More Related Content
Similar to วิชาดนตรี.pptx
Similar to วิชาดนตรี.pptx (20)
วิชาดนตรี.pptx
- 1. 1. แผนผังขลุ่ย
(ที่มา : https://sites.google.com/site/dontrithaisp/home/khluy-pheiyng-xx)
2. โน้ตเพลงไทยเดิม 10 เพลง
(ที่มา : https://sites.google.com/site/mynewinnos/not-phelng-thiy-deim)
3. วงดนตรีไทย 3 วง
(ที่มา : https://sites.google.com/site/thaimusic2557/-wng-dntri-thiy)
4. วิธีการรักษาเครื่องดนตรีไทย 3 เครื่อง
(ที่มา : https://sites.google.com/site/thaimusic2557/-kar-dulae-raksa-kheruxng-dntri-thiy)
5. เศียรดนตรีไทย 3 เศียร
(ที่มา : http://department.utcc.ac.th/thaiculture/index.php/culture/28-2013-04-02-03-19-24)
- 2. 1. แผนผังขลุ่ย
ประวัติ ความเป็นมาของขลุ่ย
ขลุ่ย เป็นเครื่องดนตรีที่ไม่มีลิ้น ทาจากไม้รวกปล้องยาวๆ ด้านหน้าเจาะรูเรียง
กัน สาหรับปิดเปิดเพื่อเปลี่ยนเสียง ตรงที่เป่าไม่มีลิ้นแต่มีดาก ซึ่งทาด้วยไม้อุดเหลา
เป็นท่อนกลมๆยาวประมาร ๒ นิ้ว สอดลงไป อุดที่ปากของขลุ่ย แล้วบากด้านหนึ่งของ
ดากเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เราเรียกว่าปากนกแก้ว เพื่อให้ลมส่วนหนึ่ง ผ่านเข้าออก
ทาให้เกิดเสียงขลุ่ยลมอีกส่วนจะวิ่งเข้าไปปลายขลุ่ยประกอบกับ นิ้วที่ปิดเปิดบังคับ
เสียงเกิดเป็นเสียงสูงต่าตามต้องการใตปากนกแก้วลงมา เจาะ ๑ รู เรียกว่ารูนิ้ว
ค้า เวลาเป่าต้องใช้หัวแม่ มือค้าปิดเปิดที่รูนี้ บาง เลาด้านขวาเจาะเป็นรูเยื่อ ปลาย
เลาขลุ่ยมีรู ๔ รู เจาะตรงกันข้ามแต่เหลื่อมกันเล็กน้อย ใช้สาหรับร้อยเชือกแขวนเก็บ
หรือคล้องมือจึงเรียกว่ารูร้อยเชือกรวมขลุ่ยเลาหนึ่ง มี ๑๔ รูด้วยกัน
รูปร่างของขลุ่ยเมือพิจารณาแล้วจะเป็นเครื่องดนตรี ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง จาก
หลักฐานที่พบขลุ่ยในหีบศพภรรยาเจ้าเมืองไทยที่ริมฝั่งแม่น้า ฮวงเหอ ซึ่งมีหลักฐาน
จารึกศักราชไว้ไม่ต่ากว่า๒,๐๐๐ ปี ปัจจุบัน ขลุ่ยมีราคาสูง เนื่องจาก ไม้รวกชนิดที่ทา
ขลุ่ยมีน้อยลงและใช้เวลาทามากจึงใช้วัตถุอื่นมาเจาะรูซึ่ง รวดเร็วกว่า เช่น ท่อ
พลาสติก ไม้เนื้อแข็ง แต่ คุณภาพเสียงไม่ดีเท่าขลุ่ยไม้ขลุ่ยที่มีเสียงไพเราะมากส่วน
ใหญ่จะเป็นขลุ่ย ผิวไม้แห้งสนิท ขลุ่ยใช้เป่าในเครื่องสายไทย วงมโหรี และในวงปี่
พาทย์ไม้นวม วงปี่พาทย์ดึกดาบรรพ์
- 3. การฝึก เป่าขลุ่ยเพียงออเบื้องต้น
ขลุ่ยเพียงออ เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าที่ไม่มีลิ้น ทาด้วยไม้ไผ่แต่ในปัจจุบันมีการนาวัสดุอื่น ๆ มาทาเช่น ไม้เนื้อ
แข็ง ท่อพลาสติก เป็นต้น
วิธีการ ฝึกหัดเป่าขลุ่ยเบื้องต้น
ผู้เรียนต้องรักในกนตรี ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนจนชานาญ มีความอุตสาหะ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ บากบั่น
พยายามในการเรียนรู้ มีการวิเคราะห์เครื่องดนตรี รู้ขั้นตอนในการฝึกฝนตนเองอย่างเป็นประจา การฝึกหัดเป่าขลุ่ยมีวิธีการคือ ต้อง
รู้จักขลุ่ยเพียงออ เลือกขลุ่ยที่ดี เรียนรู้กลวิธีการเป่าขลุ่ย ท่านั่ง การจับขลุ่ยที่ถูกลักษณะ เป่าให้เป็นเสียง เป่าเป็นเพลงขลุ่ย เป่าขลุ่ย
เข้ากับวงดนตรีไทยต่าง ๆ โดยมีวิธีการฝึกดังนี้
๑. จับขลุ่ยทั้งสองมือ ใช้หัวแม่มือบนปิดรูค้าก่อน มือบนใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางปิดรูด้านบน และ มือล่างใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง
นิ้วนางและนิ้วก้อยปิดรูด้านล่าง และให้หัวแม่มือล่างประคองขลุ่ยไว้ด้านล่างของเลาขลุ่ย
๒. ให้สัมผัสปลายนิ้วมือปิดรู้นิ้วให้สนิท เพื่อให้เสียงเป่าไม่ผิดเพี้ยน
๓. เมื่อปิดนิ้วมือสนิทดีแล้วทุกนิ้วมือก็เริ่มเป่าออกเสียง
๔. เมื่อรู้ระดับเสียงต่าจนถึงเสียงสูงสุดแล้ว หัดปิดเปิดไล่นิ้วจากต่าไปสูง ไล่จากเสียงสูงลงต่า ไล่เสียงไปกลับจนคล่องจึงฝึก
สลับนิ้ว
๕. ฝึกเป่าสลับนิ้ว สลับข้ามเสียงกัน เช่น โด มี ซอล ที ฯลฯ
๖. ฝึกต่อเพลง จากเพลงที่มีความคุ้นเคยก่อน แล้วเริ่มเพิ่มเพลงให้มีความยากขึ้นเรื่อย ๆ
- 6. - ท่านั่งเป่าขลุ่ยเพียงออ
การเล่นเครื่องดนตรีไทยทุกชนิด นักดนตรีต้องสารวมกิริยามารยาทปฏิบัติให้เรียบร้อย ให้ความเคารพต่อครูบาอาจารย์ เครื่อง
ดนตรี ผู้ฟัง ตลอดจนนักดนตรีด้วยกันเอง การนั่งเป่าขลุ่ยต้องนั่งตัวตรงเพื่อให้ลมเดินสะดวก ไม่นั่งก้มหน้า ถ้านั่งกับพื้นควรนั่งพับเพียบ
- ท่าจับขลุ่ยเพียงออ
การจับขลุ่ยแบบไทยโดยประเพณีนิยมมาแต่โบราณจะจับเอามือขวาอยู่ข้างบนมือซ้าย(แต่ถ้าจับแบบสากลนิยมจับเอามือซ้ายไว้
ด้านบนมือขวาไว้ด้านล่าง) ซึ่งสันนิษฐานว่าคนส่วนใหญ่ถนัดมือขวามากกว่ามือซ้าย
- วิธีจับขลุ่ยเพียงออ
มือบนจับเลาขลุ่ย ๓ รูด้วยนิ้วชี้นิ้วกลางและนิ้วนาง อยู่ในลักษณะที่พร้อมจะปิด-เปิดรูบังคับเสียง(ซึ่งอยู่ด้านบนของเลาขลุ่ย) เรียง
ลงมาตามลาดับตั้งแต่รูที่อยู่บนสุดถึงรูที่สาม นิ้วหัวแม่มือปิดรูค้าด้านหลังไว้ พร้อมทั้งใช้นิ้วก้อยประคองด้านล่างของเลาขลุ่ยไว้
มือล่างจับเลาขลุ่ยส่วนล่าง ๔ รู ด้วยนิ้วชี้ นิ้วนาง นิ้วกลางและนิ้วก้อย เรียงลงมาตามลาดับนิ้วหัวแม่มือยันขลุ่ยด้านหลัง จับเลา
ขลุ่ยให้แขนส่วนปลายทั้งขวาและซ้ายได้ฉากกับเลาขลุ่ยพอประมาณโดยกางข้อศอกพองาม
- ลักษณะการวางนิ้ว
ลักษณะการวางนิ้วของมือซ้ายและมือขวา ให้วางลักษณะขวางกับเลาขลุ่ยโดยนิ้วอยู่เหนือรูบังคับเสียงประมาณ ๑ เซนติเมตร
และใช้นิ้วบริเวณผิวหนังส่วนที่นูนใต้ปลายนิ้ว เป็นส่วนที่ใช้ปิด-เปิดรูบังคับเสียง
การวางนิ้วเพื่อปิดรูบังคับเสียงต้องพยายามปิดรูให้สนิท มิฉะนั้นจะทาให้สียงขลุ่ยที่เป่าออกมา ดังผิดเพี้ยนโดยเฉพาะเสียงโด (ด)
เป็นเสียงที่เป่ายากที่สุด
- วิธีเป่าขลุ่ยเพียงออ
ให้เผยอริมฝีปากด้านบนและล่างจรดลงบนรูปากเป่า จัดเลาขลุ่ยให้ตั้งได้มุมประมาณ ๔๕ องศา กับลาตัวโดยทอดแขนไว้ข้าง
ลาตัวพองาม(ไม่กางศอกมากจนเกินไป)เป่าลมให้เหมาะสมไม่เบาและแรงจนเกินไป
- 17. 3. วงดนตรีไทย 3 วง
ประเภทของวงดนตรีไทย
วงดนตรีไทย ในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการบรรเลง มีความเป็นระเบียบแบบแผน มีมาตรฐานถูกต้องตามหลักการ
ประสมวง มีการพัฒนารูปแบบการบรรเลงเป็นระยะ ซึ่งแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ
1. วงปี่พาทย์ ..วงปี่พาทย์ หมายถึง วงดนตรีที่เกิดจากการประสมวงกันระหว่างเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าและ
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีเป็นหลัก แบ่งออกเป็น ๓ ขนาด ดังนี้
1.) วงปี่พาทย์เครื่องห้า วงดนตรีประเภทนี้มีการประสมวงมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ประกอบด้วย ปี่
ใน ระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่ ตะโพน กลองทัด และฉิ่ง
- 20. 3. วงมโหรี
วงมโหรีเป็นวงที่มีเครื่องดนตรีประสมวงครบทุกกลุ่ม คือ เครื่องดีด สี ตี และเป่า ลักษณะเด่นของวง
ดนตรีประเภทนี้คือ ความกลมกลืนของระบบเสียงที่ใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีที่ถูกย่อสัดส่วน สาหรับฆ้องวงที่ประสมในวงดนตรี
ประเภทนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าฆ้องมโหรี การปรับลดขนาดเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีเพราะต้องการให้ระบบเสียงมีความดังที่เข้ากันได้
กับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย วงมโหรีมีการประสมวงและถือเป็นแบบแผนมาตั้งแต่สมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวจาแนกออกเป็น ๓ ขนาด ดังนี้
1.) วงมโหรีเครื่องเดี่ยว เครื่องดนตรีประกอบด้วย ซอสามสาย ๑ คัน ขลุ่ยเพียงออ ๑ เลา ระนาดเอก ๑ รางฆ้องวงใหญ่ ๑
วง จะเข้ ๑ ตัว ซอด้วง ๑ คัน ซออู้ ๑ คัน โทน-รามะนา ๑ สารับ ฉิ่ง ๑ คู่
2.) วงมโหรีเครื่องคู่ เครื่องดนตรีประกอบด้วยซอสามสาย ๑ คัน ซอสามสายหลีบ ๑ คัน ขลุ่ยเพียงออ ๑ เลา ขลุ่ยหลีบ ๑
เลา ระนาดเอก ๑ ราง ระนาดทุ้ม ๑ ราง ฆ้องวงใหญ่ ๑ วง ฆ้องวงเล็ก ๑ วง จะเข้ ๒ ตัว ซอด้วง ๒ คัน ซออู้ ๒ คัน โทน-
รามะนา๑สารับ ฉิ่ง๑คู่ ฉาบเล็ก๑คู่ กรับ๑คู่ โหม่ง๑ใบ
- 21. 3.) วงมโหรีเครื่องใหญ่ เครื่องดนตรีประกอบด้วยซอสามสาย ๑ คัน ซอสามสายหลีบ ๑ คัน
ขลุ่ยเพียงออ ๑ เลา ขลุ่ยหลีบ ๑ เลา ระนาดเอกมโหรี ๑ ราง ระนาดทุ้มมโหรี ๑ ราง ระนาดเอก
เหล็กมโหรี ๑ ราง ระนาดทุ้มเหล็กมโหรี ๑ ราง ฆ้องวงใหญ่ ๑ วง ฆ้องวงเล็ก ๑ วง จะเข้ ๒
ตัว ซอด้วง ๒ คัน ซออู้ ๒ คัน โทน-รามะนา ๑ สารับ ฉิ่ง ๑ คู่ ฉาบเล็ก ๑ คู่ กรับ ๑ คู่
โหม่ง ๑ ใบ
- 22. 4. วิธีการรักษาเครื่องดนตรีไทย 3 เครื่อง
การดูแลรักษาเครื่องดนตรีไทย
เครื่องดนตรีไทยมีหลายประเภท หลายชนิด แต่ละชนิดจะมีลักษณะและส่วนประกอบที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้ใช้เครื่องดนตรีจึง
ควรให้ความสาคัญเกี่ยวกับการใช้และการเก็บรักษาให้มาก ปฏิบัติให้ถูกต้องตามวิธีการต่าง ๆ
การใช้เครื่องดนตรี ก่อนใช้จะต้องตรวจดูแลความเรียบร้อยของส่วนประกอบ หลักกลไกต่าง ๆ ที่ทาให้เกิดเสียง ว่าเครื่องดนตรี
ชนิดนั้นมีความพร้อมหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของเสียงเครื่องดนตรี ผู้เล่นจะต้องตรวจดูแลเป็นอย่างดี เพื่อให้บทเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่อง
ดนตรีเหล่านี้มีคุณภาพ มีความไพเราะน่าฟัง และสามารถใช้งานได้ตลอดไป ไม่เกิดชารุดเสียหายก่อนงานจะเลิก โดยเฉพาะเครื่องดนตรี
ประเภทเครื่องสาย ซึ่งมีส่วนประกอบละเอียดอ่อนชารุดเสียหายง่าย จึงต้องระวังเป็นพิเศษในขณะที่ใช้งานหรือเวลาบรรเลง
การเก็บรักษาเครื่องดนตรี การเก็บรักษาเครื่องดนตรี นับว่ามีความสาคัญไม่น้อยกว่าการดูแลความพร้อมใช้ก่อนการบรรเลง
เช่นกัน ดังได้กล่าวมาแล้วว่า เครื่องดนตรีมีหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบและหลักกลไกที่แตกต่างกัน การเก็บรักษาให้ถูกวีจึง
เป็นสิ่งสาคัญที่ผู้เล่นดนตรีจะต้องตระหนักอยู่เสมอ และต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการ จึงจะทาให้เครื่องดนตรีมีความคงทนสามารถ
ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า โดยปฏิบัติดังนี้
1. หลังเลิกเล่นทุกครั้งต้องลดสาย ปลดเชือกหรือทาอย่างอื่นตามลักษณะเฉพาะของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดให้อยู่ในสภาพที่จะ
เก็บหรือไม่ใช้งาน
2. ทาความสะอาดเครื่องดนตรีแต่ละชนิดด้วยน้ายา และอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับเครื่องดนตรีแต่ละชนิด
3. เก็บใส่ภาชนะที่มีลักษณะเฉพาะของเครื่องดนตรีแต่ละชนิด
4. เก็บไว้ในที่ที่มีความเหมาะสม
- 24. 5. เศียรดนตรีไทย 3 เศียร
1. หัวโขนพระอิศวรแทนสมมติเทพองค์พระอิศวร ครูเทพเจ้าผู้สร้างโลก เป็นใหญ่ในหมู่เทพเจ้าทั้งมวล ทรงเป็นผู้ประทาน
ศิลปวิทยาการทั้งหลายในโลกมนุษย์
ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว สวมมงกุฎน้าเต้ากาบ นอกจากนี้ยังมี การทามงกุฎเป็นยอดต่างๆ อีก เช่น ยอด
น้าเต้ากาบทรงปลี ยอดน้าเต้ากาบทัดจันทร์ และยอดน้าเต้ากาบปลายสะบัด เป็นต้น
- 26. 3. หัวโขนพระพรหมแทนสมมติเทพองค์พระพรหม ครูเทพเจ้าผู้สร้างโลก เป็นเทพเจ้าแห่งพรหมวิหาร เป็นใหญ่ในชั้นพรหม
ลักษณะหัวโขน หน้าพระสีขาว ๔ หน้า ชั้นแรกเป็นหน้าปกติ ๑ หน้า ชั้นที่ ๒ เป็นหน้าเล็ก ๓ หน้า สวมมงกุฎชัย
นอกจากนี้ยังมีการทาอีกแบบคือมีหน้าปกติ ๑ หน้า และหน้าเล็ก ๓ หน้าเรียงไว้ตรงท้ายทอย สวมมงกุฎน้าเต้า ๕ ยอด