กฎหมายบุคคล
- 5. 1. ความหมายของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กฎหมายแพ่ง ( Civil Law ) หมายถึง กฎหมายเอกชนที่กาหนด
ความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกันในฐานะที่เท่าเทียมกัน โดย
กาหนดความสัมพันธ์ในเรื่องบุคคล หนี้สิน ทรัพย์สิน ครอบครัว และมรดก
กฎหมายพาณิชย์ ( Commercial Law ) หมายถึง กฎหมายเอกชน
ที่เกี่ยวกับหลักปฏิบัติในทางการค้าที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในภาคธุรกิจ จึงเรียกว่า
“กฎหมายพ่อค้า” ได้แก่ หุ้นส่วนบริษัท ตั๋วเงิน การประกันภัย การ
ล้มละลาย เป็นต้น
- 7. 3. ลักษณะสาคัญของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
บรรพ 1 หลักทั่วไป เป็นบรรพที่บัญญัติหลักการทั่วไป (เช่น นิติวิธี หลัก
สุจริต)บุคคล เป็นหลักเกณฑ์เบื่องต้นเกี่ยวกับทรัพย์ นิติกรรม ระยะเวลา
และอายุความ
บรรพ 2 หนี้ เป็นบรรพที่บัญญัติหลักการทั่วไปเกี่ยวกับหนี้และบ่อเกิดแห่ง
หนี้เช่น สัญญา ละเมิด ลาภไม่ควรได้ และจัดการงานนอกสั่ง
บรรพ 3 เอกทัศสัญญา เป็นบรรพที่บัญญัติหลักเกณฑ์ของสัญญาต่างๆ
เช่น ซื้อขาย กู้ยืม ฝากทรัพย์ จานา เป็นต้น
- 8. บรรพ 4 ทรัพย์สิน เป็นบรรพที่บัญญัติหลักเกณฑ์เกี่ยวกับทรัพย์สิน และสิทธิ
ต่างๆในทรัพย์สิน เช่น กรรมสิทธ์ สิทธิครอบครอง ภาวะจายอม เป็นต้น
บรรพ 5 ครอบครัว เป็นบรรพที่บัญญัติความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัว
เช่น การหมั้น การสมรส สิทธิและหน้าที่ระหว่างสามีกับภรรยา และระหว่าง
บิดามารดากับบุตร เป็นต้น
บรรพ 6 มรดก เป็นบรรพที่บัญญัติหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกองมรดก เช่น การตก
ทอดของมรดก การทาพินัยกรรม การจัดการและการแบ่งปันทรัพย์มรดก เป็น
ต้น
3. ลักษณะสาคัญของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ต่อ)
- 10. 1. ความหมายของบุคคล
บุคคล หมายถึง สิ่งที่กฎหมายรับรอง
ให้มีสิทธิและหน้าที่ได้ตามกฎหมาย ซึ่งเรียกว่า
“ผู้ทรงสิทธิ” เช่น มนุษย์ บริษัท หรือพรรค
การเมือง กฎหมายรองรับให้เป็นบุคคลและให้
มีสิทธิหน้าที่ได้ตามกฎหมาย
- 13. 2.1.1 การเริ่มต้นแห่งสภาพบุคคล
1) มีการคลอด “การคลอด” หมายถึง
การที่อวัยวะทุกส่วนของทารกได้
พ้นออกมาจากครรภ์มารดา แม้ยัง
ไม่ได้ตัดสายสะดือก็เป็นการคลอด
สาเร็จแล้ว
2) มีการอยู่รอดเป็นทารก “การอยู่รอด
เป็นทารก” หมายถึง ต้องปรากฏว่า
ทารกที่คลอดออกมานั้นมีการ
หายใจแล้ว
- 15. 2.1.2 การสิ้นสุดแห่งสภาพบุคคล
1) การตายโดยธรรมชาติ ในทาง
การแพทย์ถือว่าบุคคลธรรมดาจะถึง
แก่ความตายเมื่อแกนสมองของ
บุคคลนั้นหยุดทางาน
2) การตายโดยผลของกฎหมาย หรือที่
เรียกว่า “การสาบสูญ” เป็นกรณีที่
บุคคลได้หายจากภูมิลาเนาหรือถิ่นที่
อยู่ โดยไม่ทราบข่าวคราวเป็น
ระยะเวลา 5 ปีสาหรับกรณีทั่วไป 2 ปี
สาหรับกรณีพิเศษ ซึ่งได้แก่ หายไป
ในสนามรบ การสงคราม
- 17. 2.2 การนับอายุบุคคล
• กรณีรู้วัน เดือน ปีเกิด ให้นับตั้งแต่วันเกิด
• กรณีรู้เดือน ปี แต่ไม่รู้วันเกิด กฎหมายให้ถือเอาวันที่ 1 ของเดือนเป็น
วันเกิด
• กรณีรู้ปีเกิด แต่ไม่รู้วันและเดือนเกิด กฎหมายให้ถือเอาวันเริ่มต้นปี
ปฏิทินของปีที่บุคคลนั้นเกิดเป็นวันเกิดของบุคคลดังกล่าว
• กรณีไม่รู้วัน เดือน ปีเกิดเลย กรณีนี้ต้องพิจารณาจากรูปร่าง หน้าตา
สัณฐานของบุคคลนั้นประกอบกับพยานที่เกี่ยวข้อง
- 19. 2.3.1 ผู้เยาว์ หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยบุคคลจะบรรลุนิติ
ภาวะด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
1) การบรรลุนิติภาวะโดยอายุ บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์
และบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุ 20 ปีบริบูรณ์
2) การบรรลุนิติภาวะโดยการสมรส เมื่อชายหญิงอายุครบ
17 ปีบริบูรณ์ โดยจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และ
บิดามารดาหรือผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายให้ความ
ยินยอม
- 20. ตัวอย่าง แดง อายุ 17 ปีลูกชายของนายมากกับนางนาค ได้แต่งงานกับ
เหลือง อายุ 18 ปี ลูกสาวนายโยนกับนางขว้าง และทั้งคู่ได้มีการจดทะเบียน
สมรสกันตามกฎหมาย ก็ถือว่าแดงและเหลืองบรรลุนิติภาวะแล้ว
- 21. 2.3.2 คนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่มีอาการวิกลจริตหรืออาการ
ทางจิตผิดปกติถึงขนาดขาดความสามารถโดยสิ้นเชิง หรือบุคคลที่
เจ็บป่วยจนไม่รู้สานึกของตนโดยสิ้นเชิง และศาลมีคาสั่งให้บุคคลนั้นเป็น
คนไร้ความสามารถ
ศาลจะตั้ง “ผู้อนุบาล” ซึ่งทาหน้าที่ดูแลบุคคลไร้ความสามรถ
รวมถึงนิติกรรมทุกอย่างแทนคนไร้ความสามารถ
- 23. 2.3.3 คนวิกลจริต หมายถึง บุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งให้เป็นคน
ไร้ความสามารถ กฎหมายให้คนวิกลจริตมีความสามารถในการนิติ
กรรมโดยบริบูรณ์เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
กฎหมายจะถือว่านิติกรรมที่คนวิกลจริตได้กระทาตกเป็นโมฆะ
ก็ต่อเมื่อ
1) คนวิกลจริตทาพินัยกรรมในขณะที่ตนมีอาการจริตวิกล
2) วิกลคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่าบุคคลที่ทานิติกรรมกับตนเป็นคน
วิกลจริต
- 24. ตัวอย่าง รัตนาภรณ์เป็นคนวิกลจริตได้ซื้อผ้าห่มรูป แจ จุง จากพรพรรณ
โดยรัตนาภรณ์ทานิติกรรมดังกล่าวในขณะที่ตนมีอาการจริตวิกล แต่
พรพรรณไม่รู้ว่ารัตนาภรณ์เป็นคนวิกลจริต ดังนั้นนิติกรรมซื้อขายผ้าห่ม
รูป แจ จุง ดังกล่าวย่อมมีผลสมบูรณ์ เพราะคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งไม่รู้ว่าผู้ทา
นิติกรรมกับตนเป็นคนวิกลจริต
- 25. 2.3.4 คนเสมือนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่มีความบกพร่องบาง
ประเภท แต่ไม่ถึงขนาดวิกลจริต หรือสูญเสียความสามารถในการ
กาหนดเจตนาของตนเองโดยสิ้นเชิง และศาลได้มีคาสั่งให้บุคคลนั้นเป็น
คนเสมือนไร้ความสามารถ
คนเสมือนไร้ความสามารถ มีองค์ประกอบ 2 ประการ
1) บุคคลนั้นต้องมีเหตุบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
กายพิการ จิตฟั่นเฟือน พฤติกรรมสุรุ่ยสุร่าย ติดสุรา
2) บุคคลนั้นไม่สามารถจัดการงานโดยตนเองได้
- 27. 3.2 ประเภทของนิติบุคคล
3.2.1 นิติบุคคลเอกชน หมายถึง นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย
เอกชนโดยดาเนินการในลักษณะที่เท่าเทียมกันอย่างเอกชนทั่วไป สามารถ
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1) นิติบุคคลเอกชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มี 5
ประเภท คือ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ
จดทะเบียน บริษัทจากัด สมาคม และมูลนิธิ
2) นิติบุคคลเอกชนตามกฎหมายอื่น เช่น บริษัทมหาชนจากัด
สหกรณ์
- 28. 3.2.2 นิติบุคคลมหาชน หมายถึง นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย
มหาชนโดยดาเนินการลักษณะไม่เท่าเทียมกัน
กล่าวคือ นิติบุคคลนั้นมีอานาจเหนือบุคคลใดๆที่เกี่ยวข้องกับ
การดาเนินงานของตน และการดาเนินการอยู่บนพื้นฐานของการใช้
อานาจรัฐบังคับให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เช่น กระทรวง ทบวง
กรม จังหวัด เทศบาล วัด มหาวิทยาลัย พรรคการเมือง เป็นต้น
- 32. 3. ภูมิลาเนาของคนไร้ความสามารถ ได้แก่ ภูมิลาเนาของผู้อนุบาล
4. ภูมิลาเนาของข้าราชการ ได้แก่ ถิ่นอันเป็นที่ทาการตามตาแหน่ง
หน้าที่
5. ภูมิลาเนาของผู้ที่จาคุกตามคาพิพากษาถึงที่สุด ได้แก่ เรือนจา หรือ
ทัณฑสถานที่ถูกจาคุกอยู่
- 41. ข้อที่ 1. สภาพบุคคลเริ่มต้นเมื่อใด
ก. ตั้งแต่เริ่มคลอด
ข. ตั้งแต่เริ่มคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก
ค. ตั้งแต่ตั้งครรภ์
ง. ก. และ ข. ถูกต้อง
เฉลย ข. ตั้งแต่เริ่มคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก
เหตุผล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 15 วรรคหนึ่ง บัญญัติ
ไว้ว่า “สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลง
เมื่อตาย”
- 42. ข้อที่ 2. บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถต้องจัดให้อยู่ในความดูแลของ
ผู้ใด
ก. ผู้แทนเฉพาะคดี
ข. ผู้พิทักษ์
ค. ผู้ปกครอง
ง. ผู้อนุบาล
เฉลย ง. ผู้อนุบาล
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 28 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “บุคคล
ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดให้อยู่ในความ
อนุบาล การแต่งตั้งผู้อนุบาล อานาจหน้าที่ของผู้อนุบาลและการสิ้นสุดของความ
เป็นผู้อนุบาล ให้เป็นไปตามบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายนี้”
- 44. ข้อที่ 4. ภูมิลาเนาของผู้ถูกจาคุกตามคาพิพากษาถึงที่สุดคือที่ใด
ก. ถิ่นบุคคลนั้นมีที่อยู่อันเป็นสถานที่อยู่เป็นแหล่งสาคัญ
ข. ถิ่นที่อยู่ตามทะเบียนราษฎร์
ค. เรือนจา
ง. ไม่มีข้อใดถูก
เฉลย ค. เรือนจา
เหตุผล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 47 บัญญัติไว้ว่า “ภูมิลาเนา
ของผู้ที่ถูกจาคุกตามคาพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคาสั่งโดยชอบด้วย
กฎหมาย ได้แก่เรือนจาหรือทัณฑสถานที่ถูกจาคุกอยู่จนกว่าจะได้รับการปล่อย
ตัว”
- 45. ข้อที่ 5. ถ้าบุคคลใดได้ไปจากภูมิลาเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้น
ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญ
ได้ เมื่อระยะเวลาได้ผ่านไปกี่ปี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี
เฉลย ง. 5 ปี
เหตุผล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 61 บัญญัติไว้ว่า “ถ้าบุคคลใดได้
ไปจากภูมิลาเนาหรือถิ่นที่อยู่และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระ
ยะเวลาห้าปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็น
คนสาบสูญก็ได้ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือสองปี