มูลค่าของนิเวศบริการด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการของพื้นที่คุ้มครอง
: กรณีศึกษากลุ่มป่าตะวันออก
The Economics Valuation of Ecosystem Service on Tourism and Recreation in Protected Areas
: Case Study on Eastern Forest Complex,
มูลค่าของนิเวศบริการด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการของพื้นที่คุ้มครอง
: กรณีศึกษากลุ่มป่าตะวันออก
The Economics Valuation of Ecosystem Service on Tourism and Recreation in Protected Areas
: Case Study on Eastern Forest Complex,
23. 7. ดัชนีความสําคัญ (Important Value Index, IVI)
คาดัชนีความสําคัญ IVI = RD + RF + RDo
1) ความหนาแนนของชนิดพันธุ A (Density = D)
D = จํานวนตนทั้งหมดของชนิดพันธุ A ที่ปรากฏในแปลงตัวอยาง
้ ่จํานวนแปลงทังหมดทีทําการสํารวจ (18 แปลงยอย)
จากนั้นคํานวณหาความหนาแนนสัมพัทธ (Relative Dominant = RD)
โ โดย RD (%) = ความหนาแนนของชนิดพันธุ A x 100
ผลรวมของความหนาแนนของทุกชนิดพันธุ
ี่ ิ ั 2) ความถีของชนิดพันธุ A (Frequency = F)
F = ความถี่ของชนิดพันธุ A x 100
จํานวนแปลงทั้งหมดที่ทําการสํารวจ
จากนั้นนําความถี่ที่ไดไปคํานวณหาความถี่สัมพัทธ (Relative Frequency = RF)
โดย RF = ความถี่ของชนิดพันธุ A x 100ุ
ผลรวมของความถี่ของทุกชนิดพันธุ
24. 7. ดัชนีความสําคัญ (Important Value Index, IVI)
3) ความเดน (Dominance = Do) ความเดนในดานพื้นที่หนาตัด (Basal Area = BA)
BA = ผลรวมของพื้นที่หนาตัดชนิดพันธุ A
พื้นที่ที่ทําการสํารวจ
ั้ ํ ี่ไ ไป ํ ั ั จากนันนําความเดนทีไดไปคํานวณหาความเดนสัมพัทธ (Relative Dominance = RDo)
โดย RDo = ความเดนของชนิดพันธุ A x 100
ผลรวมของความเดนของทุกชนิดพันธุุ ุ
ยกเวนกรณีการคํานวณคาดัชนีความสําคัญ (IVI) ของไมหนุม ลูกไมและกลาไม ไมตองใชคาความเดน (Do)
่จึงมีเฉพาะคา RD และ RF ซึงรวมกันเทากับ 200
25. 8. ดัชนีความหลากหลายของชนิดพันธุ (Species Diversity)
1) คาดัชนี Shannon-Wiener Index : H
∑H = - ∑ Pi ln (Pi)
โดย H = ความหลากหลายของชนิดพันธุ
Pi = สัดสวนระหวางจํานวนตนไมชนิด i ตอจํานวนตนไมทั้งหมด
2) ดัชนีคา Simpson's diversity index : D) S pso s d ve s ty de :
โดย D = ความหลากหลายของชนิดพันธุุ
ni = จํานวนตนของชนิดพรรณไมชนิดที่ i
N = จํานวนตนของพรรณไมทั้งหมด
S = จํานวนชนิดพรรณไมทั้งหมด
31. 3. คาความคลายคลึง (similarity) ของสัตวเลี้ยงลูกดวยนม
คาความคลายคลึง ( i il it ) ของสัตวเลี้ยงลกดวยนม ที่สํารวจพบในพื้นที่คาความคลายคลง (similarity) ของสตวเลยงลูกดวยนม ทสารวจพบในพนท
ปาอนุรักษ เปรียบเทียบกับบริเวณพื้นที่แนวเชื่อมตอระบบนิเวศ คาดัชนีความเหมือน
หรือความคลายคลึง (Similarit Inde ) โดยใชสตรของJaccard’ s Similarit ; Sหรอความคลายคลง (Similarity Index) โดยใชสูตรของJaccard’ s Similarity; S
S 2S = 2c .
(A+B)
เมื่อ S = คาดัชนีความคลายคลึง
ี่ ใA = จํานวนชนิดของสัตวทีพบในบริเวณ A
B = จํานวนชนิดของสัตวที่พบในบริเวณ B
ํ ิ ั ี่ ใ ิ C = จํานวนชนิดของสัตวทีพบในบริเวณรวมระหวาง A และ B
42. H = 2.72ผลและวิจารณ
ไมยืนตน
H 2.72
D = 0 92
ดัชนี
D = 0.92
ความหลากหลาย
ของชนิดพันธ
ไมหนุม
H = 2.70
ของชนดพนธุ
(Species Diversity)
D = 0.94
กลาไม
H = 1.95
กลาไม
D = 0.85
คาดัชนี Shannon – Wiener Index : H และ Simpson's diversity Index : D