SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
แบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
1. ชื่อโครงงาน ผ ้ามัดย ้อม (ย ้อมใจ)
2. ประเภทโครงงาน พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
3. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน
1) นางสาวกฤตติกา เพาะปลูก เลขที่ 41 ม.6/1
2) นางสาวสุพรรณษา ภู่ประสงค์ เลขที่ 42 ม.6/1
3) นางสาวกัญญาณัฐ เกตุกาพู เลขที่ 44 ม.6/1
4) นางสาวปานตะวัน บุญให ้เลขที่ 45 ม.6/1
5) นางสาวธันยพัฒน์ ยมพงษ์ เลขที่ 47 ม.6/1
6) นางสาวพิมพ์ลภัส บ ้านกลาง เลขที่ 48 ม.6/1
4. ครูที่ปรึกษาโครงงาน มิสเขมจิรา ปลงไสว
5. ครูที่ปรึกษาร่วม มิสชมัยพร สินธุประเสริฐ
6. ระยะเวลาดาเนินงาน 3 เดือน
7. แนวคิด ที่มา และความสาคัญ
องค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปะการนาผ ้ามาย ้อมด ้วยสีที่ได ้จากธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งแปลก หรือพึ่งจะค ้นพบ
นวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด แต่ความรู้ภูมิปัญญาดังกล่าวได ้ถูกค ้นพบ ปฏิบัติและถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่
สมัยพุทธกาล ดังจะเห็นได ้ว่า พระพุทธเจ ้าพร ้อมสาวกทั้งหลายก็ใช ้ผ ้าบังสุกุลสีขาวที่ใช ้สาหรับห่อศพมาซัก
แล ้วก็ย ้อมด ้วยสีธรรมชาติเพื่อเป็นผ ้าจีวรนุ่งห่มเหมือนกัน ดังนั้น ผู้เขียนเห็นว่าภูมิปัญญาการเอาผ ้าแล ้วมา
ย ้อมด ้วยสีธรรมชาติไม่ใช่ภูมิปัญญาชาวของบ ้านธรรมดาๆ แต่เป็นภูมิปัญญาที่มาจากแนวคิดของ
พระพุทธเจ ้า ซึ่งการเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าวเหมือนกับเราได ้เรียนรู้และปฏิบัติธรรมะไปด ้วย เช่น
เราจะได ้สมาธิจากการดึงปมชายผ ้า หรือการพึงพาธรรมชาติและพึ่งพาตัวเอง หรือการไม่ตามกระแสของ
สังคมที่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่ มเฟือยเกินความจาเป็น
การทาผ ้ามัดย ้อมใช ้เอง เป็นความภาคภูมิใจของคนทาและคนที่จะสวมใส่ ด ้วย เพราะผลงานชิ้น
ดังกล่าวเป็นศิลปะหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน(รับรองได ้) โดยมีเราเป็นศิลปินเอก ที่
สาคัญสีที่ได ้จากธรรมชาติจะมีคุณสมบัติในการรักษาโรคภัยไข ้เจ็บไปในตัวด ้วย เช่น ผ ้าย ้อมคราม ย ้อมฝาง
แดง เป็นต ้น
แต่ในปัจจุบันศิลปะดังกล่าวกาลังลดหายไปจากสังคม และถูกมองอย่างไร ้คุณค่า เพราะว่ากระแสแฟชั่น
สมัยใหม่มาแรง แซงตลอด หาซื้อได ้ง่าย และตอบสนองความต ้องการได ้อย่างรวดเร็ว ทันใจ ในทุกรูปแบบ
เพราะฉะนั้น กิจกรรมดังกล่าวยังรอพวกเราเหล่าศิลปินที่จะสืบสานอุดมการณ์ และศิลปะร่วมสมัย ให ้คงอยู่คู่
ชุมชนตลอดไป ชั่วกาลนาน
8. วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทาผ ้ามัดย ้อม
2.เพื่อให ้มีความรู้ความเข ้าใจถึงที่มาของสีที่นามาย ้อมผ ้า
3.มีเจตคติที่ดีต่อกิจกรรม รักและภูมิใจงานด ้านศิลปะ งานเพื่อสังคม
9. หลักการและทฤษฎี
หลักการสาคัญในการทาผ ้ามัดย ้อม คือ ส่วนที่ถูกมัดคือส่วนที่ไม่ต ้องการให ้ติดสี ส่วนที่เหลือหรือส่วนที่
ไม่ได ้มัดคือส่อนที่ต ้องการให ้สีติด การมัดเป็นการกันสีนั่นเอง ลักษณะของการมัดมีดังนี้
1. ความแน่นหนาของการมัด กรณีแรกมัดมากจนเกินไปจนไม่เหลือพื้นที่สีแทรกซึมเข ้าไปได ้เลย ผลที่
ได ้ก็คือได ้สีขาวของเนื้อผ ้าเดิม อาจมีสีย ้อมแทรกซึมเข ้ามาได ้เล็กน้อยอย่างนี้เกิดลายน้อย
กรณีที่สองมัดน้อยเกินไปเหลือพื้นที่ให ้สีย ้อมติดเกือบเต็มผืน อย่างนี้เกิดลายน้อยเช่นกัน ทั้งผืนมีสีย ้อม
แต่แทบไม่มีลาย
กรณีที่สามมัดเหมือนกันแต่มัดไม่แน่นอย่างนี้เท่ากับไม่ได ้มัด เพราะหากมัดไม่แน่นสีก็จะแทรกซึมผ่านเข ้า
ไปได ้ทั้งผืน
2. การใช ้อุปกรณ์ช่วยในการหนีบผ ้าแล ้วมัดเพื่อให ้เกิดความแน่น และเกิดลวดลายตามแม่แบบที่ใช ้หนีบ
ดังนั้นลายสวยเพยงใดขึ้นอยู่กับการออกแบบที่จะใช ้หนีบด ้วย
3. ความสม่าเสมอของสีย ้อม สีย ้อมที่ติดผ ้าจะสม่าเสมอได ้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร ้อนขณะนาผ ้าลงย ้อม
และการกลับผ ้าไปมาการขยาผ ้าเกือบตลอดเวลาของการย ้อมหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะแช่ผ ้าไว ้
สีที่ได ้จากธรรมชาติ
สีธรรมชาติได ้จากต ้นไม ้ได ้แก่ ราก แก่น เปลือก ต ้น ผล ดอก เมล็ด ใบ เป็นต ้น ซึ่งต ้นไม ้แต่ละ
ชนิดให ้โทนสีต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของต ้นไม ้นั้นๆ ซึ่งจะขอยกมาเป็นตัวอย่าง เป็นบางส่วน ดังนี้
- สีแดง ได ้จาก รากยอ แก่นฝาง เปลือกสมอ ครั่ง
- สีคราม ได ้จาก ต ้นคราม
- สีเหลือง ได ้จากแก่นขนุน ต ้นหม่อน ขมิ้น ดอกดาวเรือง
- สีตองอ่อน ได ้จาก เปลือกผลทับทิม ต ้นคราม ใบหูกวาง เปลือกและผล
สมอพิเภก ใบส ้มป่ อยและผงขมิ้น ใบแค ใบสับปะรดอ่อน
- สีดา ได ้จาก ผลมะเกลือ ผลกระจาก ผลและเปลือกสมอ
- สีส ้ม ได ้จาก เปลือกและรากยอ ดอกกรรณิการ์ (ส่วนที่เป็นหลอดสีส ้ม)
- สีเหลืองอมส ้ม ได ้จาก ดอกคาฝอย
- สีม่วงอ่อน ได ้จาก ลูกหว ้า
- สีชมพู ได ้จาก ต ้นฝาง
- สีน้าตาล ได ้จาก เปลือกไม ้โกงกาง เปลือกผลมังคุด
- สีเขียว ได ้จาก เปลือกต ้นมะริดไม ้ใบหูกวาง เปลือกสมอ
10. วิธีดาเนินงาน
เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ดังนี้
1. เตรียมวัตถุดิบให ้สี เช่น ใบไม ้ ดอกไม ้ เปลือกไม ้ กิ่ง ก ้านใบ แก่นใบ ผลไม ้รากไม ้ ที่ให ้
สีในโทนที่ต ้องการมาจานวนพอประมาณ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับน้า หม ้อที่ใช ้ต ้ม และจานวนผ ้าที่ต ้องการย ้อม
ด ้วย นาวัตถุดิบดังกล่าวมาหั่นเล็กๆ ขนาดพอเหมาะกับภาชนะต ้ม
2. เตาขนาดใหญ่ หรือก ้อนเส ้าที่สูงเล็กน้อยเพื่อตั้งหม ้อต ้มน้า พร ้อมกับถ่านหรือฝืนที่จะก่อไฟ
3. ผ ้าฝ้าย ขนาดตามต ้องการ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช ้
4. หนังยาง เชือกฟาง หรือ เข็มกับด ้วย เพื่อเอาไว ้มัดลวดลาย
5. ปีบ กะละมังหรือหม ้อขนาดใหญ่เพื่อเอาไว ้ต ้มสีย ้อมผ ้าจาก ธรรมชาติ
6. ถุงผ ้า หรือ ตาข่าย สาหรับใส่หรือห่อวัตถุดิบที่ให ้สี เพื่อป้องกันไม่ให ้เศษไม ้กระจายไปติดกับ
ผ ้าที่เราจะย ้อม
7. ไม ้ไผ่ผ่าซีกแบนเรียบไม ้ไอศกรีม ก ้อนหิน หรือวัตถุขนาดต่างๆ เพื่อ เอาไว ้ทาเป็นแม่แบบกด
ทับผ ้าเพื่อให ้เกิดลายตามจินตนาการ
8. เกลือ เอาใส่ในหม ้อต ้มน้าเพื่อให ้สีติดทนนานขึ้น
เตรียมตัวทำปฏิกิริยำ
ตัวทาปฏิกิริยาคือวัตถุดิบที่จะมาช่วยเพิ่มและเปลี่ยนสีสันให ้ได ้สีที่หลากหลายขึ้นจากเดิม ซึ่งแต่ละ
ตัวจะทาให ้ผ ้าที่ย ้อมเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ เช่น เข ้มขึ้น จางลง หรือเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆ แต่ก็อยู่ในโทนสีเดิม
ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสารดังกล่าว ดังนี้
1. น้าด่าง ได ้จากการนาขี้เถ ้าจากเตาไฟที่เผาไหม ้แล ้วประมาณ 1 -2 กิโลกรัม มาผสมให ้ละลาย
กับน้าประมาณ 10 - 15 ลิตร ในภาชนะ เช่น ถังน้า หรือ แกลลอน แล ้วปล่อยทิ้งไว ้ให ้ตกตะกอน ประมาณ 1
- 2 วัน หลังจากนั้นค่อยๆ เทกรองเอาน้าที่ใสๆ ที่ได ้จากการหมักขี้เถ ้า มาเป็นน้าหัวเชื้อ ซึ่งสามารถใส่ขวด
แล ้วเก็บไว ้ได ้นานเท่าไหร่ก็ได ้ น้าด่างขี้เถ ้าที่ดีจะต ้องใสและไม่มีกลิ่นเหม็น ปริมาณที่ใช ้ในแต่ละครั้ง น้า 1
ถัง ใช ้น้าด่างประมาณ ครึ่งขวดลิตร เป็นต ้น
2. น้าปูนใสได ้จากการนาปูนขาวเคี้ยวหมากขนาดเท่าหัวแม่มือมา ละลายกับน้า 1 ถัง (ประมาณ 15
- 20 ลิตร) ทิ้งไว ้ให ้ตกตะกอนรินเอาเฉพาะน้าที่ใสๆ เท่านั้น น้าปูนใสที่ดีจะใส และไม่มีกลิ่น
3. น้าสารส ้มได ้จากการนาสารส ้มที่เป็นก ้อนมาแกว่งให ้ละลายกับน้าแล ้วกรอง หรือตักเอาน้าใช ้เลย
ก็ได ้ น้าสารส ้มจะใสและไม่มีกลิ่น
4. น้าสนิม ได ้จากการนาเศษเหล็ก ตะปู หรือ สังกะสีที่เป็นสนิม นาลงไปแช่น้า ทิ้งไว ้กลางแดดเป็น
เวลาอย่างน้อย 1 เดือนหมั่นตรวจดูและเติมน้าให ้เต็มเสมอเพราะเมื่อเรานาน้าไปตั้งกลางแดดน้าจะระเหย
กลายเป็นไอ เราจึงต ้องเติมน้าอยู่เสมอ เมื่อจะใช ้ให ้กรองเอาเฉพาะน้าที่แช่เหล็กระวังเศษเหล็กจะผสมมากับ
น้า เพราะอาจจะเกิดอันตรายได ้ น้าสนิมมีสีขุ่นดา มีกลิ่นค่อนข ้าง เหม็น ปริมาณใช ้น้าสนิมครึ่งขวดลิตร ต่อ
น้า 1 ถัง (ประมาณ 15 - 20 ลิตร)
ขั้นตอนกำรเตรียมผ้ำฝ้ ำย มีดังนี้
1. นาผ ้าฝ้ายสีขาวมาตัดตามขนาดที่ต ้องการ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช ้ว่าจะทาอะไร เช่น
ผ ้าเช็ดตัว ผ ้าปูโต๊ะ ผ ้าห่ม ผ ้าปูที่นอน เป็นต ้น
2. นาไปเย็บริมให ้เรียบร ้อยเพื่อป้องกันการหลุดลุ่ยของชายผ ้า หรือนามาตัดชายผ ้าแล ้วดึงปมออก
ให ้เป็นชายเพื่อพันให ้เป็นเกลียวก็ได ้
3. นาผ ้าฝ้ายไปซักในน้าสะอาดเพื่อให ้แป้งที่ติดมากับผ ้าหลุดออกและเพื่อให ้ผ ้านุ่มและดูดสีมาก
ขึ้น
4. มัดลวดลายตามจินตนาการ
กำรทำลวดลำยผ้ำ (แบบง่ำย)
การคิด ประดิษฐ์ลายผ ้า ขึ้นอยู่กับจินตนาการและการสังเกตของแต่ละคน ซึ่งการมัดแต่ละครั้งหรือ
แต่ละคน ลายผ ้าที่ได ้จะไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถปรับปรุง หรือออกแบบให ้ใกล ้เคียง หรือ คล ้ายกันได ้
ขึ้นอยู่กับการสังเกตและพัฒนาการของแต่ละคนด ้วย ซึ่งการมัดลายแบบพื้นฐานอย่างง่ายมี 4 แบบ ดังนี้
1. การพับแล ้วมัด กล่าวคือ เป็นการพับผ ้าเป็นรูปต่างๆ แล ้วมัดด ้วยยางหรือ เชือก ผลที่ได ้จะได ้
ลวดลายที่มีลักษณะลายด ้านซ ้ายและลายด ้านขวาจะมีความใกล ้เคียงกัน แต่จะมีสีอ่อนด ้านหนึ่งและสีเข ้ม
ด ้านหนึ่ง เนื่องจากว่าหากด ้านใดโดนพับไว ้ด ้านในสีก็จะซึมเข ้าไปน้อย ผลที่ได ้ก็คือจะมีสีจางกว่านั่นเอง
2. การห่อแล ้วมัด กล่าวคือ เป็นการใช ้ผ ้าห่อวัตถุต่างๆ ไว ้แล ้วมัดด ้วยยางหรือเชือก ลายที่เกิดขึ้น
จะเป็นลายใหญ่
หรือเล็กขึ้นอยู่กับวัตถุที่นามาใช ้และลักษณะของการมัด เช่น การนาผ ้ามาห่อก ้อนหินรูปทรงแปลกๆ ที่มี
ขนาดไม่ใหญ่นัก แล ้วมัดไขว ้ไปมา โดยเว ้นจังหวะของการมัดให ้มีพื้นที่ว่างให ้สีซึมเข ้าไปได ้อย่างนี้ก็จะมี
ลายเกิดขึ้นสวยงามแตกต่างจากการมัดลักษณะวัตถุอื่นๆ ด ้วย
3. การขยาแล ้วมัด กล่าวคือ เป็นการขยาผ ้าอย่างไม่ตั้งใจแล ้วมัดด ้วยยางหรือเชือก ผลมี่ได ้จะได ้
ลวดลายแบบอิสระ เรียกว่าลายสวยแบบบังเอิญ ทาแบบนี้อีกก็ไม่ได ้ลายนี้อีกแล ้ว เนื่องจากการขยาแต่ละ
ครั้งเราไม่สามารถควบคุมการทับซ ้อนของผ ้าได ้ฉะนั้นลายที่ได ้เป็นลายที่เกิดจากความบังเอิญ จริงๆ
เปรียบเทียบเหมือนกับการที่เราเห็นก ้อนเมฆ ก ้อนเมฆแต่ละก ้อนจะมีลักษณะแตกต่างกัน และเมื่อผ่านสักครู่
ลายหรือลักษณะของก ้อนเมฆก็จะเปลี่ยนไป เราเรียกว่าลายอิสระ หรือรูปร่างรูปทรงอิสระนั่นเอง
4. พับแล ้วหนีบ กล่าวคือ เป็นการพับผ ้าเป็นรูปแบบต่างๆ แล ้วเอาไม ้ไอศกรีม หรือไม ้ไผ่ผ่าบางๆ
หนีบไว ้ทั้งสองข ้างเหมือนปิ้งปลา ต ้องมัดไม ้ให ้แน่น ภาพที่ออกมาก็จะเป็นรูปต่างๆ เช่น รูปดอกไม ้รูป
สี่เหลี่ยม เป็นต ้น
ข้อสังเกต และ ข้อควรระวัง
หลักการสาคัญในการทามัดย ้อมคือ ส่วนที่ถูกมัดคือส่วนที่ไม่ต ้องการให ้สีติด ส่วนที่เหลือหรือส่วน
ที่ไม่ได ้มัดคือส่วนที่ต ้องการให ้สีติด การมัดเป็นการกันสีไม่ให ้สีติดนั่นเอง ลักษณะที่สาคัญของการมัดมีดังนี้
1. ความแน่นของการมัด
- กรณีแรกมัดมากเกินไปจนไม่เหลือพื้นที่ให ้สีแทรกซึมเข ้าไปได ้เลย ผลที่ได ้ก็คือ ได ้สีขาวของเนื้อผ ้าเดิม
อาจมีสีย ้อม แทรกซึมเข ้ามาได ้เล็กน้อย อย่างนี้เกิดลายน้อย
- กรณีที่สองมัดน้อยเกินไป เหลือพื้นที่ให ้สีย ้อมติดเกือบเต็มผืน อย่างนี้เกิดลายน้อยเช่นกัน ทั้งผืนมีสีย ้อม
แต่แทบไม่มีลายเลย
- กรณีที่สาม มัดเหมือนกันแต่มัดไม่แน่น อย่างนี้เท่ากับ ไม่ได ้มัดเพราะหากมัดไม่แน่นสีก็จะแทรกซึมผ่าน
เข ้าไปได ้ทั่วทั้งผืน
2. การใช ้อุปกรณ์ช่วยในการหนีบผ ้าแล ้วมัด เพื่อให ้เกิด ความ แน่นและเกิดลวดลายตามแม่แบบที่
ใช ้หนีบ ดังนั้นลายสวยเพียงใดขึ้นอยู่กับการออกแบบแม่แบบที่จะใช ้หนีบด ้วย
3. ความสม่าเสมอของสีย ้อม สีย ้อมที่ติดผ ้าจะสม่าเสมอได ้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร ้อนขณะนาผ ้า
ลงย ้อม และการกลับผ ้าไปมาการขยาผ ้าเกือบตลอดเวลาของการย ้อมหนึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะแช่ผ ้า
ไว ้
ขั้นตอนกำรทำผ้ำมัดย้อมจำกสีธรรมชำติ มีดังนี้
1. ต ้มน้าให ้เดือด ในภาชนะที่ใหญ่พอประมาณ (ขึ้นอยู่กับจานวนผ ้า ที่จะย ้อมด ้วย) ใส่เกลือลงไปพร ้อมกับ
น้าเพื่อให ้สีติดทนนานและสีสดขึ้น
2. นาวัตถุดิบให ้สีที่เตรียมไว ้มาสับๆ ให ้เล็กพอประมาณ แล ้วใส่ ใน ถุงผ ้าหรือ
ตาข่ายที่เตรียมไว ้แล ้วนาเอาไปต ้มกับน้าที่เดือด เพื่อสกัดเอาสารที่มี อยู่ในนั้นออกมา ให ้
สังเกตสีที่ออกมาจากถ ้าสีเข ้มแล ้วจึง
3. นาผ ้าที่ผูกลายเสร็จลงไปในหม ้อต ้มสี ให ้กลับด ้านผ ้าหรือกวน ให ้ตลอด
เพื่อให ้สีผ ้าดูดสีสม่าเสมอกันทั้งผืน ให ้สังเกตสีที่ซึมเข ้าไปในเนื้อผ ้า ถ ้าพอใจหรือเหมาะ
สมแล ้วจึงนาออกมา วางให ้เย็นก่อน (ประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับอุณหถูมิของน้า)
4. แล ้วค่อยเอาลงล ้างขยี้เบาๆ ในน้าตัวทาปฏิกิริยาเพื่อทาให ้เกิดสีใหม่ เช่น น้าสนิม น้าสารส ้ม น้าปูน
ใส น้าด่างขี้เถ ้า (ในขณะที่แช่ผ ้าในตัวทาปฏิกิริยาแต่ละชนิดให ้สังเกตถึงความต่างและการเปลี่ยนแปลงสี
ของแต่ละชนิดไว ้ด ้วยเพราะแต่ละตัวจะให ้สีแตกต่างกัน) ถ ้าพอใจแล ้วให ้แกะลายออกแล ้วนาไปตากแดดให ้
แห ้ง หรือถ ้ายังไม่พอใจในสีที่ปรากฏให ้นาไปล ้างน้า สะอาดแล ้วนากลับไปย ้อมกับตัวทาปฏิกิริยาชนิดอื่นๆ
อีก แต่ข ้อควรระวัง คือในระหว่างที่นาผ ้าเปลี่ยนตัวทาปฏิกิริยาให ้ล ้างน้าเปล่าก่อน เพื่อไม่ให ้ผสมกัน หรือ
ถ ้าไม่พอใจอีกอาจนาไปต ้มกับน้าเปลือกไม ้อีกครั้ง เพื่อย ้อมใหม่ จนเป็นที่พอใจแล ้วแก ้ผ ้าที่มัดไว ้นาไปตาก
แดดให ้แห ้ง
11. ขั้นตอนการปฏิบัติ
ที่ เรื่อง ระยะเวลา
1 โครงงานชื่อ ผ้ามัดย้อม (ย้อมใจ) 31 กรกฎาคม 2560
2 ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล 3 สิงหาคม 2560
3 จัดทาโครงร่าง 3-4 สิงหาคม 2560
4 ปฏิบัติโครงงาน 5 สิงหาคม 2560
5 นาเสนอครั้งที่1 6 สิงหาคม 2560
6 นาเสนอครั้งที่2 7 สิงหาคม 2560
7 ปรับปรุงโครงงาน 8 สิงหาคม 2560
8 จัดทาเอกสาร 9 สิงหาคม 2560
9 ประเมินผล 10 สิงหาคม 2560
10 นาเสนอผ่านบล็อก 14 กันยายน 2560
12. ผลที่คาดว่าจะได ้รับ
1. สามารถรู้วิธีการผลิตผ ้ามัดย ้อม
2. สามารถนาไปผลิตเองและประกอบอาชีพได ้
3. สามารถได ้รู้เกี่ยวกับการผสมสี เพื่อมาทาผ ้ามัดย ้อม
4. สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ให ้ประชาชนได ้รู้เกี่ยวกับผ ้ามัดย ้อม
5. สามารถนามาเป็นสินค ้า OTOP ภายในหมูบ ้านหรือภายในจังหวัดได ้
13. เอกสารอ ้างอิง
เอกสารอ ้างอิง
- หนังสือ นครศรีธรรมราช
ที่มา : สานักวิทยบริการ สถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช
- http://www.learners.in.th/blogs/posts/413574

More Related Content

What's hot

ปกรายงาน
ปกรายงานปกรายงาน
ปกรายงานJane Janjira
 
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบโครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบLorpiyanon Krittaya
 
สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์
สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์
สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์Beerza Kub
 
โครงงานคัดแยกขยะ
โครงงานคัดแยกขยะโครงงานคัดแยกขยะ
โครงงานคัดแยกขยะPang Pond
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...ssuser858855
 
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าจริงใจ รักจริง
 
ปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสียปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสียพัน พัน
 
๊Unseen in Banrai's Plant
๊Unseen in Banrai's Plant๊Unseen in Banrai's Plant
๊Unseen in Banrai's PlantBus Blue Lotus
 
โครงงาน เพาว์เวอร์พอย
โครงงาน เพาว์เวอร์พอยโครงงาน เพาว์เวอร์พอย
โครงงาน เพาว์เวอร์พอยNick Nook
 
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียนโครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียนyudohappyday
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสงPinutchaya Nakchumroon
 
คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์
คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์
คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์พัน พัน
 
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3Servamp Ash
 
โครงงานกระดาษสา
โครงงานกระดาษสาโครงงานกระดาษสา
โครงงานกระดาษสาNattarika Wonkumdang
 
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดพัน พัน
 

What's hot (20)

ปกรายงาน
ปกรายงานปกรายงาน
ปกรายงาน
 
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบโครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
 
สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์
สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์
สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์
 
โครงงานคัดแยกขยะ
โครงงานคัดแยกขยะโครงงานคัดแยกขยะ
โครงงานคัดแยกขยะ
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
 
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ขยะหอมไล่แมลง
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ขยะหอมไล่แมลงโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ขยะหอมไล่แมลง
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ขยะหอมไล่แมลง
 
ปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสียปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสีย
 
โครงงานวิทยาศาสตร์
โครงงานวิทยาศาสตร์โครงงานวิทยาศาสตร์
โครงงานวิทยาศาสตร์
 
๊Unseen in Banrai's Plant
๊Unseen in Banrai's Plant๊Unseen in Banrai's Plant
๊Unseen in Banrai's Plant
 
โครงงาน เพาว์เวอร์พอย
โครงงาน เพาว์เวอร์พอยโครงงาน เพาว์เวอร์พอย
โครงงาน เพาว์เวอร์พอย
 
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียนโครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
 
คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์
คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์
คำศัพท์ทางทัศนศิลป์สำหรับใช้บรรยายผลงานทางทัศนศิลป์
 
บทที่ 4.ผลการดำเนินงาน
บทที่ 4.ผลการดำเนินงานบทที่ 4.ผลการดำเนินงาน
บทที่ 4.ผลการดำเนินงาน
 
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
 
โครงงานกระดาษสา
โครงงานกระดาษสาโครงงานกระดาษสา
โครงงานกระดาษสา
 
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มดโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด
 

Similar to โครงร่างผ้ามัดย้อม

โครงงานคอม 54
โครงงานคอม 54โครงงานคอม 54
โครงงานคอม 54pattarawarin
 
Projectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom'sProjectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom'sTheyok Tanya
 
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1Tewit Chotchang
 
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1Tewit Chotchang
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Fernimagine
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้Beaubeau Reedus
 
สวนสวยหวาน
สวนสวยหวานสวนสวยหวาน
สวนสวยหวานBenjawan Punkum
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korTheyok Tanya
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยsakuntra
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยsakuntra
 
โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1Lift Ohm'
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยsakuntra
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยsakuntra
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยsakuntra
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยsakuntra
 
โครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าวโครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าวsakuntra
 
ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11Mint Zy
 

Similar to โครงร่างผ้ามัดย้อม (20)

File
FileFile
File
 
โครงงานคอม 54
โครงงานคอม 54โครงงานคอม 54
โครงงานคอม 54
 
Projectm6 2-2556
Projectm6 2-2556Projectm6 2-2556
Projectm6 2-2556
 
Projectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom'sProjectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom's
 
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
 
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องน้ำหมักผลไม้
 
สวนสวยหวาน
สวนสวยหวานสวนสวยหวาน
สวนสวยหวาน
 
at1
at1at1
at1
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 kor
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทย
 
รายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทยรายงานมะพร้าวไทย
รายงานมะพร้าวไทย
 
โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
มะพร้าวไทย
มะพร้าวไทยมะพร้าวไทย
มะพร้าวไทย
 
โครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าวโครงงาน เรื่อง มะพร้าว
โครงงาน เรื่อง มะพร้าว
 
ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11ใบงานที่ 11
ใบงานที่ 11
 

More from supansa phuprasong

อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์supansa phuprasong
 
อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์supansa phuprasong
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์supansa phuprasong
 
ความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศ
ความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศ
ความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศsupansa phuprasong
 
ขอบข่ายการเรียนรู้
ขอบข่ายการเรียนรู้ขอบข่ายการเรียนรู้
ขอบข่ายการเรียนรู้supansa phuprasong
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์supansa phuprasong
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์supansa phuprasong
 

More from supansa phuprasong (7)

อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์
 
อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศ
ความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศ
ความหมายและความสำคัญของระบบสารสนเทศ
 
ขอบข่ายการเรียนรู้
ขอบข่ายการเรียนรู้ขอบข่ายการเรียนรู้
ขอบข่ายการเรียนรู้
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องเปลือกไข่สารพัดประโยชน์
 

โครงร่างผ้ามัดย้อม

  • 1. แบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ 1. ชื่อโครงงาน ผ ้ามัดย ้อม (ย ้อมใจ) 2. ประเภทโครงงาน พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา 3. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน 1) นางสาวกฤตติกา เพาะปลูก เลขที่ 41 ม.6/1 2) นางสาวสุพรรณษา ภู่ประสงค์ เลขที่ 42 ม.6/1 3) นางสาวกัญญาณัฐ เกตุกาพู เลขที่ 44 ม.6/1 4) นางสาวปานตะวัน บุญให ้เลขที่ 45 ม.6/1 5) นางสาวธันยพัฒน์ ยมพงษ์ เลขที่ 47 ม.6/1 6) นางสาวพิมพ์ลภัส บ ้านกลาง เลขที่ 48 ม.6/1 4. ครูที่ปรึกษาโครงงาน มิสเขมจิรา ปลงไสว 5. ครูที่ปรึกษาร่วม มิสชมัยพร สินธุประเสริฐ 6. ระยะเวลาดาเนินงาน 3 เดือน 7. แนวคิด ที่มา และความสาคัญ องค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปะการนาผ ้ามาย ้อมด ้วยสีที่ได ้จากธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งแปลก หรือพึ่งจะค ้นพบ นวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด แต่ความรู้ภูมิปัญญาดังกล่าวได ้ถูกค ้นพบ ปฏิบัติและถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ สมัยพุทธกาล ดังจะเห็นได ้ว่า พระพุทธเจ ้าพร ้อมสาวกทั้งหลายก็ใช ้ผ ้าบังสุกุลสีขาวที่ใช ้สาหรับห่อศพมาซัก แล ้วก็ย ้อมด ้วยสีธรรมชาติเพื่อเป็นผ ้าจีวรนุ่งห่มเหมือนกัน ดังนั้น ผู้เขียนเห็นว่าภูมิปัญญาการเอาผ ้าแล ้วมา ย ้อมด ้วยสีธรรมชาติไม่ใช่ภูมิปัญญาชาวของบ ้านธรรมดาๆ แต่เป็นภูมิปัญญาที่มาจากแนวคิดของ พระพุทธเจ ้า ซึ่งการเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าวเหมือนกับเราได ้เรียนรู้และปฏิบัติธรรมะไปด ้วย เช่น เราจะได ้สมาธิจากการดึงปมชายผ ้า หรือการพึงพาธรรมชาติและพึ่งพาตัวเอง หรือการไม่ตามกระแสของ สังคมที่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่ มเฟือยเกินความจาเป็น การทาผ ้ามัดย ้อมใช ้เอง เป็นความภาคภูมิใจของคนทาและคนที่จะสวมใส่ ด ้วย เพราะผลงานชิ้น ดังกล่าวเป็นศิลปะหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน(รับรองได ้) โดยมีเราเป็นศิลปินเอก ที่ สาคัญสีที่ได ้จากธรรมชาติจะมีคุณสมบัติในการรักษาโรคภัยไข ้เจ็บไปในตัวด ้วย เช่น ผ ้าย ้อมคราม ย ้อมฝาง แดง เป็นต ้น แต่ในปัจจุบันศิลปะดังกล่าวกาลังลดหายไปจากสังคม และถูกมองอย่างไร ้คุณค่า เพราะว่ากระแสแฟชั่น สมัยใหม่มาแรง แซงตลอด หาซื้อได ้ง่าย และตอบสนองความต ้องการได ้อย่างรวดเร็ว ทันใจ ในทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น กิจกรรมดังกล่าวยังรอพวกเราเหล่าศิลปินที่จะสืบสานอุดมการณ์ และศิลปะร่วมสมัย ให ้คงอยู่คู่ ชุมชนตลอดไป ชั่วกาลนาน
  • 2. 8. วัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทาผ ้ามัดย ้อม 2.เพื่อให ้มีความรู้ความเข ้าใจถึงที่มาของสีที่นามาย ้อมผ ้า 3.มีเจตคติที่ดีต่อกิจกรรม รักและภูมิใจงานด ้านศิลปะ งานเพื่อสังคม 9. หลักการและทฤษฎี หลักการสาคัญในการทาผ ้ามัดย ้อม คือ ส่วนที่ถูกมัดคือส่วนที่ไม่ต ้องการให ้ติดสี ส่วนที่เหลือหรือส่วนที่ ไม่ได ้มัดคือส่อนที่ต ้องการให ้สีติด การมัดเป็นการกันสีนั่นเอง ลักษณะของการมัดมีดังนี้ 1. ความแน่นหนาของการมัด กรณีแรกมัดมากจนเกินไปจนไม่เหลือพื้นที่สีแทรกซึมเข ้าไปได ้เลย ผลที่ ได ้ก็คือได ้สีขาวของเนื้อผ ้าเดิม อาจมีสีย ้อมแทรกซึมเข ้ามาได ้เล็กน้อยอย่างนี้เกิดลายน้อย กรณีที่สองมัดน้อยเกินไปเหลือพื้นที่ให ้สีย ้อมติดเกือบเต็มผืน อย่างนี้เกิดลายน้อยเช่นกัน ทั้งผืนมีสีย ้อม แต่แทบไม่มีลาย กรณีที่สามมัดเหมือนกันแต่มัดไม่แน่นอย่างนี้เท่ากับไม่ได ้มัด เพราะหากมัดไม่แน่นสีก็จะแทรกซึมผ่านเข ้า ไปได ้ทั้งผืน 2. การใช ้อุปกรณ์ช่วยในการหนีบผ ้าแล ้วมัดเพื่อให ้เกิดความแน่น และเกิดลวดลายตามแม่แบบที่ใช ้หนีบ ดังนั้นลายสวยเพยงใดขึ้นอยู่กับการออกแบบที่จะใช ้หนีบด ้วย 3. ความสม่าเสมอของสีย ้อม สีย ้อมที่ติดผ ้าจะสม่าเสมอได ้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร ้อนขณะนาผ ้าลงย ้อม และการกลับผ ้าไปมาการขยาผ ้าเกือบตลอดเวลาของการย ้อมหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะแช่ผ ้าไว ้ สีที่ได ้จากธรรมชาติ สีธรรมชาติได ้จากต ้นไม ้ได ้แก่ ราก แก่น เปลือก ต ้น ผล ดอก เมล็ด ใบ เป็นต ้น ซึ่งต ้นไม ้แต่ละ ชนิดให ้โทนสีต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของต ้นไม ้นั้นๆ ซึ่งจะขอยกมาเป็นตัวอย่าง เป็นบางส่วน ดังนี้ - สีแดง ได ้จาก รากยอ แก่นฝาง เปลือกสมอ ครั่ง - สีคราม ได ้จาก ต ้นคราม - สีเหลือง ได ้จากแก่นขนุน ต ้นหม่อน ขมิ้น ดอกดาวเรือง - สีตองอ่อน ได ้จาก เปลือกผลทับทิม ต ้นคราม ใบหูกวาง เปลือกและผล สมอพิเภก ใบส ้มป่ อยและผงขมิ้น ใบแค ใบสับปะรดอ่อน - สีดา ได ้จาก ผลมะเกลือ ผลกระจาก ผลและเปลือกสมอ - สีส ้ม ได ้จาก เปลือกและรากยอ ดอกกรรณิการ์ (ส่วนที่เป็นหลอดสีส ้ม) - สีเหลืองอมส ้ม ได ้จาก ดอกคาฝอย
  • 3. - สีม่วงอ่อน ได ้จาก ลูกหว ้า - สีชมพู ได ้จาก ต ้นฝาง - สีน้าตาล ได ้จาก เปลือกไม ้โกงกาง เปลือกผลมังคุด - สีเขียว ได ้จาก เปลือกต ้นมะริดไม ้ใบหูกวาง เปลือกสมอ 10. วิธีดาเนินงาน เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ดังนี้ 1. เตรียมวัตถุดิบให ้สี เช่น ใบไม ้ ดอกไม ้ เปลือกไม ้ กิ่ง ก ้านใบ แก่นใบ ผลไม ้รากไม ้ ที่ให ้ สีในโทนที่ต ้องการมาจานวนพอประมาณ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับน้า หม ้อที่ใช ้ต ้ม และจานวนผ ้าที่ต ้องการย ้อม ด ้วย นาวัตถุดิบดังกล่าวมาหั่นเล็กๆ ขนาดพอเหมาะกับภาชนะต ้ม 2. เตาขนาดใหญ่ หรือก ้อนเส ้าที่สูงเล็กน้อยเพื่อตั้งหม ้อต ้มน้า พร ้อมกับถ่านหรือฝืนที่จะก่อไฟ 3. ผ ้าฝ้าย ขนาดตามต ้องการ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช ้ 4. หนังยาง เชือกฟาง หรือ เข็มกับด ้วย เพื่อเอาไว ้มัดลวดลาย 5. ปีบ กะละมังหรือหม ้อขนาดใหญ่เพื่อเอาไว ้ต ้มสีย ้อมผ ้าจาก ธรรมชาติ 6. ถุงผ ้า หรือ ตาข่าย สาหรับใส่หรือห่อวัตถุดิบที่ให ้สี เพื่อป้องกันไม่ให ้เศษไม ้กระจายไปติดกับ ผ ้าที่เราจะย ้อม 7. ไม ้ไผ่ผ่าซีกแบนเรียบไม ้ไอศกรีม ก ้อนหิน หรือวัตถุขนาดต่างๆ เพื่อ เอาไว ้ทาเป็นแม่แบบกด ทับผ ้าเพื่อให ้เกิดลายตามจินตนาการ 8. เกลือ เอาใส่ในหม ้อต ้มน้าเพื่อให ้สีติดทนนานขึ้น เตรียมตัวทำปฏิกิริยำ ตัวทาปฏิกิริยาคือวัตถุดิบที่จะมาช่วยเพิ่มและเปลี่ยนสีสันให ้ได ้สีที่หลากหลายขึ้นจากเดิม ซึ่งแต่ละ ตัวจะทาให ้ผ ้าที่ย ้อมเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ เช่น เข ้มขึ้น จางลง หรือเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆ แต่ก็อยู่ในโทนสีเดิม ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสารดังกล่าว ดังนี้ 1. น้าด่าง ได ้จากการนาขี้เถ ้าจากเตาไฟที่เผาไหม ้แล ้วประมาณ 1 -2 กิโลกรัม มาผสมให ้ละลาย กับน้าประมาณ 10 - 15 ลิตร ในภาชนะ เช่น ถังน้า หรือ แกลลอน แล ้วปล่อยทิ้งไว ้ให ้ตกตะกอน ประมาณ 1 - 2 วัน หลังจากนั้นค่อยๆ เทกรองเอาน้าที่ใสๆ ที่ได ้จากการหมักขี้เถ ้า มาเป็นน้าหัวเชื้อ ซึ่งสามารถใส่ขวด แล ้วเก็บไว ้ได ้นานเท่าไหร่ก็ได ้ น้าด่างขี้เถ ้าที่ดีจะต ้องใสและไม่มีกลิ่นเหม็น ปริมาณที่ใช ้ในแต่ละครั้ง น้า 1 ถัง ใช ้น้าด่างประมาณ ครึ่งขวดลิตร เป็นต ้น 2. น้าปูนใสได ้จากการนาปูนขาวเคี้ยวหมากขนาดเท่าหัวแม่มือมา ละลายกับน้า 1 ถัง (ประมาณ 15 - 20 ลิตร) ทิ้งไว ้ให ้ตกตะกอนรินเอาเฉพาะน้าที่ใสๆ เท่านั้น น้าปูนใสที่ดีจะใส และไม่มีกลิ่น
  • 4. 3. น้าสารส ้มได ้จากการนาสารส ้มที่เป็นก ้อนมาแกว่งให ้ละลายกับน้าแล ้วกรอง หรือตักเอาน้าใช ้เลย ก็ได ้ น้าสารส ้มจะใสและไม่มีกลิ่น 4. น้าสนิม ได ้จากการนาเศษเหล็ก ตะปู หรือ สังกะสีที่เป็นสนิม นาลงไปแช่น้า ทิ้งไว ้กลางแดดเป็น เวลาอย่างน้อย 1 เดือนหมั่นตรวจดูและเติมน้าให ้เต็มเสมอเพราะเมื่อเรานาน้าไปตั้งกลางแดดน้าจะระเหย กลายเป็นไอ เราจึงต ้องเติมน้าอยู่เสมอ เมื่อจะใช ้ให ้กรองเอาเฉพาะน้าที่แช่เหล็กระวังเศษเหล็กจะผสมมากับ น้า เพราะอาจจะเกิดอันตรายได ้ น้าสนิมมีสีขุ่นดา มีกลิ่นค่อนข ้าง เหม็น ปริมาณใช ้น้าสนิมครึ่งขวดลิตร ต่อ น้า 1 ถัง (ประมาณ 15 - 20 ลิตร) ขั้นตอนกำรเตรียมผ้ำฝ้ ำย มีดังนี้ 1. นาผ ้าฝ้ายสีขาวมาตัดตามขนาดที่ต ้องการ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช ้ว่าจะทาอะไร เช่น ผ ้าเช็ดตัว ผ ้าปูโต๊ะ ผ ้าห่ม ผ ้าปูที่นอน เป็นต ้น 2. นาไปเย็บริมให ้เรียบร ้อยเพื่อป้องกันการหลุดลุ่ยของชายผ ้า หรือนามาตัดชายผ ้าแล ้วดึงปมออก ให ้เป็นชายเพื่อพันให ้เป็นเกลียวก็ได ้ 3. นาผ ้าฝ้ายไปซักในน้าสะอาดเพื่อให ้แป้งที่ติดมากับผ ้าหลุดออกและเพื่อให ้ผ ้านุ่มและดูดสีมาก ขึ้น 4. มัดลวดลายตามจินตนาการ กำรทำลวดลำยผ้ำ (แบบง่ำย) การคิด ประดิษฐ์ลายผ ้า ขึ้นอยู่กับจินตนาการและการสังเกตของแต่ละคน ซึ่งการมัดแต่ละครั้งหรือ แต่ละคน ลายผ ้าที่ได ้จะไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถปรับปรุง หรือออกแบบให ้ใกล ้เคียง หรือ คล ้ายกันได ้ ขึ้นอยู่กับการสังเกตและพัฒนาการของแต่ละคนด ้วย ซึ่งการมัดลายแบบพื้นฐานอย่างง่ายมี 4 แบบ ดังนี้ 1. การพับแล ้วมัด กล่าวคือ เป็นการพับผ ้าเป็นรูปต่างๆ แล ้วมัดด ้วยยางหรือ เชือก ผลที่ได ้จะได ้ ลวดลายที่มีลักษณะลายด ้านซ ้ายและลายด ้านขวาจะมีความใกล ้เคียงกัน แต่จะมีสีอ่อนด ้านหนึ่งและสีเข ้ม ด ้านหนึ่ง เนื่องจากว่าหากด ้านใดโดนพับไว ้ด ้านในสีก็จะซึมเข ้าไปน้อย ผลที่ได ้ก็คือจะมีสีจางกว่านั่นเอง 2. การห่อแล ้วมัด กล่าวคือ เป็นการใช ้ผ ้าห่อวัตถุต่างๆ ไว ้แล ้วมัดด ้วยยางหรือเชือก ลายที่เกิดขึ้น จะเป็นลายใหญ่ หรือเล็กขึ้นอยู่กับวัตถุที่นามาใช ้และลักษณะของการมัด เช่น การนาผ ้ามาห่อก ้อนหินรูปทรงแปลกๆ ที่มี ขนาดไม่ใหญ่นัก แล ้วมัดไขว ้ไปมา โดยเว ้นจังหวะของการมัดให ้มีพื้นที่ว่างให ้สีซึมเข ้าไปได ้อย่างนี้ก็จะมี ลายเกิดขึ้นสวยงามแตกต่างจากการมัดลักษณะวัตถุอื่นๆ ด ้วย 3. การขยาแล ้วมัด กล่าวคือ เป็นการขยาผ ้าอย่างไม่ตั้งใจแล ้วมัดด ้วยยางหรือเชือก ผลมี่ได ้จะได ้ ลวดลายแบบอิสระ เรียกว่าลายสวยแบบบังเอิญ ทาแบบนี้อีกก็ไม่ได ้ลายนี้อีกแล ้ว เนื่องจากการขยาแต่ละ ครั้งเราไม่สามารถควบคุมการทับซ ้อนของผ ้าได ้ฉะนั้นลายที่ได ้เป็นลายที่เกิดจากความบังเอิญ จริงๆ เปรียบเทียบเหมือนกับการที่เราเห็นก ้อนเมฆ ก ้อนเมฆแต่ละก ้อนจะมีลักษณะแตกต่างกัน และเมื่อผ่านสักครู่ ลายหรือลักษณะของก ้อนเมฆก็จะเปลี่ยนไป เราเรียกว่าลายอิสระ หรือรูปร่างรูปทรงอิสระนั่นเอง 4. พับแล ้วหนีบ กล่าวคือ เป็นการพับผ ้าเป็นรูปแบบต่างๆ แล ้วเอาไม ้ไอศกรีม หรือไม ้ไผ่ผ่าบางๆ หนีบไว ้ทั้งสองข ้างเหมือนปิ้งปลา ต ้องมัดไม ้ให ้แน่น ภาพที่ออกมาก็จะเป็นรูปต่างๆ เช่น รูปดอกไม ้รูป สี่เหลี่ยม เป็นต ้น
  • 5. ข้อสังเกต และ ข้อควรระวัง หลักการสาคัญในการทามัดย ้อมคือ ส่วนที่ถูกมัดคือส่วนที่ไม่ต ้องการให ้สีติด ส่วนที่เหลือหรือส่วน ที่ไม่ได ้มัดคือส่วนที่ต ้องการให ้สีติด การมัดเป็นการกันสีไม่ให ้สีติดนั่นเอง ลักษณะที่สาคัญของการมัดมีดังนี้ 1. ความแน่นของการมัด - กรณีแรกมัดมากเกินไปจนไม่เหลือพื้นที่ให ้สีแทรกซึมเข ้าไปได ้เลย ผลที่ได ้ก็คือ ได ้สีขาวของเนื้อผ ้าเดิม อาจมีสีย ้อม แทรกซึมเข ้ามาได ้เล็กน้อย อย่างนี้เกิดลายน้อย - กรณีที่สองมัดน้อยเกินไป เหลือพื้นที่ให ้สีย ้อมติดเกือบเต็มผืน อย่างนี้เกิดลายน้อยเช่นกัน ทั้งผืนมีสีย ้อม แต่แทบไม่มีลายเลย - กรณีที่สาม มัดเหมือนกันแต่มัดไม่แน่น อย่างนี้เท่ากับ ไม่ได ้มัดเพราะหากมัดไม่แน่นสีก็จะแทรกซึมผ่าน เข ้าไปได ้ทั่วทั้งผืน 2. การใช ้อุปกรณ์ช่วยในการหนีบผ ้าแล ้วมัด เพื่อให ้เกิด ความ แน่นและเกิดลวดลายตามแม่แบบที่ ใช ้หนีบ ดังนั้นลายสวยเพียงใดขึ้นอยู่กับการออกแบบแม่แบบที่จะใช ้หนีบด ้วย 3. ความสม่าเสมอของสีย ้อม สีย ้อมที่ติดผ ้าจะสม่าเสมอได ้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร ้อนขณะนาผ ้า ลงย ้อม และการกลับผ ้าไปมาการขยาผ ้าเกือบตลอดเวลาของการย ้อมหนึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะแช่ผ ้า ไว ้ ขั้นตอนกำรทำผ้ำมัดย้อมจำกสีธรรมชำติ มีดังนี้ 1. ต ้มน้าให ้เดือด ในภาชนะที่ใหญ่พอประมาณ (ขึ้นอยู่กับจานวนผ ้า ที่จะย ้อมด ้วย) ใส่เกลือลงไปพร ้อมกับ น้าเพื่อให ้สีติดทนนานและสีสดขึ้น 2. นาวัตถุดิบให ้สีที่เตรียมไว ้มาสับๆ ให ้เล็กพอประมาณ แล ้วใส่ ใน ถุงผ ้าหรือ ตาข่ายที่เตรียมไว ้แล ้วนาเอาไปต ้มกับน้าที่เดือด เพื่อสกัดเอาสารที่มี อยู่ในนั้นออกมา ให ้ สังเกตสีที่ออกมาจากถ ้าสีเข ้มแล ้วจึง 3. นาผ ้าที่ผูกลายเสร็จลงไปในหม ้อต ้มสี ให ้กลับด ้านผ ้าหรือกวน ให ้ตลอด เพื่อให ้สีผ ้าดูดสีสม่าเสมอกันทั้งผืน ให ้สังเกตสีที่ซึมเข ้าไปในเนื้อผ ้า ถ ้าพอใจหรือเหมาะ สมแล ้วจึงนาออกมา วางให ้เย็นก่อน (ประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับอุณหถูมิของน้า) 4. แล ้วค่อยเอาลงล ้างขยี้เบาๆ ในน้าตัวทาปฏิกิริยาเพื่อทาให ้เกิดสีใหม่ เช่น น้าสนิม น้าสารส ้ม น้าปูน ใส น้าด่างขี้เถ ้า (ในขณะที่แช่ผ ้าในตัวทาปฏิกิริยาแต่ละชนิดให ้สังเกตถึงความต่างและการเปลี่ยนแปลงสี ของแต่ละชนิดไว ้ด ้วยเพราะแต่ละตัวจะให ้สีแตกต่างกัน) ถ ้าพอใจแล ้วให ้แกะลายออกแล ้วนาไปตากแดดให ้ แห ้ง หรือถ ้ายังไม่พอใจในสีที่ปรากฏให ้นาไปล ้างน้า สะอาดแล ้วนากลับไปย ้อมกับตัวทาปฏิกิริยาชนิดอื่นๆ อีก แต่ข ้อควรระวัง คือในระหว่างที่นาผ ้าเปลี่ยนตัวทาปฏิกิริยาให ้ล ้างน้าเปล่าก่อน เพื่อไม่ให ้ผสมกัน หรือ ถ ้าไม่พอใจอีกอาจนาไปต ้มกับน้าเปลือกไม ้อีกครั้ง เพื่อย ้อมใหม่ จนเป็นที่พอใจแล ้วแก ้ผ ้าที่มัดไว ้นาไปตาก แดดให ้แห ้ง
  • 6. 11. ขั้นตอนการปฏิบัติ ที่ เรื่อง ระยะเวลา 1 โครงงานชื่อ ผ้ามัดย้อม (ย้อมใจ) 31 กรกฎาคม 2560 2 ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล 3 สิงหาคม 2560 3 จัดทาโครงร่าง 3-4 สิงหาคม 2560 4 ปฏิบัติโครงงาน 5 สิงหาคม 2560 5 นาเสนอครั้งที่1 6 สิงหาคม 2560 6 นาเสนอครั้งที่2 7 สิงหาคม 2560 7 ปรับปรุงโครงงาน 8 สิงหาคม 2560 8 จัดทาเอกสาร 9 สิงหาคม 2560 9 ประเมินผล 10 สิงหาคม 2560 10 นาเสนอผ่านบล็อก 14 กันยายน 2560 12. ผลที่คาดว่าจะได ้รับ 1. สามารถรู้วิธีการผลิตผ ้ามัดย ้อม 2. สามารถนาไปผลิตเองและประกอบอาชีพได ้ 3. สามารถได ้รู้เกี่ยวกับการผสมสี เพื่อมาทาผ ้ามัดย ้อม 4. สามารถนาความรู้ไปเผยแพร่ให ้ประชาชนได ้รู้เกี่ยวกับผ ้ามัดย ้อม 5. สามารถนามาเป็นสินค ้า OTOP ภายในหมูบ ้านหรือภายในจังหวัดได ้ 13. เอกสารอ ้างอิง เอกสารอ ้างอิง - หนังสือ นครศรีธรรมราช ที่มา : สานักวิทยบริการ สถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช - http://www.learners.in.th/blogs/posts/413574