More Related Content
Similar to กฎหมายครอบครัว
Similar to กฎหมายครอบครัว (6)
กฎหมายครอบครัว
- 13. • ของหมั้น หมายถึง ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายส่งมอบหรือโอนให้แก่
ฝ่ายหญิงเพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับฝ่ายหญิงนั้น เมื่อหมั้น
หมั้นแล้วของหมั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่หญิงทันที
ของหมั้น
- 15. 1.ของหมั้น
จะต้องเป็ น
ทรัพย์สิน
• ของหมั้นจะต้องเป็ นทรัพย์สิน แต่จะมี
ราคามากน้อยเพียงใดก็ได้ เช่น เงิน บ้าน ที่ดิน
แหวน เสื้อผ้า เป็นต้น ของหมั้นอาจเป็นกรรม
สิทธ์ของชายคู่หมั้นหรือของบุคคลอื่ นซึ่ ง
ยินยอมให้ชายเอาไปหมั้นหญิงก็ได้ เช่นเป็น
ของบิดามารดา หรือญาติของฝ่ายชาย เป็นต้น
แต่หากชายเอาทรัพย์ของบุคคลอื่นมาหมั้นโดย
ที่บุคคลอื่ นไม่ยินยอม หญิงย่อมไม่ได้
กรรมสิทธิ์ในของหมั้นนั้นและเจ้าของทรัพย์
ย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์ของตนคืนได้
- 21. • การผิดสัญญาหมั้น คือ การไม่ยอมสมรสโดย
ไม่มีเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ เมื่อหญิงผิด
สัญญาหมั้นต้องคืนชองหมั้นให้แก่ฝ่ายชาย
1.หญิงเป็นฝ่ายผิด
สัญญาหมั้น
• อันเกิดจากหญิงคู่หมั้นอันทาให้ชายคู่หมั้นไม่
สมควรสมรส เช่น หญิงเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
หรืวิกลจริตหลังการหมั้น หรือเป็นชู้กับชาย
อื่น
2. ชายบอกเลิก
สัญญาหมั้น
มีเหตุสาคัญ
• ทาให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายกลับสู่ฐานะเดิม
เสมือนไม่มีการหมั้นเกิดขึ้น ดังนั้น หญิงต้อง
คืนของหมั้นให้แก่ฝ่ายชาย
3. คู่หมั้นฝ่ายใด
หนึ่งบอกเลิก
หมั้นที่เป็นโมฆียะ
- 23. • อันเกิดจากชายคู่หมั้นอันทาให้หญิงคู่หมั้นไม่สมควรสมรส
ด้วย เช่น ชายคู่หมั้นเป็นโรคเอดส์ ชายเป็นหมัน ชายยกย่อง
หญิงอื่นเป็นภริยา ชายคู่หมั้นติดคุก เป็นต้น กรณีเหล่านี้หญิง
มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้ โดยหญิงไม่ต้องคืนของหมั้นแก่
ชาย
2. หญิงบอกเลิกสัญญาหมั้นเนื่องจากเหตุ
สาคัญ
• เนื่องจากของหมั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของหญิงตั้งแต่มีการหมั้น
ดังนั้น ไม่ว่าชายคู่หมั้นหรือหญิงคู่หมั้นถึงแก่ความตาย หญิง
หรือฝ่ายหญิงไม่ต้องคืนของหมั้นแก่ฝ่ายชาย
3. คู่หมั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย
- 25. ลักษณะของ
สินสอด
1. สินสอดต้องเป็ นทรัพย์สิน
• แต่จะมีราคามากน้อยเพียงใดก็ได้และจะเป็นวัตถุไม่มีรูปร่างก็ได้เช่นเดียวกับ
เช่นเดียวกับของหมั้น เช่น สิทธิเรียกร้อง หุ้นในบริษัท ลิขสิทธ์
2. สินสอดนั้นชายต้องส่งมอบให้กับบิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม
ผู้ปกครอง
• หากส่งมอบให้แก่หญิงหรือบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของหญิง ทรัพย์สินที่ส่ง
ที่ส่งมอบย่อมไม่ใช่สินสอด
- 27. เมื่อฝ่ายชายมอบสินสอดให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญ
ธรรม หรือผู้ปกครองของหญิงแล้ว กรรมสิทธิ์ในสินสอดย่อมตกแก่
ฝ่ายหญิงทันทีที่ได้รับมอบโดยไม่ต้องคานึงว่าหญิงจะได้สมรสกับ
ชายแล้วหรือไม่ แต่ฝ่ายชายก็มีสิทธิเรียกสินสอดคืนได้ใน 2 กรณี
คือ
กรณีที่ฝ่ายชายเรียกสินสอดคืน
ได้
1. กรณีไม่มีการสมรสโดยมีเหตุสาคัญ
เกิดจากหญิงทาให้ชายไม่สมควรสมรส
หรือไม่อาจสมรสกับหญิงได้ เช่น หญิง
คู่หมั้นไปมีสัมพันธ์ทางเพศกับชายอื่น
เป็นต้น
2. กรณีไม่มีการสมรสโดยมีพฤติการณ์
ซึ่งฝ่ายหญิงต้องรับผิดชอบทาให้ชาย
ไม่สมควรหรือไม่อาจสมรสกับหญิงนั้น
เช่น หญิงไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับ
ชาย
- 30. เงื่อนไขของการสมรส
1. ชายและหญิงมีอายุครบ 17 บริบูรณ์แล้ว
แล้วทั้งสองคน
6. ชายและหญิงทั้งสองคนต้องสมรสโดยคา
คายินยอมเป็นสามีภรรยากัน
2. ชายหรือหญิงจะต้องไม่เป็นบุคคล
วิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถ
7. หญิงหม้ายจะทาการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อ
ต่อเมื่อการสมรสเดิมสิ้นสุดลงผ่านพ้นไปแล้ว
แล้ว ไม่น้อยกว่า 310 วัน
3. ชายและหญิงจะต้องไม่เป็นญาติสืบสาย
สืบสายโลหิตโดยตรงทั้งขึ้นไปและลงมา
8. ผู้เยาว์ต้องได้รับความยินยอมจากบิดา
มารดา ผู้รับบุตรธรรม หรือผู้ปกครองให้ทา
ทาการสมรส
4. ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะ
สมรสกันไม่ได้
9. การสมรสต้องไม่บกพร่องในการแสดง
เจตนา
5. ชายหรือหญิงจะสมรสกันขณะตนมีคู่
สมรสอยู่ก่อนแล้วไม่ได้
- 31. หากคู่สมรสคนใดคนหนึ่งมีอายุต่ากว่า 17 ปี การสมรสนั้น
เป็นโมฆียะ อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรศาลอาจ
อนุญาตให้ชายหญิงที่มีอายุต่ากว่า 17 ปี ทากันสมรสได้
เช่น หญิงอายุ 16 ปีซึ่งตั้งครรภ์แล้ว ศาลอนุญาตให้หญิง
นั้นทาการสมรสก่อนอายุครบกาหนดได้
1. ชายและหญิงมี
อายุครบ 17 บริบูรณ์
แล้วทั้งสองคน
- 34. 1.
• ญาติทางสายโลหิตโดยตรงขึ้นไป
• ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด เช่น บุตรสาวสมรสกับบิดาไม่ได้
2.
• ญาติทางสายโลหิตโดยตรงลงมา
• ได้แก่ ลูก หลาน แหลน ลื่อ เช่น ปู่สมรสกับหลานสาวไม่ได้
3.
• พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
• เช่น พี่ชายสมรสกับน้องสาวไม่ได้
4.
• พี่น้องร่วมแต่บิดาหรือมารดา
• ได้แก่ พี่น้องที่มีพ่อคนเดียวกันตึคนละแม่ หรือมีแม่คนเดียวกันแต่คนละพ่อ เช่น
เช่น พี่ชายสมรสกับน้องสาวต่างมารดาไม่ได้
- 37. การสมรสที่คนใดคนหนึ่งมีคู่สมรสอยู่ก่อนแล้ว เรียกว่า “การ
สมรสซ้อน” มีผลให้การสมรสครั้งหลังเป็นโมฆะ เช่น นาย
จดทะเบียนสมรสกับนางเปเป้ อยู่แล้ว ต่อมานายตั๊กไปจด
ทะเบียนสมรสกับนางสาวเมย์ การสมรสระหว่างนายตั๊กกับ
นางเปเป้ มีผลสมบูรณ์ แต่การสมรสระหว่างนายตั๊กกับ
นางสาวเมย์เป็นโมฆะ เพราะเป็นการสมรสซ้อน
5. ชายหรือหญิงจะ
สมรสกันขณะตนมีคู่
สมรสอยู่ก่อนแล้ว
ไม่ได้
- 39. ทั้งนี้ เพื่อป้ องกันปัญหาว่าใครคือบิดาของเด็กที่อาจเกิดมาใน
ระหว่างนั้น อย่างไรก็ดี หากหญิงหม้ายสมรสใหม่ภายใน 310
วันนับแต่การสมรเดิมสิ้นสุดลง การสมรสนั้นสมบูรณ์ เพียงแต่
หากเด็กคลอดออกมาในระยะเวลา 310วันนับแต่วันที่การสมรส
เดิมสิ้นสุดลง กฎหมายจะสันนิษฐานว่าสามีใหม่เป็นบิดาของเด็ก
คนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หญิงหม้ายสามารสมรสใหม่ได้ทันที
ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 ประการดังต่อไปนี้
7 หญิงหม้ายจะทาการสมรสใหม่
ได้ต่อเมื่อการสมรสเดิมสิ้นสุดลง
ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่น้อยกว่า 310
วัน
- 41. กล่าวคือ การสมรสต้องไม่สาคัญผิดในตัว
คู่สมรส ไม่ถูกกลฉ้อฉล และไม่ถูกข่มขู่
หากสมรสสาคัญผิดในตัวคู่สมรสหรือถูกกล
ฉ้อฉล หรือไม่ถูกข่มขู่ การสมรสจะเป็น
โมฆียะ
ชายและหญิงที่สมรสกันก่อนอายุ 20 ปี
บริบูรณ์จะต้องได้รับความยินยอมจาก
ผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน มิฉะนั้นการ
สมรสจะเป็นโมฆียะ
8. ผู้เยาว์ต้องได้รับ
ความยินยอมจากบิดา
มารดา ผู้รับบุตร
ธรรม หรือผู้ปกครอง
ให้ทาการสมรส
9. การสมรสต้องไม่
บกพร่องในการ
แสดงเจตนา
- 42. การสมรส
ที่เป็ นโมฆะ
• 1. การสมรสที่ชายหรือหญิงเป็นคนวิกลจริต
หรือคนไร้ความสามารถ
• 2. ชายและหญิงจะต้องไม่เป็นญาติสืบสาย
โลหิตโดยตรง หรือพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือ
หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา
• 3. การสมรสซ้อน
• 4. ชายและหญิงทั้งสองคนต้องสมรสโดยคา
ยินยอมเป็นสามีภรรยากัน
- 43. การสมรสที่เป็ นโมฆียะ
• 1. การสมรสที่ชายหรือหญิงอายุไม่ครบ
17 ปีบริบูรณ์
• 2. การสมรสของผู้เยาว์ที่ไม่ได้รับการ
ยินยอมโดยชอบธรรม
• 3. การสมรสสาคัญตัวผิดในคู่สมรส
• 4. การสมรสโดยถูกกลฉ้อฉล
• 5. การสมรสโดยถูกข่มขู่
- 46. • สินส่วนตัว หมายถึง ทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธ์ของสามี
ภรรยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ กล่าวคือ สินส่วนตัวของ
ของสามีก็เป็นของสามีเพียงผู้เดียว ภรรยาไม่มีส่วนเป็น
เจ้าของด้วย โดยสินส่วนตัวมี 4 ประเภท ได้แก่
สินส่วนตัว
- 50. 4. ของหมั้น • ของหมั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของหญิงตั้งแต่ทา
ทาการหมั้นกับชาย ของหมั้นจึงเป็นสิน
ส่วนตัวของภรรยาออหากพิจารณาแล้ว
ของหมั้นก็จัดเป็นสินส่วนตัวประเภทแรก
แรกอย่างหนึ่ ง เนื่ องจากเป็นทรัพย์สินที่
ภรรยาได้มาก่อนสมรส
- 51. • สินส่วนตัวถ้าไปขายได้เงินมา หรือนาไปแลกเปลี่ยนได้ทรัพย์สินอื่นมา
แทน เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้มานั้นยังคงเป็นสินส่วนตัวอยู่ เช่น
สามีเอาที่ดินซึ่งเป็นสินส่วนตัวไปขายได้เงินมา 10 ล้านบาท เงิน
จานวนนั้นยังคงเป็นสินส่วนตัวของสามีเช่นเดิม
ของแทนสินส่วนตัว
• สินส่วนตัวของคู่สมรสฝ่ายใด คู่สมรสฝ่ายนั้นย่อมมีอานาจจัดการได้
โดยลาพัง เช่น ภรรยามีที่ดินก่อนสมรส 1 แปลง ภรรยามีอานาจขาย
ที่ดินแปลงนี้ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
การจัดการสินส่วนตัว
- 54. 2. ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสโดย
พินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าให้เป็ น
สินสมรส
• โดยหลักแล้วทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือการให้
การให้โดยเสน่หาเป็นสินส่วนตัว แต่หากมีการระบุชัดเจนในทรัพย์สินนั้นเป็น
สินสมรส ทรัพย์สินนั้นก็จะเป็นสินสมรสอันเป็นการเคารพเจตนาของผู้ยกทรัพย์สิน
ทรัพย์สินให้หรือผู้ทาพินัยกรรม เช่น บิดาของสามีถึงแก่ความตายและได้ทา
พินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้สามีโดยระบุว่าให้เป็นสินสมรส ทรัพย์มรดกทั้งหมด
ทั้งหมดย่อมเป็นสินสมรส แต่ถ้าไม่ระบุว่าเป็นสินสมรส ทรัพย์มรดกย่อมเป็นสิน
สินส่วนตัวของสามี อนึ่ง มีข้อสังเกตว่าการระบุทรัพย์ที่ยกให้เป็นสินสมรสจะต้อง
จะต้องระบุไว้ในพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ จะระบุด้วยวาจาไม่ได้
- 55. 3. ทรัพย์สินที่เป็ นดอก
ผลสินส่วนตัว
• ดอกผลธรรมดาและดอกผลนิตินัยที่เกิดขึ้นหลังจากจดทะเบียนสมรส
สมรสย่อมเป็นสินสมรสทั้งสิ้น เช่น ก่อนสมรสภรรยามีแม่หมูอยู่
1 ตัว หลังจากสมรสแล้วแม่หมูตกลูก 8 ตัว แม่หมูเป็นสิน
ส่วนตัวของภรรยา ส่วนลูกหมูทั้ง 8 ตัวเป็นดอกผลธรรมดาของแม่
แม่หมู ดังนั้นลูกหมูทั้ง 8 ตัวจึงเป็นสินสมรส หรือก่อนสมรส
สามีมีเงินฝากธนาคาร 1 ล้านบาท ภายหลังสมรสธนาคารคิด
ดอกเบี้ยให้ 10,000 บาท เงินฝากธนาคาร 1 ล้านบาทเป็นสิน
ส่วนตัวของสามี ส่วนดอกเบี้ย 10,000 บาทเป็นดอกผลนิตินัย
ของเงินฝาก ดังนั้นดอกเบี้ยจึงเป็นสินสมรส
- 56. • โดยหลักแล้วสามีหรือภรรยามีอานาจจัดการสินสมรสได้โดย
ลาพัง เช่น สามีมีอานาจขายรถยนต์สินสมรสได้ หรือ
ภรรยามีอานาจเอาที่ดินสินสมรสไปให้เช่าไม่เกิน 3 ปีได้ เป็น
ต้น แต่ถ้าเป็นการจัดการที่สาคัญสามีและภรรยาต้องจัดการ
ร่วมกัน ซึ่งกฎหมายกาหนดให้สามีและภรรยาต้องร่วมกัน
จัดการสินสมรสที่สาคัญ 8 ประการ ได้แก่
การจัดการสินสมรส
- 57. 1.
• ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จานอง ปลดจานอง
หรือโอนสิทธิจานองซึ่งบ้าน ที่ดิน เรือ แพหรือสัตว์พาหนะ
2.
• ก่อตั้งหรือยกเลิกภาระจายอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน
สิทธิเก็บกินหรือภาระติดพันในบ้านหรือที่ดิน
3. • ให้เช่าบ้านหรือที่ดินเกิน 3 ปี
4.
• ให้กู้ยืมเงิน
- 59. การจัดการสินสมรสที่สาคัญทั้ง 8 ประการ สามีหรือภรรยา
จะทาไปโดยลาพังไม่ได้ หากสามีหรือภรรยากระทาไปโดยลาพัง
และคู่สัญญาฝ่ายตรงข้ามกระทาการโดยไม่สุจริต สามีหรือภรรยาที่
ไม่ได้ให้ความยินยอมมีสิทธิ์ฟ้ องศาลให้เพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ เช่น
สามีเอาบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสไปขายให้นายดาโดยไม่ได้รับ
ความยินยอมจากภรรยา และนายดาก็ทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็น
สินสมรส ภรรยามีสิทธิ์ฟ้ องศาลให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายบ้านและ
ที่ดินดังกล่าวได้
- 62. การตายที่ทาให้การสมรสสิ้นสุดลง หมายถึง การ
ตายตามธรรมชาติ ไม่รวมถึงการตายโดยผลของกฎหมาย
หรือการสาบสูญซึ่งเป็นเพียงเหตุหย่าเท่านั้น เช่น สามีถูก
ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญก็ยังไม่ถือว่าการสมรสสิ้นสุดลง
ทันที ภรรยาต้องนาเหตุดังกล่าวไปฟ้ องหย่าและการสมรสจะ
สิ้นสุดลงเมื่อศาลมีคาพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน ซึ่งแตก
ตายจาการตายตามธรรมชาติที่การสมรสสิ้นสุดลงทันทีที่คู่
สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย
1. คู่สมรสฝ่ายใด
ฝ่ายหนึ่งถึงแก่
ความตาย
- 64. การหย่าอันทาให้สิ้นสุดการสมรสลงมี 2
ประเภท คือ 1. การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสอง
ฝ่าย 2. การหย่าโดยคาพิพากษาของศาล
3. คู่สมรสหย่า
ขาดจากกันเป็น
สามีภรรยา
1. การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
• การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายต้องทาหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อย
2 คน โดยสามีและภรรยาต้องลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือหย่าด้วย จะตกลงกันด้วยวาจาไม่ได้
และสามีภรรยาทั้งสองคนต้องนาหนังสือหย่าไปจดทะเบียนการหย่า ณ ที่ว่าการอาเภอหรือ
สานักงานเขตจึงจะมีผลทาให้การสมรสสิ้นสุดลงในวันที่จดทะเบียนการหย่า ในกรณีที่สามี
ภรรยาทาหนังสือการหย่ากันไว้แล้วแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนการหย่า การสมรสยังไม่สิ้นสุด คู่
สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทาการสมรสใหม่ไม่ได้ มิฉะนั้นจะเป็นการสมรสซ้อน ถ้าทาหนังสือ
หย่าไว้แล้วแต่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมไปจดทะเบียนการหย่า อีกฝ่ายสามารถฟ้ องศาล
ให้บังคับไปจดทะเบียนการหย่าได้
- 65. 1. การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
• การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายต้องทาหนังสือและมีพยานลง
ลายมือชื่ออย่างน้อย 2 คน โดยสามีและภรรยาต้องลงลายมือชื่อไว้ใน
หนังสือหย่าด้วย จะตกลงกันด้วยวาจาไม่ได้ และสามีภรรยาทั้งสองคน
คนต้องนาหนังสือหย่าไปจดทะเบียนการหย่า ณ ที่ว่าการอาเภอหรือ
สานักงานเขตจึงจะมีผลทาให้การสมรสสิ้นสุดลงในวันที่จดทะเบียนการหย่า
หย่า ในกรณีที่สามีภรรยาทาหนังสือการหย่ากันไว้แล้วแต่ยังไม่ได้จด
ทะเบียนการหย่า การสมรสยังไม่สิ้นสุด คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งจะทาการ
การสมรสใหม่ไม่ได้ มิฉะนั้นจะเป็นการสมรสซ้อน ถ้าทาหนังสือหย่าไว้
แล้วแต่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ งไม่ยอมไปจดทะเบียนการหย่า อีกฝ่าย
สามารถฟ้ องศาลให้บังคับไปจดทะเบียนการหย่าได้
- 67. เหตุฟ้ องหย่า มี 12 ประการได้แก่
1 สามีหรือภรรยาอุปการะเลี้ยงดูผู้อื่นฉันท์ภรรยาหรือสามี
• เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้ องหย่าได้ เช่น สามีมีภรรยาน้อย
ภรรยาหลวงฟ้ องหย่าได้ หากสามีเพียงไปเที่ยวโสเภณีเป็นครั้งคราวยังไม่เป็นเหตุฟ้ องหย่า สามีหรือ
หรือภรรยามีชู้แม้เป็นการกระทาเพียงครั้งเดียวก็สามารถถูกฟ้ องหย่าได้ แต่หากภรรยาถูกข่มขืนไม่ถือ
ไม่ถือว่ามีชู้สามีฟ้ องหย่าไม่ได้
2 สามีหรือภรรยาประพฤติชั่ว
• ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่เป็นเหตุให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับความขายหน้า
ขายหน้าอย่างแรง หรือถูกดูถูกเกลียดชัง หรือได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้ อง
ฟ้ องหย่าได้ เช่น สามีเป็นชู้กับภรรยาผู้อื่น สามีเลี้ยงดุชายที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้วเป็นภรรยาตน ภรรยา
ภรรยายินยอมให้ชายอื่นล่วงเกินในทางชู้สาว กรณีเหล่านี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมชั่วที่เป็นเหตุฟ้ องหย่าได้
- 68. 3 สามีหรือภรรยาทาร้าย
• หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีอีกฝ่าย
อีกฝ่ายหนึ่งอย่างร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งฟ้ องหย่าได้เช่น สามีใช้ไม้ตีภรรยาจนบาดเจ็บสาหัส
สาหัส สามีด่าภรรยาและมารดาของภรรยาว่าเป็นหญิงโสเภณี ภรรยาพูดกับเพื่อนว่าสามีมัก
สามีมักมากในกาม โหดร้ายอามหิต กรณีเหล่านี้ถือเป็นเหตุฟ้ องหย่าได้
4 สามีหรือภรรยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี อีกฝ่ายหนึ่งฟ้ องหย่าได้
• การจงใจทิ้งร้าง หมายถึง กรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะแยกไปอยู่ต่างหากอีกที่หนึ่งและ
หนึ่งและได้แยกกันอยู่ตามเจตนานั้น หากสามีภรรยาตกลงแยกกันอยู่หรือสามีภรรยาแยกกัน
แยกกันอยู่คนละแห่งเนื่องจากความจาเป็นในการประกอบอาชีพการงาน ไม่ถือว่าเป็นการละ
การละทิ้งร้าง อีกฝ่ายยังฟ้ องหย่าไม่ได้
- 69. 5 สามีหรือภรรยาต้องคาพิพากษาถึงที่สุดและได้ถูกจาคุกเกิน 1 ปี
อีกฝ่ายฟ้ อหย่าได้
• แต่ภรรยาหรือสามีที่ฟ้ องหย่าจะต้องไม่มีส่วนร่วมในการกระทาความผิดนั้นและ
และได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควรในการดารงชีพโดยลาพัง
6 สามีหรือภรรยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะอยู่ด้วยกันโดยปกติสุขไม่ได้หรือ
แยกกันอยู่ตามคาสั่งของศาลเป็ นเวลาเกิน 3 ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้ องหย่าได้
• จะเห็นได้ว่าการตกลงแยกกันอยู่ไม่เป็นการละทิ้งร้างแต่ก็เป็นเหตุหย่าได้หาก
หากแยกกันอยู่เป็นเวลาเกิน 3 ปี เช่น สามีชอบทุบตีภรรยาเป็นประจาทั้งสองฝ่าย
สองฝ่ายจึงตกลงแยกกันอยู่เป็นเวลาเกิน 3 ปี สามีฟ้ องหย่าภรรยาได้และภรรยาก็
ภรรยาก็ฟ้ องหย่าสามีได้เช่นกัน
- 70. 7 สามีหรือภรรยาถูกศาลสั่งให้เป็ นคนสาบสูญหรือหายไปเป็ นเวลาเกิน 3 ปี
ฝ่ายที่ยังอยู่ฟ้ องหย่าได้
• เช่น สามีไปชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยจากทหารเผด็จการ แล้วหายตัวไปเกิน
เกิน 3 ปี ภรรยาฟ้ งหย่าสามีได้
8 สามีหรือภรรยาไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งจนเป็ นที่เดือดร้อน
• หรือทาการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่ง
หนึ่งฟ้ องหย่าได้ เช่น สามีไม่เคยจ่ายเงินเลี้ยงดุครอบครัว สามีไล่ภรรยาออกจาก
จากบ้านแล้วพาภรรยาใหม่มาอยู่ด้วย ภรรยาปฏิเสธไม่ให้สามีร่วมประเวณีด้วยไม่
ด้วยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือสามีทาร้ายภรรยาหลายครั้ง กรณีเหล่านี้เป็นเหตุ
เหตุฟ้ องหย่าได้
- 71. 9 สามีหรือภรรยาวิกลจริตติดต่อกันเกิน 3 ปี ยากที่จะรักษาให้หายและถึง
ขนาดที่ทนอยู่ร่วมกันต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายฟ้ องหย่าได้
• เช่น สามีเป็นบ้าชอบอาละวาดกับภรรยาและลูกเป็นประจะ ภรรยาฟ้ องหย่าได้
10 สามีหรือภรรยาประพฤติผิดหนังสือทัณฑ์บนที่ทั้งคู่ทาไว้ อีกฝ่ายฟ้ องหย่า
ได้
• ทัณฑ์บน หมายถึง หนังสือสัญญาว่าจะไม่ประพฤติละเมิดตามเงื่อนไขที่ได้ให้ไว้
ให้ไว้ เช่น สามีทาทัณฑ์บนกับภรรยาไว้ว่าจะยอมเลิกกับภรรยาน้อย เมื่อสามีไม่
สามีไม่เลิกกับภรรยาน้อยเป็นการผิดทัณฑ์บน ภรรยาฟ้ องหย่าได้
- 72. 11 สามีหรือภรรยาเป็ นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงเป็ นการเลี่ยงภัยแก่อีกฝ่าย
หนึ่ง และโรคเป็ นลักษณะเรื้อรังไม่มีทางรักษาหายได้ อีกฝ่ายฟ้ องหย่าได้
• สามีเป็นโรคเอดส์ ภรรยาฟ้ องหย่าได้แต่ถ้าฝ่ายใดเป็นโรคมะเร็ง อีกฝ่ายฟ้ องหย่า
หย่าไม่ได้เพราะโรคมะเร็งไม่ใช่โรคติดต่อ
12 สามีหรือภรรยามีสภาพแห่งกายที่ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีก
ฝ่ายฟ้ องหย่าได้
• เช่น สามีเป็นกามโรคถึงขนาดสูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์หรือเป็นกามโรคตายด้าน
ด้านถาวร หรือภรรยามีช่องคลอดเล็กผิดปกติจนไม่อาจร่วมประเวณีได้ อีกฝ่าย
ฝ่ายฟ้ องหย่าได้ หากแต่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหมันไม่เหตุเหตุฟ้ องหย่าตาม
ตามข้อนี้ เพราะยังสามารถร่วมประเวณีได้อยู่
- 74. • เช่น นายดาสมรสกับนางแดง ระหว่างสมรสกับนางแดงคลอด
บุตร บุตรคนดังกล่าวกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นบุตรที่ชอบ
ด้วยกฎหมายของนายดา หรือหลังจากที่นายดาสมรสกับนาง
แดง นายดาตายอันเป็นเหตุให้การสมรสสิ้นสุดลง หลังจาก
นายดาตายเป็นเวลา 200 วันนางแดงได้คลอดบุตร บุตรคน
ดังกล่าวกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
ของนายดา
1.1 เด็กที่เกิดระหว่างสมรสหรือภายในเวลา 310 วัน
นับตั้งแต่การสมรสสิ้นสุดลงให้สันนิษฐานว่าเป็ นบุตร
ด้วยกฎหมายของสามีหรือชายซึ่งเคยเป็นสามีของหญิง
- 75. • 1 เด็กที่เกิดจากหญิงที่สมรสซ้อน ให้สันนิษฐานว่าเป็นบุตรที่
ชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีซึ่งได้จดทะเบียนครั้งหลัง
เช่น นายดาสมรสกับนางแดง ต่อมานางแดงแอบไปจดทะเบียน
ทะเบียนสมรสกับนายเขียวซึงเป็นการสมรสซ้อน หลังจากนั้นนาง
นางแดงคลอดบุตร บุตรคนดังกล่าวกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็น
เป็นชอบด้วยกฎหมายของนายเขียว แม้การสมรสระหว่างนางแดง
แดงกับนายเขียวจะเป็นโมฆะก็ตาม
1.2 เด็กที่เกิดจากการสมรสที่เป็ นโมฆะ
- 76. • 2 เด็กที่เกิดจากการสมรสที่เป็นโมฆะด้วยเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่กรณีหญิง
สมรสซ้อนและเด็กนั้นได้เกิดก่อนหรือภายใน310 วันนับตั้งแต่ที่ศาลมี
คาพิพากษาถึงที่สุดให้การสมรสเป็นโมฆะให้สันนิษฐานว่าเป็นบุตรที่
ชอบด้วยกฎหมายของชายซึ่งเป็นสามีจากการสมรสที่เป็นโมฆะ
ดังกล่าว เช่น นายดาและนางแดงเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาซึ่งได้พลัด
พรากจากกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาทั้งคู่ได้สมรสกัน การสมรสดังกล่าว
เป็นโมฆะ หลังจากนั้นนางแดงได้คลอดบุตรคนแรกบุตรคนดังกล่าว
กฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายดา ต่อมา
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้การสมรสเป็นโมฆะ และหลังจากนั้น 250 วัน
นางแดงคลอดบุตรอีกคนหนึ่ง บุตรคนที่สองกฎหมายก็สันนิษฐานว่า
เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายดาเช่นกัน
1.2 เด็กที่เกิดจากการสมรสที่เป็นโมฆะ (ต่อ)
- 78. • เช่นนายดาสมรสกับนายแดง ต่อมานายดาตายอันเป็นเหตุให้
การสมรสสิ้นสุดลง หลังจากนายดาตายเป็นเวลา 200 วัน
นางแดงได้สมรสใหม่กับนายเขียวและต่อมาอีก 50 วันนาง
แดงคลอดบุตร บุตรคนดังกล่าวกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็ น
บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายเขียวซึ่งเป็นสามีใหม่ของนาง
แดง
1.4 เด็กที่เกิดภายใน 310 วันนับตั้งแต่การสมรสสิ้นสุดลง
หญิงหม้ายซึ่งทาการสมรสใหม่ในเวลาไม่เกิน 310 วัน
วันที่การสมรสเดิมสิ้นสุด ให้สันนิษฐานว่าเป็นบุตรชอบด้วย
กฎหมายของสามีคนใหม่
- 79. • เด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงเท่านั้น เช่น นายดา
และนางแดงอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสต่อมานาง
แดงคลอดบุตร นายดาไม่ใช่บิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของบุตร
ดังกล่าว
1.5 เด็กที่เกิดจากหญิงที่ไม่ได้สมรสกับชาย เด็กที่เกิดขึ้นไม่มี
บิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย
- 82. 2.3 ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็ นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา
• เป็นกรณีที่เด็กฟ้ องชายผู้ให้กาเนิดให้รับตนเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
แต่เด็กจะฟ้ องชายผู้ให้กาเนิดได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุในการฟ้ องคดีอย่างใดอย่าง
หนึ่งใน 7 ประการดังต่อไปนี้
1.
• เมื่อมีการข่มขืนกระทาชาเราฉุดคร่า หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงมารดาโดย
มิชอบด้วยกฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
2.
• เมื่อมีการลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาวหรือมีการล่อลวงร่วมประเวณีกับ
หญิงมารดา ในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
- 85. 3.
• บุตรจะฟ้ องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาไม่ได้ บุพการี
ในที่นี้หมายถึง บิดา มารดา ปู่ ตา ยาย ทวด คดีที่ห้ามบุตรฟ้ อง
บุพการีของตนเรียกว่า "คดีอุทลุม "หากบุตรประสงค์จะฟ้ อง
บุพการี บุตรต้องขอให้พนักงานอัยการฟ้ องคดีแทน
• บุตรที่กฎหมายห้ามไม่ให้ฟ้ องบุพการีของตนหมายถึงบุตรที่ชอบ
ด้วยกฎหมายเท่านั้น ดังนั้นหากเป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแม้
บิดานั้นจะรับรองโดยพฤตินัยแล้ว บุตรนั้นย่อมฟ้ องบิดาที่ไม่ชอบ
ด้วยกฎหมายได้ อย่างไรก็ดี กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามบุพการีฟ้ อง
ผู้สืบสันดาน ดังนั้น บิดา มารดาสามารถฟ้ องบุตรของตนได้ และ
บุตรบุญธรรมก็สามารถฟ้ องผู้รับบุตรบุญธรรมได้เพราะผู้รับบุตร
บุญธรรมไม่ใช่บุพการีของบุตรบุญธรรม
- 87. 3.2 สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาต่อบุตร
1.
• บิดามารดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เมื่อบุตร
เมื่อบุตรบรรลุนิติภาวะแล้วบิดามารดาย่อมหมดหน้าที่ดังกล่าว เว้นแต่บุตรที่บรรลุนิติ
นิติภาวะนั้นเป็นผู้ทุพพลภาพหาเลี้ยงตนเองไม่ได้บิดามารดายังคงมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู
เลี้ยงดูอยู่
2.
• บิดามารดามีอานาจปกครองบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อานาจเหล่านั้นได้แก่ อานาจใน
อานาจในการกาหนดที่อยู่ของบุตร อานาจในการทาโทษบุตรตามสมควร อานาจให้บุตร
บุตรทาการแทนตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานุรูป อานาจเรียกบุตรคืนจาก
จากบุคคลอื่น อานาจจัดการทรัพย์สินของบุตรผู้เยาว์ เป็นต้น
3.
• บิดามารดามีสิทธิได้รับมรดกของบุตรในฐานะทายาทโดยธรรมลาดับที่2
- 90. 4.2 เงื่อนไข
การรับบุตรบุญ
ธรรม
1. ความยินยอมของบุตรบุญ
ธรรม ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม
ธรรมมีอายุเกิน 15 ปี การรับ
บุตรบุญธรรมต้องได้รับความ
ยินยอมจากผู้ที่จะเป็นบุตรบุญ
ธรรมด้วย
2. ความยินยอมของบิดามารดา การรับ
ผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมต้องได้รับความ
ยินยอมจากบิดามารดาของผู้เยาว์ที่จะเป็น
เป็นบุตรบุญธรรมเสียก่อน
3. ความยินยอมของคู่สมรสของ
ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญ
ธรรม ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมหรือผู้
ผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส
สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอม
จากคู่สมรสก่อน
- 91. 4.3 ผลของการรับบุตรบุญ
ธรรม
1.
• บุตรบุญธรรมมีฐานะเช่นเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรม ดังนั้นสิทธิ
ดังนั้นสิทธิหน้าที่ระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมจึงเหมือนกันกับสิทธิและ
และหน้าที่ระหว่างบิดามารดากับบุตร เช่น บุตรบุญธรรมมีสิทธิใช้นามสกุลของผู้รับบุตร
บุตรบุญธรรม มีสิทธิได้รับอุปการะเลี้ยงดูจากผู้รับบุตรบุญธรรมในระหว่างที่ตนยังเป็น
เป็นผู้เยาว์ รวมทั้งมีสิทธิได้รับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมด้วย แต่ผู้รับบุตรบุญธรรมไม่มี
ไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรม
2.
• บิดามารดาโดยกาเนิดของบุตรบุญธรรมหมดอานาจปกครองบุตรของตนตั้งแต่วันที่จด
จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม และผู้รับบุตรบุญธรรมเป็นผู้ใช้อานาจปกครองบุตรบุญธรรม
3.
• บุตรบุญธรรมไม่สูญเสียสิทธิและหน้าที่ในครอบครัวเดิม เช่นยังคงมีสิทธิใช้นามสกุลของ
ของบิดามารดาได้มีสิทธิรับมรดกของบิดามารดา รวมทั้งยังมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบิดา
บิดามารดาด้วย
- 95. เฉลยข้อที่ 1
ง. ส่งมอบเมื่อไรก็ได้ เพราะ ของหมั้นต้องส่งมอบหรือโอน
ให้แก่หญิงในขณะหมั้น หากฝ่ายชายหมั้นหญิงโดยไม่มีการส่ง
มอบหรือโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่หญิงในขณะหมั้น การ
หมั้นนั้นไม่สมบูรณ์หรือหากมีการส่งมอบหรือโอนทรัพย์สิน
ดังกล่าวให้แก่หญิงในเวลาอื่น ทรัพย์สินนั้นก็ไม่ใช่ของหมั้น
- 97. เฉลยข้อที่ 2
ค. ของหมั้น ของหมั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของหญิงตั้งแต่ทาการหมั้นกับ
ชาย ของหมั้นจึงเป็นสินส่วนตัวของภรรยาออหากพิจารณาแล้วของ
หมั้นก็จัดเป็นสินส่วนตัวประเภทแรกอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นทรัพย์สิน
ที่ภรรยาได้มาก่อนสมรส
- 98. คาถามข้อที่ 3
การสมรสกรณีใดถือว่าเป็ นโมฆะ ยกเว้น กรณีใด
ก. ชายหรือหญิงจะต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือคนไร้
ความสามารถ
ข. การสมรสระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรม
ค. การสมรสซ้อน
ง. ชายและหญิงทั้งสองคนต้องสมรสโดยคายินยอมเป็นสามี
ภรรยากัน