TeST
- 2. ประเภทของวงดนตรีสากล
ประเภทของวงดนตรีสากล แบ่งได้เป็น 8 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1.)วงแชมเบอร์มิวสิค (Chamber Music)
หมายถึง
วงดนตรีประเภทบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่เหมาะสาหรับแสดงภายในห้องโถง
หรือสถานที่ที่จุผู้ฟังได้เพียงจานวนน้อย
ในสมัยแรกเล่นกันในห้องโถงตามราชสานักหรือ คฤหาสถ์ของขุนนางในยุโรป
และนักดนตรี เล่นกันเองในหมู่เพื่อนฝูง
ต่อมาคนเริ่มสนใจมากขึ้นสถานที่คับแคบ จึงเลื่อนไปเล่นในห้อง
โถงใหญ่และใน Concert Hall
ซึ่งจัดไว้เพื่อการแสดงดนตรีโดยเฉพาะ แชมเบอร์มิวสิค เน้นความสาคัญของ
นักดนตรีทุกคนเท่าๆ กัน โดยปกติจะมี นักดนตรี 2-9
คนและเรียกชื่อต่างๆกันตามจานวนของผู้บรรเลง ดังนี้
จานวนผู้บรรเลง 2 คน เรียกว่า ดูโอ (Duo)
จานวนผู้บรรเลง 3 คน เรียกว่า ทรีโอ (Trio)
จานวนผู้บรรเลง 4 คน เรียกว่า ควอเตท (Quartet)
จานวนผู้บรรเลง 5 คน เรียกว่า ควินเตท (Quintet)
จานวนผู้บรรเลง 6 คน เรียกว่า เซกซ์เตท (Sextet)
จานวนผู้บรรเลง 7 คน เรียกว่า เซปเตท (Septet)
จานวนผู้บรรเลง 8 คน เรียกว่า ออกเตท (Octet)
จานวนผู้บรรเลง 9 คน เรียกว่า โนเนท (Nonet)
- 3. การเรียกชื่อจะต้องบอกชนิดของเครื่องและจานวนของผู้เล่นเสมอ เช่น
สตริงทรีโอ(String Trio) มี ไวโอลิน 1 คัน วิโอลา 1 คัน และ เชลโล 1 คัน
สตริงควอเตท (String Quartet) มี ไวโอลิน 2 คัน วิโอลา 1 คัน และ เชลโล
1 คัน
สตริงควินเตท (String Quintet) มี ไวโอลิน 2 คัน วิโอลา 1 คัน เชลโล 1 คัน
และ ดับเบิลเบส 1 คัน
วูดวินควินเตท (Wood -Wind Quintet)
ประกอบด้วย เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้ 5 คน
ได้แก่ ฟลุ๊ต ปี่โอ โบ คลาริเน็ต บาสซูน และ เฟรนซ์ฮอร์น
แชมเบอร์มิวสิคยังไม่จากัดประเภทของเครื่องดนตรีแต่
ตระกูลไวโอลินจะเหมาะที่สุด เพราะเสียงของเครื่องดนตรีตระกูลนี้กลมกลืนกั
น
ถ้าการบรรเลงของแชมเบอร์มิวสิคเกิน 9 คน แต่ไม่ถึง 20 คน เรียก
อังซังเบลอ (ensemble)
เช่น วินด์อังซังเบลอกับดับเบิ้ลเบส ของ โมสาร์ท
เป็น Serenade สาหรับเครื่องลม Bแฟลต
- 4. 2.)วงซิมโฟนี ออร์เคสตร้า (Symphony Orchestra)
วงประเภทนี้มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วย
เครื่องดนตรีครบทุกกลุ่ม ขนาดของวงมีขนาดเล็ก 40-60 คนขนาดกลาง 60-
80 คน
และ วงใหญ่ 80-110 คน
หรือมากกว่านั้น ขนาดของวงจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับเครื่องสายเป็ นหลัก
และ ผู้เล่นต้องมีฝีมือดี
รวมถึงวาทยากร(conductor)ก็ต้องมีความสามารถอย่างยอดเยี่ยม
- 6. ปอปปูลามิวสิค ส่วนใหญ่มี 3 ขนาด
1.วงขนาดเล็ก(วง 4x4) มีเครื่องดนตรี 12 ชิ้น ดังนี้
กลุ่มแซ็ก ประกอบด้วย อัลโตแซ็ก 1 คัน เทเนอร์แซ็ก 2 คันบาริโทน
แซ็ก 1 คัน
กลุ่มทองเหลือง ประกอบด้วย ทรัมเป็ต 3 คัน ทรอมโบน 1 คัน
กลุ่มจังหวะ ประกอบด้วย เปียโน 1 หลัง กีตาร์คอร์ด 1 ตัว เบส 1 ตัว
กลองชุด 1 ชุด
(วง 4 x 4 หมายถึง ชุดแซก 4 ชุด ทองเหลือง 4 ชุดตามลาดับ
ส่วนเครื่องประกอบจังหวะ 4
ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
2.วงขนาดกลาง (5x5) มีเครื่องดนตรี 14 ชิ้น คือ เพิ่มอัลโตแซ็ก และ
ทรอมโบน
3.วงขนาดใหญ่ (Big Band )(5 x 7) มี
16 ชิ้น เพิ่ม ทรัมเป็ตและทรอมโบนอย่างละตัว
ในปัจจุบันใช้กีตาร์เบสแทนดับเบิ้ลเบส และ บางทีก็ใช้ออร์แกนแทนเปียโน
4.)วงคอมโบ ( Combo band ) หรือ สตริงคอมโบ
- 7. เป็นวงที่เอาเครื่องดนตรีบางส่วนมาจาก Popular Music อีกทั้งลักษณะของ
เพลงและสไตล์การเล่นก็เหมือนกัน
จานวนเครื่องดนตรีส่วนมากอยู่ระหว่างประมาณ 3 –
10 ชิ้น เครื่องดนตรีจะมี พวกริทึม(Rhythm) และ
พวกเครื่องเป่าทั้งลมไม้และเครื่องทองเหลือง เครื่องดนตรีที่ใช้เป็นหลักคือ กล
องชุด เบส เปียโนหรือมีเครื่องเป่า
ผสมด้วยจะเป็นเครื่องลมไม้หรือทองเหลืองก็ได้ไม่จากัดจานวนแต่รวมแล้วต้อ
งไม่เหมือนกับปอปปูลามิวสิค
วงคอมโบก็เป็นสมอลล์แบนด์ (small Band)แบบหนึ่ง ดังนั้นวงนี้จึงเป็ นวงที่
มีขนาดไม่ใหญ่นักจึงเหมาะสาหรับ
เล่นตามงานรื่นเริงทั่วๆไปนอกจากนั้นยังเหมาะสาหรับเพลงประเภทไลท์มิวสิค
อีกด้วยเพลงไทยสากลและเพลง
สากลในปัจจุบันที่ใช้วงคอมโบเล่นตามห้องอาหารหรืองานสังสรรค์ต่างๆประก
อบด้วยเครื่องดนตรี ดังต่อไปนื้
1.แซ็กโซโฟน 2ทรัมเป็ต 3 ทรอมโบน 4 เปียโนหรือออร์แกน 5 กีตาร์คอร์ด
6 กีตาร์เบส
- 8. 5.) วงชาร์โด(Shadow)
เป็นวงดนตรีขนาดเล็กเริ่มก่อตั้งเมื่อประมาณ 20 ปีมานี่เอง
ในอเมริกาวงดนตรีประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ
คณะTheBeattleหรือสี่เต่าทองเครื่องดนตรี
ในสมัยแรก มี4ชิ้น คือ1. กีตาร์เมโลดี้(หรือกีตาร์โซโล) 2. กีตาร์คอร์ด 3. กีต
าร์เบส 4. กลองชุด
วงชาโดว์ในระยะหลังได้นาออร์แกนและพวกเครื่องเป่าเช่นแซกโซโฟน ทรัมเ
ป็ตทรอมโบนเข้ามาผสม
และบางทีอาจมีไวโอลินผสมด้วยเพลงของพวกนี้ส่วนใหญ่จะเร่าร้อน ซึ่งได้รับ
ความนิยมมากในหมู่วัยรุ่น
โดยเฉพาะเพลงประเภท อันเดอร์กราว
- 9. 6. วงแจ๊ส (Jazz)
แบบของแจ๊สที่ควรรู้จักBlues Jazz เพลงบลูส์
บลูส์แจ๊สเพลงประเภทนี้ส่วนมากจังหวะช้าๆ ครั้งแรกที่ไม่ค่อยนิยมเพลงบลูส์เ
นื่องจากโน้ตค่อนข้างยากต่อมาอาร์มาสตรองนามาเล่นในปี พ.ศ.
2472 จึงเป็ นแรงหนึ่งที่ทาให้รับความนิยมNew orlean and dixieland sty
le ทั้ง 2 แบบเหมือนกันมากจนแทบจะแยกกันไม่ออก เริ่มขึ้นในปลายศตวรร
ษที่ 19และมาแพร่หลายในปพ.ศ 2473 ต่อมาอาร์มาสตรองนามาเล่นในปี
พ.ศ. 2472ต่อมามีทรอมโบนและคลาริเน็ท เบนโจ กีตาร์ ทูบา กลอง
เปียโน แซ็กโซโฟน ปัจจุบันใช้เบสแทนทูบา
นิยมให้ทรัมเป็ตเป็นตัวนาก่อนแล้วจึงเล่นพร้อมกันทั้งวงและเล่นกันเฉพาะทา
นอง เพราะยังไม่มีใครรู้จัก
Adlibกันเท่าไหร่ กลองก็เล่นจังหวะธรรมดา
Modern Style โฉมหน้าของแจ๊สได้เปลี่ยนไปมากเมื่อหลุยส์ อาร์มสตรอง
ได้คิดวิธีเล่นใหม่ คือ
มีทานองหลักแล้วผลัดกันเล่นทีละคน
แต่ละคน Adlib กันอย่างสนุกสนานและเล่นค่อนข้างเร็วมาก บางทีก็เล่นพร้
อมๆ กัน ฟังดูเหมือนต่างคนต่างเล่น
แต่อยู่ในกรอบอันเดียวกัน Bop
Style ผู้ที่คิดขึ้น คือ The lonious Monk กับ Dizzy gillespie
โดยเอาแบบของยุโรปมาผสมมีการเปลี่ยนแปลงทานองและจังหวะ ใช้คอร์ดเ
ป็นหลัก เล่นเร็วมาก ผลัดกันเล่นทีละชิ้น
- 12. ในสมัยสงครามครูเสด ได้ซบเซาไปพักหนึ่ง
และเจริญอีกในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ต่อมาในสมัยของนโป
เลียน ได้ปรับปรุงให้มีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิดเช่น พวกขลุ่ยผิว พวกปี่และแ
ตรและต่อมาก็เป็นต้นแบบของวง
โยธวาทิตในราวกลางศตวรรษที่ 19 เมื่ออดอลฟ์ แซกซ์ นักประดิษฐ์ชาวเบลเยี่
ยมได้ประดิษฐ์แซกโซโฟนและ
แตรต่างๆในตระกูลแซกฮอร์น จึงได้นามาไว้กับวงโยธวาทิตด้วย จึงสมบูรณ์ดั
งได้กล่าวมาแล้ว ปัจจุบันวงโยธ
วาทิตมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 56 ชิ้น
8.) แตรวง (Brass Band )
คือวงที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องทองเหลืองและเครื่องกระทบ แ
ตรวงเหมาะสาหรับใช้บรรเลงกลางแจ้ง
การแห่ต่างๆ เช่น
ในประเทศไทยใช้แห่นาค แห่เทียนพรรษา เป็นต้นแตรวงมาตรฐานของอั
งกฤษใช้เครื่องดนตรี 26 ชิ้น