More Related Content
Similar to ศาสนาพุทธในยุครัตนโกสินทร์ ม.2 ภาคเรียนที่ 1 (20)
More from เพ็ญลักษณ์ สุวรรณาโชติ (6)
ศาสนาพุทธในยุครัตนโกสินทร์ ม.2 ภาคเรียนที่ 1
- 6. ในสมัยพระพุทธยอดฟ้ าจุฬา-
โลกมหาราช ทรงโปรดให้ช่างคิดจําลอง
สร้างพระไตรปิ ฎกฉบับกลาง มีชือ
เรียกว่า “ฉบับทองใหญ่” หรือ “ฉบับ
ทองทึบ” และยังโปรดให้สร้าง
พระไตรปิฎกขึนอีก ๒ ฉบับคือ “ฉบับ
รองทรง” หรือ “ฉบับข้างลาย” และ
พระไตรปิฎกขึนอีก
รองทรง” หรือ “ฉบับข้างลาย” และ
“ฉบับทองชุบ” เดิมเก็บไว้ที
หอพระมณเฑียรธรรม แต่ถูกเพลิงไหม้
หมด ปัจจุบันจึงอยู่ที พระมณฑป วัด
พระศรีรัตนศาสดาราม
- 12. การเรียนคงจะมิได้เรียนทังหมด แต่จะคัดเลือกบางเรืองบางคัมภีร์ใน
แต่ละปิ ฎกมาเรียน ความรู้จึงอาจจะไม่เพียงพอเผยแผ่ พระองค์จึงได้ทรง
เปลียนแปลงเสียใหม่เป็น ๙ ประโยค กําหนดหลักสูตรให้ยากขึนตามลําดับ ต้อง
สอบได้๓ ประโยคเสียก่อนจึงจะได้เป็นเปรียญ(พระมหา) เมือสอบได้๔ ประโยค
ก็เรียกว่า เปรียญ ๔ ประโยค จนสอบได้ประโยค ๙ เรียกว่า เปรียญ ๙ ประโยค
ในสมัยนี วังหน้าคือ กรมหมืนเจษฎาบดินทร์ หรือ ร.๓ ในครังนัน ทรง
ประสงค์จะสนับสนุนการศึกษาจึงให้ผู้ทีสอบประโยค ๒ มาเป็นประสงค์จะสนับสนุนการศึกษาจึงให้ผู้ทีสอบประโยค ๒ มาเป็น
"เปรียญวังหน้า" เมือสอบได้ประโยค ๓ จึงให้ไปเป็น "เปรียญวังหลวง“
มาถึงในสมัย รัชกาลที ๓ กล่าวกันว่าการศึกษาของคณะสงฆ์ในสมัยนี
เจริญรุ่งเรืองมากกว่าสมัยใดๆ พระองค์เองได้ทรงเสด็จเป็นประธานสดับพระสงฆ์
แปลบาลีสอบไล่ทุกคราวไม่เคยขาด
- 15. เดิมนัน คําเรียกแบ่งแยกพระสงฆ์สายเถรวาทในประเทศไทยออกเป็น
มหานิกาย และ ธรรมยุติกนิกาย ยังไม่มี เนืองจากคณะพระสงฆ์ไทยในสมัย
โบราณ ก่อนหน้าทีจะมีการจัดตังคณะธรรมยุตขึนในสมัยรัชกาลที ๔ นัน ไม่
มีการแบ่งแยกออกเป็นนิกายต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่พระสงฆ์ไทยนันล้วนแต่
เป็นเถรวาทสายลังกาวงศ์ทังสิน จนเมือพระวชิรญาณเถระ หรือเจ้าฟ้ ามงกุฏ
(พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที ๔) ได้ก่อตังนิกายธรรมยุต
ขึนในปี พ.ศ. ๒๓๗๖ แยกออกจากคณะพระสงฆ์ไทยทีมีมาแต่เดิมซึงเป็นขึนในปี พ.ศ. ๒๓๗๖ แยกออกจากคณะพระสงฆ์ไทยทีมีมาแต่เดิมซึงเป็น
พระสงฆ์ส่วนใหญ่ในสมัยนัน จึงทําให้พระองค์คิดคําเรียกพระสงฆ์ส่วนใหญ่
ในประเทศไทยทีเป็นสายเถรวาทลังกาวงศ์เดิมว่า พระส่วนมาก หรือ
มหานิกาย
การสังเกตว่าท่านอยู่ในนิกายใด อาจพิจารณาจากการครองจีวร ดังนี
- 18. พระบาทสมเด็จพระนังเกล้า
เจ้าอยู่หัว ทรงขึนเสวยราชย์เมือ ๑
สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๖๗ ขณะพระชนม์
ได้๓๗ พรรษา ครองราชย์อยู่ ๒๗ ปี
พระนามเดิมว่า "สมเด็จพระ
เจ้าลูกยาเธอ กรมหมืนเจษฎาบดินทร์"เจ้าลูกยาเธอ กรมหมืนเจษฎาบดินทร์"
หรือ "พระองค์ชายทับ“พระบาทสมเด็จ
พระนังเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรส
พระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จ
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระองค์
แรกทีประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเรียม
- 19. ๖. วัดประจํา ๙ รัชกาลมีวัดอะไรบ้าง และมี
สถานภาพวัดอยู่ในชันไหน?สถานภาพวัดอยู่ในชันไหน?
- 25. วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
วัดประจํารัชกาลที ๙ ทรงพระราชดําริให้เป็นวัดตัวอย่างของวัดขนาดเล็กในเขต
ชุมชนเมือง เน้นความเงียบง่าย สงบ ประหยัดและประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
ตังอยู่บนเนือที 8 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา บนถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง
- 30. BUDSIR I สามารถค้นหา คําทุกคํา ศัพท์ทุกศัพท์ ทุกวลี ทุกพุทธวจนะ ทีมีปรากฏใน
พระไตรปิฎก จํานวน 45 เล่ม หรือข้อมูลมากกว่า24.3ล้านตัวอักษรทีได้รับการบันทึกใน
คอมพิวเตอร์ได้อย่าง
รวดเร็ว ถูกต้อง และครบถ้วนสมบูรณ์
BUDSIR II พัฒนาแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2532 ซึงเป็นพระไตรปิฎกอักษรโรมัน
สําหรับการเผยแผ่ไปยังต่างประเทศ
BUDSIR III ได้รับการพัฒนาขึนอีกในเดือนเมษายน 2533 เพืองานสืบค้นทีมีความBUDSIR III ได้รับการพัฒนาขึนอีกในเดือนเมษายน 2533 เพืองานสืบค้นทีมีความ
ซับซ้อน
BUDSIR IV ได้รวบรวมพระไตรปิฎกและอรรถกถา/ฎีกา รวมทังคัมภีร์ทุกเล่มทีใช้
ศึกษาหลักสูตรเปรียญธรรม นอกจากนียังรวมเวอร์ชัน ทีเป็นอักษรโรมัน เข้าไว้ด้วยกัน ซึงมี
ขนาดข้อมูลรวม 115 เล่ม หรือประมาณ 450 ล้านตัวอักษร นับเป็นพระไตรปิฎกและอรรถกถา
ฉบับคอมพิวเตอร์ทีสมบูรณ์ทีสุดในปัจจุบัน และปัจจุบันมีโครงการเพิมเติม โดยบันทึก
พระไตรปิฎกลงบน CD – Rom และกําลังเริมต้นโครงการพัฒนาโปรแกรมพระไตรปิฎก
คอมพิวเตอร์ฉบับภาษาไทย