More Related Content
Similar to บทที่ 1 แก้ (20)
More from maerimwittayakom school
More from maerimwittayakom school (20)
บทที่ 1 แก้
- 1. บทที่ 1
บทนํา
ความเปนมาและความสําคัญของปญหา
เนื่องจากภาษาไทยเปนเอกลักษณประจําชาติไทย และเปนสมบัติทางวัฒนธรรมของคน
ไทย ซึ่งควรที่จะอนุรักษไวเพื่อใหชนรุนหลังไดสืบทอด และเห็นถึงความสละสลวยของภาษาไทย
ที่มีมาตั้งแตบรรพบุรุษ แตในปจจุบันคนไทยสวนใหญไมเล็งเห็นถึงคุณคา และความสําคัญ
การศึกษาภาษาไทย โดยเฉพาะสิ่งที่บรรพบุรุษของเราไดถายทอดไวในลักษณะของ คํา ซึ่ง คํา
หมายถึง หนวยของภาษาที่สื่อถึงความหมายซึ่งประกอบดวยพยางคหนึ่งคํา หรือ มากกวา ปกติแลว
ในแตละคําจะมีรากศัพทของคําแสดงถึงความหมายและที่มาของคํานั้น โดยการนําคําหลายคํามา
ประกอบกันจะทําใหเกิดวลี หรือ ประโยคซึ่งใชสื่อความหมายใหชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งภาษาไทย
นับวาเปนสิ่งที่ชวยถายทอดความคิด ความรูสึก เพื่อใหผูพูดและผูฟงเกิดความเขาใจตรงกัน เพราะ
หากผูพูดใชคําที่ไมถูกตอง อาจทําใหเกิดความหมายที่ผิดเพี้ยนไป ทําใหผูพูดและผูฟงนั้นเขาใจไม
ตรงกัน
ภาษาไทยนับวาเปนภาษาที่มีวิวัฒนาการมาอยางยาวนาน มีการเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา
ขึ้นอยูกับ สังคม คานิยม และวัฒนธรรมในยุคสมัยนั้น ๆ เปนสําคัญ โดยเฉพาะการศึกษาภาษาไทย
ของนักเรียนตามสถานศึกษาตาง ๆ นั้น ปจจุบันไมไดใหความสําคัญเทาที่ควร ตลอดจนผูใช
ภาษาไทยทั่วไป มีความบกพรองดานการใชภาษาไทยอยูมาก เชน การเขียนผิด การอานผิด ทั้งนี้
เปนเพราะผูใชภาษาไทยไมไดยึดหลักที่ถูกตองตามพจนานุกรม แตใชตามความเคยชินของแตละ
บุคคล คานิยมที่เปลี่ยนแปลงไป และไดรับอิทธิพลจากภาษาตางประเทศ ทําใหเกิดการใชคําที่ไม
ถูกตอง
ทางผูศึกษาไดเล็งเห็นถึงปญหาในดานการอานคําในภาษาไทยที่ไมถูกตอง ซึ่งอาจเปน
เพราะไดรับอิทธิพลจากภาษาตางประเทศ และคานิยมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะพบวาบางคนอาน
คําศัพทในภาษาไทยไดไมถูกตอง เชน คําวา ปกติ มักจะอานเปน ปก-กะ-ติ ซึ่งการอานที่ถูกตองนั้น
ควรอานวา ปะ-กะ-ติ เปนตน ดังนั้นทางผูศึกษาจึงไดจัดทําโครงงานเรื่อง “ความสามารถในการอาน
คําภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตน ปการศึกษา 2550 ของโรงเรียนสาธิต
มหาวิทยาลัยเชียงใหม” ขึ้น เพื่อศึกษาความสามารถในการอานคําภาษาไทยของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนตนของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม
- 2. 2
วัตถุประสงค
เพื่อศึกษาความสามารถในการอานคําในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตน
ขอบเขตการศึกษา
ขอบเขตดานประชากร
ประชากรที่จะทําการศึกษาไดแก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปที่ 3
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม ที่ศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2550 จํานวน 636 คน
ขอบเขตดานเนื้อหา
การศึกษาครั้งนี้ ทางผูศึกษาไดทําการสํารวจความรูของนักเรียนโรงเรียนสาธิต
มหาวิทยาลัยเชียงใหมเกี่ยวกับการอานคําที่ไมถูกตอง โดยจะจัดทําแบบทดสอบซึ่งจัดเปนหมวดหมู
เพื่อสะดวกในการทําแบบทดสอบโดยคําที่นํามาทดสอบนั้นไดมาจากหนังสือ “คํางายมักใชผิด”
หนา 9-53 โดยการสุมแบบจับฉลาก จํานวน 48 คํา ไดแก
กรณี กลวิธี กุศโลบาย
เกษตรกรรม ขัดสมาธิ เขาสมาธิ
คมนาคม คุณวุฒิ โฆษณา
จิตบําบัด จิตรกร เจตนา
โจรกรรม ชาติภูมิ ดาษดา
ดุลพินิจ ทิฐิ ธารกํานัล
นรเทบ นาวิกโยธิน บาทบงสุ
โบราณคดี ปกติ ประวัติศาสตร
พลการ ภูมิภาค ภูมิลําเนา
มณฑก มณฑป ยุติ
รสนิยม ลลนา ลิขสิทธิ์
วนอุทยาน วิตถาร ศัลยกรรม
สมรรถนะ สังคมวิทยา สัตบุรุษ
สัมโพธิ สาธยาย เสวก
อรดี อาชวะ อุณหภูมิ
อุดมคติ อุปถัมภ เอกฉันท
- 3. 3
นิยามศัพทเฉพาะ
ความสามารถในการอานคํา หมายถึง ความสามารถในการอานคําตามมาตราตัวสะกด
ตาง ๆ ไดถูกตองตามหลักภาษา ซึ่งวัดจากแบบทดสอบการอานคําที่ผูศึกษาไดสรางขึ้น และผานการ
ตรวจสอบจากอาจารยที่ปรึกษาโครงงานแลว
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตน หมายถึง นักเรียนที่กําลังศึกษาอยูในชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1
ถึงมัธยมศึกษาปที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2550
ประโยชนที่ไดรับ
จากการทําโครงงานเรื่องความสามารถในการอานคําของนักเรียนโรงเรียนสาธิต
มหาวิทยาลัยเชียงใหม จะไดรับประโยชนทั้งตอผูจัดทํา และผูที่เกี่ยวของดังนี้
1.ทราบระดับความสามารถในการอานคําของนักเรียนโรงเรียนสาธิต
มหาวิทยาลัยเชียงใหม
2.สามารถนําผลจากการศึกษาเปนแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนในวิชาภาษาไทย
3.ฝกการทํางานเปนกลุม
4.เปนการใชเวลาวางใหเกิดประโยชน