลงขับร้อง กับเพลงบรรเลง เพลงบรรเลง เป็นเพลงที่ใช้
เครื่องดนตรีล้วน ๆ เช่น เพลงโหมโรง เพลงหน้าพาทย์เพลงขับร้อง เป็นการร้อง
ประกอบดนตรี คือ ร้องและมีดนตรีรับ เช่น เพลงเถา เพลงตับเพลงที่เราได้รับฟัง
กันอยู่ในปัจจุบันมี 2 กลุ่ม คือ เพลงไทย และ เพลงไทยสากล
- 12. นาฏศิลป์
นาฏศิลป์ไทย เป็นการแสดงท่าทาง โดยการร่ายรา ซึ่งตามปกติจะใช้
ดนตรีและการขับร้องประกอบอยู่ด้วย เช่น ระบา ราฟ้อน เซิ้ง
ละคร โขน
1. ระบา การแสดงท่าทางราพร้อมกันเป็นหมู่ เป็นชุด ไม่มีการดา เนิน
เรื่อง เช่น ระบา ไก่ ระบา เทพบันเทิง ระบา ศรีวิชัย ระบา ดอกบัว
2. รา เป็นการแสดงท่าทางด้วยวงแขน มือที่อ่อนช้อยสวยงาม เป็นการ
แสดงคนเดียวหรือหมู่ เช่น ราศรีนวล ราแม่บท ราโคม
3. ฟ้อน เป็นการราแบบพื้นเมืองของภาคเหนือ ด้วยลีล่าที่ค่อนข้างจะ
เชื่องช้า แต่งกายแบบพื้นเมือง เช่น ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนเงี้ยว
- 13. 4. เซิ้ง ศิลปะการร่ายราแบบพื้นเมืองภาคอีสาน ใช้จังหวะเร็ว สนุกสนาน ได้แก่
เซิ้งสวิง เซิ้งกระติบ เซิ้งบั้งไป (นา ขบวนแห่บั้งไฟ)
5. ละคร เป็นศิลปการแสดงที่ผูกเป็นเรื่องราวเป็นตอน ๆ ตามลา ดับ ประกอบด้วย
บทร้อง รา ทา ท่าทาง บทเจรจา ใช้ดนตรีประกอบการแสดง มีการจัดฉากให้
สอดคล้องกับเรื่องราว ได้แก่
5.1 ละครชาตรี เป็นต้นแบบของละครรา ใช้ผู้แสดง 3 คน มีวงปี่พาทย์บรรเลง
5.2 ละครนอก เป็นกระบวนการร้องราที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว เรื่องตลกขบขัน มี
วงปี่พาทย์บรรเลง เดิมผู้ชายแสดง ปัจจุบันผู้แสดงเป็นชาย-หญิง
5.3 ละครใน มุ่งเน้นศิลปะการร่ายราเป็นสาคัญ ยึดระเบียบประเพณีใช้เพลง
ไพเราะ ไม่นิยมตลกขบขัน ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน
- 14. 5.4 ละครดึกดา บรรพ์ เป็นละครที่ผู้แสดงร้องเอง ราเอง เจรจาเอง มี
การแต่งกาย มีฉากประกอบตามเนื้อเรื่อง มีวงดนตรีวงปี่พาทย์ดึกดา
บรรพ์
5.5 ละครพันทาง เป็นละครแบบผสม ทา เอาศิลปการแสดง ท่าทาง
ของชาติอื่นมาผสมกับศิลปะของไทย แต่งกายตามเนื้อเรื่อง แบ่งการ
แสดงออกเป็นชุด
5.6 ละครร้อง ใช้การร้องเป็นหลัก ดา เนินเรื่อง ไม่มีรา ใช้ท่าทาง
ประกอบการแสดง
5.7 ละครพูด เป็นละครสมัยใหม่ ใช้การพูดดา เนินเรื่องแทน การร้อง
- 15. 6. โขน เป็นศิลปการแสดงของไทย รูปแบบหนึ่ง มีทั้งการรา การเต้น
ออกท่าทางเข้ากับดนตรี ผู้แสดงสมมุติเป็นตัวยักษ์ ตัวลิง เทวดา ตัวพระ
ตัวนาง โดยสวมหน้า เรียกกันว่า “หัวโขน”ผู้แสดงไม่ต้องร้อง จะมีผู้
พากย์และร้อง ซึ่งเรียกว่า “ตีบท” เรื่องที่นา มาแสดง คือ เรื่องรามเกียรต์ิ
โขนมี 5 ชนิด คือ
โขนกลางแปลง
โขนโรงนอก (โขนนั่งราว)
โขนโรงใน
โขนหน้าจอ
โขนฉาก
- 16. นาฏยศัพท์
นาฏยศัพท์ เกี่ยวกับการใช้มือ
วง เป็นการตั้งแขนคล้ายครึ่งวงกลม ตั้งมือขึ้น นิ้วทั้งสี่เรียงชิดติดกันหลบหัวแม่มือเล็กน้อยแล้ว
หันฝ่ามือออกนอกตัวหักข้อมือเข้าหาลา ตัว ตั้งวงมี 4 ชนิด คือ วงบน วงกลาง วงล่าง วงหน้า
จีบ เป็นการจรดนิ้วมือเข้าหากัน นิ้วหัวแม่มือกับข้อสุดท้ายของปลายนิ้วนิ้วชี้ นิ้วอื่น ๆ กรีดคล้าย
พัด การจีบมี 5 ลักษณะ คือ จีบหงาย จีบคว่า จีบปรกข้าง จีบปรกหน้า
เดินมือ เป็นการเคลื่อนมือทั้งสองข้างสลับกันในท่ารา จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับจังหวะนาฏย
ศัพท์ เกี่ยวกับการใช้เท้า
กระดกเท้า เป็นการยกเท้าข้างใดข้างหนึ่งไปข้างหลัง ให้น่องชิดโคนขาแล้วหักข้อเท้า
ก้าวเท้า เป็นการก้าวเท้าไปข้างหน้า และก้าวเท้าไปข้างหลัง โดยเอาส้นเท้าแตะลง
ก้าวข้าง เป็นการก้าวเท้าออกไปทางด้านข้าง ด้วยเท้าข้างใดข้างหนึ่ง เปิดส้นเท้าหลังด้วย
จรดเท้า ใช้จมูกเท้าแตะพื้น วางส้น จรดส้นเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
กระทุ้งเท้า ยกเท้าข้างใดข้างหนึ่งให้สูงขึ้นเล็กน้อย แล้วใช้จมูกเท้ากระทุ้งลงที่พื้น
- 17. การราวง
ราวง เป็นศิลปะการเล่นพื้นเมือง โดยผู้ราจะต้องยืนราเป็นวงกลม อาจยืนอยู่กับที่
หรือเดินราเรียง กันไป ดนตรีที่นิยมใช้ คือ โทน บทร้องส่วนใหญ่เป็นบท หยอกเย้า
ชมโฉม ราพันรัก บทจากกันเพลงราวง ได้แก่ “ยวนยาเหล ยวนยาเหล หัวใจ
ว้าเหว่ไม่รู้จะเห่ไปหาใคร”
ราวงมาตรฐาน เป็นการเล่นที่ประยุกต์มาจากราวงพื้นเมืองหรือราโทน ซึ่งกรม
ศิลปากรเป็นผู้จัดระเบียบของการราเพื่อให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพลงต่าง
ๆที่ใช้ในการราจะมีความสัมพันธ์ท่ารา ได้แก่
- เพลงงามแสงเดือน ท่าราสอดสร้อยมาลา
- เพลงชาวไทย ท่าราชักแป้งผัดหน้า
- เพลงรามาซิมารา ท่ารา ราส่าย
- 18. - เพลงคืนเดือนหงาย ท่าราสอดสร้อยมาลาแปลง
- เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ ท่าราแขกเต้าเข้ารัง และผาลาเพียง
ไหล่
- เพลงดอกไม้ของชาติท่ารายั่ว
- เพลงหญิงไทยใจงาม พรหมสี่หน้า และยูงฟ้อนหาง
- เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ช้างประสานงา และจันทร์ทรงกรด
แปลง
- เพลงยอดชายใจหาญ (หญิง) ชะนีรายไม้ (ชาย) จ่อเพลิง
กาฬ
- 19. การแสดงเพลงพื้นบ้าน
การแสดงเพลงพื้นบ้าน หรือเพลงพื้นเมือง การแสดงหรือการละเล่นของในแต่ละ
ท้องถิ่น จะแฝงเอาไว้ด้วยศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และจิตใจ
ของคนแต่ละท้องถิ่น
ประเภทของการแสดงท้องถิ่น
1. เพลงพื้นบ้าน เป็นเพลงที่ชาวบ้านคิดคา ร้องและท่าทางในการแสดงตาม
วิถีชีวิตในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้แก่ เพลงเรือ เพลงฉ่อย เพลงพวงมาลัย เพลงอีแซว ลา
ตัด เพลงเทพทอง เพลงโคราช เพลงบอก เพลงแคน เพลงหมอลา ฯลฯ
2. ราพื้นเมือง คือ ระบา รา ฟ้อนที่กา เนิดมาจากถิ่นต่าง ๆ เช่น ฟ้อนเทียน
ฟ้อนเล็บ ฟ้อนภูไท ราวง รากลองยาว ราศรีนวล
- 20. การแสดงพื้นบ้านภาคต่างๆ
1. เพลงพื้นบ้านภาคกลาง เพลงพวงมาลัย เพลงเหย่ย เพลงฉ่อย ฯลฯ นิยมเล่นกันในเทศกาล
ตรุษ สงกรานต์ สารทไทย การแต่งกายผู้แสดงจะนุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อสีลายดอก
2. การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือ ได้แก่ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ด้วยท่วงท่าลีลากรีดกราย นุ่งผ้า
สิ้น ห่มสไบ เกล้าผมมวยทรงสูง สวมเล็บยาวทั้ง 4 นิ้ว
3. การแสดงพื้นเมืองภาคอีสาน ได้แก่ เซิ้งบั้งไฟ หมอลา เซิ้งสวิง เซิ้งกระติบ การแสดงไม่
มีแบบแผน เป็นรา ทา ท่าทางที่สนุกสนาน นา ขบวนแห่บั้งไฟ การแต่งกายนุ่งผ้าสิ้น เสื้อแขน
กระบอก ชายนุ่งกางเกงขาก๊วย เสื้อคอกลม ผ้าขาวม้าคาดพุง
4. การแสดงพื้นเมืองภาคใต้ได้แก่ โนรา หนังตะลุง เพลงบอก การแสดงโนรา แต่งกายนุ่ง
ผ้าสนับเพลา มีสังวาล ทับทรวง ปั้นเหน่ง ผ้าห้อยหน้า จีบหางหงส์ กา ไลต้นแขน ปลายแขนส่วน
หนังตะลุง ใช้คนเป็นผู้เชิดตัวหนังที่ทา ด้วยหนังวัว หนังควายขูดจนบาง แกะสลัก ระบายสี
สวยงาม มีทั้งตัวพระ ตัวนาง ฤษีตัวตลก ปราสาทราชวัง ฯลฯ เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบในการ
แสดงหนังตะลุง ได้แก่ ทับ 2 ลูก ฆ้องคู่ ปี่ ซอ กลองตุ๊ก ฉิ่ง และกรับ ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้
เครื่องดนตรีสากลด้วย
- 21. แหล่งอ้างอิง
ชาเลือง มณีวงษ์, ศิลปะ (2) ดนตรี นาฏศิลป์ “เรียนรู้หลักการพื้นฐาน”
[ออนไลน]์, เข้าถึงเมื่อ 4 กันยายน 2550. เข้าถึงได้จาก
http://gotoknow.org/blog/manee01/103371