More Related Content Similar to การใช้เทคโนโลยีสารสนเทคโนโลยีในการนำเสนอ pis
Similar to การใช้เทคโนโลยีสารสนเทคโนโลยีในการนำเสนอ pis (20) การใช้เทคโนโลยีสารสนเทคโนโลยีในการนำเสนอ pis3. จุดมุ่งหมายในการนาเสนอ
• 1. เพื่อให้ผู้ชม ผู้ฟังรับเข้าใจสาระสาคัญของการนาเสนอข้อมูล
• 2. ให้ผู้ชม ผู้ฟังเกิดความประทับใจและนาไปสู่ความเชื่อถือในข้อมูลที่นาเสนอ
การนาเสนอผลงานโดยใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ มีผลในทางจิตวิทยาการเรียนรู้
ซึ่งได้มีการ ค้นพบจากการวิจัยว่าการรับรู้ข้อมูลโดยผ่านทางประสาทสัมผัสสองอย่าง
คือ ตา และหูพร้อมกันนั้น ทาให้เกิดการรับรู้ที่ดีกว่าส่งผลในด้านความสามารถในการ
จดจาได้มากกว่าการรับรู้โดยผ่านตา หรือ หูอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว จึงได้มี
การพัฒนาสื่อโสตทัศนูปกรณ์รูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาใช้งาน โดยเฉพาะสื่อประสม
4. หลักการพื้นฐานของการนาเสนอผลงาน มีจุดเน้นสาคัญดังนี้
• 1) การดึงดูดความสนใจ
โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง และมีความสบายตาสบายใจขึ้น
เมื่อชมการนาเสนอ ดังนั้นการเลือกองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีพื้น แบบ สี และขนาดของ
ตัวอักษร รูปประกอบ ต้องเหมาะสม สวยงาม
• 2) ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา
ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน ส่วนที่เป็นภาพประกอบต้องมีส่วน
สัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับข้อความที่ต้องการสื่อความหมาย การใช้ภาพประกอบมี
ประโยชน์มากดังคาพังเพยภาษาอังกฤษที่ว่า "A picture is worth a thousand
words" หรือ "ภาพภาพหนึ่งนั้นมีค่าเทียบเท่ากับคาพูดหนึ่งพันคา" แต่ประโยคนี้คงไม่
เป็นจริงหากภาพนั้นไม่มีความสัมพันธ์ อย่างสร้างสรรค์กับความหมายที่ต้องการสื่อ ดังนั้น
ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ภาพใดประกอบจึงควรตอบคาถาม ให้ได้เสียก่อนว่าต้องการใช้ภาพเพื่อ
สื่อความหมายอะไรและภาพที่เลือกมานั้นสามารถทาหน้าที่สื่อความหมายเช่นนั้นจริงหรือไม่
5. หลักการพื้นฐานของการนาเสนอผลงาน มีจุดเน้นสาคัญดังนี้(ต่อ)
• 3) ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
การสร้างจุดเน้นตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้นต้องคานึงถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น
กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก การใช้สีสด ๆ และภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม แต่ถ้า
กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นาเสนอเป็นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจ การใช้สีสัน
มากเกินไปและการใช้รูปการ์ตูนอาจทาให้ดูไม่น่าเชื่อถือเพราะขาดภาพลักษณ์ของการ
เอาจริงเอาจังไป
6. หลักการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สาเร็จรูปเพื่อการนาเสนองาน
• 1) ทาความเข้าใจกับงานที่เราต้องการนาเสนอ
ก่อนการเลือกระบบสารสนเทศมาใช้ในการนาเสนองานนั้น เราต้องเข้าใจถึงลักษณะงาน
ที่เราต้องการนาเสนอก่อนว่าเป็นงานในลักษณะใด เช่น เป็นข้อความ หรือมีการคานวณหรือ
เป็นงานที่เกี่ยวกับการค้น การเก็บรักษาข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกระบบสารสนเทศ
ที่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ
• 2) เลือกโปรแกรมสาเร็จรูปมาใช้
เมื่อทราบลักษณะของงานที่ต้องการนาเสนอแล้วเราจะเลือกระบบสารสนเทศที่
เหมาะสมกับการนาเสนองานนั้น งานบางอย่างเราอาจใช้ระบบสารสนเทศในการนาเสนอได้
หลายอย่าง เราอาจต้องเลือกว่าจะใช้ระบบใด ผู้ใช้ต้องมีความเข้าใจในความสามารถของ
ระบบนั้น โดยเฉพาะในส่วนของซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมว่าแต่ละโปรแกรมมีความสามารถ
ใดบ้าง เราอาจจะต้องทาการประเมินว่าโปรแกรมใดมีความเหมาะสมเพียงใด แล้วจึงเลือก
โปรแกรมที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุด
7. หลักการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สาเร็จรูปเพื่อการนาเสนองาน (ต่อ)
• 3) จัดหาเครื่องมือตามความต้องการของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมแต่ละโปรแกรมมีความสามารถไม่เหมือนกัน ขนาดของ
โปรแกรมก็ไม่เท่ากัน ทาให้ความต้องการของฮาร์ดแวร์ในการทางานตามโปรแกรมนั้น
แตกต่างกัน ในคู่มือการใช้งานโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์นั้นจะบอกข้อกาหนดของฮาร์ดแวร์ที่
ต้องการสาหรับการใช้งานไว้ว่าจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง เราจะต้องจัดหาฮาร์ดแวร์ให้
ได้ตามข้อกาหนดนั้นเพื่อให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสาหรับระบบ
โปรแกรมสาเร็จรูปที่ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์นั้น ส่วนใหญ่สามารถนามาใช้กับ
ไมโครคอมพิวเตอร์มาตรฐานที่มีขายทั่วไปได้เลยยกเว้นอุปกรณ์ประเภทเครื่องพิมพ์ที่อาจ
เลือกได้ตามความต้องการว่าเป็นเครื่องพิมพ์สีขาว/ดา หรือหลายสี จอภาพจะใช้ขนาดใหญ่กี่
นิ้ว หรือฮาร์ดดิสก์ที่อาจต้องดูขนาดความต้องการว่าซอฟต์แวร์มีขนาดเท่าใดและฮาร์ดดิสก์
จะพอใช้หรือไม่ เพราะในไมโครคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องนั้นเรามักจะบรรจุโปรแกรมหรือ
ซอฟต์แวร์ไว้หลายชนิดและปริมาณแฟ้มข้อมูลที่มีอยู่เดิมอาจมากจนกระทั่งพื้นที่ที่เหลือไม่
เพียงพอต่อการใช้งานโปรแกรมสาเร็จรูปใหม่นั้น
8. หลักการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สาเร็จรูปเพื่อการนาเสนองาน (ต่อ)
• 4 ) การใช้งานโปรแกรม
ในการใช้งานนั้น นอกาจากผู้ใช้จะต้องทาความเข้าใจการทางานของฮาร์ดแวร์ว่าใช้
งานอย่างไรแล้ว รายละเอียดการใช้งานซอฟต์แวร์ ก็เป็นสิ่งสาคัญที่ผู้ใช้จะต้องทาความ
เข้าใจให้ชัดเจนก่อนการใช้งาน ส่วนใหญ่จะศึกษาจากคู่มือของโปรแกรมสาเร็จรูปนั้นเพื่อ
ความเข้าใจในความสามารถก่อน ปกติแล้วคู่มือการใช้งานมาจากเจ้าของผู้ผลิตซอฟต์แวร์
ซึ่งมักจะอธิบายถึงความสามารถตามฟังก์ชั่นที่มีอยู่ แต่มักจะไม่ค่อยมีตัวอย่างการ
ประยุกต์ใช้ผู้ใช้ต้องทดลองเอง จึงได้มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถในโปรแกรมนั้น ๆ ทา
คู่มือการใช้งานในลักษณะการประยุกต์ มีตัวอย่างของงานแสดงให้เห็น ทาให้สามารถ
เรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นและในปัจจุบันนี้มีการทาคู่มือการใช้งานในรูปของสื่อคอมพิวเตอร์ที่
เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น ทาเป็นซีดีการใช้งาน เป็นต้น ฉะนั้นผู้ใช้งานที่ยังไม่มี
ประสบการณ์จึงควรเรียนรู้จากคู่มือการใช้งาน ทาความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน แล้วจึงลงมือ
ปฏิบัติด้วยตนเอง
9. รูปแบบการนาเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันที่นิยมใช้กัน
มี 2 รูปแบบ คือ
• 1. การนาเสนอแบบ Web page
เป็นรูปแบบการนาเสนอที่ใช้บนอินเทอร์เน็ต การนาเสนอแบบนี้สามารถสร้างการเชื่อมโยงที่
สลับซับซ้อนระหว่างส่วนต่าง ๆ ตลอดจน สามารถสร้างการเชื่อมโยงเอกสารที่ต่างรูปแบบกันได้แต่
ต้องใช้เวลาในการจัดทามากกว่า รูปแบบอื่นและผู้จัดทาต้องมีความรู้ความชานาญในโปรแกรมที่ใช้
สร้างเว็บเพจ
• 2. การนาเสนอแบบ Slide Presentation
เป็นการนาเสนอโดยใช้โปรแกรมนาเสนอ ซึ่งเป็นโปรแกรม ที่ใช้ง่ายมากมีรูปแบบการนาเสนอ
ให้เลือกใช้หลายแบบ สามารถเรียกใช้ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และตกแต่งด้วยสีสัน ทั้ง
สีพื้น สีของตัวอักษร รูปแบบฟอนต์ของตัวอักษรได้ง่ายและสะดวก ในปัจจุบันสื่อนาเสนอ
รูปแบบ Slide Presentationหรือ สไลด์ดิจิทัล มักจะสร้างด้วยโปรแกรมใน
กลุ่ม Presentation เช่น Microsoft PowerPoint, OfficeTLE
Impress เทคนิคการออกแบบสื่อนาเสนอ สื่อนาเสนอที่ดี ความมีความโดดเด่น น่าสนใจ จะเน้น
ความคิด “ หนึ่งสไลด์ต่อ หนึ่งความคิด ” มีการสรุปประเด็น หรือสาระสาคัญโดยมี
แนวทาง 3 ประการในการออกแบบ ได้แก่
10. รูปแบบการนาเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันที่นิยมใช้กัน
มี 2 รูปแบบ คือ (ต่อ)
• 1) สื่อความหมายได้รวดเร็ว สื่อนาเสนอที่ดีต้องสามารถสื่อความหมายให้ผู้ฟัง ผู้ชม
ได้อย่างรวดเร็ว การออกแบบ สื่อนาเสนอในประเด็นนี้ผู้ออกแบบจะต้องทราบ
กลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาสาระที่ต้องการนาเสนอ สถานที่ และเวลาที่ต้องการนาเสนอเพื่อ
ประกอบการออกแบบสื่อ เช่น กลุ่มเป้าหมายขนาดเล็ก สื่อควรมีให้ความสาคัญกับ
ผู้ฟังมากกว่าเนื้อหา สามารถนาเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของโปรแกรมสร้างสื่อ
มาใช้ได้อย่างเต็มที่ กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะโต้ตอบ เช่นการนาเสนอทางวิชาการ การ
บรรยาย หรือฝึกอบรม สื่อนาเสนอควรให้ ความสาคัญกับเนื้อหารวมทั้งยังสามารถนา
เทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของโปรแกรมสร้างสื่อ มาใช้ได้อย่างเต็มที่เช่นกัน
กลุ่มเป้าหมายเฉพาะกิจ เช่นผู้บริหาร นักวิชาการ สื่อนาเสนอจะต้องให้ความสาคัญกับ
เนื้อหาและตัว ผู้นาเสนอเป็นสาคัญเนื้อหาควรมุ่งเฉพาะเป้าหมายของการนาเสนอ ไม่
เน้น Effect มากนัก กลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ การนาเสนอมักใช้ความสาคัญกับ
ผู้บรรยายมากกว่าเนื้อหาที่นาเสนอ ดังนั้น สื่อนาเสนอไม่ควรเน้นที่ Effect แต่ควร
ให้ความสาคัญกับขนาดตัวอักษร สีตัวอักษร และลักษณะของสีพื้นสไลด์
11. รูปแบบการนาเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันที่
นิยมใช้กันมี 2 รูปแบบ คือ (ต่อ)
• 2) เนื้อหาเป็นลาดับ สื่อนาเสนอที่ดีควรมีการจัดลาดับเนื้อหาเป็นลาดับมีระเบียบ ดูง่าย
ไม่สับสนสิ่งที่ จะช่วยให้การออกแบบสื่อนาเสนอที่ต้องการจัดลาดับเนื้อหาให้เป็น
ระเบียบ และดูง่าย คือ
• 2.1) รูปแบบเนื้อหา สื่อนาเสนอแต่ละสไลด์ควรหลีกเลี่ยงการนาเสนอแบบย่อ
หน้า หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรใช้เทคนิคการเน้นแนวคิดหลัก( Main
Idea) ในแต่ละย่อหน้าด้วยสีที่โดดเด่นเช่น พื้นหลังสีขาว ตัวอักษรสีดา ควรเน้น
แนวคิดหลัก ( Main Idea)ด้วยสีแดงเป็นต้น แต่ละสไลด์เนื้อหาไม่ควรเกิน 6 –
8 บรรทัด ควรสรุปเนื้อหาให้เป็นหัวเรื่อง (Title) และหัวข้อ(Topic) หรือแนวคิด
หลัก (Main Idea)
12. รูปแบบการนาเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันที่นิยมใช้กัน
มี 2 รูปแบบ คือ (ต่อ)
• 2.2) แบบอักษร การควบคุมการแสดงข้อความในแต่ละสไลด์ควรให้ความสาคัญ กับ
ขนาดตัวอักษร ดังนี้
• - หัวข้อใหญ่กาหนดขนาดตัวอักษรใหญ่กว่าหัวข้อย่อย
• - เลือกใช้แบบอักษรที่เหมาะสม
• - เปลี่ยนลักษณะของตัวอักษรนั้นใช้ตัวหนาในข้อความที่ต้องการเน้น
• - ใช้ช่องว่างในการจัดกลุ่มของเนื้อหา
• - ข้อความที่ต้องการให้อ่านก่อนควรจัดไว้ที่ตาแหน่งมุมซ้ายบนของหน้า
• - พิมพ์ตัวอักษรลงกรอบที่วางแบบไว้แล้ว
• - ขึ้นหัวข้อก่อนแล้วจึงอธิบายอย่างละเอียด
• - ใช้สีที่แตกต่างกัน หรือตัวอักษรสีสลับกัน
13. รูปแบบการนาเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันที่
นิยมใช้กันมี 2 รูปแบบ คือ (ต่อ)
• 3) สื่อนาเสนอต้องสะดุดตาและน่าสนใจ สื่อนาเสนอที่ดีนั้นจะต้องมีจุดเด่นน่าสนใจ สามารถ
ดึงดูดสายตาของผู้ดู ผู้ฟังได้ซึ่งจุดเด่นนี้ได้มาจากขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่ หรือจากการใช้สีที่
แตกต่างออกไป รวมถึง การเลือกใช้ภาพ การใช้สี และการใช้ Effect ควบคุมการนาเสนอ ที่
เหมาะสมประกอบ การนาเสนอ
14. เทคโนโลยีนาเสนองาน
• 1.ฮาร์ดแวร์ (hardware) ได้แก่ เครื่องมือ อุปกรณ์ในการนาเสนองาน ซึ่งทาหน้าที่เป็นสื่อ
สาหรับการแสดงผล ผู้นาเสนอจะต้องเลือกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้ตรงกับการใช้งาน หรือออกแบบ
สื่อที่ต้องใช้ประกอบกับอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างลงตัว เช่น โพรเจคเตอร์ วิชวลไลเซอร์
ไมโครโฟน กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ จอรับภาพ
• 2.ซอฟต์แวร์ (software) คือ โปรแกรมหรือชุดคาสั่ง ที่จะสั่งและควบคุมให้ฮาร์ดแวร์
คอมพิวเตอร์ทางาน เราไม่สามารถจับต้อง ซอฟต์แวร์ ได้โดยตรงเหมือนกับตัวฮาร์ดแวร์ เพราะ
ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมนี้จะถูกจัดเก็บอยู่ในสื่อ ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล เช่น แผ่นดิสก์
ซอฟต์แวร์ ที่มักติดตั้งไว้ในฮาร์ดดิสก์เพื่อทางานทันที่ที่เปิดเครื่องคือ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ
สรุปแล้ว ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมชุดคาสั่งไว้ควบคมคอมฯให้ทางาน
16. อุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนาเสนอผลงาน (ต่อ)
• 2. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพระบบดิจิทัลประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามา
จากโอเวอร์เฮดหรือเครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดงภาพวัตถุและเอกสารสู่จอรับภาพที่มีอยู่จริงได้
เลย โดยไม่ต้องดัดแปลง อุปกรณ์นี้เหมาะสาหรับใช้ในการนาเสนองานต่าง ๆ โดยเฉพาะครู-
อาจารย์ที่สอนหนังสือ และใช้ได้ดีในการนาเสนอภาพนิ่งมากกว่าภาพเคลื่อนไหว แต่ภาพที่
แสดงออกมานั้นก็ให้ความคมชัด มีสีสดใส และมีโหมดของการแสดงภาพให้ปรับการทางาน
ด้วย การควบคุมการทางานสามารถทาได้โดยใช้รีโมต
17. อุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนาเสนอผลงาน (ต่อ)
• 3. กล้องถ่ายรูปดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับภาพที่เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็น
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อถ่ายรูปที่ต้องการแล้ว รูปจะถูกเก็บลงในหน่วยความจา
(memory) ที่อยู่ในกล้อง เมื่อต้องการดูรูปทาได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจาลงบน
เครื่องพิมพ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ต้องการ สามารถย่อหรือขยาย ปรับ
แสงหรือเงาแล้วแต่ความพอใจหรือจะเพิ่มรูปแบบก็สามารถทาได้และเมื่อจะถ่ายใหม่ ก็สามารถ
ใช้หน่วยความจาเดิมได้เลย โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อฟิล์ม
18. อุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนาเสนอผลงาน (ต่อ)
• 4. กล้องถ่ายวีดิทัศน์ดิจิทัล เป็นอุปกรณ์รับภาพที่บันทึกข้อมูล ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง
เก็บไว้ในหน่วยความจาแบบแฟลชภายในกล้อง สามารถย่อหรือขยาย ปรับแสงเงาของภาพได้
และในปัจจุบันสามารถคัดลอกข้อมูลลงในแผ่นดีวีดีได้เลย โดยไม่ต้องโอนลงในเครื่อง
คอมพิวเตอร์
• 5. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์ ขนาดสมุดบันทึกหรือโน้ตบุ๊ก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สร้าง
งานนาเสนอ เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โพรเจกเตอร์ เพื่อนาเสนองาน และ
ใช้นาเสนองานผ่านจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์
19. อุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนาเสนอผลงาน (ต่อ)
• 6. เครื่องเล่นเสียงหรือเครื่องเล่นเอ็มพีสาม (MP3) เป็นอุปกรณ์ซึ่งบรรจุข้อมูลเสียงที่ใช้เล่น
ในคอมพิวเตอร์และสามารถถ่ายโอนข้อมูลเข้าไปในคอมพิวเตอร์ได้โดยข้อมูลเสียงนั้นใช้
เทคโนโลยีบีบอัดให้มีขนาดเล็กลงมากกว่าข้อมูลเสียงปกติถึง 12 เท่า แม้ขนาดข้อมูลจะเล็กลง
แต่คุณภาพเสียงไม่ได้เสียไปอย่างไรก็ตาม หากเรานาข้อมูลเสียงจากเครื่องเล่น MP3 ไปเล่น
ในเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า จะได้เสียงในลักษณะกระตุกหรือใช้การไม่ได้เลย
• 7. โทรศัพท์เคลื่อนที่บางรุ่น เป็นอุปกรณ์ตัวกลางที่ผู้ใช้สามารถนาเสนองานที่สร้างด้วย
ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ผ่านเครื่องโพรเจกเตอร์ได้สะดวก ง่ายต่อการติดตั้ง เพียง
เชื่อมต่อโพรเจกเตอร์เข้ากับโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านสายเคเบิลแล้วเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่
ด้วยบลูทูธ
20. เทคโนโลยีนาเสนอ (ซอฟต์แวร์)
• PowerPoint 2010 คือโปรแกรมประยุกต์แบบภาพและกราฟิก ที่มีจุดประสงค์หลักใน
การใช้เพื่อสร้างงานนาเสนอ PowerPoint ทาให้คุณสามารถสร้าง ดู และแสดงการนาเสนอ
ภาพนิ่งที่รวมข้อความ รูปร่าง รูปภาพ กราฟ ภาพเคลื่อนไหว แผนภูมิ วิดีโอ และอื่นๆ อีก
มากมาย
• โปรแกรม Flip Album 6 Pro เป็นโปรแกรมลักษณะของโปรแกรมสาเร็จรูป โดย
โปรแกรมชุด FilpAlbumเป็นโปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book ซึ่ง อีบุ๊ค” (eBook,
EBook, e-Book) เป็นคาภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคาว่าelectronic book หรือ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจัดทาขึ้นด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ หรือ หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรม
คอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และ สามารถอ่านได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์
ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์เหมือนเปิดอ่านจากหนังสือโดยตรงที่เป็นกระดาษ แต่ไม่มี
การเข้าเล่ม
21. เทคโนโลยีนาเสนอ (ซอฟต์แวร์) (ต่อ)
• โปรแกรม Proshow Gold คือ โปรแกรมสาหรับเรียงลาดับภาพเพื่อนาเสนอแบบมัลติมีเดีย
ที่มีความสามารถสร้างผลงานได้ในระดับมืออาชีพ ด้วยเทคนิคพิเศษมากมาย ใช้งานง่าย
เหมาะสมต่อการนาเสนอสื่อ การเรียนการสอน การแนะนาอัตชีวประวัติ สามารถเขียนชิ้นงาน
ออกมาในรูปแบบของวีซีดีได้อย่างรวดเร็ว เป็นโปรแกรมที่ช่วยสร้างแผ่นวีซีดีจากรูปภาพต่าง ๆ
ที่ทางานได้รวดเร็ว โดยสามารถทาการใส่เสียงเพลงประกอบได้ด้วย และสามารถแปลงไฟล์เป็น
ไฟล์ต่าง ๆ ได้เช่น VCD ,DVD หรือ EXE ฯลฯ ภาพที่ได้จัดอยู่ในคุณภาพดี ซึ่งโปรแกรม
อื่นจะใช้เวลาในการทางานนานพอสมควร
• โปรแกรม Adobe Captivate เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการ
สร้าง Movie ในรูปแบบสื่อเรียนการเรียนรู้ หรือสื่อการนาเสนอแบบมัลติมีเดีย เช่น การ
นาเสนอผลงาน การจับหน้าจอภาพเพื่อนาไปสร้างสื่อการเรียนรู้ การสร้างแบบทดสอบ รวมไป
ถึงการตัดต่อวิดีโอ เพื่อใช้สาหรับงานนาเสนอหรือผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโปรแกรม Adobe
Captivate เป็นโปรแกรมที่ใช้สร้างชิ้นงานได้ง่ายและเร็ว