More Related Content Similar to นาฏศิลป์สากล (20) More from Ponpirun Homsuwan More from Ponpirun Homsuwan (11) นาฏศิลป์สากล3. ประวัตินาฏศิลป์ สากล
นาฏศิลป์ เป็นธรรมชาติแห่งการแสดงออกไปโดยสากลออกโดยสากลของมนุษยชาติ แสดงออกทางการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีระบบ
และงดงาม ซึ่งกาเนิดขึ้นมาพร้อมกับธรรมชาติของมนุษย์หรือพฤติกรรมปกติของมนุษย์ ที่เรียกกันว่าภาษากาย หรือภาษาท่าทาง ในการ
แสดงออกทางความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ออกมาทางร่างกาย เช่น การเดิน การนั่ง การยืน การกิน การแสดงอาการเจ็บปวด การแสดง
อาการเสียใจหรือดีใจ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เป็นภาษากายที่เป็นภาษาสากล ทางนาฏศิลป์
ต่อมาเมื่อมนุษย์มีการพัฒนาด้านดนตรีโดยนาวัสดุจากธรรมชาติมาประดิษฐ์เป็นเครื่องดนตรี เช่น การนากิ่งไม้มาเคาะตีกันให้เกิดเสียงดัง
การนาหนังสัตว์มาขึงหน้าไม้ทาเป็นกลองและการร้องเพลงเป็นต้น
ซึ่งเมื่อมนุษย์เกิดความสนุกสนานครื้นเครงไปกับดนตรีจึงทาให้มีการขยับเขยื้อนร่างกาย หรือเต้นราตามจังหวะดนตรีไปด้วย และมีการ
พัฒนาท่าทางการเต้นราให้เข้ากับจังหวะดนตรีที่ช้าเร็ว หรือซับซ้อนมากขึ้น ทาให้ลีลา ท่าเต้นหรือท่าราต่าง ๆ มีความหลากหลายแตกต่างกัน
ออกไป โดยเห็นได้จากการเต้นราประกอบพิธีเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในงานรื่นเริงสังสรรค์ของชนเผ่าต่างซึ่งมีพื้นฐานมาจากการ
เลียนแบบธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในโลกนั่นเอง ดังนั้น การกาเนิดของนาฏศิลป์โลก หรือนาฏศิลป์สากล จึงเกิดขึ้นจากธรรมชาติ และความ
เชื่อถือศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดังนี้
4. ท่ารานาฏศิลป์สากล
นาฏศิลป์ เป็ นศิลปะด้านการฟ้ อนรา และละครที่ทุกชาติทุกภาษาต่างปฎิบัติกันจนเป็ น
ศิลปวัฒนธรรมประจาชาติ ซึ่งแสดงถึงความเป็ นอารยประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรือง
ทางด้านนาฏศิลป์ สาหรับนาฏศิลป์ สากลหรือนาฏศิลป์ ตะวันตกที่มีการนาไปเผยแพร่และ
เป็ นที่รู้จักไปทั่วโลกนั้นมีทั้งการฟ้ อนราและละคร ซึ่งจะมีลีลาทางนาฏศิลป์ ที่เป็ นลักษณะ
เฉพาะที่ทุกชาติทุกภาษาเข้าใจ และยอมรับได้ โดยมีกานนานาฏศิลป์ ด้านนั้น ๆ มาเผยแพร่
ในประเทศของตน จนกลายเป็ นนาฏศิลป์ สากลประจาชาติต่าง ๆ ทั่วโลกดังจะเห็นได้จาก
ลีลาท่าราและการแสดงนาฏศิลป์ สากลที่เป็ นที่รู้จักกันทั่วไปในโลก ได้แก่ บัลเลต์ โอเปรา
และละครเพลงบรอดเวย์ดังรายละเอียดต่อไปนี้
6. ลีลาท่าเต้นจะเน้นที่การเคลื่อนไหวร่างกายในท่าต่าง ๆ ตามจังหวะดนตรีให้สอดคล้องกลมกลืน
กัน โดยแทรกอารมณ์ความรู้สึกออกทางท่าเต้นและสีหน้าของนักเต้นที่สามารถสื่อไปยังผู้ชมให้เข้าใจ
เรื่องราวได้ โดยการฟังดนตรีบรรเลง และดูท่าทางการเต้นประกอบกันไป ฉะนั้น การออกลีลาท่าเต้นบัลเลต์
จึงต้องอาศัยการทรงตัวที่ดีของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เริ่มตั้งแต่ ศีรษะ หัวไหล่ มือ ซี่โครงสะโพก ขา เท้า
โยการวางท่าทางให้อยู่ในเส้นแนวที่ดีและยืนในลักษณะที่โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจากข้อเท้า ที่อยู่เหนือปุ่ ม
โคนหัวแม่เท้า โดยผู้เต้นต้องมีการฝึ กฝนการแสดงท่าทางต่าง ๆ ออกมาตามท่าเต้นที่สื่อความรู้สึกและ
อารมณ์ต่างๆให้เป็ นไปตามเรื่องราวที่กาหนด เช่น ดีใจ เสียใจ โศกเศร้า โกรธ เป็ นต้น จึงมีความจาเป็ นที่
จะต้องเริ่มต้นการเรียนและฝึ กซ้อมตั้งแต่ยังเด็ก เพราะกระดูกและกล้ามเนื้อของเด็กอ่อนทาให้สามารถทรง
ตัว และเคลื่อนไหวท่าต่างๆ ของบัลเลต์ได้อย่างคล่องตัว อ่อนช้อยและงดงาม
บัลเลต์
8. 1. เนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องที่นามาเป็นบทขับร้อง เป็นเรื่องที่มาจากตานาน เทพนิยายโบราณ และวรรณกรรมต่าง ๆ ที่มี
ชื่อเสียงมาทาเป็นบทร้อง และที่แต่งขึ้นใหม่โดยเฉพาะ โดยมีคีตกวีเป็นผู้แต่งทานอง คีตกวีบางคนก็มีความสามารถแต่งเนื้อเรื่อง
หรือบทละคร และดนตรีประกอบด้วย
2. ดนตรี ดนตรีในอุปรากรเป็นสิ่งที่ทาให้อุปรากรมีชีวิตจิตใจ มักเริ่มด้วยบทโหมโรง (Overture) และดนตรี
ประกอบบทขับร้อง ทั้งดาเนินเรื่องและเจรจากันตลอดทั้งเรื่อง ดนตรีเป็นองค์ประกอบสาคัญ จนอุปรากรได้รับการยกย่องให้เป็น
ผลงานของคีตกวี (Composer) มากกว่าที่จะคิดถึงผู้ประพันธ์เนื้อเรื่อง เช่น เรื่อง Madame Butterfly ของ Giacomo
Puccini (1878-1924) ปุชชีนี เป็นคีตกวีที่แต่งดนตรีประกอบ ผู้แต่งละครมาดามบัตเตอร์ฟลาย คือ David Belasco
(ได้โครงเรื่องมาจากเรื่องสั้นของ John Luther Long) ผู้แต่งเนื้อเรื่องให้เป็นบทขับร้อง คือ Luigi lllica และ
Giuseppe Giacosa ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องมาดามบัตเตอร์ฟลายแล้ว ก็จะยกย่องให้เป็นงานของปุชชินี มักไม่มีใครนึกถึงนัก
ประพันธ์บทขับร้อง หรืออุปรากรเรื่อง คาร์เมน (Carmen) ของ บิเซต์ (Georges Bizet) ที่มี Prosper Merimee เป็น
ผู้ประพันธ์เรื่อง และมี Henri Meilhac และ Ludovic Halevy เป็นผู้ร้อยกรองบทขับร้อง แต่คนก็จะพูดกันถึงแต่เพียงว่า
อุปรากรเรื่องคาร์เมนของบิเซต์ ดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบเป็นวงออร์เคสตรา
องค์ประกอบของโอเปร่า
9. 3. ผู้แสดง ผู้แสดงอุปรากรนอกจากจะต้องเป็นนักร้องที่มีเสียงไพเราะ มีพลังเสียงดี แข็งแรง ฝึกฝนเป็นนักร้องอุปรากร
โดยเฉพาะแล้ว ยังเป็นนักแสดงผู้มีบทบาทยอดเยี่ยมด้วย เน้นในเรื่องน้าเสียง ความสามารถในการขับร้องและบทบาทมากกว่า
ความสวยงามและรูปร่างของผู้แสดง มักให้นักร้องเสียงสูงทั้งหญิงและชายแสดงเป็นตัวเอกของเรื่อง โดยทั่วไป น้าเสียงที่ใช้
ในการขับร้องแบ่งเป็น 6 ระดับเสียง คือ เป็นน้าเสียงนักร้องชาย 3 ระดับ และน้าเสียงนักร้องหญิง 3 ระดับ ดังนี้
1. โซปราโน (Soprano) เป็นระดับเสียงสูงสุดของนักร้องหญิง
2. เมซโซโซปราโน (Mezzo - Soprano) เป็นระดับเสียงกลางของนักร้องหญิง
3. คอนทรัลโต หรือ อัลโต (Contralto or Alto) เป็นเสียงระดับต่าสุดของนักร้องหญิง
4. เทเนอร์ (Tenor) เป็นเสียงระดับสูงสุดของนักร้องชาย
5. บาริโทน (Baritone) เป็นเสียงระดับกลางของนักร้องชาย
6. เบส (Bass) เป็นเสียงระดับต่าสุดของนักร้องชาย
องค์ประกอบของโอเปร่า (ต่อ)
10. ละครบรอดเวย์ (อังกฤษ: Broadway theatre) มีชื่อเสียงทางด้านของศิลปะการละครเวที มีเอกลักษณ์
ของละครอเมริกันอย่างที่นิยมกันเรียกกันว่าละครเพลง มีองค์ประกอบรูปแบบการแสดง เพลงและการเต้นราใน
ลักษณะต่างๆ ที่กาหนดไว้อย่างตายตัวไม่ว่าจะมีการแสดงสักกี่รอบก็ตาม โดย บรอดเวย์ เป็นชื่อของถนนสายหนึ่งใน
เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาและวงการภาพยนตร์ก็มักจะนาเรื่องราวจากละครเพลงมาทาเป็นภาพยนตร์และ
ส่วนมากจะประสบความสาเร็จได้รางวัลอยู่เสมอ เช่น เรื่อง West Side Story, The Sound of Music, South
Pacific, The King and I, และ Chicago เป็นต้น
ละครเพลงบรอดเวย์ แต่ละเรื่องมักได้รับความนิยมยาวนานมาก ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 9 มกราคมปีนี้เอง ที่
สถิติบันทึกว่า ละครเพลงเรื่อง The Phantom Of Opera ได้ทาการแสดงยาวนานที่สุด จานวน 7,486 รอบ ณ โรง
ละครมาเจสติก และหลายเรื่องได้รับรางวัลโทนี่
ซึ่งเป็นมาตรฐานดีที่สุดของวงการบรอดเวย์
3.ละครบรอดเวย์
11. การแสดงละครเพลงบอร์ดเวย์ ประกอบด้วยดารแสดงบทบาทของตัวละครตามเรื่องราว
การขับร้อง และการเต้นรา บนเวทีการแสดงที่มีฉากและเครื่องแต่งกาย ตลอดจนองค์ประกอบทาง
นาฏศิลป์ที่สมบูรณ์และมีความสวยงามตระการตา โดยเฉพาะในด้านการเต้นราที่มีการพัฒนาให้
เหมาะสมกับเนื้อหาของเรื่อง และช่วยสร้างความเพลิดเพลินสนุกสนานเคล้าคลอไปกับบทเพลง
ดนตรี และเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ทาให้ผู้ชมเกิดความซาบซึ้งในอรรถรสแห่งการแสดงดนตรีที่มี
สุนทรียภาพและคุณค่าแห่งนาฏศิลป์สากล
ดังนั้น ลีลานาฏศิลป์สากล จึงเป็นศิลปะแห่งการแสดงท่าทาง อารมณ์ ความรู้สึก นึก
คิดและการเต้นราออกมาเป็นเรื่องราวประกอบดนตรี และบทเพลงที่สามารถสื่ออารมณ์ ความคิด
และเรื่องราวให้ผู้ชมเข้าใจได้ทั่วโลก ด้วยภาษาและลีลานาฏศิลป์ที่เป็นสากลและเป็นที่รู้จัก
โดยทั่วไป
การแสดงละครเพลงบอร์ดเวย์
12. ดนตรีเป็นศิลปะที่จำเป็นในงำนนำฏศิลป์ทุกประเภท จนอำจกล่ำวได้ว่ำ “ ถ้ำไม่มีดนตรีเกิดขึ้น
ในโลก ก็ไม่อำจมีนำฏศิลป์เกิดขึ้นได้เช่นกัน “ ทั้งนี้เพรำะกำรกำเนิดของดนตรีนำมำสู่กำรแสดง
นำฏศิลป์ที่สมบูรณ์แบบในปัจจุบัน โดยดนตรีเป็นเครื่องช่วยในกำรแสดงนำฏศิลป์ได้ 3 ประกำร คือ
คุณลักษณะของเสียง วิถีบรรเลง และสำเนียงดนตรีสำหรับคุณลักษณะของเสียงนั้นมีควำมสำคัญในกำร
แสดงนำฏศิลป์ หรือกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำรตำมจังหวะ และทำนองเพลง เช่น เพลงสำหรับกำรเต้น
บัลเลต์ จะใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสีในกำรดำเนินทำนองเป็นหลัก ส่วนในด้ำนวิถีบรรเลงดนตรี
ประกอบกำรแสดงนำฏศิลป์จะมีทั้งเพลงชั้นสูงที่ประณีตและ เพลงพี้น ที่มีท่วงทำนองง่ำย ๆ ไม่
ซับซ้อน เช่น กำรแสดงโอเปรำจะใช้ดนตรีคลำสสิก เป็นต้น และในด้ำนสำเนียงดนตรีจะมีลักษณะของ
ควำมเป็นท้องถิ่น หรือลักษระเฉพำะของเสียงเครื่องดนตรีแต่ละประเภทและแต่ละท้องถิ่นที่มีควำม
แตกต่ำงกัน เช่น เสียงเครื่องดนตรีสำกลกับเสียงเครื่องดนตรีไทย หรือเสียงขลุ่ยของประเทศต่ำง ๆ ที่มี
สำเนียงดนตรีที่แตกต่ำงกัน
เครื่องดนตรีประกอบกำรแสดงนำฏศิลป์สำกล
13. ดังนั้น เครื่องดนตรีที่บรรเลงในกำรแสดงนำฏศิลป์ จึงมีควำมสำคัญอย่ำงยิ่งในกำรแสดง
นำฏศิลป์สำกลหรือนำฏศิลป์ตะวันตก ดังพิจำรณำได้จำกเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงในกำรแสดง
บัลเลต์ โอเปรำ และละครบรอดเวย์ ดังนี้
คือ ดนตรีที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตรา จึงประกอบด้วยเครื่อง
ดนตรีในวงออร์เคสตรา ได้แก่ ไวโอลิน วิโอลา เชลโล เบส ฮาร์ป ปิก
โกโล ฟลุต โอโบ เฟรนช์ฮอร์น คลาริเน็ต บาสซูน ทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบา
ทิมปานี กลองใหญ่ ฉาบ ไทรแองเกิล และไซโลโฟน ซึ่งเครื่องดนตรีเหล่านี้
จะบรรเลงดนตรีเป็นเพลงบรรเลงที่ไพเราะ ลุ่มลึก และมีลักษณะเป็นดนตรี
บรรยายเรื่องราวเป็นตอน ๆ ตามเนื้อเรื่อง โดยใช้ลีลาท่าเต้นบัลเลต์เป็น
สื่อในการเสนอเรื่องราว
1. เครื่องดนตรีที่ใช้ในการแสดงบัลเลต์
14. คือ ดนตรีคลาสสิกของวงออร์เคสตราประกอบด้วย
ไวโอลิน วิโอลา เชลโล เบส ฮาร์ป ปิกโกโล ฟลุต โอโบ เฟรนช์
ฮอร์น คลาลิเน็ต บาสซูน ทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบา ทิมปานี
ฉาบ กลองใหญ่ ไทรแองเกิล และไซโลโฟน เช่นเดียวกับเครื่อง
ดนตรีที่ใช้บรรเลงในการแสดงบัลเลต์ แต่ต่างกันที่โอเปราจะมีทั้ง
ผู้ขับร้องและผู้บรรเลงดนตรีในวงออร์เคสตรา ที่ร่วมกันนาพา
บทเพลง และเสียงดนตรี ถ่ายทอดอารมณ์ และเล่าเรื่องราว
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งช่วยสร้างสุนทรียภาพทางดนตรีและนาฏศิลป
ที่ไพรเราะสมบูรณ์แบบจนทาให้โอเปราได้ชื่อว่า เป็นสุดยอดแห่ง
ศิลปะการแสดงในโลกของดนตรีคลาสสิก
2 . เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงในการแสดงโอเปรา
15. คือ ดนตรีปอป ในระยะแรกและต่อมาจึงนาดนตรีร็อกมาใช้ด้วย
โดยทั่วไปใช้เครื่องดนตรีสากลตามแบบวงดนตรีสากลทั่วไป ได้แก่ กีตาร์ เบส
คีย์บอร์ด และกลองชุด แตกต่างกันที่จังหวะทานองเพลงปอปที่ฟังสบาย ๆ
และเพลงร็อกที่มีความหนักหน่วงเร่าร้อน ละครเพลงบอร์ดเวย์นี้จะมีลักษณะ
เป็นละครเพลงเวทีที่มีเค้าโครงเรื่องบทการแสดงและบทร้อง ตลอดจนท่า
เต้นราในลักษณะต่าง ๆที่กาหนดไว้อย่างแน่นอนและมีความสอดคล้องกันทั้ง
เรื่อง และมีเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมทางดนตรีของประเทศสหรัฐอเมริกาใน
ฐานะที่เป็นประเทศต้นกาเนิดของละครเพลงบอรดเวย์
นอกจากเครื่องดนตรีประกอบการแสดงนาฏศิลป์สากลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้แล้วยังมีเครื่องดนตรีที่
ใช้ในการบรรเลงเพลงชุดเต้นราได้แก่ ฮาร์ปซิคอร์ด ไวโอลิน และเครื่องดนตรีในวงออร์เคสตราด้วยจะเห็น
ได้ว่าดนตรีหรือการบรรเลงเครื่องดนตรีประกอบการแสดงจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมการแสดงนาฏศิลป์
ที่ได้จากการฟังเสียงดนตรีบรรเลงประกอบการแสดงที่สามารถสื่ออารมณ์และความรู้สึกให้ซาบซึ้งไปกับ
เรื่องราว จนเกิดเป็นสุนทรียะแห่งการแสดงนาฏศิลป์สากลที่มีคุณค่าและน่าจดจา
3. เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงในการแสดงละครเพลงบรอดเวย์
16. การแต่งกายประกอบการแสดงนาฏศิลป์สากล
เครื่องแต่งกายนาฏศิลป์ แบ่งได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
เครื่องแต่งกายปกติ หมายถึง เครื่องแต่งกายที่คนทั่วไปใช้เพื่อการดาเนินชีวิต แล้วนามาใช้เป็นเครื่อง แต่งกายภายในการ
แสดงนาฏศิลป์
เครื่องแต่งกายประยุกต์ หมายถึง เครื่องแต่งกายนาฏศิลป์ ที่คล้ายกับเครื่องแต่งกายปกติ แต่มีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับ
การแสดงนาฏศิลป์ ประเภทนั้น ๆ หรือตามเรื่องราวในบทละคร
เครื่องแต่งกายประเพณี หมายถึง เครื่องแต่งกายนาฏศิลป์ ที่มีการพัฒนาตามที่กาหนดรูปแบบไว้ตายตัวทั้งรูปทรง สีสัน และ
เครื่องประดับต่าง ๆ ตามขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งมักนามาใช้เป็นเครื่อง แต่งกายของ ตัวละคร และนักเต้นระบาในการแสดงที่เป็น
เอกลักษณ์ประจาชาติต่าง ๆ
เครื่องแต่งกายสร้างสรรค์ หมายถึง เครื่องแต่งกายที่ประดิษฐ์ขึ้นเฉพาะกรณี โดยมีผู้คิดสร้างสรรค์ประกอบกับนาฏศิลป์ ชุด
ใหม่ ๆ ที่จัดขึ้น เพื่อให้เกิดความแปลกตาน่าสนใจ และสนองความคิด และจินตนาการของผู้สร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย
หลักการของเครื่องแต่งกายนาฏศิลป์ ดังกล่าวใช้กันอยู่ทั่วโลกและเป็นสากล โดยเฉพาะในการแสดงนาฏศิลป์ สากลหรือ
นาฏศิลป์ ตะวันตกที่รู้จักกันดี คือ บัลเลต์ โอเปรา และละครเพลงบรอดเวย์ ก็ล้วนแต่ใช้หลักการเช่นเดียวกัน โดยพิจารณาได้จากเครื่อง
แต่งกายที่ใช้ในการแสดงเหล่านี้ดังรายละเอียดต่อไปนี้
17. ประกอบด้วยเครื่องแต่งกายสาหรับผู้หญิงและผู้ชายดังนี้ คือ เครื่องแต่งกายบัลเลต์
สาหรับผู้หญิงจะมีถุงน่องยาวสีชมพู เพื่อใช้ปิดร่างกายจากเท่าถึงเอว ชุดเสื้อกางเกงชิ้นเดียวสีดา
รัดรูป (leotard) ที่สวมทับบนถุงน่องยาวจากสะโพกถึงไหล่ ชุดเสื้อผ้าชุดกระโปรงสั้นหรือยาว
ของตัวละครตามเรื่องราวในบทละคร และรองเท้าบัลเลต์ หรือรองเท้าปลายเท้า (toe –
dancing) ที่จะช่วยให้นักเต้นบัลเลต์มีฐานที่ดีในการขยับปลายเท้า และเคลื่อนไหวร่างกาย
ขนาดของรองเท้าควรจะมีที่ว่างเพื่อให้ปลายเท้าวางแบนราบได้ และควรจะพอดีกับเท้าเพื่อ
ความสบายเท้าสาหรับเครื่องแต่งกายบัลเลต์ของผู้ชาย จะสวมถุงน่องยาวแบบหนาสีดา และ
เสื้อยืดที่ใส่ชายไว้ในถุงน่องยาว สวมเข็มขัดเต้นรา (dance belt) ที่มีลักษณะคล้ายสาย
รัดถุงเท้ายาว (Supporter) ที่มีสีเหมือนถุงน่องยาวทาด้วยผ้าที่หน้าแข็งแรงเป็นยางยืด
มีชุดเสื้อผ้าของตัวละครชายตามเรื่องราวในบทละคร และใส่รองเท้าบัลเลต์ เช่นเดียวกับนักเต้น
บัลเลต์ผู้หญิง
เครื่องแต่งกายบัลเลต์
18. จะใช้เครื่องแต่งกายที่พิถีพิถันและสวยงามตระการตาตามประเภทและเรื่องราวของโอ
เปรา เช่น โอเปราเรื่องขลุ่ยวิเศษ (The Magic Flute) ของโมซาร์ท เป็นเครื่องเกี่ยวกับอานาจ
ของขลุ่ยวิเศษ และการพิสูจน์ความรักระหว่างเจ้าชายแห่งอียิปต์ และธิดาราชินีแห่งราตรีกาล
ซึ่งเป็นโอเปราประเภทโคมิก โอเปรา (Comic Opera) ที่มีเนื้อเรื่องสนุกสนานตลกขบขัน
สะท้อนสังคมหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสมัยนั้น และมักมีบทสนทนาที่ใช้การพูดแทรกระหว่าง
บทร้องเพลง ซึ่งในเรื่องนี้จะมีบทร้องเป็นจานวนมาก และเป็นละครที่ใช้เครื่องแต่งกายของ
เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งอียิปต์ ชุดแต่งกายของข้าราชบริพาร และทหารรับใช้ ตลอดจนชุดของ
นักบวช ประมุขสงฆ์ และชาวบ้าน หรือชาวเมืองในสมัยฟาโรห์รามเสสที่ 1 (Ramses I) แห่ง
อียิปต์โบราณ เป็นต้น ซึ่งโอเปราเรื่องนี้ประสบความสาเร็จมาก และเป็นโอเปราเรื่องสุดท้ายที่โม
ซาร์ทรประพันธ์ขึ้น
เครื่องแต่งกายโอเปรา
19. จะเป็นเครื่องแต่งกายตามเรื่องราว และบุคลิกของตัวละครในเรื่องที่มีความงดงามตระการตา
และสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ดนตรี เพลง และการเต้นรา โดยเป็นลักษณะของละครเพลงชวนหัส ที่ใช้
นักแสดงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม เนื้อเรื่องเข้าใจง่ายเป็นเรื่องใกล้ตัว และสามารถทาให้ผู้ชามีความ
สนุกสนานเพลิดเพลินบันเทิงใจได้ เช่น ละครเพลงบรอดเวย์เรื่อง The King and I ที่นามาสร้างเป็น
ภาพยนตร์ฮอลลิวูดด้วย โดยละครเพลงเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักของนางแอนนา และคิงมงกุฎ
ของประเทศไทย จึงทาให้เครื่องแต่งกายมีความหรูหรา สวยงามตระการตา เช่น ชุดของกษัตริย์ไทย
สมัยรัชกาลที่ 4 และข้าราชบริพารในสมัยนั้น ตลอดจนชุดเสื้อผ้าสตรีของผู้ดีอังกฤษคือ นางแอนนา
เป็นต้น
เครื่องแต่งกายละครเพลงบรอดเวย์