More Related Content Similar to Work1m32no 34 40
Similar to Work1m32no 34 40 (20) More from Thanakit Yean (10) Work1m32no 34 403. 1.ความหมายของการนาเสนอข้อมูล
การ นาเสนอข้อมูล หมายถึง การสื่อสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือ ความต้องการไปสู่ผู้รับสาร โดย
ใช้เทคนิคหรือวิธีการต่างๆ อันจะทาให้บรรลุผลสาเร็จตามจุดมุ่งหมายของการนาเสนอ
2.ความสาคัญของการนาเสนอ
ใน ปัจจุบันนี้การนาเสนอเข้ามามีบทบาทสาคัญในองค์กรทางธุรกิจ ทางการเมือง ทางการศึกษา หรือแม้แต่
หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ก็ต้องอาศัยวิธีการนาเสนอเพื่อสื่อสารข้อมูล เสนอความเห็น เสนอขออนุมัติ หรือเสนอข้อ
สรุปผลการดาเนินงานต่างๆ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ การแนะนาเพื่อการเยี่ยมชม การฝึกอบรม การ
ประชุม หรือผู้ที่เป็นหัวหน้างานทุกระดับจะต้องรู้จักวิธีการนาเสนอ เพื่อนาไปใช้ให้เหมาะสมกับงานต่างๆ และเพื่อ
ผลสาเร็จของการพัฒนางานของตน หรือขององค์กรและหน่วยงานต่างๆ กล่าวโดยสรุป การนาเสนอมีความสาคัญ
ต่อการปฏิบัติงานทุกประเภท เพราะช่วยในการตัดสินใจในการดาเนินงาน ใช้ในการพัฒนางาน ตลอดจนเผยแพร่
ความก้าวหน้าของงานต่อผู้บังคับบัญชา และบุคคลผู้ที่สนใจ
ประเภทของการนาเสนอ
1. การ นาเสนอเฉพาะกลุ่ม เป็นการนาเสนอข้อมูลต่าง ๆ ต่อผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วม
รับทราบข้อมูล ในการนาเสนอ
2. การ นาเสนอทั่วไปในที่สาธารณะ เป็นการนาเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมฟังการ
นาเสนอได้ มีการเปิดโอกาสให้ผู้ฟัง ได้ซักถามเพิ่มเติมหรือแสดงความคิดเห็นได้อีกด้วย
5. ความหมายของการฟัง
การฟัง หมายถึงการรับสาร หรือเสียงที่ได้ยินทางหู การฟังอย่างมีจุดมุ่งหมาย มีมารยาทและรู้จักพินิจพิเคราะห์
เนื้อหาของสาร ที่รับว่ามีข้อเท็จจริง อย่างไร รู้จักจับใจความสาคัญ ใจความย่อย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้รับสาร ได้
ประโยชน์จากการฟังอย่างเต็มที่
การฟังต้องมีจุดมุ่งหมาย
ในการฟังเรื่องใด ๆ ก็ตาม ผู้ฟังควรตั้งจุดมุ่งหมาย ในการฟัง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายหลัก3 ประการ คือ
1) ฟังเพื่อความรู้ ได้แก่ การฟังเรื่องราวที่เป็นวิชาการ ข่าวสารและข้อแนะนาต่าง ๆ การฟังเพื่อความรู้ จาเป็นต้อง
ฟังให้เข้าใจและจดจาสาระสาคัญให้ได้
2) ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน คือ การฟังเรื่องราวที่สนุกสนานเพลิดเพลิน ทาให้ผ่อนคลายความตึงเครียดจากภารกิจ
การงานและสิ่งแวดล้อม
3) ฟังเพื่อให้ได้รับคติหรือความจรรโลงใจ คือ การฟังเรื่องที่ทาให้เกิดแนวคิด และสติปัญญา เกิดวิจารณญาณ ขัด
เกลาจิตใจให้มีคุณธรรม การฟังประเภทนี้ต้องรู้จักเลือกฟัง และเลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกที่ควรซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟัง มีคติในการ
ดาเนินชีวิตไปในทางดีงาม และรู้จักสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม
6. 1. มีการเตรียมพร้อมในการพูดที่ดี ซึ่งอาจแบ่งได้ดังนี้
1.1 เตรียมตน เช่น การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง เตรียมวิธีการพูด การแสดงท่าทางประกอบ
2. ศึกษาเทคนิคการพูดของบุคคลอื่นๆ ที่ได้รับความสาเร็จ
1.2 เตรียมเรื่อง เช่น การกาหนดหัวข้อเรื่องที่จะพูด เรื่องที่จะพูดนั้น มีความรู้มากน้อยแค่ไหน
จะค้นคว้าที่ใด อย่างไร เป็นเรื่องที่น่าสนใจและเกิดประโยชน์แก่ผู้ฟังเพียงใด1.3 เตรียมการณ์ เช่น การจะพูดนั้น จะต้อง
วางโครงการเรื่องต่างๆ ไว้ เช่น ข้อมูลอ้างอิงใดๆ บ้าง
จะใช้สานวนสุภาษิต บทร้อยกรองใดมาอ้างบาง จะต้องวางโครงการเรื่องที่จะพูดไว้ว่าจะใช้เวลาเท่าใด
จึงจะเหมาะสม มีจุดยืนในความคิดที่แน่นอน ไม่วกวนกลับไปกลับมาหรือโกหกตลบตะแลง
1.4 เตรียมใจ เช่น สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี ถ้าผู้ฟังถามแบบลองภูมิ พูดส่อเสียด พูดคุยกันโห่ฮา
เป็นต้น
1.5 เตรียมตอบ เช่น จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ซักถามข้อสงสัย การแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ มีความ
ยุติธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล
2. มีการวิเคราะห์ผู้ฟัง เพื่อการพูดประสบความสาเร็จ ผู้พูดจะต้องคานึงถึงผู้ฟังเป็นสาคัญ เช่น เพศ
วัย ระดับการศึกษา จานวนที่รับฟัง อาชีพ ความสนใจ ศาสนา เวลา ลักษณะของที่ประชุม เป็นต้น ถ้า
พิจารณาสิ่งดังกล่าวนี้ความสาเร็จในการพูดย่อมประสบผลครึ่งค่อนทางแล้ว
7. การนาเสนอ ถือเป็นทักษะที่จาเป็นของคนทางานทั้งในสังคมธุรกิจ และงานราชการ ที่จะเป็นส่วนหนึ่งนาไปสู่
ความสาเร็จในหน้าที่การงาน การที่จะประสบความสาเร็จในการนาเสนอที่ดี ผู้นาเสนอจะต้องมีความเข้าใจใน
ความหมาย ความสาคัญของการนาเสนอ ต้องเป็นผู้ที่รู้รูปแบบ ขั้นตอนของการนาเสนอ รู้ลักษณะของการนาเสนอที่
ดี เสริมสร้างคุณสมบัติ ลักษณะของตัวตน รวมถึงพัฒนาทักษะที่เป็นตัวตนเป็นเอกลักษณ์ในการนาเสนออย่างมี
ประสิทธิภาพ
ความหมายของคาว่า การนาเสนอ
การนาเสนอ คือ กระบวนการ วิธีการ เพื่อให้รู้ ให้ทราบ ให้เข้าใจ ในกิจกรรมขององค์กร ของสถาบัน ของหน่วยงาน ได้
อย่างชัดเจน
การนาเสนอ คือ การถ่ายทอดเนื้อหา สาระที่ผสมผสานกันระหว่าง ศิลปะการพูด กับ การแสดงข้อมูล ในรูปแบบต่างๆ
ผ่านสื่อและอุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสม
8. 1. ทาความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นหรือเรื่องราวที่จะนาเสนอ
การนาเสนอที่ดีควรดาเนินไปตามจุดมุ่งหมายที่ได้วางไว้ การจะเสนอเรื่องราวหรือผลงานควรได้ทาความเข้าใจประเด็นของเรื่องราวที่
ต้องการนาเสนอว่าจะนาเสนออะไร ในลักษณะใดและต้องการผลอย่างไร ถ้ามีความชัดเจนในประเด็นย่อมจะนาเสนอได้
2. การเตรียมและรวบรวมข้อมูล
เป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องจากการทาความเข้าใจในประเด็นและเรื่องราวที่จะนาเสนอ เพื่อให้การนาเสนอมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
โดยทั่วไปที่มีการนาเสนอ เช่น การอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภามีการใช้แผนภูมิ ใช้เทปบันทึกเสียง ในการนาเสนอเพื่อขอรับทุน ขอเป็นเจ้าภาพ
ในการจัดการแข่งขันกีฬา ต้องเตรียมสื่อประกอบเพื่อให้ผู้ฟังสามารถเห็นด้วยและคล้อยตามอันจะนาไปสู่การพิจารณาเรื่องที่เราจะขออนุมัติ
3. การจัดทาสื่อเพื่อนาเสนอ
โดยทั่วไปการนาเสนอนิยมจัดทาด้วยโปรแกรม Microsoft Power Point ซึ่งเดิมทีเดียวนั้นใช้เพียงการพูด การใช้แผ่นใส
ประกอบ สื่อในการนาเสนอสามารถจัดทาได้มากมายขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเรื่องราว ระยะเวลา สถานที่ และโอกาสของการนาเสนอ
กลุ่มเป้ าหมายหรือผู้ฟัง ผู้ชม ก็เป็นองค์ประกอบที่สาคัญอย่างหนึ่งในการจัดทาสื่อ
4. การตรวจสอบและฝึกซ้อมการนาเสนอ
ในกระบวนการนาเสนอ เมื่อมีการวางแผน เตรียมการจัดทาสื่อแล้ว ควรตรวจดู ความถูกต้อง มีการปรับปรุง แก้ไข มีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ให้
คาแนะนาปรึกษา จากนั้นทดลองใช้หรือทดลองการนาเสนอ จับเวลา เพื่อให้เกิดความพอดี หรือป้ องกันข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า
5. ขั้นการนาเสนอ
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่มีความสาคัญมาก เพราะความสาเร็จมีมากน้อยเพียงใด หรืออาจจะเกิดความผิดพลาด ล้มเหลว จากการที่
ได้ตระเตรียมทั้งหมด
9. ลักษณะการนาเสนอที่ดี
นอกจากการเลือกรูปแบบของการนาเสนอ ให้ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว จะต้องคานึงถึงลักษณะของการ
นาเสนอ ที่จะช่วยให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ของการนาเสนอด้วย โดยทั่วไปลักษณะของการนาเสนอที่ดี ควรมี
ดังต่อไปนี้
1. มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน กล่าวคือ มีความต้องการที่แน่ชัดว่า เสนอเพื่ออะไร โดย
ไม่ต้องให้ผู้รับรับการนาเสนอต้องถามว่าต้องการให้พิจารณาอะไร
2.มีรูปแบบการนาเสนอเหมาะสม กล่าวคือ มีความกระทัดรัดได้ใจความ เรียง
ลาดับไม่สนใช้ภาษาเข้าใจง่าย ใช้ตาราง แผนภูมิ แผนภาพ ช่วยให้พิจารณาข้อมูลได้สะดวก
3.เนื้อหาสาระดี กล่าวคือ มีความน่าเชื่อถือ เที่ยงตรง ถูกต้อง สมบูรณ์ครบถ้วน
ตรงตามความต้องการ มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันทันสมัย และมีเนื้อหาเพียงพอแก่การพิจารณา
4.มี ข้อเสนอที่ดี กล่าวคือ มีข้อเสนอที่สมเหตูสมผล มีข้อพิจารณาเปรียบเทียบ
ทางเลือกที่เห็นได้ชัด เสนอแนะแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
10. การนาเสนองาน เป็นการสื่อสารเพื่อนาเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น ความต้องการไปยังผู้ฟังหรือผู้รับสาร โดยใช้
วิธีการ เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจตามเจตนาหรือวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร (ผู้นาเสนอ) และเนื่องจาก
ในปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีความเจริญก้าวหน้า ทาให้รูปแบบการนาเสนองานในปัจจุบันมีความแตกต่างจาก
สมัยก่อน ผู้นาเสนองานจึงต้องเลือกรูปแบบการนาเสนอ เลือกประเภทของซอฟต์แวร์เพื่อสร้างงานนาเสนอ รวมทั้ง
เลือกใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยในการนาเสนอ ปฏิบัติตามกระบวนการนาเสนอ อันประกอบด้วย
1) ทาความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นหรือเรื่องราวที่จะนาเสนอ
2) การเตรียมและรวบรวมข้อมูล
3) การจัดทาสื่อเพื่อนาเสนอ
4) การตรวจสอบและฝึกซ้อมการนาเสนอ
5) การนาเสนอ เพื่อนาไปสู่การนาเสนอที่ประสบความสาเร็จ
14. 4. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer)
เป็นอุปกรณ์ฉายภาพระบบดิจิตอลประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮด หรือเครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดง
ภาพวัตถุและเอกสารสู่จอรับภาพที่มีอยู่จริงได้เลยโดยไม่ต้องดัดแปลง อุปกรณ์นี้เหมาะสาหรับใช้ในการนาเสนองานต่าง
ๆ โดยเฉพาะครู อาจารย์ นักขาย ใช้ในการนาเสนอภาพนิ่งได้ดีกว่าภาพเคลื่อนไหว แต่ภาพที่แสดงออกมานั้นมีความ
คมชัด มีสีสันที่สดใส และมีโหมดของการแสดงภาพให้ปรับการทางานด้วย การควบคุมการทางานทาได้โดยใช้รีโมต
16. 6. กล่องถ่ายรูปดิจิตัล (Digital Camera)
เป็นอุปกรณ์รับภาพที่เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อถ่ายรูปที่ต้องการแล้ว รูปจะถูกเก็บลง
ในหน่วยความจา (Memory) ที่อยู่ในกล้อง เมื่อต้องการดูรูปทาได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจาลงบน
เครื่องพิมพ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ต้องการ สามารถย่อหรือขยาย ปรับแสงหรือเงาแล้วแต่
ความพอใจหรือเพิ่มรูปแบบก็สามารถทาได้ และเมื่อจะถ่ายใหม่ก็สามารถใช้หน่วยความจาเดิมได้เลย โดยไม่ต้องเสีย
เงินซื้อฟิล์ม