7. 5
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
1989 ญี่ปุ่ นได้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม the UN Conference on Disarmament Issue ซึ่งเป็น
จุดเริ่มต้นที่ทาให้ญี่ปุ่ นสนับสนุนการอบรมบุคลากรในประเทศกาลังพัฒนาเพื่อทางานควบคุมการ
จากัดอาวุธและยับยั้งการแพร่ขยายของอาวุธนิวเคลียร์
กลไกทำงกฎหมำยและกำรเมืองของญี่ปุ่ น
ต้นแบบด้านการเมืองภายในประเทศเสนอว่าการตอบสนองผลประโยชน์เฉพาะอย่างในทาง
การเมือง โครงสร้างการเมือง และกฎหมายภายในประเทศ ก็สามารถเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทาให้แต่ละ
ประเทศดาเนินการสร้างหรืองดเว้นโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ด้วยการสร้างเงื่อนไขทางการเมืองที่
ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างในกรณีของอินเดียที่มีคาสั่งพัฒนาโครงการอาวุธ
นิวเคลียร์ในสมัยรัฐบาล Indira Gandhi เมื่อปี 1974 มีการวิเคราะห์ว่าการตัดสินใจพัฒนาอาวุธ
นิวเคลียร์มาจากการที่นาง Gandhi ได้รับคาแนะนาจากกลุ่มที่ปรึกษาและนักวิทยาศาสตร์กลุ่มเล็กๆ
ว่าโครงการดังกล่าวจะใช้ต้นทุนต่าและมีประโยชน์ต่ออินเดีย โดยก่อนหน้านี้กลุ่มคนดังกล่าวได้
แนะนาให้แก่นายกรัฐมนตรี Lal Bahadur Shastri แต่ก็ถูกปฏิเสธ หลังจากที่มีการพัฒนาและทดสอบ
อาวุธนิวเคลียร์สาเร็จแล้วพบว่าคะแนนนิยมทางการเมืองของนาง Gandhi พุ่งสูงขึ้นอย่างมากจากที่
เคยตกต่าในช่วงปี 1973-1974 ก่อนการดาเนินโครงการอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ทราบ
กันดีว่ายุคของนาง Gandhi ถือเป็นยุคอานาจนิยมที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วทั้งอินเดีย แสดงให้
เห็นว่ากลไกตรวจสอบถ่วงดุลในขณะนั้นมีความอ่อนแอและส่งผลให้อานาจการตัดสินใจผูกขาดอยู่ที่
นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
สาหรับญี่ปุ่นแล้วกลไกทางการเมืองและกฎหมายภายในประเทศที่จากัดการพัฒนาโครงการ
อาวุธนิวเคลียร์ของญี่ปุ่ นนั้นมีสามประการ ประการแรกคือ the Three Non-nuclear Principles ซึ่ง
เป็นกฎเกณฑ์ที่ระบุว่าญี่ปุ่นจะไม่ครอบครอง ไม่ผลิต และไม่อนุญาตให้มีการแนะนาอาวุธนิวเคลียร์
ในประเทศ อย่างไรก็ตาม the Three Non-nuclear Principles ไม่ได้ถือเป็นกฎเกณฑ์ทางกฎหมาย
แต่สภาไดเอทแห่งชาติ (National Diet) ของญี่ปุ่นได้เสนอว่าเป็นเพียงการแสดงออกถึงเจตนารมณ์
ของรัฐบาลในการดาเนินนโยบายไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น the Three Non-nuclear Princi-
ples จึงไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
8. 6
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ประการที่สองคือ the Basic Law on Atomic Energy ซึ่งได้ประกาศบังคับใช้เมื่อปี 1955
และถือเป็นกฎหมายที่ควบคุมจัดการให้การใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพลเรือน
เท่านั้น โดยบทบัญญัติที่ 2 ของกฎหมายดังกล่าวระบุว่า การวิจัย พัฒนา และใช้พลังงานนิวเคลียร์
จะต้องถูกจากัดเฉพาะวัตถุประสงค์เพื่อสันติและจะต้องถูกจัดการภายใต้ระบอบประชาธิปไตย2
กฎหมายนี้มีศักยภาพในการจากัดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของญี่ปุ่ นในสองทางคือ 1)การ
เปลี่ยนแปลงและแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านกระบวนการสภา ซึ่งเป็นการลดโอกาสในการ
แก้ไขและเปลี่ยนแปลงข้อความนอกเหนือจากที่กฎหมายระบุไว้ และ 2)กฎหมายได้กาหนดให้ก่อตั้ง
the Atomic Energy Commission ซึ่งเป็นองค์กรที่ประกอบด้วยภาคพลเรือน และต้องมีการรายงาน
เกี่ยวกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ
ประการที่สามคือ ตัวแสดงในการยับยั้ง (veto players) ในโครงสร้างทางการเมืองของญี่ปุ่น
กล่าวคือโครงสร้างทางการเมืองของญี่ปุ่นถูกออกแบบตามแนวคิด Ceteris paribus เป็นแนวคิดที่ให้มี
หลายตัวแสดงที่มีบทบาทยับยั้งทัดทาน ซึ่งการมีตัวแสดงยับยั้งหลายตาแหน่งจะเป็นการปิดโอกาสให้
นักการเมืองหรือรัฐบาลตัดสินใจพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์เพื่อสนองผลประโยชน์เฉพาะตน3
อย่างน้อยที่สุดการมีอยู่ของตัวแสดงยับยั้งหลายตัวทาให้ญี่ปุ่นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่าง
สุดขั้วโดยไม่มีการถกเถียงหรือการอภิปรายทางการเมือง และยังขยายเวลาให้ตัวแสดงในต่างประเทศ
ได้เข้ามาแสดงความเห็น โดยตั้งแต่ทศวรรษ 1950 ได้มีการเพิ่มขึ้นของตัวแสดงยับยั้งในหมู่นักวาง
นโยบายนิวเคลียร์ของญี่ปุ่ น จากเดิมที่นายกรัฐมนตรี Yasuhiro Nakasone ได้วางโครงสร้างกิจการ
นิวเคลียร์ในลักษณะพิระมิดที่นายกรัฐมนตรีมีอานาจเต็มในการรับผิดชอบและตัดสินใจในกิจการ
นิวเคลียร์ โดยในปี 1954 รัฐบาล Nakasone ได้ก่อตั้ง the Preparatory Council for the Use of
Atomic Energy และได้มีการผ่านกฎหมายหลายฉบับเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดาเนินโครงสร้าง
กิจการอาวุธนิวเคลียร์ในปี 1955 อีกทั้งยังได้ก่อตั้ง the Atomic Energy Council และ the Science
and Technology Agency (STA) ด้วยหวังว่าจะมีโครงสร้างในลักษณะบังคับบัญชา (top-down)
และเป็นองค์การที่ใช้รัฐเป็นศูนย์กลาง (statecentric) แต่ Nakasone ก็ต้องผิดหวังเนื่องจาก
Matsutaro Shoriki ผู้ที่ Nakasone แต่งตั้งให้เป็ นประธานของ AEC และ STA ต้องการให้
ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของตัวแสดงยับยั้งไม่ให้เกิดโครงการพัฒนา
อาวุธนิวเคลียร์ แต่เป็นการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแทน เช่น การดึง
บริษัท the Tokyo Electric Power Company (TEPCO) เข้ามามีส่วนร่วม หรือการสร้าง the Power
13. 6
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
เอกสารอ้างอิง
[1] Joshua Berlinger (2017), North Korea’s missile tests by the numbers, accessed on 22 September 2017 <http://
edition.cnn.com/2017/05/29/asia/north-korea-missile-tests/index.html>
[2] Atomic Energy Basic Act, accessed on 22 September 2017 <http://www.japaneselawtranslation.go.jp/law/
detail_main?re=02&vm=2&id=2233#en_ch1at2>
[3] Jacques Hymans (2011), “Veto Players, Nuclear Energy, and Nonproliferation”, International Security, 36(2), pp.
160
[4] Mike Mochizuki (2007), “Japan Tests the Nuclear Taboo”, Nonproliferation Review, 14 (2), pp. 306
[5] Maria Rublee (2009), Nonproliferation Norms: Why States Choose Nuclear Restraint, Georgia: University of Geor-
gia Press, pp. 79
[6] William Larn (2014), The Future of Japan’s Non-nuclear Weapons Status, accessed on 18 April 2017 <http://
www.internationalaffairs.org.au/the-future-of-japans-non-nuclear-weapons-status/>
[7] Maria Rublee (2009), Nonproliferation Norms: Why States Choose Nuclear Restraint, Georgia: University of Geor-
gia Press, pp. 80
[8] Julian Ryall (2017), Why Japan is Relieved about Trump, accessed on 18 April 2017 <http://www.scmp.com/week-
asia/geopolitics/article/2071849/why-japan-relieved-about-trump>
[9] Reiji Yoshida (2015), Exclusion of Nonnuclear Principles from Abe’s Hiroshima Speech Causes Stir, accessed on
18 April 2017 <http://www.japantimes.co.jp/news/2015/08/06/national/politics-diplomacy/exclusion-nonnuclear-
principles-abes-hiroshima-speech-causes-stir/#.WPtppvmGPIU>
[10] Bonny Lin (2015), “Chinese Views of Japanese Nuclear Capabilities and Ambitions”, Nuclear Scholars Initiative,
pp. 104