หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 งานประดิษฐ์

1. หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
งานประดิษฐ์

2. สาระการเรียนรู้
ความหมายของงานประดิษฐ์
ประโยชน์ของงานประดิษฐ์
ลักษณะของงานประดิษฐ์
ประเภทของงานประดิษฐ์
วัสดุและอุปกรณ์
ที่ใช้ในงานประดิษฐ์
การเลือกใช้และ
การบารุงรักษาอุปกรณ์

3. ความหมายของงานประดิษฐ์
ประดิษฐ์ แปลว่า คิดทาขึ้น
งานประดิษฐ์ จึงหมายถึง การนาเอาวัสดุ
ต่างๆ มาทาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อ
ประโยชน์ใช้สอยด้านต่างๆ เช่น
เป็นของเล่น ของใช้ หรือเพื่อความ
สวยงาม

4. ประโยชน์ของงานประดิษฐ์
1. เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2. มีความภาคภูมิใจในผลงานของตน
3. มีรายได้จากผลงาน
4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ
5. เป็นการฝึกให้รู้จักสังเกตสิ่งรอบ ๆ ตัว และนามาใช้ให้เกิดประโยชน์

5. ลักษณะของงานประดิษฐ์
แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1) งานประดิษฐ์ทั่วไป เป็นงานที่บุคคลสร้างขึ้นมาจากความคิดของ
ตนเอง โดยอาศัย การเรียนรู้ จากสิ่งรอบๆตัว นามาดัดแปลง หรือเรียนรู้
จากตารา เช่น การประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสดุ การประดิษฐ์ดอกไม้
2) งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
เป็นงานที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษใน
ครอบครัวหรือในท้องถิ่น หรือทาขึ้นเพื่อใช้ใน
งาน หรือเทศกาลเฉพาะอย่าง เช่น
มาลัย บายศรี งานแกะสลัก

6. ประเภทของงานประดิษฐ์
งานประดิษฐ์ต่าง ๆ สามารถเลือกทาได้ตามความต้องการ และประโยชน์
ใช้สอย ซึ่งอาจแบ่งประเภทของงานประดิษฐ์ตามโอกาสใช้สอย ดังนี้
1) ประเภทที่ใช้เป็นของเล่น
2) ประเภทของใช้
3) ประเภทงานตกแต่ง
4) ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี

7. ประเภทที่ใช้เป็นของเล่น
เป็นของเล่นที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวทาให้ลูกหลาน เล่นเพื่อ
ความ เพลิดเพลิน เช่น งานปั้นดินเป็นสัตว์ สิ่งของ งานจักสานใบ
ลานเป็นโมบาย งานพับกระดาษ

8. ประเภทของใช้
ทาขึ้นเพื่อเป็นของใช้ในชีวิตประจาวัน การสานกระบุง ตะกร้า
การทาเครื่องใช้จากดินเผา จากผ้าและเศษวัสดุ

9. ประเภทงานตกแต่ง
ใช้ตกแต่งสถานที่ บ้านเรือนให้สวยงาม เช่น งานแกะสลักไม้
การทากรอบรูป ดอกไม้ประดิษฐ์

10. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี
ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในงานเทศกาล หรือประเพณีต่างๆ เช่น
การทากระทงลอย ทาพานพุ่ม มาลัย บายศรี

11. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานประดิษฐ์
การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ชิ้นงาน ต้องเลือกให้
เหมาะสมจึงจะได้งานออกมา มีคุณภาพ สวยงาม รวมทั้งต้องดูแล
รักษาอุปกรณ์เครื่องใช้เหล่านี้ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตลอดเวลา
แบ่งประเภทออกได้ดังนี้
1. ประเภทของเล่น
2. ประเภทของใช้
3. ประเภทของตกแต่ง
4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี

12. ประเภทของเล่น
- วัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ใบลาน ผ้า เชือก พลาสติก กระป๋ อง
- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กรรไกร เข็ม ด้าย กาว มีด ตะปู ค้อน
แปรงทาสี

13. ประเภทของใช้
- วัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ ดิน ผ้า
- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เลื่อย สี จักรเย็บผ้า กรรไกร เครื่องขัด เจาะ

14. ประเภทของตกแต่ง
- วัสดุที่ใช้เช่น เปลือกหอย ผ้า กระจก กระดาษ ดินเผา
- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เลื่อย ค้อน มีด กรรไกร สี แปรงทาสี เครื่องตอก

15. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี
- วัสดุที่ใช้ เช่น ใบตอง ดอกไม้สด ใบเตย ผ้า ริบบิ้น
- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เข็มเย็บผ้า เข็มร้อยมาลัย คีม ค้อน เข็มหมุด

16. การเลือกใช้และการบารุงรักษาอุปกรณ์
1. ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภทของวัสดุและอุปกรณ์
2. ควรศึกษาวิธีการใช้ก่อนลงมือใช้
3. เมื่อใช้แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
4. ซ่อมแซมเครื่องมือที่ชารุดให้พร้อมใช้เสมอ

17. ใบงานที่ 3.1
คาชี้แจง ให้นักเรียนตอบคาถามต่อไปนี้
1. ความแตกต่างของชิ้นงานปั้นในสมัยโบราณกับปัจจุบัน มีความแตกต่างกัน
อย่างไรบ้าง
2. อุปกรณ์ที่ใช้ในงานประดิษฐ์มีอะไรบ้าง มีวิธีการใช้อย่างไร
3. ข้อปฏิบัติหลังจากใช้อุปกรณ์ทุกครั้ง ควรทาอย่างไร
4. การประดิษฐ์ชิ้นงานด้วยตนเอง มีข้อดีอย่างไร
เขียนลงในสมุด