The objectives of this qualitative research were to : (1) examine the accordance in marketing communication education between academics and practitioners (2) explore the consistency between the required qualification of marketing communication/related fields graduates for the universities and those in the workforce demand. In-depth interviews were conducted with 3 academic executives in marketing communication/related fields faculties from 3 leading universities and 3 executives in advertising holding company and local advertising agency, including president of Advertising Association of Thailand.
The results showed the accordance: (1) the academics agreed graduates need to improve skill in marketing communication tools with various learning process (2) the academics and the practitioners agreed that graduates should be proficient in English, knowing Marketing and Business, as well as possess conceptual thinking, creativity and positive attitude towards work. While others were not accordance: definition of marketing communication, curriculums (name, contents, focus) that each universities has different strengths – weaknesses, including creating knowledge and research. This study also found the famous academic research have to state negative sides of marketing communication and the main reason that advertising agencies in Thailand used marketing communications was to access audiences effectively, without regard to reduce marketing budget.
from Suthiparithat Journal, 25(76)
Mr.Dusadee Nildum
Ad&IMC, Communication Arts
Suan Sunundha Rajabhat University
THE ACCORDANCE IN MARKETING COMMUNICATION EDUCATION BETWEEN ACADEMICS AND PRACTITIONERS
1. ดุษฎี นิลดำ�*
Dusadee Nildum
S U D D H I P A R I T A D
สุทธิปริทัศน์ 145
ความสอดคล้องระหว่างการเรียนการสอนการสื่อสาร
การตลาดในระดับอุดมศึกษากับการดำ�เนินงานในภาคธุรกิจ
THE ACCORDANCE IN MARKETING COMMUNICATION
EDUCATION BETWEEN ACADEMICS AND PRACTITIONERS
*อาจารย์ประจำ�สาขาวิชาการโฆษณา ภาควิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา
Senior Lecturer in Faculty of Management Science (Advertising ; Communication Arts)
Suan Sunandha University
dusadee.ni@ssru.ac.th
2. S U D D H I P A R I T A D
สุทธิปริทัศน์146
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความสอดคล้องของการเรียน
การสอนการสื่อสารการตลาดของภาคอุดมศึกษากับการดำ�เนินงานของภาคธุรกิจ และ
(2) ศึกษาความสอดคล้องของคุณสมบัติของนักศึกษาที่ศึกษาสาขาการสื่อสารการตลาด/
สาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ โดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกผู้ให้
ข้อมูลหลักจากภาคการศึกษาและภาคธุรกิจโดยเลือกตัวแทนจากผู้บริหารภาคอุดมศึกษา
ที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านสาขาการสื่อสารการตลาดแบบผสมผสาน/สาขาวิชา
อื่นๆที่เกี่ยวข้อง จำ�นวน 3 ท่าน ขณะที่ตัวแทนภาคธุรกิจ คือผู้บริหารบริษัทตัวแทน
การโฆษณาจากต่างประเทศและบริษัทตัวแทนการโฆษณาภายในประเทศ จำ�นวน 3 ท่าน
รวมถึงนายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย
ผลการศึกษาพบส่วนที่มีความสอดคล้องกัน ได้แก่ (1) ทุกมหาวิทยาลัย
เห็นพ้องกันในเรื่องของการพัฒนาทักษะให้นักศึกษามีความเชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือ
สื่อสารการตลาดด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย (2) คุณสมบัติของนักศึกษาที่
ภาควิชาการและภาควิชาชีพต้องการ คือนักศึกษาที่มีความรู้เรื่องทักษะภาษา, การตลาด
และธุรกิจ รวมถึงมีความคิดเชิงมโนทัศน์ ความคิดสร้างสรรค์ และทัศนคติที่ดีในงาน
ที่รับผิดชอบ ขณะที่ส่วนที่ไม่สอดคล้อง ได้แก่ นิยามของการสื่อสารการตลาด, หลักสูตร
การศึกษา ตั้งแต่ชื่อหลักสูตร เนื้อหาวิชาเรียน จุดเน้น ที่แต่ละสถาบันฯมีจุดเด่น –
จุดด้อยที่แตกต่างกัน รวมถึงเรื่องของการสร้างองค์ความรู้และการพัฒนาผลงานวิจัยของ
บุคลากรผู้สอนก็มีการให้ความสำ�คัญแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ยังพบว่างานวิจัยวิชาการ
ที่ได้รับการกล่าวถึงในวงกว้างส่วนใหญ่เป็นงานที่เปิดเผยด้านลบของการสื่อสาร
การตลาด และปัจจัยหลักที่บริษัทตัวแทนการโฆษณาในประเทศไทยนำ�การสื่อสาร
การตลาดมาใช้ เพื่อการเข้าถึงผู้รับสารอย่างมีประสิทธิผล โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ
การตัดลดงบประมาณด้านการตลาดแต่อย่างใด
คำ�สำ�คัญ : การศึกษาการสื่อสารการตลาด, ความต้องการของตลาดแรงงาน,
บริษัทตัวแทนการโฆษณา
3. S U D D H I P A R I T A D
สุทธิปริทัศน์ 147
ABSTRACT
The objectives of this qualitative research were to : (1) examine the
accordance in marketing communication education between academics
and practitioners (2) explore the consistency between the required
qualification of marketing communication/related fields graduates for the
universities and those in the workforce demand. In-depth interviews were
conducted with 3 academic executives in marketing communication/related
fields faculties from 3 leading universities and 3 executives in advertising
holding company and local advertising agency, including president of
Advertising Association of Thailand.
The results showed the accordance: (1) the academics agreed
graduates need to improve skill in marketing communication tools with
various learning process (2) the academics and the practitioners agreed
that graduates should be proficient in English, knowing Marketing and
Business, as well as possess conceptual thinking, creativity and positive
attitude towards work. While others were not accordance: definition of
marketing communication, curriculums (name, contents, focus) that each
universities has different strengths – weaknesses, including creating knowledge
and research. This study also found the famous academic research have
to state negative sides of marketing communication and the main reason
that advertising agencies in Thailand used marketing communications was to
access audiences effectively, without regard to reduce marketing budget.
Keyword : Marketing Communication Education, Workforce Demand.
Advertising Agencies
4. S U D D H I P A R I T A D
สุทธิปริทัศน์148
บทนำ�
การสื่อสารการตลาดแบบผสมผสาน
เป็นหนึ่งในแนวคิดที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากใน
ช่วงปลายศตวรรษที่ผ่านมา โดยแนวคิดดัง
กล่าวหมายถึงการบูรณาการองค์ประกอบของ
ส่วนผสมต่างๆทางการสื่อสารการตลาดผ่าน
จุดสื่อสารไปสู่ผู้บริโภคเพื่อบรรลุการสื่อสารตรา
ผลิตภัณฑ์ (Kitchen, Pelsmacker, Eagle,
& Schultz, 2005) ในเบื้องต้น การสื่อสาร
การตลาดแบบผสมผสานถูกมองว่าเป็น
การเห่อ(Fad)เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
แต่การสื่อสารการตลาดแบบผสมผสานได้
กลายมาเป็นกระบวนทัศน์ (Paradigm) ใหม่
ที่นักวิชาการและผู้ที่ศึกษาด้านการตลาด
การโฆษณาและการสื่อสารการตลาดต่างๆ
ต้องให้ความสำ�คัญ ดังจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน
การประชุมทางวิชาการต่างๆ ในสายการตลาด
และการโฆษณาต่างให้ความสนใจกับงานวิจัย
ด้านการสื่อสารการตลาดแบบผสมผสาน และ
มหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและ
ประเทศอังกฤษ มีการปรับหลักสูตรการเรียน
การสอนของตนเอง ทั้งในระดับปริญญาตรีและ
โทให้ตอบรับกับแนวคิดนี้มากขึ้นตามลำ�ดับ และ
แนวคิดดังกล่าวก็ได้ถูกเผยแพร่จากประเทศ
ตะวันตกเหล่านี้เข้ามายังประเทศตะวันออก
อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเทศไทยด้วย (สราวุธ
อนันตชาติ, 2545) จากงานศึกษาวิจัยเรื่อง
การสื่อสารการตลาดในประเทศไทย พบว่า
นักการตลาดและนักโฆษณาในประเทศไทย
คุ้นเคยกับแนวคิดการสื่อสารการตลาดแบบ
ผสมผสานและได้นำ�แนวคิดดังกล่าวมาใช้กัน
อย่างแพร่หลาย (Anantachart, 2003;
กิ่งกาญจน์ ภัทรธรรมมาศ, 2547; Vantamay,
2009) ไม่ใช่เพียงเฉพาะในส่วนของภาคธุรกิจ
เท่านั้นที่ตอบรับต่อแนวคิดเรื่องการสื่อสาร
การตลาดแบบผสมผสาน ในส่วนของภาควิชา
การคณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาการประชาสัมพันธ์
สาขาวิชาการโฆษณา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นสาขาหนึ่งที่มีบทบาทอย่างมากในการ
นำ�แนวคิดดังกล่าว
เพิ่มเติมเป็นวิชาเรียนให้กับนักศึกษา
สาขาวิชาการโฆษณาทั้งในระดับปริญญาโท
(นิธิมา จันทรสูตร, 2547) และการเรียนการสอน
ระดับปริญญาตรี (กรกช อนันตสมบูรณ์,2543)
แต่เนื่องจากแนวคิดเรื่องการสื่อสารการตลาด
แบบผสมผสานทั้งในต่างประเทศและ
ประเทศไทยนั้นเริ่มต้นจากภาคธุรกิจเป็นหลัก
จากการศึกษาของผู้วิจัยพบว่า มีงานวิจัยจำ�นวน
น้อยมากที่สนใจศึกษาแนวคิดเรื่องการสื่อสาร
การตลาดแบบผสมผสานในภาควิชาการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาเปรียบเทียบระหว่าง
ภาคการศึกษากับภาคธุรกิจในเรื่องการสื่อสาร
การตลาดแบบผสมผสานนั้น ผู้วิจัยไม่พบว่า
มีงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ศึกษาในเรื่องดังกล่าว
ดังนั้นผู้วิจัย ที่มีบทบาทหลักทั้งการพัฒนา
งานวิชาการและพัฒนา ผลผลิตทางการศึกษา
จึงมีความสนใจที่จะศึกษาเรื่องการสื่อสาร
การตลาด โดยพิจารณาความสอดคล้องระหว่าง
ภาควิชาการกับภาควิชาชีพ ด้วยความเชื่อมั่นว่า
แม้ผลการศึกษาครั้งนี้ จะไม่ได้มีส่วนในการ
พัฒนาบุคลากรและวงการวิชาชีพโดยตรง
แต่อย่างน้อยก็น่าจะจุดประกายให้นักวิจัยที่
มีความรู้ความสามารถอีกจำ�นวนไม่น้อยให้
ความสนใจศึกษาประเด็นดังกล่าวมากขึ้น
5. S U D D H I P A R I T A D
สุทธิปริทัศน์ 149
พัฒนาการของการสื่อสารการตลาดแบบ
ผสมผสานในภาคธุรกิจ
การสื่อสารการตลาดแบบผสมผสาน
เริ่มต้นขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกามาอย่างน้อย
ไม่ต่ำ�กว่าช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 โดยนักสื่อสาร
การตลาดพิจารณาว่า การสื่อสารการตลาดแบบ
ผสมผสานเป็นการผสมผสานการสื่อสาร
การตลาดที่หลากหลายเชื่อมโยงกันเป็นแผนงาน
และแผนปฏิบัติการ(Van Reil, 1995 อ้างถึงใน
กิ่งกาญจน์ ภัทรธรรมมาศ,2547) แนวคิดดังกล่าว
จึงไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการทางการสื่อสาร แต่
ได้ถูกนำ�มาใช้กับการบริหารและการ สื่อสารตรา
ผลิตภัณฑ์ และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้มากขึ้น
เรื่อยๆ (Kitchen et al. 2005)
Vantamay (2009) ได้สรุปถึงสาเหตุ
สำ�คัญของการนำ�การสื่อสารการตลาดมาใช้กัน
อย่างกว้างขวางว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆดังนี้
1) เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการใช้งบโฆษณา
ผ่านสื่อสารมวลชนไปสู่การส่งเสริมการตลาด
2) การเปลี่ยนจากการให้ความสำ�คัญกับ
การโฆษณาซึ่งเป็นสื่อมวลชนไปสู่เครื่องมืออื่นๆ
ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยงบประมาณที่ต่ำ�กว่า
3) การเปลี่ยนผ่านอำ�นาจของผู้ผลิตไปสู่ผู้ค้าปลีก
4) การเติบโตอย่างรวดเร็วและพัฒนาการของ
การตลาดฐานข้อมูล 5) ความต้องการผลสัมฤทธิ์
ที่วัดได้อย่างชัดเจนจากบริษัทตัวแทนการโฆษณา
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการคิดค่าบริการ
การโฆษณา 6)การเติบโตอย่างรวดเร็วของ
สื่ออินเทอร์เน็ต และข้อสุดท้ายคือ ความพยายาม
วัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI : Return
on Investment) ของทั้งบริษัทเจ้าของสินค้า
และบริษัทตัวแทนการโฆษณา (G. Belch & M.
Belch, 2004; Cornelissen, 2000, 2001; Shimp,
2000 cited in Vantamay 2009) หรือกล่าว
โดยสรุปได้ว่า สาเหตุหลักของการนำ�การสื่อสาร
การตลาดแบบผสมผสานมาใช้นั้นเกิดจากการที่
โฆษณาในสื่อสารมวลชนได้รับความกดดัน
มากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันที่สูงขึ้นและกลุ่ม
ผู้รับสารการโฆษณาก็มีแนวโน้มที่จะแยกตัวออก
เป็นกลุ่มย่อยมากยิ่งขึ้น (กิ่งกาญจน์ ภัทรธรรม
มาศ, 2547)
จากสาเหตุดังกล่าว บริษัทตัวแทน
การโฆษณาจึงได้นำ�แนวคิดเรื่องการสื่อสารการ
ตลาดแบบผสมผสานมาใช้ รวมถึงแนะนำ�บริษัท
ลูกค้าที่มีงบประมาณจำ�กัด ให้ใช้วิธีการสื่อสาร
การตลาดแบบผสมผสานด้วย (Kitchen et
al. 2005) โดยงานวิจัยของ Duncan และ
Everett (1993 cited in Kitchen et al. 2005)
พบว่าบริษัทตัวแทนการโฆษณาจำ�นวนมาก
ต้องรับผิดชอบต่อการสื่อสารมากกว่าหนึ่ง
ประเภท ประกอบกับฝ่ายการตลาดของบริษัท
เจ้าของสินค้าที่มีขนาดเล็กจะต้องมีส่วนในการ
ทำ�กิจกรรมการสื่อสารทั้งหมด ดังนั้นบริษัท
ตัวแทนการโฆษณาและบริษัทเจ้าของสินค้า
จึงมีความคุ้นเคยกับการสื่อสารการตลาดแบบ
ผสมผสานอยู่แล้ว
สำ�หรับการสื่อสารการตลาดแบบ
ผสมผสานนอกประเทศสหรัฐอเมริกานั้น
Kitchen และSchultz (1999 cited in Kitchen
et al. 2005) ได้ทำ�งานวิจัยเกี่ยวกับการสื่อสาร
การตลาดแบบผสมผสานในประเทศอังกฤษ,
นิวซีแลนด์, ออสเตรเลียและอินเดีย พบว่า
อังกฤษนิยมใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดอื่นๆ
นอกเหนือจากการโฆษณา ส่วนอินเดียนิยมใช้
การโฆษณาและเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ในระดับ
เท่าเทียมกัน ขณะที่นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
ยังนิยมใช้การโฆษณามากกว่า โดยผู้บริหารของ
บริษัทตัวแทนการโฆษณาส่วนใหญ่ในทุกประเทศ