More Related Content
Similar to รำวงมาตรฐาน (20)
รำวงมาตรฐาน
- 2. ประวัติควำมเป็นมำของรำวงมำตรฐำน
"รำวงมำตรฐำน" เป็นกำรแสดงที่มีวิวัฒนำกำรมำจำก "รำโทน" (กรม
ศิลปำกร, ๒๕๕๐ : ๑๓๖-๑๔๓) เป็นกำรรำและกำรร้องของชำวบ้ำนซึ่งมีผู้รำทั้ง
ชำยและหญิง รำกันเป็นคู่ๆรอบๆครกตำข้ำวที่วำงคว่ำไว้ หรือไม่ก็รำกันเป็น
วงกลม โดยมีโทนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ลักษณะกำรรำและร้องเป็นไป
ตำมควำมถนัด ไม่มีแบบแผนกำหนดไว้ คงเป็นกำรรำและร้องง่ำย ๆ มุ่งเน้นที่
ควำมสนุกสนำนรื่นเริงเป็นสำคัญ เช่น เพลงช่อมำลี เพลงยวนยำเหล เพลงหล่อ
จริงนะดำรำ เพลงตำมองตำ เพลงใกล้เข้ำไปอีกนิด เป็นต้น ด้วยเหตุที่กำรรำ
ชนิดนี้มีโทนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ จึงเรียกกำรแสดงชุดนี้ว่ำ รำโทน
- 3. ประวัติควำมเป็นมำของรำวงมำตรฐำน
ต่อมำ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๗ ในสมัย
จอมพล ป.พิบูลสงครำมเป็นนำยกรัฐมนตรี
รัฐบำลตระหนักถึงควำมสำคัญของกำรละเล่น
รื่นเริงประจำชำติและเห็นว่ำคนไทยนิยมเล่นรำ
โทนกันอย่ำงแพร่หลำย ถ้ำปรับปรุงกำรเล่นรำ
โทนให้เป็นระเบียบทั้งเพลงร้อง ลีลำท่ำรำ
และกำรแต่งกำยจะทำให้กำรเล่นรำโทนเป็นที่
น่ำนิยมมำกยิ่งขึ้น จึงได้มอบหมำยให้กรม
ศิลปำกรปรับปรุงรำโทนเสียใหม่ให้เป็น
มำตรฐำน มีกำรแต่งเนื้อร้องทำนองเพลง และ
นำท่ำรำจำกเพลงแม่บทมำกำหนดเป็นท่ำรำ
เฉพำะ แต่ละเพลงอย่ำงเป็นแบบแผน
- 6. ๑. เพลงงำมแสงเดือน
คำร้อง : จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์)
หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนาม
กรมศิลปากร)
ทำนอง : อาจารย์มนตรี ตราโมท
ผู้ประดิษฐ์ที่รำ : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทร
นาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์ ครูลมุล ยมะคุปต์ และครู
ผัน โมรากุล
ท่ำรำ : ท่าสอดสร้อยมาลา
- 8. ๑. เพลงงำมแสงเดือน
เนื้อเพลง :
งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรา (ซา)
เราเล่นกันเพื่อสนุก เปลืองทุกข์วายระกา
ขอให้เล่นฟ้อนรา เพื่อสามัคคีเอย
ควำมหมำยเพลง : ยามที่แสงจันทร์ส่องมายังโลกทาให้โลกนี ดูสวยงาม ผู้คนที่มา
เล่นราวงยามที่แสงจันทร์ส่องก็มีความงดงามด้วย การราวงนีเพื่อให้มีความ
สนุกสนาน มีความสามัคคีกัน และละทิงความทุกข์ให้หมดสินไป
- 9. ๒. เพลงชำวไทย
คำร้อง : จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์)
หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนาม
กรมศิลปากร)
ทำนอง : อาจารย์มนตรี ตราโมท
ผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทร
นาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์ ครูลมุล ยมะคุปต์ และครู
ผัน โมรากุล
ท่ำรำ : ท่าชักแป้งผัดหน้า
- 11. ๒. เพลงชำวไทย
เนื้อเพลง :
ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทาหน้าที่
การที่เราได้เล่นสนุก เปลืองทุกข์สบายอย่างนี
เพราะชาติเราได้เสรี มีเอกราชสมบูรณ์
เราจึงควรช่วยชูชาติ ให้เก่งกาจเจิดจารูญ
เพื่อความสุขเพิ่มพูน ของชาวไทยเราเอย
ควำมหมำยเพลง : หน้าที่ที่ชาวไทยพึงมีต่อประเทศชาตินัน เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทา อย่าได้
ละเลยไปเสีย ในการที่เราได้มาเล่นราวงกันอย่างสนุกสนาน ปราศจากทุกข์โศกทังปวงนีก็
เพราะว่าประเทศไทยเรามีเอกราช ประชาชนมีเสรีในการคิดจะทาสิ่งใด ๆ ดังนันเราจึงควร
ช่วยกันเชิดชูชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป เพื่อความสุขยิ่ง ๆ ขึนของไทยเราตลอดไป
- 12. ๓. เพลงรำซิมำรำ
คำร้อง : จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์)
หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนาม
กรมศิลปากร)
ทำนอง : อาจารย์มนตรี ตราโมท
ผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทร
นาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์ ครูลมุล ยมะคุปต์ และครู
ผัน โมรากุล
ท่ำรำ : ท่าราส่าย
- 14. ๓. เพลงรำซิมำรำ
เนื้อเพลง :
รามาซิมารา เริงระบากันให้สนุก
ยามงานเราทางานกันจริง ๆ ไม่ละไม่ทิงจะเกิดเข็ญขุก
ถึงยามว่างเราจึงราเล่น ตามเชิงเช่นเพื่อให้สร่างทุกข์
ตามเยี่ยงอย่างตามยุค เล่นสนุกอย่างวัฒนธรรม
เล่นอะไรให้มีระเบียบ ให้งามให้เรียบจึงจะคมขา
มาซิมาเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรา มาเล่นระบาของไทยเราเอย
ควำมหมำยเพลง : ขอพวกเรามาเล่นราวงกันให้สนุกสนานเถิดในยามว่างเช่นนีจะได้
คลายทุกข์ ถึงเวลางานเราก็จะทางานกันจริง ๆ เพื่อจะได้ไม่ลาบาก และการราก็จะรา
อย่างมีระเบียบแบบแผน ตามวัฒนธรรมไทยของเราแล้วจะดูงดงามยิ่ง
- 15. ๔. เพลงคืนเดือนหงำย
คำร้อง : จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์)
หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนาม
กรมศิลปากร)
ทำนอง : อาจารย์มนตรี ตราโมท
ผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทร
นาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์ ครูลมุล ยมะคุปต์ และครู
ผัน โมรากุล
ท่ำรำ : ท่าสอดสร้อยมาลาแปลง
- 17. ๔. เพลงคืนเดือนหงำย
เนื้อเพลง :
ยามกลางคืนเดือนหงาย เย็นพระพายโบกพริวปลิวมา
เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา
เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า เย็นยิ่งนาฟ้ามาประพรมเอย
ควำมหมำยเพลง : เวลากลางคืน เป็นคืนเดือนหงาย มีลมพัดมาเย็นสบายใจ
แต่ก็ยังไม่สบายใจเท่ากับการที่ได้ผูกมิตรกับผู้อื่น และที่ร่มเย็นไปทั่ว ทุกแห่งยิ่ง
กว่านาฝนที่โปรยลงมา ก็คือการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นเอกราช มีธง
ชาติไทยเป็นเอกลักษณ์ ทาให้ร่มเย็นทั่วไป
- 18. ๕. เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ
คำร้อง : ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงครามทานอง
ทำนอง : อาจารย์มนตรี ตราโมท
ผู้ประดิษฐ์ท่ำรำ : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์
ครูลมุล ยมะคุปต์ และครูผัน โมรากุล
ท่ำรำ : ท่าแขกเต้าเข้ารังและท่าผาลาเพียงไหล่
- 20. ๕. เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ
เนื้อเพลง :
ดวงจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นอยู่ในนภา
ทรงกลดสดสี รัศมีทอแสงงามตา
แสงจันทร์อร่าม ฉายงามส่องฟ้า
ไม่งามเท่าหน้า นวลน้องยองใย
งามเอยแสงงาม งามจริงยอดหญิงชาติไทย
งามวงพักตร์ยิ่งดวงจันทรา จริตกิริยานิ่มนวลละไม
วาจากังวาน อ่อนหวานจับใจ
รูปทรงสมส่วน ยั่วยวนหทัย
สมเป็นดอกไม้ ขวัญใจชาติเอย
- 21. ๕. เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ
ความหมายเพลง : พระจันทร์เต็มดวงที่
ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้นช่างดูสวยงาม เพราะ
เป็นพระจันทร์ทรงกลด คือมีแสงเลื่อม
กระจายออกรอบดวงจันทร์ทั้งดวง แต่ถึงจะ
งามอย่างไรก็ยังไม่เท่าความงามของดวง
หน้าหญิงสาว ที่ดูผุดผ่องมีน้้ามีนวล อีกทั้ง
รูปร่างก็ดูสมส่วน กิริยาวาจาก็อ่อนหวาน
ไพเราะ สมแล้วกับที่เปรียบว่าหญิงไทยนี้คือ
ดอกไม้
- 22. ๖. เพลงดอกไม้ของชำติ
คาร้อง : ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทานอง : อาจารย์มนตรี ตราโมท
ผู้ประดิษฐ์ท่ารา : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทร
นาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์ ครูลมุล ยมะคุปต์ และ
ครูผัน โมรากุล
ท่ารา : ท่าร้ายั่ว
- 24. ๖. เพลงดอกไม้ของชำติ
เนื้อเพลง :
ขวัญใจดอกไม้ของชาติ งามวิลาศนวยนาดร่ายร้า (ซ้้า)
เอวองค์อ่อนงาม ตามแบบนาฏศิลป์
ชี้ชาติไทยเนาว์ถิ่น เจริญวัฒนธรรม
งามทุกสิ่งสามารถ สร้างชาติช่วยชาย
ด้าเนินตามนโยบาย สู้ทนเหนื่อยยากตรากตร้า
ความหมายเพลง : ผู้หญิงไทยเปรียบเสมือนดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศ
ไทย การร่ายร้าด้วยการแสดงออกอย่างอ่อนช้อย งดงามตามรูปแบบความเป็นไทย
แสดงให้เห็นถึงความเจริญทางด้านวัฒนธรรมของคนไทย นอกจากผู้หญิงจะดีเด่น
ทางด้านความงามแล้วยังมีความอดทน สามารถท้างานบ้าน ช่วยเหลืองานผู้ชาย
หรือแม้งานส้าคัญ ๆ ระดับประเทศก็สามารถช่วยเหลือได้เป็นอย่างดีไม่แพ้ผู้ชาย
- 25. ๗. เพลงหญิงไทยใจงำม
คาร้อง : ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทานอง : ครูเอื้อ สุนทรสนาน
ผู้ประดิษฐ์ท่ารา : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์
ครูลมุล ยมะคุปต์ และครูผัน โมรากุล
ท่ารา : ท่าพรหมสี่หน้าและท่ายูงฟ้อนหาง
- 27. ๗. เพลงหญิงไทยใจงำม
เนื้อเพลง :
เดือนพราว ดาวแวววาวระยับ
แสงดาวประดับ ส่งให้เดือนงามเด่น
ดวงหน้า โสภาเพียงเดือนเพ็ญ
คุณความดีที่เห็น เสริมให้เด่นเลิศงาม
ขวัญใจ หญิงไทยส่งศรีชาติ
รูปงามพิลาศ ใจกล้ากาจเรืองนาม
เกียรติยศ ก้องปรากฏทั่วคาม
หญิงไทยใจงาม ยิ่งเดือนดาวพราวแพรว
- 28. ๗. เพลงหญิงไทยใจงำม
ความหมายเพลง : ดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ามีความงดงาม
มาก และยิ่งได้แสงอันระยิบระยับของดวงดาวด้วยแล้ว ยิ่งท้าให้ดวง
จันทร์นั้นงามเด่นยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนกับดวงหน้าของหญิงสาวที่มี
ความงดงามอยู่แล้ว ถ้ามีคุณความดีด้วย ก็จะท้าให้หญิงนั้นงามเป็น
เลิศ ผู้หญิงไทยนี้เป็นขวัญใจของชาติ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาติ
รูปร่างก็งดงาม จิตใจก็กล้าหาญ ดังที่มีชื่อเสียงปรากฏอยู่ทั่วไป
- 29. ๘. เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้ำ
คาร้อง : ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงครามท้านอง
ทานอง : ครูเอื้อ สุนทรสนาน
ผู้ประดิษฐ์ท่ารา : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์
ครูลมุล ยมะคุปต์ และครูผัน โมรากุล
ท่ารา : ท่าช้างประสานงาและท่าจันทร์ทรงกลด
- 31. ๘. เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้ำ
เนื้อเพลง :
ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ชื่นชีวาขวัญพี่
จันทร์ประจ้าราตรี แต่ขวัญพี่ประจ้าใจ
ที่เทิดทูนคือชาติ เอกราชอธิปไตย
ถนอมแนบสนิทใน คือขวัญใจพี่เอย
ความหมายเพลง : ในเวลาค่้าคืนท้องฟ้ามีดวงจันทร์ประจ้าอยู่ ในใจของชายก็มีหญิง
อันเป็นสุดที่รักประจ้าอยู่เช่นกัน สิ่งที่เทิดทูนยกย่องไว้ก็คือ ชาติไทยที่เป็นเอกราช มี
อิสระแก่ตนไม่ขึ้นกับใคร และสิ่งที่แนบสนิทอยู่ในใจของชายก็คือหญิงอันเป็นสุดที่รัก
- 32. ๙. เพลงยอดชำยใจหำญ
คาร้อง : ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงครามท้านอง
ทานอง : ครูเอื้อ สุนทรสนาน
ผู้ประดิษฐ์ท่ารา : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทร
นาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์ ครูลมุล ยมะคุปต์ และ
ครูผัน โมรากุล
ท่ารา : ชาย ท่าจ่อเพลิงกาล
หญิง ท่าชะนีร่ายไม้
- 34. ๙. เพลงยอดชำยใจหำญ
เนื้อเพลง :
โอ้ยอดชายใจหาญ ขอสมานไมตรี
น้องขอร่วมชีวี กอบกรณีกิจชาติ
แม้สุดยากล้าเค็ญ ไม่ขอเว้นเดินตาม
น้องจักสู้พยายาม ท้าเต็มความสามารถ
ความหมายเพลง : ขอผูกมิตรไมตรีกับชายผู้กล้าหาญ และจะขอมีส่วนในการท้า
ประโยชน์ท้าหน้าที่ของชาวไทย แม้จะล้าบากยากแค้น ก็จะขอช่วยเหลือจนเต็ม
ความสามารถ
- 35. ๑๐. เพลงบูชำนักรบ
คาร้อง : ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ท้านอง
ทานอง : ครูเอื้อ สุนทรสนาน
ผู้ประดิษฐ์ท่ารา : หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์
ภัทรนาวิก) ครูมัลลี คงประภัศร์ ครูลมุล
ยมะคุปต์ และครูผัน โมรากุล
ท่ารา : ชาย ท่าจันทร์ทรงกลดและท่าขอแก้ว
หญิง ท่าขัดจางนางและท่าล่อแก้ว
- 37. ๑๐. เพลงบูชำนักรบ
เนื้อเพลง :
น้องรักรักบูชาพี่ ที่มั่นคงที่มั่นคงกล้าหาญ
เป็นนักสู้เชี่ยวชาญ สมศักดิ์ชาตินักรบ
น้องรักรักบูชาพี่ ที่มานะที่มานะอดทน
หนักแสนหนักพี่ผจญ เกียรติพี่ขจรจบ
น้องรักรักบูชาพี่ ที่ขยันที่ขยันกิจการ
บากบั่นสร้างหลักฐาน ท้าทุกด้านท้าทุกด้านครันครบ
น้องรักรักบูชาพี่ ที่รักชาติที่รักชาติยิ่งชีวิต
เลือดเนื้อพี่พลีอุทิศ ชาติยงอยู่ยงอยู่คู่พิภพ
- 38. ๑๐. เพลงบูชำนักรบ
ความหมายเพลง : น้องรักและบูชาพี่ เพราะมีความกล้าหาญ เป็นนักสู้ที่
เก่งกล้าสามารถสมกับเป็นชายชาตินักรบที่มีความมานะอดทน แม้ว่าจะ
ยากเย็นแสนเข็ญ พี่ก็ต่อสู้จนชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว นอกจากนี้ ยังขยัน
ขันแข็งในงานทุกอย่าง อุตส่าห์สร้างหลักฐานให้มั่นคง และพี่ยังมีความรัก
ในชาติบ้านเมืองยิ่งกว่าชีวิต ยอมสละได้แม้ชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อให้ชาติ
ไทยคงอยู่คู่โลกต่อไป
- 41. รูปแบบและลักษณะการแสดง
ขั้นตอนที่ ๒ : ร้าแปรแถวเป็นวงกลมตามท้านองเพลงและร้าตามบทร้อง
รวม ๑๐ เพลง โดยเปลี่ยนท่าร้าไปตามเพลงต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่เพลงงามแสงเดือน
เพลงชาวไทย เพลงร้าซิมาร้า เพลงคืนเดือนหงาย เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ เพลง
ดอกไม้ของชาติ เพลงหญิงไทยใจงาม เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า เพลงยอดชายใจหาญ
และเพลงบูชานักรบ
- 44. การแต่งกาย
แบบที่ 2 แบบไทยพระราชนิยม
ชาย : นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อราชปะ
แตน ใส่ถุงเท้ารองเท้า
หญิง : นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อลูกไม้
สไบพาดบ่าผูกเป็นโบว์ ทิ้งชายไว้ข้างล้าตัว
ด้านซ้าย ใส่เครื่องประดับมุก
- 46. การแต่งกาย
แบบที่ 4 แบบราตรีสโมสร
ชาย : นุ่งกางเกง สวมเสื้อคอ
พระราชทาน ผ้าคาดเอวห้อยชายด้านหน้า
หญิง : นุ่งโปรงยาวจีบหน้านาง ใส่เสื้อ
จับเดรป ชายผ้าห้อยจากบ่าลงไปทางด้านล่าง
เปิดไหล่ขวา ศีรษะท้าผมเกล้าเป็นมวยสูง ใส่
เกี้ยว และเครื่องประดับ