SlideShare a Scribd company logo
1 of 39
Download to read offline
Physics Online IV                 http://www.pec9.com                    บทที่ 12 เสียง
                              ฟ สิ ก ส บทที่ 12 เสี ย ง
!



      ตอนที่ 1 อตราเรวเสยง
                ั    ็ ี
      เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ ซึ่งสงผลใหโมเลกุลของอากาศเกิดการอัดตัว และขยาย
      ตัว แลวเกิดการถายทอดพลังงานไปได โดยที่อนุภาคอากาศไมไดเคลื่อนที่ไปกับพลังงานนั้น




                                                                               !
      เมอพจารณาการเคลอนทของเสยงนน จะพบวาเสียงมีลักษณะเปน คลื่นตามยาว และ การเดิน
        ่ื ิ               ่ื ่ี     ี ้ั
      ทางของเสียงนั้นตองอาศัยตัวกลางเสมอ เชนในกรณน้ี ตัวกลางก็คือ อากาศนันเอง
                                                   ี                     ่
          ดังนัน เสียงจึงมีลักษณะเปน คลื่นกล อกดวย
               ้                                ี 
1(มช 38) วางกระดิ่งไฟฟาที่สงเสียงดังตลอดเวลา และหลอดไฟฟาที่ใหแสงสวางในครอบแกว
   ที่ภายในเปนสูญญากาศแลว ขอใดถูกตองที่สุด
       1. ไมไดยินเสียงกระดิ่ง แตเ หนแสงจากหลอดไฟ
                                      ็
       2. ไมไดยินเสียงกระดิ่ง และไมเห็นแสงจากหลอดไฟ
       3. ไดยินเสียงกระดิ่ง และ เห็นแสงจากหลอดไฟ
       4. ไดยินเสียงกระดิ่ง แตไมเ หนแสงหลอดไฟ
                                 ็                                          ( ขอ 1)
                                                                                
ตอบ
      อตราเรวเสยง เราอาจหา อตราเรวเสยงไดจาก
       ั     ็ ี                ั     ็ ี 
                 v= s t           หรอ
                                    ื           v = fλ λ
            เมือ v = อัตราเร็ว (m/s) s = ระยะทางที่เสียงเคลื่อนที่ได (m)
               ่
                 t = เวลา (s)           f = ความถี่เสียง (Hz)     λ = ความยาวคลื่น (m)
      ปจจัยที่มีผลตออัตราเร็วเสียง
         1. ความหนาแนนของตัวกลาง
            อตราเรวในตวกลางทมความหนาแนนมากกวา จะมีคามากกวาในตัวกลางที่มีความ
               ั    ็     ั        ่ี ี    
            หนาแนนนอยกวา
!                                             "!
Physics Online IV                      http://www.pec9.com                 บทที่ 12 เสียง
                ตารางแสดงอัตราเร็วของเสียงในตัวกลางตางๆ ทอณหภมิ 25oC
                                                            ่ี ุ ู
                             ตัวกลาง        อัตราเร็ว (m/s)
                              อากาศ               346
                                   น้า
                                     ํ           1,498
                             นาทะเล
                                ํ้               1,531
                               เหล็ก             5,200
       2. อุณหภูมิ
       อัตราเร็วเสียง จะแปรผนตรงกบรากท่ี 2 ของอุณหภูมเิ คลวิน เพราะอุณหภูมิสูงขึ้นจะทํา
                            ั      ั
    ใหโมเลกุล มีพลังงานจลนมากขึ้น การอดตวและขยายตวเรว ทําใหเสียงเคลื่อนที่ไดเร็วขึ้น
                                        ั ั         ั ็
                    จงไดวา
                     ึ           V ∝        T
       และสําหรับในอากาศนั้น เราสามารถหาอตราเรวเสยงทอณหภมตาง ๆ ได โดยอาศย
                                         ั    ็ ี ่ี ุ ู ิ              ั
          สมการ                           หรือ
                             v = vo + 0.6 t         v = 331 + 0.6 t
              เมือ vo = อตราเรวเสยงทอณหภมิ 0oC = 331 m/s
                 ่        ั    ็ ี ่ี ุ ู
                     t = อุณหภูมิ (oC)
2(มช 31) ตัวกลางที่คลื่นเสียงผาน 3 ชนด คือ นาทะเล น้ําบริสุทธิ์ และ ปรอท ณ อุณหภูมิ
                                      ิ      ํ้
   เดียวกัน ขอใดเรียงลําดับความสามารถในการถายทอดคลื่นเสียงจากดีที่สุด ไปหาเลวที่สุด
       ก. น้ําบริสุทธิ์ ปรอท นาทะเล
                               ํ้               ข. นาทะเล น้ําบริสุทธิ์ ปรอท
                                                       ํ้
       ค. ปรอท นาทะเล น้ําบริสุทธิ์
                    ํ้                          ง. นาทะเล ปรอท น้ําบริสุทธิ์
                                                    ํ้                         (ขอ ค)
3(มช 31) อัตราเร็วของเสียงเปลี่ยนอยางไรกับอุณหภูมิ
      ก. แปรผันโดยตรงกับอุณหภูมิอาศาเซลเซียส
      ข. แปรผนโดยตรงกบอณหภมเิ คลวน
                 ั        ั ุ ู         ิ
      ค. แปรผนผกผนกบรากทสองของอณหภมิ องศาเซลเซียส
               ั    ั ั         ่ี        ุ ู
      ง. แปรผันโดยตรงกับรากที่สองอุณหภูมิเคลวิน                                (ขอ ง)
4. ณ อุณหภูมิ 35oC อัตราเร็วเสียงในอากาศจะมากกวา ณ อุณหภูมิ 30oC อยกเ่ี มตรตอวนาที
                                                                     ู       ิ
      ก. 3                 ข. 6                 ค. 12           ง. 34         (ขอ ก)
วธทา
 ิี ํ
!                                                 #!
Physics Online IV                    http://www.pec9.com                    บทที่ 12 เสียง

    ตอนที่ 2 ธรรมชาตของคลนเสยง
                    ิ    ่ื ี
      2.1 การสะทอนของเสียง
       เมื่อเสียงไปตกกระทบวัตถุที่มีขนาดใหญกวาความ
    ยาวคลื่นเสียง เสียงจะสะทอนออกจากวัตถุนั้นได
    ย้ําเพิ่มเติม
         1) หากวัตถุมีขนาดเล็กกวาความยาวคลื่นเสียง
             เมื่อเสียงตกกระทบ จะเลี้ยวออมไปทางอื่น
             ไมสะทอนออกมา
         2) หากมีเสียงสะทอนจากหลายแหลง มาถึง
             ผูฟงในชวงเวลาทีตางกันมากกวา 0.1 วินาที จะทาใหไดยนเสยงสะทอนหลายเสยง
                                 ่                          ํ  ิ ี             ี
             เรียกวาเกิด เสียงกอง




5(En 36) คัดขนาดของผลไมในขณะกําลังไหลผานมาตามรางน้ําโดยอาศัยการสะทอนของเสียง
   จากเครืองโซนาร โดยตองการแยกผลไมที่มีขนาดใหญกวา และเล็กกวา 7.5 เซนตเิ มตร
          ่
   ออกจากกัน จงหาความถี่เหมาะสมของคลื่นจากโซนาร
               ความเรวของเสยงในนา = 1500 เมตรตอวนาที
                     ็      ี    ํ้               ิ
      1. 1 kHz            2. 2 kHz           3. 10 kHz        4. 20 kHz (ขอ 4) 
วธทา
 ิี ํ




!                                           $!
Physics Online IV                   http://www.pec9.com                    บทที่ 12 เสียง
6(En 37) เรือหาปลาลําหนึ่งหาฝูงปลาดวยโซนาร
   สงคลื่นดลของเสียงความถี่สูงลงไปในน้ําทะเล
   ถาฝูงปลาอยูหางจากเครื่องกําเนิดคลื่นไปทาง
   หัวเรือเปนระยะทาง 120 เมตร และอยูลึก
   จากผิวน้ําเปนระยะ 90 เมตร หลังจากสง
                                                                                            !
   คลื่นดลจากโซนารไปเปนเวลาเทาใด จึงจะ
   ไดรับคลื่นที่สะทอนกลับมา         กําหนดความเร็วเสียงในน้ําทะเล = 1500 m/s
       1. 0.1 s               2. 0.2 s               3. 0.3 s             4. 0.4 s (ขอ 2)
                                                                                     
วธทา
 ิี ํ




7. ชายคนหนึ่งตะโกนเสียงมีความถี่ 1,000 ครัง/วินาที ออกไปยังหนาผาซึ่งอยูหางออกไป
                                           ้
      300 เมตร ปรากฏวาเขาไดยินเสียงสะทอนกลับหลังจากตะโกนแลว 4 วินาที จงหา
        ก) ความเรวเสยง
                 ็ ี                                                      (150 m/s)
        ข) ความยาวคลื่นเสียง                                          (0.150 เมตร)
วธทา
 ิี ํ



8(มช 32) บายวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งเปลงเสียงไปยังหนาผาแหงหนึ่ง ปรากฏวาไดยินเสียงของ
   ตัวเองสะทอนกลับมาหลังจากเปลงเสียงไปแลว 8 วินาที ตอมาชายคนนีเ้ ดินเขาหาหนาผา
   เปนระยะทาง 30 เมตร แลวเปลงเสียงอีก ปรากฏวาไดยินเสียงสะทอนกลับมาหลังจาก
   เปลงเสียงไปแลว 5 วินาที อยากทราบวาจุดแรกที่ชายคนนี้ยืนอยูหางจากหนาผากี่เมตร
                 
       1. 80.0             2. 857.5               3. 30              4. 27 (ขอ 1)  
วธทา
 ิี ํ




!                                           %!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                      บทที่ 12 เสียง
     2.2 การหกเหของเสยง
               ั          ี
        จากกฎของสเนลจะไดวา
                   sinθ 1      v              λ         T
                   sinθ 2    = v1 = λ 1 = T1 = n21
                                  2             2        2
   เมือ θ1 และ θ2 คือ มุมในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ
      ่
           V1 และ V2 คือ ความเร็วคลื่นในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ
           λ1 และ λ2 คือ ความยาวคลื่นในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ
           T1 และ T2 คือ อุณหภูมิ (เคลวน) ในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ
                                            ิ
                  n21 คือ คาคงที่ เรียกชือวา ดัชนีหักเหของตัวกลางที่ 2 เทียบกับตัวกลางที่ 1
                                          ่
9. อากาศบริเวณ X ทอณหภมิ 27oC บรเิ วณ Y มอณหภมิ 21oC เมื่อเสียงผานจาก
                      ่ี ุ ู                        ีุ ู
     ก. ดชนหกเหของตวกลาง Y เมือเทียบกับตัวกลาง X เปนเทาใด
         ั ี ั      ั            ่                                            (1.01)
     ข. ถาในตวกลาง Y เสียงมีอตราเร็ว 342 m/s ในตัวกลาง X เสยงจะมอตราเรวเทาใด (345.4 m/s)
           ั                ั                             ี    ีั    ็ 
วธทา
 ิี ํ




      2.3 การเลยวเบนของเสยง
                  ้ี         ี
        การเลี้ยวเบนจะเกิดไดดี เมื่อชองแคบมีขนาดเล็กกวาความ
    ยาวคลื่น หรอความยาวคลนตองใหญกวาชองแคบ นันเอง
                ื          ่ื                   ่
                                                                                          !
10. ชองหนาตางกวาง 0.8 m สูง 1.2 m จะใหเสียงที่มีความถี่มากที่สุดเทาไร ผานไป
   โดยเกิดการเลียวเบนในแนวราบ (กําหนด อุณหภูมในอากาศ 38oC)
                ้                              ิ                         (442.25 Hz)
วธทา
 ิี ํ



!                                             &!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                      บทที่ 12 เสียง
  2.4 การแทรกสอดของเสียง
        ในแนวเสริม หรือ แนวปฏิบัพ คลื่นเสียงมีการเสริมกัน จึงมีเสียงดังกวาปกติ
        ในแนวหักลาง หรือ แนวบัพ คลื่นเสียงมีการหักลางกัน จึงมีเสียงเบากวาปกติ
! ! สูตรคํานวณสําหรับหรับแนวปฏิบัพลําดับที่ n (An)
               S1P – S2P = n λ
                       d sin θ = n λ
        เมือ P คือ จุดซึ่งอยูบนแนวปฏิบัพลําดับที่ n(An)
           ่
             S1P คือ ระยะจาก S1 ถึง P
             S2P คือ ระยะจาก S2 ถึง P
              λ คือ ความยาวคลื่น (m)
               n คือ ลําดับที่ของปฏิบัพนั้น
               d คือ ระยะหางจาก S1 ถึง S2
              θ คือ มุมที่วัดจาก A0 ถึง An
     สูตรคํานวณสําหรับแนวบัพลําดับที่ n (Nn)
                   S1P – S2P = (n – 1 )λ
                                       2
                      d sin θ = (n – 21)λ
          เมือ n คือ ลําดับที่ของแนวบัพนั้น
             ่
11. จากรูป S1 และ S2 เปนลําโพง 2 ตัว วางหางกัน 3 เมตร ใหคลื่นขนาดเดียวกันและมี
                           
   เฟสตรงกัน ถา P เปนตาแหนงเสยงดงครงทสอง หางจากแนวกลางในทิศทํามุม 30o
                              ํ       ี ั ้ั ่ี
   คลื่นที่แผมีความยาวกี่เมตร
       ก. 0.5                    ข. 0.75          ค. 0.9         ง. 1.2 (ขอ ข)
วธทา
 ิี ํ


12. A และ B เปนลําโพง 2 ตัววางหางกัน 2 เมตร ในที่โลง P เปนผูฟงหางจาก A 4 เมตร
              
   และหางจาก B 3 เมตร เสียงความถี่ต่ําสุดที่คลื่นหักลางกันทําใหไดยินเสียงเบาที่สุดเปนเทาไร
    (กําหนด ความเรวเสยง = 340 m/s)
                   ็ ี                                                                 (ขอ 4)
      1. 270 Hz           2. 230 Hz                 3. 190 Hz               4. 170 Hz
!                                             '!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                      บทที่ 12 เสียง
วธทา
 ิี ํ




13(En 41) จากรูปเปนทอซึ่งตรงกลางมีทางแยกเปนสวนโคงรูปครึ่งวงกลมรัศมี r เทากับ
   14 เซนตเิ มตร ถาอตราเรวของเสยงในทอเทากบ 344 เมตรตอวนาที ใหคลื่นเสียงเขาไป
                    ั      ็     ี        ั                   ิ
   ในทอทางดาน S ความถี่ของเสียงที่ทําใหผูฟงที่ปลายดาน D ไดยินเสียงคอยที่สุดมีคาเทาใด
      1. 287 Hz
      2. 574 Hz
      3. 718 Hz
      4. 1075 Hz                                                            !         (ขอ 4)
                                                                                         
วธทา
 ิี ํ




                      !!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!""


    ตอนที่ 3 ความเขมเสียง
     3.1 ความเขมเสียง
         เสียงที่ออกมาจากจุดกําเนิดจะมีลักษณะแผออกเปนทรงกลมคลายลูกบอล กวางออกไป   
    เรือย ๆ ความเขมเสียง (I) คือ อัตราสวนของกําลังเสียง ตอ พื้นที่ที่เสียงกระจายออกไป
       ่
                  I= P           หรือ        I= P
                         A                       4πR 2
          เมื่อ I = ความเขมเสียง (วัตต/ตารางเมตร)
                P = กําลังเสียง (วัตต)
               A = พนท่ี (ตารางเมตร)
                      ้ื
               R = รัศมีวงกลม (เมตร)
!                                             (!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                       บทที่ 12 เสียง
    โปรดทราบ # ความเขมเสียงมากที่สุดที่หูคนเราทนฟงได 1 w/m2
       $ ความเขมเสยงนอยทสดทคนเราไดยนคอ 10–12 !w/m2 เราใชสัญลักษณ Io
                   ี  ่ี ุ ่ี             ิ ื
        % ถาเรานําความเขมที่จุดใด ๆ หารดวย Io ผลทไดเ รยกวา ความเขมสัมพัทธ
                                                     ่ี ี 
                   ดังนั้น       ความเขมสมพทธ = I
                                        ั ั
                                                   I
                                                       o
14. หวูดรถไฟมีกําลังเสียง 20 วตต จงหาความเขมเสียงที่จุดหางจากหวูด 150 เมตร
                              ั
วธทา
 ิี ํ                                                                   (7.07x10–5 w/m2)



15(มช 39) สมมติยุงตัวหนึ่งๆ โดยเฉลี่ยแลวเวลาบินทําใหเกิดเสียงหึ่งๆ ที่มีกําลัง 3.14x10–14 !
   วตต ขณะที่ยุงบินจากระยะไกลเขาหาเด็กคนหนึ่ง เด็กคนนี้จะเริ่มไดยินเสียงยุง เมื่อยุงอยูที่
      ั
   ระยะหางจากเขากี่เซนติเมตร ถาเสียงเบาที่สุดที่เขาสามารถไดยินมีความเขม 10–12 W*+2
        1. 5              2. 10                 3. 25                     4. 40        (ขอ 1)
                                                                                         
วธทา
 ิี ํ




!
16(En 44/1) ในการทดลองเรื่องความเขมของเสียงวัดความเขมของเสียงที่ตําแหนงที่อยูหาง ไป
   10 เมตร จากลําโพงได 1.2x10–2 วัตตตอตารางเมตร ความเขมเสียงที่ตําแหนง
                                        
   30 เมตร จากลําโพงจะเปนเทาใด
      1. 1.1x10–2 W*+2                      2. 0.6x10–2 W*+2
      3. 0.4x10–2 W*+2                      4. 0.13x10–2 W*+2                     (ขอ 4)
                                                                                    
วธทา
 ิี ํ




!                                             )!
Physics Online IV                       http://www.pec9.com                     บทที่ 12 เสียง
     3.2 ระดับความเขมเสียง
      คาความเขมเสียง เปนคาทีมคานอย ตัวเลขยุงยาก เราจงนยมเปลยนใหอยในรปทดงายขน
                                ่ ี                    ึ ิ    ่ี   ู ู ่ี ู  ้ึ
      คือ รปของ ระดับความเขมเสียง (β) วธการเปลยน จะใชสมการ
           ู                                ิี      ่ี
                    β = 10 log I                β = 10 log       I
                               I                              10 - 12
                                 o
                    เมือ β คือ ระดับความเขมเสียง (เดซเิ บล , dB)
                       ่
                           I คือ ความเขมเสียง (วตต/ ตารางเมตร)
                                                 ั
                         Io คือ ความเขมเสียงนอยสุดทียงไดยน = 10–12 วตต/ ตารางเมตร
                                                        ่ั ิ             ั
    หมายเหตุ        1. log 10 = 1
                    2. log Mx = x log M       เชน log 105 = 5 log 10 = 5(1) = 5
                    3. log x = log y ก็ตอเมือ x = y
                                         ่
17. จงหาระดับความเขมเสียง ณ.จุดซึ่งมีคาความเขมเสียง 1 x 10–7         -*+2        ( 50 dB )
วธทา
 ิี ํ

18. หากความเขมเสียง เสียงสูงสุดที่หูคนเราจะทนฟงได มีคา 1      -*+2    จงหาระดบความ
                                                                                 ั
   เขมเสียงสูงสุดที่หูคนเราจะทนฟงได                                             ( 120 dB )
วธทา
 ิี ํ

19. จงหาระดับความเขมเสียง เสียงเมื่อผูฟงอยูหางจากวิทยุ 1 เมตร เมื่อกําลังเสียงของวิทยุ
   เทากับ 4π x 10–3 วตต
                      ั                                                             ( 90 dB )
วธทา
 ิี ํ



20(มช 43) เสียงที่มีระดับความเขมเสียง 80 เดซิเบล จะมีความเขมเสียงในหนวย -*+2 เทาใด
      1. 10–2             2. 10–4               3. 10–6              4. 10–8   (ขอ 2)
                                                                                  
วธทา
 ิี ํ




!                                               ,!
Physics Online IV                 http://www.pec9.com                  บทที่ 12 เสียง
21. ณ จุดหนึง เสียงจากเครื่องจักรมีระดับความเขมเสียงวัดได 50 เดซิเบล จงหาความเขมเสียง
             ่
   จากเครองจกร ณ จุดนัน กําหนดใหความเขมเสียงที่เริ่มไดยินเปน 10–12 W/m2
          ่ื ั          ้                                                        (ขอ 2)
                                                                                   
      1. 10–5 W/m2 2. 10–7 W/m2                 3. 10–9 W/m2          4. 10–17 W/m2
วธทา
 ิี ํ

22(มช 31) วางเครื่องวัดระดับเขมเสียงหางจากลําโพง 10 เมตร พบวาระดับความเขมเสียง
   เทากับ 100 เดซิเบล กําลังเสียงจะเทากับกี่วัตต                           (ขอ 2)
                                                                                 
       1. 12.5x104 วตต!
                    ั           2. 12.6 วตต
                                         ั          3. 3.14 วตต
                                                             ั     4. 10–2 วตต!
                                                                            ั
วธทา
 ิี ํ




! สูตรเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับความเขมเสียง!
                                   I                                 P
                  β2 – β1 = 10 log I2               β2 – β1 = 10 log P2
                                     1                                1
                                     R 2                             P R2
                  β2 – β1 = 10 log R1               β2 – β1 = 10 log P2 R1
                                                                         2
                                       2                              1 2
              เมือ β1 , β2 คือ ระดบความเขมเสยงตอนแรก และ ตอนหลัง (เดซิเบล)
                 ่                   ั         ี
                     I1 , I2 คือ ความเขมเสียงตอนแรก และ ตอนหลัง (วตต/ตารางเมตร)
                                                                     ั
                    P1 , P2 คือ กําลังเสียงตอนแรก และ ตอนหลัง (วตต)
                                                                ั
                   R1 , R2 คือ ระยะหางตอนแรก และ ตอนหลัง (เมตร)
                                        
23(มช 31) ลําโพง 1 ตัว ใหเสียงที่ระดับความเขมของเสียง 60 dB ถาใชลําโพงชนิดเดียวกัน
   10 ตัว จะใหความเขมของเสียงกี่ dB                                          (ขอ ค)
                                                                                  
      ก. 600 dB            ข. 100 dB             ค. 70 dB           ง. 60 dB
วธทา
 ิี ํ

!
!

!                                             ".!
Physics Online IV                   http://www.pec9.com                    บทที่ 12 เสียง
24(มช 34) ยงตวหนงเมอบนมาทประตหองซงอยหางจาก นาย ก. 20 เมตร พบวาทําใหระดับ
           ุ ั ่ึ ่ื ิ       ่ี    ู  ่ึ ู 
   ความดังมาถึงหูนาย ก. มีขนาด 20 เดซิเบล ถายุง 100000 ตัว ระดับความดังที่มาถึงหูนาย ก.
   จะมีขนาดกี่ dB                                                                (70 dB)
วธทา
 ิี ํ




25(มช 33) เมื่ออยูหางจากแหลงกําเนิดเสียงเปนระยะ 5 เมตร วัดระดับความเขมเสียงได 50 dB
   ถาที่ระยะหางจากแหลงกําเนิดเสียง 50 เมตร ระดับความเขมเสียงจะมีคากี่เดซิเบล (30dB)
วธทา
 ิี ํ




!
!
26(En 44/1) ระดับความเขมเสียงในโรงงานแหงหนึ่งมีคา 80 เดซิเบล คนงานผหนงใสเ ครอง
                                                                        ู ่ึ     ่ื
   ครอบหูซึ่งสามารถลดระดับความเขมลงเหลือ 60 เดซิเบล เครื่องดังกลาวลดความเขมเสียง
   ลงกเ่ี ปอรเ ซนต
                 ็                                                            (ขอ 4)
      1. 80 %              2. 88 %             3. 98 %              4. 99 %
วธทา
 ิี ํ




!                                          ""!
Physics Online IV                      http://www.pec9.com                             บทที่ 12 เสียง

     ตอนที่ 4 เสียงดนตรี
      4.1 ความดังเบาของเสียง
         ความดงหรอเบาของเสยงขนอยู อัมปลิจูดของคลื่นเสียง
                ั ื             ี ้ึ
            ถาคลื่นเสียงมีอัมปลิจูดสูง เสียงจะดัง
            ถาคลื่นเสียงมีอัมปลิจูดต่ํา เสยงจะเบา
                                           ี
                                                                                                    !
      4.2 ระดับเสยง ( ความทุมแหลมของเสียง )
                   ี             
         ความทุม แหลม ของเสียงจะขึ้นอยู ความถี่ของคลื่นเสียง
            ถาคลื่นเสียงมีความถี่สูง เสยงจะแหลม เรยกวา ระดับเสียงสูง
                                          ี           ี 
            ถาคลื่นเสียงมีความถี่ต่ํา เสียงจะทุม เรยกวา ระดับเสียงต่ํา
                                                     ี 
         ชวงความถี่ของเสียงที่หูคนปกติจะไดยิน คือ ชวง 20 – 20000 Hz เทานน
                                                                         ้ั
            เสียงที่มีความถี่ต่ํากวา 20 Hz ลงไปเรียก Infra Sonic
            เสียงที่มีความถี่สูงกวา 20000 Hz ขนไปเรยก Ultra Sonic
                                                  ้ึ   ี
            หูคนปกติจะไมไดยินเสียงพวกนี้
27. สมบัติของเสียงขอใดที่มีผลตอความดังของเสียงมากที่สุด
     ก. ความยาวคลื่น         ข. ความถี่        ค. อมพลิจด
                                                   ั      ู                ง. ความเรวคลน (ขอ ค)
                                                                                    ็ ่ื 
28(มช 37) ความถี่ของคลื่นเสียงที่ระดับความเขมเสียง 70 เดซิเบล ที่หูของคนปกติไม
   สามารถไดยิน คือ
     1. 30                  2. 1000            3. 10000        4. 30000        (ขอ 4)
                                                                                 

    เกี่ยวกับตัวโนตดนตรี        คู 8 หรือ!     2 คู 8 !       3 คู 8 !       4 คู 8 !
                                 เสียงที่ 8 ! (เสียงที่ 16 )! (เสียงที่ 24 )! (เสียงที่ 32 )!
       เสียงมูลฐาน !
                                 Harmonicที่ 2 Harmonicที่ 3 Harmonicที่ 4 Harmonicที่ 5
       Harmonicที่ 1

          โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด …..               โด ….         โด …..        โด
    ความถี่ (Hz) 256                512 Hz        1024 Hz        2048 Hz         4096 Hz
29. ถาระดับเสียงโนต C มีความถี่ 256 Hz เสียงที่ 16 ของระดับเสียง C มีคาเทาไร
       ก. 512 Hz            ข. 1024 Hz       ค. 2048 Hz       ง. 4096 Hz       (ขอ ข)
                                                                                 
!                                              "#!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                     บทที่ 12 เสียง
30. คลื่นเสียงที่ความถี่ 1200 เฮิรตซ เปนเสียงสามคูแปดของเสียงที่มีความถี่เทาไร
      ก. 600                ข. 400            ค. 300           ง. 150                  (ขอ ง)
    4.3 คุณภาพเสียง
        เวลาเราฟงเสียงเครืองดนตรีหลาย ๆ ชนด เชน ขลุย และเปยโน ซึงเลนโนตตัวเดียวกัน
                              ่                  ิ                      ่
    พรอม ๆ กัน แตเรายังสามารถแยกออกไดวา เสียงใดเปนเสียงขลุย เสยงใดเปนเสียงเปยโน
                                                                       ี              
    ทั้งนี้เพราะเสียงทั้งสองจะมีลักษณะที่ตางกัน
             ที่เปนเชนนี้เพราะเสียงแตละเสียงจะมี Higher Hamonic และความเขมสัมพัทธ
    แตละ Hamonic ไมเทากัน จึงทําใหเสียงแตละเสียงมีลักษณะที่ตางกัน ลักษณะของเสียง
    เราเรียกวาคุณภาพเสียง

          ตัวอยางสมมุติ        90%       4%        4%        1%        1%
                 เสียงขลุย     โด        โด        โด        โด        โด
                 เสียงเปยโน    โด        โด        โด
                                95%        3%       2%

31(En 41) วงดนตรทประกอบดวยเครองดนตรหลายชนด เมอเลนพรอมกน แตเราสามารถแยก
                    ี ่ี             ่ื     ี         ิ ่ื   ั
   ไดวาเสียงใดเปนเสียงไวโอลิน เสียงใดเปนเสียงขลุย และเสียงใดเปนเสียงเปยโน เนืองจาก
                                                                                    ่
   เสียงดนตรีแตละชนิดมีลักษณะเฉพาะตามขอใดที่ตางกัน                                 (ขอ 4)
       1. ระดับเสียง       2. ระดับความเขมเสียง 3. ความถี่เสียง 4. คุณภาพเสียง
32(มช 34) คุณภาพเสียงอธิบายไดดวยคุณสมบัติของเสียงขอใด
     ก. ความดังของเสียง และระดับความดัง
     ข. ความถี่ของเสียง และความเร็วของเสียง
     ค. ระดับเสียง และความถี่ธรรมชาติ
     ง. จานวนฮารโมนก และ ความเขมของเสียงของฮารโมนิก
          ํ        ิ                                                                  (ขอ ง)

    4.4 บีสตของเสียง
       หากมีคลื่นเสียง 2 คลื่น ซึ่งมีความถี่ตางกันเล็กนอยเขามาปนกัน คลื่นทั้งสองจะเกิด
    การแทรกสอดกันเอง แลวจะไดคลื่นรวมที่มีอัมปลิจูดสูงต่ําสลับกันไป เสียงที่เกิดจากคลื่น
    รวมจะมีลักษณะดังสลับกับเบา ปรากฏการณที่เกิดขึ้นนี้ เรยกวา บีสตของเสียง
                                                             ี 
!                                            "$!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                     บทที่ 12 เสียง




      จํานวนครั้งที่เสียงดังใน 1 หนวยเวลาเรียก ความถี่บีตส ซึ่งหาจาก
                        fB = f1 – f2 
          เมือ f1 คือ ความถี่เสียงที่ 1
             ่                                  f2 คือ ความถี่เสียงที่ 2
      และ ความถี่คลื่นเสียงรวมหาจาก
                               f +f
                     fรวม = 1 2
                                 2
      ปกติแลว หูคนเราจะไดยินเสียงบีสตที่มีความถี่ไมเกิน 7 Hz
33(En 31) เมื่อจะทําการทดลองเกี่ยวกับสมบัติของคลื่นเสียงเรื่องบีสต เราจําเปนตองใช
      1. เครองกาเนดสญญาณเสยง 1 เครอง ลําโพง 1 ตัว
               ่ื ํ ิ ั            ี   ่ื
      2. เครองกาเนดสญญาณเสยง 1 เครอง ลําโพง 2 ตัว
              ่ื ํ ิ ั           ี     ่ื
      3. เครองกาเนดสญญาณเสยง 2 เครอง ลําโพง 2 ตัว
             ่ื ํ ิ ั          ี          ่ื
      4. เครองกาเนดสญญาณเสยง 3 เครอง ลําโพง 3 ตัว
            ่ื ํ ิ ั         ี         ่ื                                             (ขอ 3)
                                                                                        
34(มช 32) ในการปรับเสียงเปยโน โดยผูปรับใชวิธีเคาะสอมเสียง ความถี่มาตรฐานเทียบกับ
   เสียงที่ไดจากการกดคียเปยโนคียหนึ่ง ถาเสียงที่ไดยินเปนลักษณะดังแลวคอยจางหาย แลว
   ดังอีกเปนจังหวะสลับกันไป เขาก็จะปรับความตึงของลวดเปยโนจนกวาเสียงที่ไดยิน จะดัง
   เปนเสยงเดยวตอเนองกนไป การกระทําอยางนี้อาศัยหลักการของปรากฏการณที่เรียกวา
       ี ี  ่ื ั
       ก. Doppler effect (ปรากฏการณดอปเปเปอร) ข. Resonance (กําทอน)
       ค. Shock waves (คลื่นกระแทก)                         ง. Beats                  (ขอ ง)
                                                                                        
35(En 41) นกเรยนคนหนงเลนไวโอลนความถ่ี 507 เฮิรตซ และนกดนตรอกคนหนงเลนกตาร
            ั ี        ่ึ         ิ                      ั     ีี        ่ึ  ี
   ความถี่ 512 เฮิรตซ ถาทั้งสองคนเลนพรอมกัน จะเกิดปรากฏการณบีตสที่ความถี่เทาใด
      1. 2.5 Hz             2. 5.0 Hz       3. 10 Hz         4. 509.5 Hz (ขอ 2)  

!                                            "%!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                     บทที่ 12 เสียง
36(En 40) ในการปรับเสียงของเปยโนระดังเสียง C โดยเทียบกับสอมเสียงความถี่ 256.0 Hz
   ถาไดยินเสียงบีตสความถี่ 3.0 ครัง/วินาที ความถี่ที่เปนไปไดของเปยโนมีคาเทาใด
                                     ้
       1. 256 Hz                                2. 254.5 หรือ 257.5 Hz
       3. 253 หรือ 259 Hz                       4. 250 หรือ 262 Hz                    (ขอ 3)
                                                                                        
วธทา
 ิี ํ

37. คลื่น 2 ขบวน A และ B มีแอมปลิจูดเทากัน คลื่นละ 2 เซนตเิ มตร มีความถี่ 200 และ
   204 เฮิรตซ ตามลําดับ ถาคลื่นทั้งสองเขารวมกันเปนคลื่น C ความถี่ของคลื่น C และ
   ความถี่บีสตของคลื่น C มีคาเทาใด ในหนวยของเฮรตซ
                                                    ิ
      1. 200 และ 2          2. 202 และ 4        3. 204 และ 6      4. 206 และ 8 (ขอ 2)
                                                                                    
วธทา
 ิี ํ



    4.5 คลื่นนิ่ง
       คลื่นนิ่ง เปนปรากฏการณแทรกสอดของคลื่นเสียงที่ตกกระทบ กับคลื่นเสียงที่สะทอน
    จากตัวกลาง ทําใหเกิดตําแหนงเสียงดังและเสียงคอยสลับกันไป
       ตาแหนงเสยงดง เรียกวา ปฏิบัพ (A) และ ตาแหนงเสยงคอย เรียกวา บัพ (N)
        ํ        ี ั                                ํ     ี 




                                                                       !
38(มช 40) ลําโพง A และ B ในรูปมีกําลัง และสมบัติอื่น ๆ เหมือนกันทุกประการถา A และ
   B ตางกําลังสงสัญญาณเสียงเปนรายการเพลงที่กําลังออกอากาศทางสถานีวิทยุแหงหนึ่ง
   โดยสญญาณทปอนเขาสลาโพงทงสองนเ่ี หมอนกนทกประการตลอดเวลา ความเขมเสียง
         ั        ่ี   ู ํ    ้ั       ื ั ุ
   ทีตาแหนงตาง ๆ บนแนวแกน (แนวเสนตรง PQ) ที่เชื่อมระหวางลําโพงทั้งสองนี้จะมี
     ่ ํ
   ลักษณะเปนอยางไร
!                                            "&!
Physics Online IV                                           http://www.pec9.com                                               บทที่ 12 เสียง
          1.   มีคาต่ําสุดที่ R ซึ่งอยูกึ่งกลางระหวาง ลําโพง A และ B พอดี
          2.   มีคาสม่ําเสมอเทากันตลอด
          3.   มีคาสูงสุดที่ R
          4.   มีคาเปนศูนยที่บางตําแหนงระหวาง P และ Q                                                                                  (ขอ 4)
                                                                                                                                              
วธทา
 ิี ํ
!

     4.6 ความถี่ธรรมชาติ และ การสั่นพอง
        เมื่อวัตถุถูกกระทบกระเทือน โดยทั่วไปแลววัตถุจะเกิดการสั่นสะเทือนดวยความถี่เฉพาะ
ตวคาหนง เรียกความถี่นี้วา ความถี่ธรรมชาติของวัตถุนั้น เชนลูกตุมที่แขวนติดกับสายแกวง
  ั  ่ึ
เมื่อถูกกระทบกระเทือน ก็จะแกวงไปมาดวยความถี่ธรรมชาติของลูกตุมนั้น
        และเมื่อวัตถุนั้นถูกแรงภายนอกมากกระทําอยางตอเนื่องดวยความถี่เทากับความถี่ธรรม
ชาติของวัตถุ จะทําใหวัตถุเกิดการสั่นสะเทือนอยางรุนแรง เราเรยก ปรากฏการณการสั่นอยาง
                                                              ี
รุนแรงเนืองจากเหตุเชนนีวาเปน การสั่นพอง
            ่               ้
39. จงยกตัวอยางการสั่นพอง มา 2 ตวอยาง                   ั
   .................. .................. .................. .................. .................. .................. ...............................
40.(En 44/2) ลูก A B C D และ E แขวน
   กับเชือกที่ขงตง ดงแสดงในรป เมื่อผลักลูก
                    ึ ึ ั   ู
   ตุม A ใหแกวง ลูกตุมใดจะแกวงตามลูก
      
   ตุม A อยางเดนชัด
                                                                                            A                     C
                                                                                                                                        E
          1. ลูกตุม B
          2. ลูกตุม C                                                                                 B
                                                                                                                             D
          3. ลูกตุม D
          4. ลูกตุม E             (ขอ 4.)
วธทา
 ิี ํ




!                                                                       "'!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                      บทที่ 12 เสียง
    4.7 การสนพองของเสยง (Resonance)
                ่ั         ี
        เมื่อเรานําจุกปากกา หรอ ทอปลายตันเล็กๆ มาผว จะพบวาบางครั้งจะมีเสียงดังวี๊ดออกมา
                                ื                    ิ
    ทั้งนี้เพราะลม หรือเสียงที่เราเปาเขาไปจะกระทบกับโมเลกุลอากาศในจุกปากกา ทาใหโมเลกล
                                                                                 ํ       ุ
    เหลานั้นถูกอัดและขยายอยางตอเนื่อง และมลกษณะเปนคลน เมอไปกระทบผนงดานในคลน
                                                ีั       ่ื        ่ื          ั          ่ื
    นั้นจะเกิดการสะทอนออกมา แลวมาแทรกสอดกับคลื่นที่เขาไปเกิดเปนคลื่นนิ่งและ หากตรง!
    ตําแหนงปากทอเปนแนวปฏิบัพของคลื่นนิ่งนั้นจะทําใหโมเลกุลตัวกลาง (อากาศ) สั่นสะเทือน!
    อยางรุนแรงกวาปกติทําใหเสียงที่ออกมาจากทอนั้น ดังกวาปกติเชนกัน
        ปรากฏการณที่มีเสียงดัง อันเกิดจาก
    อนุภาคตัวกลางสั่นสะเทือนอยางรุนแรงเชน
    นี้ เรียกวาการสั่นพองของเสียง (กําทอน)
    ควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสั่นพอง
    ประการที่ 1 ทอที่ทําใหเกิดเสียงดัง จะตอง
      เปนทอที่มีความพอดีที่จะทําใหปากทออยู
      ตรงกับแนวปฏิบัพของคลื่นนิ่งพอดี หาก
      ปากทอตรงกับแนวบัพจะไมเกิดเสียงดัง
      ดังแสดงในรูปภาพ

    และที่สําคัญ
       ความยาวที่ทําใหเกิดสั่นพองแตละครั้ง
       ที่อยูถัดกัน จะอยูหางกัน = λ
                                     2
                                                                                                 !

       ความยาวจากปากทอถึงจุดที่เกิดสั่นพอง
       ครงแรก จะมีความยาว = λ
           ้ั                         4                                                 !
41. การทดลองหาอัตราเร็วเสียงในอากาศโดยใชหลอดกําทอน พบวาหลังจากเกิดสั่นพองแลวก็
    เลื่อนลูกสูบถอยหลังไปอีก 25 cm จงเกดสนพองอกครง ถาความถี่ 680 Hz จงหาอัตรา
                                    ึ ิ ่ั  ี ้ั
   เร็วเสียงในอากาศ                                                     (340 m/s)
วธทา
 ิี ํ

!                                               "(!
Physics Online IV                       http://www.pec9.com                         บทที่ 12 เสียง
42(En 26) การทดลองเรองการกาทอนของเสยงโดยใชหลอดกาทอน พบวาเกดกาทอนครงแรก
                         ่ื     ํ         ี            ํ           ิ ํ           ้ั
   และครั้งที่สอง ที่ระยะ 0.15 เมตร และ 0.50 เมตร จากปากทอตามลําดับ ถาความเรวของ
                                                                                ็
   เสียงใน ขณะนั้นเทากับ 350 เมตร/วินาที จงหาความถี่ของคลื่นสียงที่ใช        (ขอ ข) 
       ก. 400 Hz             ข. 500 Hz           ค. 600 Hz            ง. 1000 Hz
วธทา
 ิี ํ



43(มช 41) วางลําโพงชิดกับปลายขางหนึ่งของหลอดเรโซแนนซ เลื่อนลูกสูบออกชา ๆ
   จนกระทั่งไดยินเสียงดังเพิ่มขึ้นมากที่สุดครั้งแรกที่ระยะหางจากปลายหลอด 3.3 เมตร
   ความเร็วเสียงในอากาศมีคา 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่ของเสียงจากลําโพง (25 Hz)
วธทา
 ิี ํ




    ประการที่ 2 หากมีทอปลายตัน มีความยาวขนาดหนึ่ง หากเราปรับความถี่ของเสียงที่เปา
                เขาไปใหเหมาะสม อาจทําใหเกิดการสั่นพองไดเชนกัน ความถี่ที่ทําใหเกิด
                การสั่นพองนั้น สามารถคํานวณหาไดจาก
                                   nv
                              f = 4L
       เมือ f คือ ความถี่เสียงที่เปาเขาไปแลวทําใหเกิดการสั่นพอง
          ่
            v คือ ความเรวเสยง m/s
                          ็ ี                                                                    !

            L คือ ความยาวลําอากาศ หรือ ความยาวทอกําทอน (m)
            n คือ จํานวนเต็มบวกคี่ คือ 1 , 3 , 5 , 7 , 9 , ....
       ถา n = 1 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งแรก เรียกความถี่นี้วา ความถี่มูลฐาน
                    หรือ Harmonic ที่ 1
       ถา n = 3 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 2 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 2
       ถา n = 5 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 3 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 3
       หมายเหตุ สูตรนี้ใชสําหรับทอปลายตัน ( คือ ทอที่มีปลายดานหนึ่งปดไว)
!                                               ")!
Physics Online IV                    http://www.pec9.com                     บทที่ 12 เสียง
44. ถาความเร็วของเสียงในอากาศเทากับ 340 เมตร/วินาที สอมเสียงจะตองสั่นดวยความถี่ต่ํา
   สุดเทาใดจึงจะทําใหเกิดกําทอนไดเมื่อจอใกลปากกระบอกตวงซึ่งยาว 20 เซนติเมตร (425 Hz)
วธทา
 ิี ํ




45(มช 40) โดยปกติคลื่นเสียงจะเขาสูระบบการรับฟงเสียงของหูคนเราโดยผานชองรูหู (ear canal)
   ไปตกกระทบเยื่อแกวหูที่ปลายชองรูหูซึ่งจะสั่นตามจังหวะของคลื่นเสียงนั้น ชองรูหูจึงเปน
   ดานแรกทชวยขยายสญญาณเสยงทผานเขาไป
             ่ี     ั        ี ่ี                 ถาความยาวของชองรหของคนทวไปมคา
                                                                     ู ู        ่ั     ี
   ประมาณ 2.5 เซนติเมตร แสดงวาคนเราควรจะรบฟงเสยง ความถ่ี ประมาณกี่เฮิรตซได
                                                     ั  ี
   ไวเปนพิเศษ (ให Vเสียง = 350 m/s)
        1. 3000          2. 3500               3. 4600              4. 700           (ขอ 2)
                                                                                       
วธทา
 ิี ํ




46(En 38) หลอดเรโซแนนซทใชในการทดลองชดหนง จะใหความดันสูงสุดสามครั้ง เมือเลือน
                           ่ี              ุ ่ึ                           ่ ่
   ตําแหนงลูกสูบไปตามความยาวของหลอดเรโซแนนซ ถาตําแหนงสุดทายดัง เมื่อลูกสูบหาง
   จากลําโพงมากที่สุดและหางจากปลายกระบอกสูบ 100 เซนตเิ มตร อยากทราบวาลําโพงสั่น
   ดวยความถี่กี่เฮิรตซ    (กําหนดความเร็วเสียงในอากาศเปน 348 m/s)     (435 Hz)
วธทา
 ิี ํ




!                                           ",!
Physics Online IV                       http://www.pec9.com                        บทที่ 12 เสียง

    ในกรณีที่ทอกําทอนมีปลายเปดทั้งสองขาง เราสามารถหาคาความถี่เหมาะสมทําใหเสียงดัง
    ไดจากสูตร                nv
                         f = 2L

          เมือ f คือ ความถี่เสียงที่เปาเขาไปแลวทําใหเกิดการสั่นพอง
             ่
               v คือ ความเรวเสยง (m/s)
                             ็ ี
               L คือ ความยาวลําอากาศ หรือ ความยาวทอกําทอน (m)
               n คือ จานวนเตมบวกธรรมดา คือ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , .....
                      ํ        ็
          ถา n = 1 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งแรก เรียกความถี่นี้วา ความถี่มูลฐาน
                     หรือ Harmonic ที่ 1
          ถา n = 2 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 2 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 2
          ถา n = 3 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 3 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 3
47. คลื่นเสียงขบวนหนึ่งทําใหเกิดกําทอนลําดับ 1 ในกลองไมกลวงที่เปดทุกดานมีความยาว 0.5
    เมตร ความถี่ธรรมชาติของกลองไมนี้เทากับกี่เฮิรตซ (ใหอตราเร็วเสียง = 330 m/s)
                                                             ั
      ก. 330                ข. 495                   ค. 660              ง. 3x10–3 (ขอ ก)
                                                                                     
วธทา
 ิี ํ
!
!
!
!
!
!
    สําหรับความถี่เสียงที่เกิดจากสายสั่น เราสามารถหาความถี่เสียงที่เกิดไดจากสูตร
                              f= n T
                                  2L µ
               เมือ f คือ ความถี่เสียงที่เกิดจากสายสั่น (Hz)
                   ่
                      n คือ จํานวน Loop คลื่นนิ่งที่เกิดในสายสั่น
                      L คือ ความยาวสายสั่น (เมตร)
                     T คือ แรงดึงสายสั่น (นิวตัน)
                     µ คือ มวลสายสั่นซึ่งยาว 1 เมตร (กิโลกรัม)

!                                              #.!
Physics Online IV               http://www.pec9.com                 บทที่ 12 เสียง
48(En 33) ในการดีดพิณระดับเสียง จะเพิ่มขึ้นไดเมื่อ
      ก) ความตึงของสายพิณเพิ่มขึ้น
      ข) สายพิณยาวขึ้น
      ค) น้ําหนักตอความยาวของสายพิณมีคาเพิ่มขึ้น
      ง) จํานวนคลื่นนิ่งที่เกิดขึ้นในสายพิณมีจํานวนมากขึ้น
   จงพจารณาวาขอความขางตนขอใดถก
       ิ                    ู                                             (ขอ 1)
                                                                                  
      1. ก และ ง               2. ข และ ค           3. ข เทานน
                                                            ้ั      4. ถูกทุกขอ
วธทา
 ิี ํ



49(En 33) เสนลวดยาว 1 เมตร ถกดงดวยแรงดงขนาดหนง เมื่อดีดจะทําใหเกิดเสียงที่มีคา
                                    ู ึ       ึ         ่ึ
   ความถี่มูลฐานเปน 200 เฮิรตซ ถาเพมแรงดงอก 900 นิวตัน จะทําใหคาความถี่มูลฐาน
                                        ่ิ    ึ ี
   ของเสียงที่เกิดจากลวดเสนนี้เปลี่ยนไปเปน 400 เฮิรตซ อยากทราบวามวลของเสนลวดนี้
   เทากับเทาไร                                                             (ขอ 4)
                                                                                
       1. 1.22 กรัม      2. 1.44 กรัม           3. 1.66 กรัม        4. 1.88 กรัม
วธทา
 ิี ํ




!
!
!
!
!
!
!
!


!                                          #"!
Physics Online IV                     http://www.pec9.com                        บทที่ 12 เสียง
    ตอนที่ 5 ปรากฏการณดอปเปลอร และ คลืนกระแทก
                                        ่
    5.1 ปรากฏการณดอปเปลอร
                  
          หมายถง ปรากฏการณเปลี่ยนแปลงระดับเสียง (ความถี่ของเสียง) เมอแหลงกาเนด
               ึ                                                     ่ื   ํ ิ
                 และ ผสงเกตเุ คลอนทดวย ความเร็วสัมพัทธตอกัน
                      ู ั      ่ื ่ี 




                                   เสยงกระจายออกจากเปยโน
                                     ี               




     ขับรถหนีออก เสมือนลากความยาวคลื่น                  ขบรถเขา เสมือนกดความยาวคลื่นเสียง
                                                         ั      
     เสียงใหยืดยาวออก จะทําใหความถี่เสียง             ใหสั้นลง จะทําใหความถี่เสียงเพิ่มขึ้น
     ลดลง และไดยินเสียงทุมลง                          และไดยินเสียงแหลมขึ้น
                                               เสยงแตรออกจากมอเตอรไซด
                                                 ี                




    หากความเรวรถยนตนอยกวา มอเตอรไซด
               ็                                 หากความเรวรถยนต มากกวา มอเตอรไซด
                                                                ็                         
    เสมือนวาความยาวคลื่นเสียงถูกมอเตอรไซด         เสมือนวาความยาวคลื่นเสียง ถูกรถยนตดึง
    กดดนเขามา ทําใหความยาวคลื่นลดลง
        ั                                           ใหยืด ทําใหความยาวคลื่นยาวขึ้น ความถี่
    ความถี่มากขึ้น เสียงที่ไดยินจะแหลม              ลดลง เสียงที่ไดยินจะทุม
!                                              ##!
Physics Online IV                        http://www.pec9.com                         บทที่ 12 เสียง
50(มช 29) ผูโดยสารรถไฟสังเกตไดวา ขณะที่เขายืนหยุดอยูบนชานชลาเสียงหวูดรถไฟที่จอด
   นิ่งมีความถี่ตางจากเสียงหวูด ขณะรถไฟวิ่งออกจากชานชลา ปรากฏการณเ ชนนเ้ี รยกวา     ี 
       ก. การแทรกสอด                               ข. การเลี้ยวเบน
       ค. การหักเห                                 ง. ดอปเปลอร                            (ขอ ง)
                                                                                                
วธทา
 ิี ํ
51(มช 33) ปรากฏการณดอปเปลอรของเสียงแสดงใหเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง
       ก. มลภาวะเสียง                              ข. ความเขมเสียง
       ค. ความดังเสียง                             ง. ระดับเสียง                           (ขอ ง)
                                                                                              
วธทา
 ิี ํ
52(En 42/2) ในขณะที่แหลงกําเนิดเสียงเคลื่อนที่ในอากาศนิ่ง ขอใดตอไปนถก
                                                                              ้ี ู        (ขอ 1)
       1. ความยาวคลื่นเสียงที่อยูดานหนาแหลงกําเนิดจะสั้นกวาความยาวคลื่นเสียงที่จุด
           ดานหลังแหลงกําเนิด
       2. ความถี่เสียงที่อยูดานหนาแหลงกําเนิดจะต่ํากวาความถี่เสียงที่จุดดานหลังแหลงกําเนิด!
       3. ความเร็วเสียงดานหนาแหลงกําเนิดจะสูงกวาความเร็วเสียงดานหลังแหลงกําเนิด!
       4. ความเร็วเสียงดานหนาแหลงกําเนิดจะต่ํากวาความเร็วเสียงดานหลังแหลงกําเนิด!
วธทา
 ิี ํ
53(มช 35) รถมอเตอรไซดคนหนึงแลนตามหลังรถยนตคนหนึงไปบนถนนตรงความเร็ว ของ
                                ั ่                        ั ่
   รถยนตเ ปนสองเทาของมอเตอรไซด ถาคนขมอเตอรไซดบบแตรดวยความถ่ี 500 เฮิรตซ
                                               ่ี          ี           
       ก. คนขับรถยนตไดยินเสียงความถี่ต่ํากวา 500 เฮิรตซ แตคนขีมอเตอรไซดไดยนเสียง
                                                                         ่               ิ
! ! ! ความถี่ 500 เฮิรตซ!
! ! ข. คนขับรถยนตไดยินเสียงความถี่สูงกวา 500 เฮิรตซ แตคนขีมอเตอรไซดไดยนเสียง!
                                                                       ่               ิ
! ! ! ความถี่ 500 เฮิรตซ!
! ! ค. คนขับรถยนต และคนขีมอเตอรไซด ไดยินเสียงความถี่เดียวกัน!
                                    ่
! ! ง. คนขับรถยนตไดยินเสียงความถี่สูงกวาคนขี่มอเตอรไซดไดยิน ! ! ! ! (ขอ ก)!                   
วธทา
 ิี ํ




!                                               #$!
Physics Online IV                    http://www.pec9.com                      บทที่ 12 เสียง
54(En 40) ชายคนหนึ่งเคาะสอมเสียงซึ่งมีความถี่ f แลวนําไปแกวงเปนวงกลมในแนวระดับ
   ดังรูป ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่งนิ่งอยูจะไดยินเสียง ขณะที่สอมเสียงอยูในตําแหนง ABC
   และ D ดังรูป ดวยความถี่ fA fB fC และ fD ตามลําดับ ขอตอไปนขอใดถก         ้ี  ู
       1. fA < fB = fD < fC
       2. fC < fB = fD < fA
       3. fD < fA = fC < fB
       4. fB < fA = fC < fD                                                          (ขอ 4)
                                                                                       
วธทา
 ิี ํ




  เราสามารถหาความถี่ที่เปลี่ยนไปนี้โดยหาจากสมการดังนี้
                  (V + V )
            fL = (Vo + VL) fs               เมือ fL = ความถี่ที่ผูสังเกตุไดยิน
                                               ่
                     o s
                                                  fs = ความถี่ปกติของตนกําเนิดเสียง
                                                 Vo = อัตราเร็วเสียง
  และหาความยาวคลื่นโดยใชสมการ                   Vs = อัตราเร็วของตนกําเนิดเสียง
            λ = (Vo f+ Vs )
                       s                         VL = อตราเรวของผสงเกตุ
                                                        ั      ็       ู ั
                                                  λ = ความยาวคลื่นเสียงที่ผูสังเกตุไดยิน
     เงอนไขการใชสมการทงสองน้ี คือ
       ่ื                 ้ั
          ในการแทนคา VL กับ Vs ตองคํานึงคา +, – ดวย โดยอาศัยหลักดังนี้
! ! ! ! ถา VL!/!V0!!เคลื่อนที่สวนทางกับ !!!Vo!!จะมีคาเปน!!1!
             ถา VL!/!V0!!เคลื่อนที่ไปทางเดียวกัน Vo!!จะมีคาเปน!!2
55. รถไฟวิ่งดวยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีคา 500 Hz ถาเสียงมี
    อัตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่เสียงที่ไดยินจากคนบนรถไฟขบวนที่ 2 ทวงดวย่ี ่ิ 
     ความเร็ว 15 m/s เมือ
                        ่
      ก. รถไฟวิ่งเขาหากัน (575 Hz)                ข. รถไฟวิ่งออกจากกัน       (437.5 Hz)
!                                           #%!
Physics Online IV                    http://www.pec9.com                     บทที่ 12 เสียง
วธทา
 ิี ํ




56. รถไฟวิ่งดวยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีคา 500 Hz
   ถาเสียงมีอตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่ที่ผูสังเกตไดยินขณะอยูนิ่งเมื่อ
              ั
       ก. อยูหนารถไฟ      (550 Hz )         ข. อยูหลังรถไฟ                 (458.3 Hz )
วธทา
 ิี ํ




57. รถไฟวิ่งดวยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีคา 500 Hz
   ถาเสียงมีอตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความยาวคลื่นเสียง
              ั
       ก. เมืออยูหนารถไฟ (0.6 m)
             ่                               ข. เมื่ออยูหลังรถไฟ       (0.72 m)
วธทา
 ิี ํ




!                                           #&!
Physics Online IV                      http://www.pec9.com              บทที่ 12 เสียง
    5.2 คลืนกระแทก
           ่
       ถาแหลงกําเนิดเคลื่อนที่เร็วกวาเสียง เรียก
วา Supersonic Speed จะเกิดปรากฏการณดังรูป
ลักษณะนี้เรียกวา เกิดคลื่นกระแทกขึ้น ซึ่งจะทํา
ใหเกิดเสียงดังมากเหมือนกับระเบิด และเกดแรง  ิ
ดันขึ้นอยางมหาศาล เรยกวา Sonic boom เชน ในกรณทเ่ี ครองไอพนบนดวยความเรวมากกวา
                       ี                          ี ่ื   ิ        ็     
เสียง แรงดนทเ่ี กดขนน้ี อาจทําใหกระจกหนาแตกได
             ั ิ ้ึ
58. เสียง Sonic boom เปนเสียงที่เกิดจาก
       ก. แหลงกําเนิดทั่วไปที่หยุดนิ่ง
       ข. แหลงกําเนิดเคลื่อนที่แตชากวาความเร็วคลื่น
       ค. แหลงกําเนิดเคลื่อนที่ดวยความเร็วเทากับเสียง
       ง. แหลงกาเนดเคลอนทเ่ี รวกวาความเรวเสยง
              ํ ิ ่ื             ็          ็ ี                              (ขอ ง.)
                                                                                 




    จากรูปของคลื่นกระแทกจะไดวา
               Sinθ = Vo = M = h
                   θ Vs         1 x
          เมือ θ = มุมครึ่งหนึ่งของยอดกรวยเสียง
             ่
               Vo = ความเรวเสยง (m/s)
                            ็ ี
               Vs = อัตราเร็วแหลงกําเนิดเสียง (m/s)
               M = เลขมัค คือ จานวนเทาตวของความเรวเสยง
                                 ํ        ั           ็ ี
                h = ความสูงจากพื้นดินถึงเพดานบิน
                x = ระยะจากจุดสังเกตถึงแหลงกําเนิดเสียง ตอนทไดยนเสยงพอดี
                                                             ่ี  ิ ี

!                                             #'!
Physics Online IV                  http://www.pec9.com                    บทที่ 12 เสียง
59. เครืองบิน บินดวยอัตราเร็ว 1.5 Mach เหนือระดับพืนดิน 3 km คนจะไดยินเสียงเครื่องบิน
        ่                                           ้
    เมอเครองบน บินอยูหางคนเทาใด
      ่ื ่ื ิ                                                               (4.5 km)
วธทา
 ิี ํ




60(En 21) เครืองบิน บินดวยอัตราเร็ว 510 m/s ในแนวระดบ ซึ่งสูงจากพื้น ดิน 6 กิโลเมตร
               ่                                         ั
   ชายคนนั้นยืนอยูบนถนนจะไดยินเสียงเครื่องบิน เมอเครองบนอยหางจากชายผนนเปนระยะ
                                                  ่ื ่ื ิ ู            ู ้ั 
   ทางกี่กิโลเมตร (กําหนดอัตราเร็วของเสียง = 340 เมตร/วินาที)
          ก. 6                 ข. 6.7                ค. 9            ง. 12 (ขอ ค)
วธทา
 ิี ํ




61(En 43/2) เครองบนความเรวเหนอเสยงบนในแนวระดบผานเหนอศรษะชายผหนง เมื่อเขาได
                ่ื ิ       ็ ื ี ิ                    ั      ื ี        ู ่ึ
   ยนเสยงของคลนกระแทก เขาจะมองเห็นตัวเครื่องบินมีมุมเงยจากพื้นดิน 30o เครองบนมี
      ิ ี         ่ื                                                           ่ื ิ
   ความเร็วเทาใดในหนวยเมตร/วินาที ถาอัตราเร็วเสียงในอากาศเปน 345 เมตร/วินาที (690)
วธทา
 ิี ํ




                    !!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!""

!                                         #(!
Physics Online IV                  http://www.pec9.com                       บทที่ 12 เสียง
                                   ฟสกส บทที่ 12 เสียง
                                      ิ
   เสยง
     ี
1. แหลงกําเนิดคลื่นเสียงสั่นดวยความถี่ 170 เฮิรตซ ปลอยเสียงออกไปในอากาศมอตราเรว
                                                                             ีั    ็
    340 เมตร/วินาที จงหาระยะหางระหวางสวนอัดกับสวนขยายที่อยูใกลกันที่สุด(คือหา λ )
                                                                                      2
2. จงหาอตราเรวของเสยงในอากาศ ณ อุณหภูมิ 15o C
          ั     ็       ี
3. แหลงกําเนิดเสียงอันหนึ่งสั่นดวยความถี่ 692 Hz วางไวในอากาศที่อุณหภูมิ 25o C
      อยากทราบวาคลื่นเสียงที่ออกจากแหลงกําเนิดนี้จะมีความยาวคลื่นเทาไร
4. ถาเห็นฟาแลบและไดยินเสียงฟารองในเวลา 5 วินาที ตอมา จงหาตําแหนงที่ฟาแลบอยูไกล
                                                      
   เทาไร เมออตราเรวเสียงในอากาศ 340 เมตร/วินาที
             ่ื ั  ็
5. เสยงเคลอนทผานอากาศบรเิ วณหนงมอตราเรว 342 เมตร/วินาที เมอผานไปยงอกบรเิ วณ
     ี    ่ื ่ี                   ่ึ ี ั    ็                     ่ื      ั ี
   หนง อัตราเร็วเปลี่ยนเปน 348 เมตร/วินาที จงหาวาบริเวณทั้งสองมีอุณหภูมิแตกตางกันกี่องศา
       ่ึ
6. เมื่อเคาะทอเหล็กยาว 1 ครั้งที่ปลายขางหนึ่ง ปรากฏวาผูฟงซึ่งอยูที่ปลายอีกขางหนึ่งของ!
   ทอเหล็กจะไดยินเสียงเคาะ 2 ครัง หลังจากเคาะแลวเปนเวลา 0.2 วินาที และ 3 วินาที
                                    ้
! ตามลําดับ ถาขณะเคาะทอเหล็ก อากาศมีอุณหภูมิ 25o C จงหาความยาวของทอเหลกและ        ็
   อัตราเร็วของเสียงในทอเหล็กขณะนัน  ้
7. ชายคนหนึ่งกําลังวายน้ํา เหนเรอบรรทกกาลงจะจม และเห็นแสงไฟจากการระเบิดของเรือ
                              ็ ื      ุ ํ ั
   1 ครัง แตปรากฏวาไดยินเสียงระเบิดตามมา 2 ครัง ในเวลาหางกัน 2.4 วินาที ถาขณะ
        ้                                           ้
   นันอัตราเร็วเสียงในอากาศ 340 เมตร/วินาที และอตราเรวเสยงในนา 1496 เมตร/วินาที
     ้                                            ั     ็ ี     ํ้
   อยากทราบวาตําแหนงที่เรือจมอยูหางจากชายคนนั้นเทาใด
      สมบัติของคลื่นเสียง
!



8. เรือลําหนึ่งลอยนิ่งอยูในทะเลไดสงคลื่นสัญญาณเสียงลงไปในน้ําทะเล และไดรบสัญญาณ
                                                                            ั
! เสียงนั้นกลับมาในเวลา 0.6 วินาที เมืออัตราเร็วของเสียงในน้าทะเลมีคา 1500 เมตร/!
                                          ่                 ํ         
   วินาที ทะเล ณ บริเวณนี้ลึกเทาไร!
9. เรอเรวลาหนงแลนดวยความเรว 200 เมตร/วินาที แลวปลอยสัญญาณเสียงลงไปในน้ํา
     ื ็ ํ ่ึ                ็
    ปรากฏวาในเวลา 2 วินาที ไดรับสัญญาณสะทอนกลับ ถาเสยงมอตราเรวในนา 1500
                                                     ี ีั      ็   ํ้
    เมตร/วินาที อยากทราบวาน้ําบริเวณนั้นลึกเทาไร
!                                             #)!
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง
เสียง

More Related Content

What's hot

แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdfแบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdfssuser2feafc1
 
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะแบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะJariya Jaiyot
 
ฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรมฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรมkrookay2012
 
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียงเอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียงWijitta DevilTeacher
 
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเตรียมสารละลาย
แบบทดสอบก่อนเรียน  เรื่องการเตรียมสารละลายแบบทดสอบก่อนเรียน  เรื่องการเตรียมสารละลาย
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเตรียมสารละลายyaowaluk
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วนInmylove Nupad
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)Napadon Yingyongsakul
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2คุณครูพี่อั๋น
 
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมีแบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมีApinya Phuadsing
 
แบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O net
แบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O netแบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O net
แบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O netพัน พัน
 
การจัดหมู่
การจัดหมู่การจัดหมู่
การจัดหมู่supamit jandeewong
 
06แบบฝึกเครื่องกล
06แบบฝึกเครื่องกล06แบบฝึกเครื่องกล
06แบบฝึกเครื่องกลPhanuwat Somvongs
 
เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตเพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตAon Narinchoti
 
ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์weerawato
 
แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1
แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1
แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1คุณครูพี่อั๋น
 
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์Beer Aksornsart
 

What's hot (20)

หน่วย 1
หน่วย 1หน่วย 1
หน่วย 1
 
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdfแบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
แบบทดสอบตามตัวชี้วัด ม.1.doc.pdf
 
1.แบบฝึกหัดลิมิต
1.แบบฝึกหัดลิมิต1.แบบฝึกหัดลิมิต
1.แบบฝึกหัดลิมิต
 
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะแบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
 
ฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรมฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรม
 
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียงเอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
เอกสารประกอบการสอนเรื่องเสียง
 
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเตรียมสารละลาย
แบบทดสอบก่อนเรียน  เรื่องการเตรียมสารละลายแบบทดสอบก่อนเรียน  เรื่องการเตรียมสารละลาย
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเตรียมสารละลาย
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
 
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมีแบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
 
แบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O net
แบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O netแบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O net
แบบฝึกทักษะเรื่องสถิติ O net
 
การจัดหมู่
การจัดหมู่การจัดหมู่
การจัดหมู่
 
06แบบฝึกเครื่องกล
06แบบฝึกเครื่องกล06แบบฝึกเครื่องกล
06แบบฝึกเครื่องกล
 
เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตเพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซต
 
ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์
 
แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1
แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1
แผนการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม.5 ภาคเรียนที่ 1
 
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
 
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์
 
เสียง
เสียงเสียง
เสียง
 

Viewers also liked

แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์Chakkrawut Mueangkhon
 
แบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียง
แบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียงแบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียง
แบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียงPiyanuch Plaon
 
การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนChakkrawut Mueangkhon
 
แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์Chakkrawut Mueangkhon
 
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์Chakkrawut Mueangkhon
 
ความเข้มเสียง
ความเข้มเสียงความเข้มเสียง
ความเข้มเสียงuntika
 
EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01
EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01
EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01Rajamangala University of Technology Rattanakosin
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงโรงเรียนเทพลีลา
 
เอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียง
เอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียงเอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียง
เอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียงTom Vipguest
 
เสียงกับการได้ยิน
เสียงกับการได้ยินเสียงกับการได้ยิน
เสียงกับการได้ยินkrubenjamat
 
งานและพลังงาน
งานและพลังงานงานและพลังงาน
งานและพลังงานAon Sujeeporn
 
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่Chakkrawut Mueangkhon
 
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆการเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆChakkrawut Mueangkhon
 

Viewers also liked (20)

แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์
 
แบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียง
แบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียงแบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียง
แบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง ความเข้มเสียงและระดับเสียง
 
การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุน
 
แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์
 
ไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิตไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิต
 
งานพลังงาน
งานพลังงานงานพลังงาน
งานพลังงาน
 
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
 
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยินเสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
 
ความเข้มเสียง
ความเข้มเสียงความเข้มเสียง
ความเข้มเสียง
 
EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01
EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01
EMI การวัดและเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า 01
 
6 1
6 16 1
6 1
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
 
เอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียง
เอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียงเอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียง
เอกสารประกอบการเรียนวิชาคลื่นเสียงแสง เรื่อง เสียง
 
เสียงกับการได้ยิน
เสียงกับการได้ยินเสียงกับการได้ยิน
เสียงกับการได้ยิน
 
งานและพลังงาน
งานและพลังงานงานและพลังงาน
งานและพลังงาน
 
P05
P05P05
P05
 
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
 
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆการเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
 
ของไหล
ของไหลของไหล
ของไหล
 
บทนำ
บทนำบทนำ
บทนำ
 

Similar to เสียง

12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียงKruanek007
 
เรื่องที่ 12 เสียง
เรื่องที่ 12  เสียงเรื่องที่ 12  เสียง
เรื่องที่ 12 เสียงthanakit553
 
12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียงKruanek007
 
เรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียงเรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียงApinya Phuadsing
 
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)rapinn
 
0 o net-2549
0 o net-25490 o net-2549
0 o net-2549saiyok07
 
เรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกลเรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกลApinya Phuadsing
 
ปรากฏการณ์คลื่น
ปรากฏการณ์คลื่นปรากฏการณ์คลื่น
ปรากฏการณ์คลื่นSom Kechacupt
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกลKruanek007
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกลKruanek007
 
เรื่องที่ 11 คลื่นกล
เรื่องที่ 11  คลื่นกลเรื่องที่ 11  คลื่นกล
เรื่องที่ 11 คลื่นกลthanakit553
 
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1thanakit553
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมChakkrawut Mueangkhon
 
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอมเรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอมthanakit553
 

Similar to เสียง (20)

P12
P12P12
P12
 
12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียง
 
เรื่องที่ 12 เสียง
เรื่องที่ 12  เสียงเรื่องที่ 12  เสียง
เรื่องที่ 12 เสียง
 
12.เสียง
12.เสียง12.เสียง
12.เสียง
 
เรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียงเรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียง
 
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
แบบทดสอบ รายวิชาฟิสิกส์ (พื้นฐาน)
 
คลื่นกล
คลื่นกลคลื่นกล
คลื่นกล
 
0 o net-2549
0 o net-25490 o net-2549
0 o net-2549
 
คลื่นกล
คลื่นกลคลื่นกล
คลื่นกล
 
เรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกลเรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกล
 
ปรากฏการณ์คลื่น
ปรากฏการณ์คลื่นปรากฏการณ์คลื่น
ปรากฏการณ์คลื่น
 
P11
P11P11
P11
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกล
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกล
 
เรื่องที่ 11 คลื่นกล
เรื่องที่ 11  คลื่นกลเรื่องที่ 11  คลื่นกล
เรื่องที่ 11 คลื่นกล
 
P16
P16P16
P16
 
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
 
P19
P19P19
P19
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอม
 
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอมเรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
 

More from Chakkrawut Mueangkhon

กฎของคูลอมป์
กฎของคูลอมป์กฎของคูลอมป์
กฎของคูลอมป์Chakkrawut Mueangkhon
 
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้าตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้าChakkrawut Mueangkhon
 
ไฟฟ้าแม่เหล็ก2
ไฟฟ้าแม่เหล็ก2ไฟฟ้าแม่เหล็ก2
ไฟฟ้าแม่เหล็ก2Chakkrawut Mueangkhon
 
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์Chakkrawut Mueangkhon
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าChakkrawut Mueangkhon
 
สมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่นสมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่นChakkrawut Mueangkhon
 
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1Chakkrawut Mueangkhon
 
การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนChakkrawut Mueangkhon
 
การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่Chakkrawut Mueangkhon
 
แบบทดสอบเรื่องคลื่น
แบบทดสอบเรื่องคลื่นแบบทดสอบเรื่องคลื่น
แบบทดสอบเรื่องคลื่นChakkrawut Mueangkhon
 

More from Chakkrawut Mueangkhon (17)

กฎของคูลอมป์
กฎของคูลอมป์กฎของคูลอมป์
กฎของคูลอมป์
 
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้าตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
 
Akaranee
AkaraneeAkaranee
Akaranee
 
568
568568
568
 
ไฟฟ้าแม่เหล็ก2
ไฟฟ้าแม่เหล็ก2ไฟฟ้าแม่เหล็ก2
ไฟฟ้าแม่เหล็ก2
 
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
ความร้อน
ความร้อนความร้อน
ความร้อน
 
ของไหล
ของไหลของไหล
ของไหล
 
สมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่นสมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่น
 
โมเมนตัม
โมเมนตัมโมเมนตัม
โมเมนตัม
 
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
 
heat
heatheat
heat
 
fluid
fluidfluid
fluid
 
การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุน
 
การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่
 
แบบทดสอบเรื่องคลื่น
แบบทดสอบเรื่องคลื่นแบบทดสอบเรื่องคลื่น
แบบทดสอบเรื่องคลื่น
 

เสียง

  • 1. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง ฟ สิ ก ส บทที่ 12 เสี ย ง ! ตอนที่ 1 อตราเรวเสยง ั ็ ี เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ ซึ่งสงผลใหโมเลกุลของอากาศเกิดการอัดตัว และขยาย ตัว แลวเกิดการถายทอดพลังงานไปได โดยที่อนุภาคอากาศไมไดเคลื่อนที่ไปกับพลังงานนั้น ! เมอพจารณาการเคลอนทของเสยงนน จะพบวาเสียงมีลักษณะเปน คลื่นตามยาว และ การเดิน ่ื ิ ่ื ่ี ี ้ั ทางของเสียงนั้นตองอาศัยตัวกลางเสมอ เชนในกรณน้ี ตัวกลางก็คือ อากาศนันเอง  ี ่ ดังนัน เสียงจึงมีลักษณะเปน คลื่นกล อกดวย ้ ี  1(มช 38) วางกระดิ่งไฟฟาที่สงเสียงดังตลอดเวลา และหลอดไฟฟาที่ใหแสงสวางในครอบแกว ที่ภายในเปนสูญญากาศแลว ขอใดถูกตองที่สุด 1. ไมไดยินเสียงกระดิ่ง แตเ หนแสงจากหลอดไฟ ็ 2. ไมไดยินเสียงกระดิ่ง และไมเห็นแสงจากหลอดไฟ 3. ไดยินเสียงกระดิ่ง และ เห็นแสงจากหลอดไฟ 4. ไดยินเสียงกระดิ่ง แตไมเ หนแสงหลอดไฟ  ็ ( ขอ 1)  ตอบ อตราเรวเสยง เราอาจหา อตราเรวเสยงไดจาก ั ็ ี ั ็ ี  v= s t หรอ ื v = fλ λ เมือ v = อัตราเร็ว (m/s) s = ระยะทางที่เสียงเคลื่อนที่ได (m) ่ t = เวลา (s) f = ความถี่เสียง (Hz) λ = ความยาวคลื่น (m) ปจจัยที่มีผลตออัตราเร็วเสียง 1. ความหนาแนนของตัวกลาง อตราเรวในตวกลางทมความหนาแนนมากกวา จะมีคามากกวาในตัวกลางที่มีความ ั ็ ั ่ี ี   หนาแนนนอยกวา ! "!
  • 2. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง ตารางแสดงอัตราเร็วของเสียงในตัวกลางตางๆ ทอณหภมิ 25oC ่ี ุ ู ตัวกลาง อัตราเร็ว (m/s) อากาศ 346 น้า ํ 1,498 นาทะเล ํ้ 1,531 เหล็ก 5,200 2. อุณหภูมิ อัตราเร็วเสียง จะแปรผนตรงกบรากท่ี 2 ของอุณหภูมเิ คลวิน เพราะอุณหภูมิสูงขึ้นจะทํา ั ั ใหโมเลกุล มีพลังงานจลนมากขึ้น การอดตวและขยายตวเรว ทําใหเสียงเคลื่อนที่ไดเร็วขึ้น ั ั ั ็ จงไดวา ึ  V ∝ T และสําหรับในอากาศนั้น เราสามารถหาอตราเรวเสยงทอณหภมตาง ๆ ได โดยอาศย ั ็ ี ่ี ุ ู ิ  ั สมการ หรือ v = vo + 0.6 t v = 331 + 0.6 t เมือ vo = อตราเรวเสยงทอณหภมิ 0oC = 331 m/s ่ ั ็ ี ่ี ุ ู t = อุณหภูมิ (oC) 2(มช 31) ตัวกลางที่คลื่นเสียงผาน 3 ชนด คือ นาทะเล น้ําบริสุทธิ์ และ ปรอท ณ อุณหภูมิ ิ ํ้ เดียวกัน ขอใดเรียงลําดับความสามารถในการถายทอดคลื่นเสียงจากดีที่สุด ไปหาเลวที่สุด ก. น้ําบริสุทธิ์ ปรอท นาทะเล ํ้ ข. นาทะเล น้ําบริสุทธิ์ ปรอท ํ้ ค. ปรอท นาทะเล น้ําบริสุทธิ์ ํ้ ง. นาทะเล ปรอท น้ําบริสุทธิ์ ํ้ (ขอ ค) 3(มช 31) อัตราเร็วของเสียงเปลี่ยนอยางไรกับอุณหภูมิ ก. แปรผันโดยตรงกับอุณหภูมิอาศาเซลเซียส ข. แปรผนโดยตรงกบอณหภมเิ คลวน ั ั ุ ู ิ ค. แปรผนผกผนกบรากทสองของอณหภมิ องศาเซลเซียส ั ั ั ่ี ุ ู ง. แปรผันโดยตรงกับรากที่สองอุณหภูมิเคลวิน (ขอ ง) 4. ณ อุณหภูมิ 35oC อัตราเร็วเสียงในอากาศจะมากกวา ณ อุณหภูมิ 30oC อยกเ่ี มตรตอวนาที ู  ิ ก. 3 ข. 6 ค. 12 ง. 34 (ขอ ก) วธทา ิี ํ ! #!
  • 3. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง ตอนที่ 2 ธรรมชาตของคลนเสยง ิ ่ื ี 2.1 การสะทอนของเสียง เมื่อเสียงไปตกกระทบวัตถุที่มีขนาดใหญกวาความ ยาวคลื่นเสียง เสียงจะสะทอนออกจากวัตถุนั้นได ย้ําเพิ่มเติม 1) หากวัตถุมีขนาดเล็กกวาความยาวคลื่นเสียง เมื่อเสียงตกกระทบ จะเลี้ยวออมไปทางอื่น ไมสะทอนออกมา 2) หากมีเสียงสะทอนจากหลายแหลง มาถึง ผูฟงในชวงเวลาทีตางกันมากกวา 0.1 วินาที จะทาใหไดยนเสยงสะทอนหลายเสยง ่ ํ  ิ ี  ี เรียกวาเกิด เสียงกอง 5(En 36) คัดขนาดของผลไมในขณะกําลังไหลผานมาตามรางน้ําโดยอาศัยการสะทอนของเสียง จากเครืองโซนาร โดยตองการแยกผลไมที่มีขนาดใหญกวา และเล็กกวา 7.5 เซนตเิ มตร ่ ออกจากกัน จงหาความถี่เหมาะสมของคลื่นจากโซนาร ความเรวของเสยงในนา = 1500 เมตรตอวนาที ็ ี ํ้  ิ 1. 1 kHz 2. 2 kHz 3. 10 kHz 4. 20 kHz (ขอ 4)  วธทา ิี ํ ! $!
  • 4. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 6(En 37) เรือหาปลาลําหนึ่งหาฝูงปลาดวยโซนาร สงคลื่นดลของเสียงความถี่สูงลงไปในน้ําทะเล ถาฝูงปลาอยูหางจากเครื่องกําเนิดคลื่นไปทาง หัวเรือเปนระยะทาง 120 เมตร และอยูลึก จากผิวน้ําเปนระยะ 90 เมตร หลังจากสง ! คลื่นดลจากโซนารไปเปนเวลาเทาใด จึงจะ ไดรับคลื่นที่สะทอนกลับมา กําหนดความเร็วเสียงในน้ําทะเล = 1500 m/s 1. 0.1 s 2. 0.2 s 3. 0.3 s 4. 0.4 s (ขอ 2)  วธทา ิี ํ 7. ชายคนหนึ่งตะโกนเสียงมีความถี่ 1,000 ครัง/วินาที ออกไปยังหนาผาซึ่งอยูหางออกไป ้ 300 เมตร ปรากฏวาเขาไดยินเสียงสะทอนกลับหลังจากตะโกนแลว 4 วินาที จงหา ก) ความเรวเสยง ็ ี (150 m/s) ข) ความยาวคลื่นเสียง (0.150 เมตร) วธทา ิี ํ 8(มช 32) บายวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งเปลงเสียงไปยังหนาผาแหงหนึ่ง ปรากฏวาไดยินเสียงของ ตัวเองสะทอนกลับมาหลังจากเปลงเสียงไปแลว 8 วินาที ตอมาชายคนนีเ้ ดินเขาหาหนาผา เปนระยะทาง 30 เมตร แลวเปลงเสียงอีก ปรากฏวาไดยินเสียงสะทอนกลับมาหลังจาก เปลงเสียงไปแลว 5 วินาที อยากทราบวาจุดแรกที่ชายคนนี้ยืนอยูหางจากหนาผากี่เมตร  1. 80.0 2. 857.5 3. 30 4. 27 (ขอ 1)  วธทา ิี ํ ! %!
  • 5. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 2.2 การหกเหของเสยง ั ี จากกฎของสเนลจะไดวา sinθ 1 v λ T sinθ 2 = v1 = λ 1 = T1 = n21 2 2 2 เมือ θ1 และ θ2 คือ มุมในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ ่ V1 และ V2 คือ ความเร็วคลื่นในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ λ1 และ λ2 คือ ความยาวคลื่นในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ T1 และ T2 คือ อุณหภูมิ (เคลวน) ในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ ิ n21 คือ คาคงที่ เรียกชือวา ดัชนีหักเหของตัวกลางที่ 2 เทียบกับตัวกลางที่ 1 ่ 9. อากาศบริเวณ X ทอณหภมิ 27oC บรเิ วณ Y มอณหภมิ 21oC เมื่อเสียงผานจาก ่ี ุ ู ีุ ู ก. ดชนหกเหของตวกลาง Y เมือเทียบกับตัวกลาง X เปนเทาใด ั ี ั ั ่   (1.01) ข. ถาในตวกลาง Y เสียงมีอตราเร็ว 342 m/s ในตัวกลาง X เสยงจะมอตราเรวเทาใด (345.4 m/s)  ั ั ี ีั ็  วธทา ิี ํ 2.3 การเลยวเบนของเสยง ้ี ี การเลี้ยวเบนจะเกิดไดดี เมื่อชองแคบมีขนาดเล็กกวาความ ยาวคลื่น หรอความยาวคลนตองใหญกวาชองแคบ นันเอง ื ่ื     ่ ! 10. ชองหนาตางกวาง 0.8 m สูง 1.2 m จะใหเสียงที่มีความถี่มากที่สุดเทาไร ผานไป โดยเกิดการเลียวเบนในแนวราบ (กําหนด อุณหภูมในอากาศ 38oC) ้ ิ (442.25 Hz) วธทา ิี ํ ! &!
  • 6. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 2.4 การแทรกสอดของเสียง ในแนวเสริม หรือ แนวปฏิบัพ คลื่นเสียงมีการเสริมกัน จึงมีเสียงดังกวาปกติ ในแนวหักลาง หรือ แนวบัพ คลื่นเสียงมีการหักลางกัน จึงมีเสียงเบากวาปกติ ! ! สูตรคํานวณสําหรับหรับแนวปฏิบัพลําดับที่ n (An) S1P – S2P = n λ d sin θ = n λ เมือ P คือ จุดซึ่งอยูบนแนวปฏิบัพลําดับที่ n(An) ่ S1P คือ ระยะจาก S1 ถึง P S2P คือ ระยะจาก S2 ถึง P λ คือ ความยาวคลื่น (m) n คือ ลําดับที่ของปฏิบัพนั้น d คือ ระยะหางจาก S1 ถึง S2 θ คือ มุมที่วัดจาก A0 ถึง An สูตรคํานวณสําหรับแนวบัพลําดับที่ n (Nn) S1P – S2P = (n – 1 )λ 2 d sin θ = (n – 21)λ เมือ n คือ ลําดับที่ของแนวบัพนั้น ่ 11. จากรูป S1 และ S2 เปนลําโพง 2 ตัว วางหางกัน 3 เมตร ใหคลื่นขนาดเดียวกันและมี  เฟสตรงกัน ถา P เปนตาแหนงเสยงดงครงทสอง หางจากแนวกลางในทิศทํามุม 30o  ํ  ี ั ้ั ่ี คลื่นที่แผมีความยาวกี่เมตร ก. 0.5 ข. 0.75 ค. 0.9 ง. 1.2 (ขอ ข) วธทา ิี ํ 12. A และ B เปนลําโพง 2 ตัววางหางกัน 2 เมตร ในที่โลง P เปนผูฟงหางจาก A 4 เมตร  และหางจาก B 3 เมตร เสียงความถี่ต่ําสุดที่คลื่นหักลางกันทําใหไดยินเสียงเบาที่สุดเปนเทาไร (กําหนด ความเรวเสยง = 340 m/s) ็ ี (ขอ 4) 1. 270 Hz 2. 230 Hz 3. 190 Hz 4. 170 Hz ! '!
  • 7. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง วธทา ิี ํ 13(En 41) จากรูปเปนทอซึ่งตรงกลางมีทางแยกเปนสวนโคงรูปครึ่งวงกลมรัศมี r เทากับ 14 เซนตเิ มตร ถาอตราเรวของเสยงในทอเทากบ 344 เมตรตอวนาที ใหคลื่นเสียงเขาไป  ั ็ ี   ั  ิ ในทอทางดาน S ความถี่ของเสียงที่ทําใหผูฟงที่ปลายดาน D ไดยินเสียงคอยที่สุดมีคาเทาใด 1. 287 Hz 2. 574 Hz 3. 718 Hz 4. 1075 Hz ! (ขอ 4)  วธทา ิี ํ !!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"" ตอนที่ 3 ความเขมเสียง 3.1 ความเขมเสียง เสียงที่ออกมาจากจุดกําเนิดจะมีลักษณะแผออกเปนทรงกลมคลายลูกบอล กวางออกไป  เรือย ๆ ความเขมเสียง (I) คือ อัตราสวนของกําลังเสียง ตอ พื้นที่ที่เสียงกระจายออกไป ่ I= P หรือ I= P A 4πR 2 เมื่อ I = ความเขมเสียง (วัตต/ตารางเมตร) P = กําลังเสียง (วัตต) A = พนท่ี (ตารางเมตร) ้ื R = รัศมีวงกลม (เมตร) ! (!
  • 8. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง โปรดทราบ # ความเขมเสียงมากที่สุดที่หูคนเราทนฟงได 1 w/m2 $ ความเขมเสยงนอยทสดทคนเราไดยนคอ 10–12 !w/m2 เราใชสัญลักษณ Io  ี  ่ี ุ ่ี ิ ื % ถาเรานําความเขมที่จุดใด ๆ หารดวย Io ผลทไดเ รยกวา ความเขมสัมพัทธ ่ี ี  ดังนั้น ความเขมสมพทธ = I  ั ั I o 14. หวูดรถไฟมีกําลังเสียง 20 วตต จงหาความเขมเสียงที่จุดหางจากหวูด 150 เมตร ั วธทา ิี ํ (7.07x10–5 w/m2) 15(มช 39) สมมติยุงตัวหนึ่งๆ โดยเฉลี่ยแลวเวลาบินทําใหเกิดเสียงหึ่งๆ ที่มีกําลัง 3.14x10–14 ! วตต ขณะที่ยุงบินจากระยะไกลเขาหาเด็กคนหนึ่ง เด็กคนนี้จะเริ่มไดยินเสียงยุง เมื่อยุงอยูที่ ั ระยะหางจากเขากี่เซนติเมตร ถาเสียงเบาที่สุดที่เขาสามารถไดยินมีความเขม 10–12 W*+2 1. 5 2. 10 3. 25 4. 40 (ขอ 1)  วธทา ิี ํ ! 16(En 44/1) ในการทดลองเรื่องความเขมของเสียงวัดความเขมของเสียงที่ตําแหนงที่อยูหาง ไป 10 เมตร จากลําโพงได 1.2x10–2 วัตตตอตารางเมตร ความเขมเสียงที่ตําแหนง  30 เมตร จากลําโพงจะเปนเทาใด 1. 1.1x10–2 W*+2 2. 0.6x10–2 W*+2 3. 0.4x10–2 W*+2 4. 0.13x10–2 W*+2 (ขอ 4)  วธทา ิี ํ ! )!
  • 9. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 3.2 ระดับความเขมเสียง คาความเขมเสียง เปนคาทีมคานอย ตัวเลขยุงยาก เราจงนยมเปลยนใหอยในรปทดงายขน ่ ี  ึ ิ ่ี  ู ู ่ี ู  ้ึ คือ รปของ ระดับความเขมเสียง (β) วธการเปลยน จะใชสมการ ู ิี ่ี β = 10 log I β = 10 log I I 10 - 12 o เมือ β คือ ระดับความเขมเสียง (เดซเิ บล , dB) ่ I คือ ความเขมเสียง (วตต/ ตารางเมตร) ั Io คือ ความเขมเสียงนอยสุดทียงไดยน = 10–12 วตต/ ตารางเมตร ่ั ิ ั หมายเหตุ 1. log 10 = 1 2. log Mx = x log M เชน log 105 = 5 log 10 = 5(1) = 5 3. log x = log y ก็ตอเมือ x = y  ่ 17. จงหาระดับความเขมเสียง ณ.จุดซึ่งมีคาความเขมเสียง 1 x 10–7 -*+2 ( 50 dB ) วธทา ิี ํ 18. หากความเขมเสียง เสียงสูงสุดที่หูคนเราจะทนฟงได มีคา 1 -*+2 จงหาระดบความ ั เขมเสียงสูงสุดที่หูคนเราจะทนฟงได ( 120 dB ) วธทา ิี ํ 19. จงหาระดับความเขมเสียง เสียงเมื่อผูฟงอยูหางจากวิทยุ 1 เมตร เมื่อกําลังเสียงของวิทยุ เทากับ 4π x 10–3 วตต ั ( 90 dB ) วธทา ิี ํ 20(มช 43) เสียงที่มีระดับความเขมเสียง 80 เดซิเบล จะมีความเขมเสียงในหนวย -*+2 เทาใด 1. 10–2 2. 10–4 3. 10–6 4. 10–8 (ขอ 2)  วธทา ิี ํ ! ,!
  • 10. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 21. ณ จุดหนึง เสียงจากเครื่องจักรมีระดับความเขมเสียงวัดได 50 เดซิเบล จงหาความเขมเสียง ่ จากเครองจกร ณ จุดนัน กําหนดใหความเขมเสียงที่เริ่มไดยินเปน 10–12 W/m2 ่ื ั ้ (ขอ 2)  1. 10–5 W/m2 2. 10–7 W/m2 3. 10–9 W/m2 4. 10–17 W/m2 วธทา ิี ํ 22(มช 31) วางเครื่องวัดระดับเขมเสียงหางจากลําโพง 10 เมตร พบวาระดับความเขมเสียง เทากับ 100 เดซิเบล กําลังเสียงจะเทากับกี่วัตต (ขอ 2)  1. 12.5x104 วตต! ั 2. 12.6 วตต ั 3. 3.14 วตต ั 4. 10–2 วตต! ั วธทา ิี ํ ! สูตรเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับความเขมเสียง! I P β2 – β1 = 10 log I2 β2 – β1 = 10 log P2 1 1 R 2 P R2 β2 – β1 = 10 log R1 β2 – β1 = 10 log P2 R1 2 2 1 2 เมือ β1 , β2 คือ ระดบความเขมเสยงตอนแรก และ ตอนหลัง (เดซิเบล) ่ ั  ี I1 , I2 คือ ความเขมเสียงตอนแรก และ ตอนหลัง (วตต/ตารางเมตร) ั P1 , P2 คือ กําลังเสียงตอนแรก และ ตอนหลัง (วตต) ั R1 , R2 คือ ระยะหางตอนแรก และ ตอนหลัง (เมตร)  23(มช 31) ลําโพง 1 ตัว ใหเสียงที่ระดับความเขมของเสียง 60 dB ถาใชลําโพงชนิดเดียวกัน 10 ตัว จะใหความเขมของเสียงกี่ dB (ขอ ค)  ก. 600 dB ข. 100 dB ค. 70 dB ง. 60 dB วธทา ิี ํ ! ! ! ".!
  • 11. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 24(มช 34) ยงตวหนงเมอบนมาทประตหองซงอยหางจาก นาย ก. 20 เมตร พบวาทําใหระดับ ุ ั ่ึ ่ื ิ ่ี ู  ่ึ ู  ความดังมาถึงหูนาย ก. มีขนาด 20 เดซิเบล ถายุง 100000 ตัว ระดับความดังที่มาถึงหูนาย ก. จะมีขนาดกี่ dB (70 dB) วธทา ิี ํ 25(มช 33) เมื่ออยูหางจากแหลงกําเนิดเสียงเปนระยะ 5 เมตร วัดระดับความเขมเสียงได 50 dB ถาที่ระยะหางจากแหลงกําเนิดเสียง 50 เมตร ระดับความเขมเสียงจะมีคากี่เดซิเบล (30dB) วธทา ิี ํ ! ! 26(En 44/1) ระดับความเขมเสียงในโรงงานแหงหนึ่งมีคา 80 เดซิเบล คนงานผหนงใสเ ครอง ู ่ึ ่ื ครอบหูซึ่งสามารถลดระดับความเขมลงเหลือ 60 เดซิเบล เครื่องดังกลาวลดความเขมเสียง ลงกเ่ี ปอรเ ซนต ็ (ขอ 4) 1. 80 % 2. 88 % 3. 98 % 4. 99 % วธทา ิี ํ ! ""!
  • 12. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง ตอนที่ 4 เสียงดนตรี 4.1 ความดังเบาของเสียง ความดงหรอเบาของเสยงขนอยู อัมปลิจูดของคลื่นเสียง ั ื ี ้ึ ถาคลื่นเสียงมีอัมปลิจูดสูง เสียงจะดัง ถาคลื่นเสียงมีอัมปลิจูดต่ํา เสยงจะเบา ี ! 4.2 ระดับเสยง ( ความทุมแหลมของเสียง ) ี  ความทุม แหลม ของเสียงจะขึ้นอยู ความถี่ของคลื่นเสียง ถาคลื่นเสียงมีความถี่สูง เสยงจะแหลม เรยกวา ระดับเสียงสูง ี ี  ถาคลื่นเสียงมีความถี่ต่ํา เสียงจะทุม เรยกวา ระดับเสียงต่ํา ี  ชวงความถี่ของเสียงที่หูคนปกติจะไดยิน คือ ชวง 20 – 20000 Hz เทานน   ้ั เสียงที่มีความถี่ต่ํากวา 20 Hz ลงไปเรียก Infra Sonic เสียงที่มีความถี่สูงกวา 20000 Hz ขนไปเรยก Ultra Sonic ้ึ ี หูคนปกติจะไมไดยินเสียงพวกนี้ 27. สมบัติของเสียงขอใดที่มีผลตอความดังของเสียงมากที่สุด ก. ความยาวคลื่น ข. ความถี่ ค. อมพลิจด ั ู ง. ความเรวคลน (ขอ ค) ็ ่ื  28(มช 37) ความถี่ของคลื่นเสียงที่ระดับความเขมเสียง 70 เดซิเบล ที่หูของคนปกติไม สามารถไดยิน คือ 1. 30 2. 1000 3. 10000 4. 30000 (ขอ 4)  เกี่ยวกับตัวโนตดนตรี คู 8 หรือ! 2 คู 8 ! 3 คู 8 ! 4 คู 8 ! เสียงที่ 8 ! (เสียงที่ 16 )! (เสียงที่ 24 )! (เสียงที่ 32 )! เสียงมูลฐาน ! Harmonicที่ 2 Harmonicที่ 3 Harmonicที่ 4 Harmonicที่ 5 Harmonicที่ 1 โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ….. โด …. โด ….. โด ความถี่ (Hz) 256 512 Hz 1024 Hz 2048 Hz 4096 Hz 29. ถาระดับเสียงโนต C มีความถี่ 256 Hz เสียงที่ 16 ของระดับเสียง C มีคาเทาไร ก. 512 Hz ข. 1024 Hz ค. 2048 Hz ง. 4096 Hz (ขอ ข)  ! "#!
  • 13. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 30. คลื่นเสียงที่ความถี่ 1200 เฮิรตซ เปนเสียงสามคูแปดของเสียงที่มีความถี่เทาไร ก. 600 ข. 400 ค. 300 ง. 150 (ขอ ง) 4.3 คุณภาพเสียง เวลาเราฟงเสียงเครืองดนตรีหลาย ๆ ชนด เชน ขลุย และเปยโน ซึงเลนโนตตัวเดียวกัน ่ ิ  ่ พรอม ๆ กัน แตเรายังสามารถแยกออกไดวา เสียงใดเปนเสียงขลุย เสยงใดเปนเสียงเปยโน ี   ทั้งนี้เพราะเสียงทั้งสองจะมีลักษณะที่ตางกัน ที่เปนเชนนี้เพราะเสียงแตละเสียงจะมี Higher Hamonic และความเขมสัมพัทธ แตละ Hamonic ไมเทากัน จึงทําใหเสียงแตละเสียงมีลักษณะที่ตางกัน ลักษณะของเสียง เราเรียกวาคุณภาพเสียง ตัวอยางสมมุติ 90% 4% 4% 1% 1% เสียงขลุย โด โด โด โด โด เสียงเปยโน โด โด โด 95% 3% 2% 31(En 41) วงดนตรทประกอบดวยเครองดนตรหลายชนด เมอเลนพรอมกน แตเราสามารถแยก ี ่ี  ่ื ี ิ ่ื   ั ไดวาเสียงใดเปนเสียงไวโอลิน เสียงใดเปนเสียงขลุย และเสียงใดเปนเสียงเปยโน เนืองจาก ่ เสียงดนตรีแตละชนิดมีลักษณะเฉพาะตามขอใดที่ตางกัน (ขอ 4) 1. ระดับเสียง 2. ระดับความเขมเสียง 3. ความถี่เสียง 4. คุณภาพเสียง 32(มช 34) คุณภาพเสียงอธิบายไดดวยคุณสมบัติของเสียงขอใด ก. ความดังของเสียง และระดับความดัง ข. ความถี่ของเสียง และความเร็วของเสียง ค. ระดับเสียง และความถี่ธรรมชาติ ง. จานวนฮารโมนก และ ความเขมของเสียงของฮารโมนิก ํ  ิ (ขอ ง) 4.4 บีสตของเสียง หากมีคลื่นเสียง 2 คลื่น ซึ่งมีความถี่ตางกันเล็กนอยเขามาปนกัน คลื่นทั้งสองจะเกิด การแทรกสอดกันเอง แลวจะไดคลื่นรวมที่มีอัมปลิจูดสูงต่ําสลับกันไป เสียงที่เกิดจากคลื่น รวมจะมีลักษณะดังสลับกับเบา ปรากฏการณที่เกิดขึ้นนี้ เรยกวา บีสตของเสียง ี  ! "$!
  • 14. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง จํานวนครั้งที่เสียงดังใน 1 หนวยเวลาเรียก ความถี่บีตส ซึ่งหาจาก fB = f1 – f2  เมือ f1 คือ ความถี่เสียงที่ 1 ่ f2 คือ ความถี่เสียงที่ 2 และ ความถี่คลื่นเสียงรวมหาจาก f +f fรวม = 1 2 2 ปกติแลว หูคนเราจะไดยินเสียงบีสตที่มีความถี่ไมเกิน 7 Hz 33(En 31) เมื่อจะทําการทดลองเกี่ยวกับสมบัติของคลื่นเสียงเรื่องบีสต เราจําเปนตองใช 1. เครองกาเนดสญญาณเสยง 1 เครอง ลําโพง 1 ตัว ่ื ํ ิ ั ี ่ื 2. เครองกาเนดสญญาณเสยง 1 เครอง ลําโพง 2 ตัว ่ื ํ ิ ั ี ่ื 3. เครองกาเนดสญญาณเสยง 2 เครอง ลําโพง 2 ตัว ่ื ํ ิ ั ี ่ื 4. เครองกาเนดสญญาณเสยง 3 เครอง ลําโพง 3 ตัว ่ื ํ ิ ั ี ่ื (ขอ 3)  34(มช 32) ในการปรับเสียงเปยโน โดยผูปรับใชวิธีเคาะสอมเสียง ความถี่มาตรฐานเทียบกับ เสียงที่ไดจากการกดคียเปยโนคียหนึ่ง ถาเสียงที่ไดยินเปนลักษณะดังแลวคอยจางหาย แลว ดังอีกเปนจังหวะสลับกันไป เขาก็จะปรับความตึงของลวดเปยโนจนกวาเสียงที่ไดยิน จะดัง เปนเสยงเดยวตอเนองกนไป การกระทําอยางนี้อาศัยหลักการของปรากฏการณที่เรียกวา  ี ี  ่ื ั ก. Doppler effect (ปรากฏการณดอปเปเปอร) ข. Resonance (กําทอน) ค. Shock waves (คลื่นกระแทก) ง. Beats (ขอ ง)  35(En 41) นกเรยนคนหนงเลนไวโอลนความถ่ี 507 เฮิรตซ และนกดนตรอกคนหนงเลนกตาร ั ี ่ึ  ิ ั ีี ่ึ  ี ความถี่ 512 เฮิรตซ ถาทั้งสองคนเลนพรอมกัน จะเกิดปรากฏการณบีตสที่ความถี่เทาใด 1. 2.5 Hz 2. 5.0 Hz 3. 10 Hz 4. 509.5 Hz (ขอ 2)  ! "%!
  • 15. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 36(En 40) ในการปรับเสียงของเปยโนระดังเสียง C โดยเทียบกับสอมเสียงความถี่ 256.0 Hz ถาไดยินเสียงบีตสความถี่ 3.0 ครัง/วินาที ความถี่ที่เปนไปไดของเปยโนมีคาเทาใด ้ 1. 256 Hz 2. 254.5 หรือ 257.5 Hz 3. 253 หรือ 259 Hz 4. 250 หรือ 262 Hz (ขอ 3)  วธทา ิี ํ 37. คลื่น 2 ขบวน A และ B มีแอมปลิจูดเทากัน คลื่นละ 2 เซนตเิ มตร มีความถี่ 200 และ 204 เฮิรตซ ตามลําดับ ถาคลื่นทั้งสองเขารวมกันเปนคลื่น C ความถี่ของคลื่น C และ ความถี่บีสตของคลื่น C มีคาเทาใด ในหนวยของเฮรตซ  ิ 1. 200 และ 2 2. 202 และ 4 3. 204 และ 6 4. 206 และ 8 (ขอ 2)  วธทา ิี ํ 4.5 คลื่นนิ่ง คลื่นนิ่ง เปนปรากฏการณแทรกสอดของคลื่นเสียงที่ตกกระทบ กับคลื่นเสียงที่สะทอน จากตัวกลาง ทําใหเกิดตําแหนงเสียงดังและเสียงคอยสลับกันไป ตาแหนงเสยงดง เรียกวา ปฏิบัพ (A) และ ตาแหนงเสยงคอย เรียกวา บัพ (N) ํ  ี ั ํ  ี  ! 38(มช 40) ลําโพง A และ B ในรูปมีกําลัง และสมบัติอื่น ๆ เหมือนกันทุกประการถา A และ B ตางกําลังสงสัญญาณเสียงเปนรายการเพลงที่กําลังออกอากาศทางสถานีวิทยุแหงหนึ่ง โดยสญญาณทปอนเขาสลาโพงทงสองนเ่ี หมอนกนทกประการตลอดเวลา ความเขมเสียง ั ่ี   ู ํ ้ั ื ั ุ ทีตาแหนงตาง ๆ บนแนวแกน (แนวเสนตรง PQ) ที่เชื่อมระหวางลําโพงทั้งสองนี้จะมี ่ ํ ลักษณะเปนอยางไร ! "&!
  • 16. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 1. มีคาต่ําสุดที่ R ซึ่งอยูกึ่งกลางระหวาง ลําโพง A และ B พอดี 2. มีคาสม่ําเสมอเทากันตลอด 3. มีคาสูงสุดที่ R 4. มีคาเปนศูนยที่บางตําแหนงระหวาง P และ Q (ขอ 4)  วธทา ิี ํ ! 4.6 ความถี่ธรรมชาติ และ การสั่นพอง เมื่อวัตถุถูกกระทบกระเทือน โดยทั่วไปแลววัตถุจะเกิดการสั่นสะเทือนดวยความถี่เฉพาะ ตวคาหนง เรียกความถี่นี้วา ความถี่ธรรมชาติของวัตถุนั้น เชนลูกตุมที่แขวนติดกับสายแกวง ั  ่ึ เมื่อถูกกระทบกระเทือน ก็จะแกวงไปมาดวยความถี่ธรรมชาติของลูกตุมนั้น และเมื่อวัตถุนั้นถูกแรงภายนอกมากกระทําอยางตอเนื่องดวยความถี่เทากับความถี่ธรรม ชาติของวัตถุ จะทําใหวัตถุเกิดการสั่นสะเทือนอยางรุนแรง เราเรยก ปรากฏการณการสั่นอยาง ี รุนแรงเนืองจากเหตุเชนนีวาเปน การสั่นพอง ่ ้ 39. จงยกตัวอยางการสั่นพอง มา 2 ตวอยาง ั .................. .................. .................. .................. .................. .................. ............................... 40.(En 44/2) ลูก A B C D และ E แขวน กับเชือกที่ขงตง ดงแสดงในรป เมื่อผลักลูก ึ ึ ั ู ตุม A ใหแกวง ลูกตุมใดจะแกวงตามลูก  ตุม A อยางเดนชัด  A C E 1. ลูกตุม B 2. ลูกตุม C B D 3. ลูกตุม D 4. ลูกตุม E (ขอ 4.) วธทา ิี ํ ! "'!
  • 17. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 4.7 การสนพองของเสยง (Resonance) ่ั  ี เมื่อเรานําจุกปากกา หรอ ทอปลายตันเล็กๆ มาผว จะพบวาบางครั้งจะมีเสียงดังวี๊ดออกมา ื ิ ทั้งนี้เพราะลม หรือเสียงที่เราเปาเขาไปจะกระทบกับโมเลกุลอากาศในจุกปากกา ทาใหโมเลกล ํ  ุ เหลานั้นถูกอัดและขยายอยางตอเนื่อง และมลกษณะเปนคลน เมอไปกระทบผนงดานในคลน ีั  ่ื ่ื ั  ่ื นั้นจะเกิดการสะทอนออกมา แลวมาแทรกสอดกับคลื่นที่เขาไปเกิดเปนคลื่นนิ่งและ หากตรง! ตําแหนงปากทอเปนแนวปฏิบัพของคลื่นนิ่งนั้นจะทําใหโมเลกุลตัวกลาง (อากาศ) สั่นสะเทือน! อยางรุนแรงกวาปกติทําใหเสียงที่ออกมาจากทอนั้น ดังกวาปกติเชนกัน ปรากฏการณที่มีเสียงดัง อันเกิดจาก อนุภาคตัวกลางสั่นสะเทือนอยางรุนแรงเชน นี้ เรียกวาการสั่นพองของเสียง (กําทอน) ควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสั่นพอง ประการที่ 1 ทอที่ทําใหเกิดเสียงดัง จะตอง เปนทอที่มีความพอดีที่จะทําใหปากทออยู ตรงกับแนวปฏิบัพของคลื่นนิ่งพอดี หาก ปากทอตรงกับแนวบัพจะไมเกิดเสียงดัง ดังแสดงในรูปภาพ และที่สําคัญ ความยาวที่ทําใหเกิดสั่นพองแตละครั้ง ที่อยูถัดกัน จะอยูหางกัน = λ 2 ! ความยาวจากปากทอถึงจุดที่เกิดสั่นพอง ครงแรก จะมีความยาว = λ ้ั 4 ! 41. การทดลองหาอัตราเร็วเสียงในอากาศโดยใชหลอดกําทอน พบวาหลังจากเกิดสั่นพองแลวก็ เลื่อนลูกสูบถอยหลังไปอีก 25 cm จงเกดสนพองอกครง ถาความถี่ 680 Hz จงหาอัตรา ึ ิ ่ั  ี ้ั เร็วเสียงในอากาศ (340 m/s) วธทา ิี ํ ! "(!
  • 18. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 42(En 26) การทดลองเรองการกาทอนของเสยงโดยใชหลอดกาทอน พบวาเกดกาทอนครงแรก ่ื ํ ี  ํ  ิ ํ ้ั และครั้งที่สอง ที่ระยะ 0.15 เมตร และ 0.50 เมตร จากปากทอตามลําดับ ถาความเรวของ  ็ เสียงใน ขณะนั้นเทากับ 350 เมตร/วินาที จงหาความถี่ของคลื่นสียงที่ใช (ขอ ข)  ก. 400 Hz ข. 500 Hz ค. 600 Hz ง. 1000 Hz วธทา ิี ํ 43(มช 41) วางลําโพงชิดกับปลายขางหนึ่งของหลอดเรโซแนนซ เลื่อนลูกสูบออกชา ๆ จนกระทั่งไดยินเสียงดังเพิ่มขึ้นมากที่สุดครั้งแรกที่ระยะหางจากปลายหลอด 3.3 เมตร ความเร็วเสียงในอากาศมีคา 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่ของเสียงจากลําโพง (25 Hz) วธทา ิี ํ ประการที่ 2 หากมีทอปลายตัน มีความยาวขนาดหนึ่ง หากเราปรับความถี่ของเสียงที่เปา เขาไปใหเหมาะสม อาจทําใหเกิดการสั่นพองไดเชนกัน ความถี่ที่ทําใหเกิด การสั่นพองนั้น สามารถคํานวณหาไดจาก nv f = 4L เมือ f คือ ความถี่เสียงที่เปาเขาไปแลวทําใหเกิดการสั่นพอง ่ v คือ ความเรวเสยง m/s ็ ี ! L คือ ความยาวลําอากาศ หรือ ความยาวทอกําทอน (m) n คือ จํานวนเต็มบวกคี่ คือ 1 , 3 , 5 , 7 , 9 , .... ถา n = 1 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งแรก เรียกความถี่นี้วา ความถี่มูลฐาน หรือ Harmonic ที่ 1 ถา n = 3 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 2 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 2 ถา n = 5 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 3 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 3 หมายเหตุ สูตรนี้ใชสําหรับทอปลายตัน ( คือ ทอที่มีปลายดานหนึ่งปดไว) ! ")!
  • 19. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 44. ถาความเร็วของเสียงในอากาศเทากับ 340 เมตร/วินาที สอมเสียงจะตองสั่นดวยความถี่ต่ํา สุดเทาใดจึงจะทําใหเกิดกําทอนไดเมื่อจอใกลปากกระบอกตวงซึ่งยาว 20 เซนติเมตร (425 Hz) วธทา ิี ํ 45(มช 40) โดยปกติคลื่นเสียงจะเขาสูระบบการรับฟงเสียงของหูคนเราโดยผานชองรูหู (ear canal) ไปตกกระทบเยื่อแกวหูที่ปลายชองรูหูซึ่งจะสั่นตามจังหวะของคลื่นเสียงนั้น ชองรูหูจึงเปน ดานแรกทชวยขยายสญญาณเสยงทผานเขาไป  ่ี  ั ี ่ี   ถาความยาวของชองรหของคนทวไปมคา   ู ู ่ั ี ประมาณ 2.5 เซนติเมตร แสดงวาคนเราควรจะรบฟงเสยง ความถ่ี ประมาณกี่เฮิรตซได ั  ี ไวเปนพิเศษ (ให Vเสียง = 350 m/s) 1. 3000 2. 3500 3. 4600 4. 700 (ขอ 2)  วธทา ิี ํ 46(En 38) หลอดเรโซแนนซทใชในการทดลองชดหนง จะใหความดันสูงสุดสามครั้ง เมือเลือน  ่ี  ุ ่ึ ่ ่ ตําแหนงลูกสูบไปตามความยาวของหลอดเรโซแนนซ ถาตําแหนงสุดทายดัง เมื่อลูกสูบหาง จากลําโพงมากที่สุดและหางจากปลายกระบอกสูบ 100 เซนตเิ มตร อยากทราบวาลําโพงสั่น ดวยความถี่กี่เฮิรตซ (กําหนดความเร็วเสียงในอากาศเปน 348 m/s) (435 Hz) วธทา ิี ํ ! ",!
  • 20. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง ในกรณีที่ทอกําทอนมีปลายเปดทั้งสองขาง เราสามารถหาคาความถี่เหมาะสมทําใหเสียงดัง ไดจากสูตร nv f = 2L เมือ f คือ ความถี่เสียงที่เปาเขาไปแลวทําใหเกิดการสั่นพอง ่ v คือ ความเรวเสยง (m/s) ็ ี L คือ ความยาวลําอากาศ หรือ ความยาวทอกําทอน (m) n คือ จานวนเตมบวกธรรมดา คือ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , ..... ํ ็ ถา n = 1 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งแรก เรียกความถี่นี้วา ความถี่มูลฐาน หรือ Harmonic ที่ 1 ถา n = 2 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 2 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 2 ถา n = 3 ความถี่ที่ไดจะทําใหเกิดเสียงดังครั้งที่ 3 เรียกความถี่นี้วา Harmonic ที่ 3 47. คลื่นเสียงขบวนหนึ่งทําใหเกิดกําทอนลําดับ 1 ในกลองไมกลวงที่เปดทุกดานมีความยาว 0.5 เมตร ความถี่ธรรมชาติของกลองไมนี้เทากับกี่เฮิรตซ (ใหอตราเร็วเสียง = 330 m/s) ั ก. 330 ข. 495 ค. 660 ง. 3x10–3 (ขอ ก)  วธทา ิี ํ ! ! ! ! ! ! สําหรับความถี่เสียงที่เกิดจากสายสั่น เราสามารถหาความถี่เสียงที่เกิดไดจากสูตร f= n T 2L µ เมือ f คือ ความถี่เสียงที่เกิดจากสายสั่น (Hz) ่ n คือ จํานวน Loop คลื่นนิ่งที่เกิดในสายสั่น L คือ ความยาวสายสั่น (เมตร) T คือ แรงดึงสายสั่น (นิวตัน) µ คือ มวลสายสั่นซึ่งยาว 1 เมตร (กิโลกรัม) ! #.!
  • 21. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 48(En 33) ในการดีดพิณระดับเสียง จะเพิ่มขึ้นไดเมื่อ ก) ความตึงของสายพิณเพิ่มขึ้น ข) สายพิณยาวขึ้น ค) น้ําหนักตอความยาวของสายพิณมีคาเพิ่มขึ้น ง) จํานวนคลื่นนิ่งที่เกิดขึ้นในสายพิณมีจํานวนมากขึ้น จงพจารณาวาขอความขางตนขอใดถก ิ      ู (ขอ 1)  1. ก และ ง 2. ข และ ค 3. ข เทานน  ้ั 4. ถูกทุกขอ วธทา ิี ํ 49(En 33) เสนลวดยาว 1 เมตร ถกดงดวยแรงดงขนาดหนง เมื่อดีดจะทําใหเกิดเสียงที่มีคา  ู ึ  ึ ่ึ ความถี่มูลฐานเปน 200 เฮิรตซ ถาเพมแรงดงอก 900 นิวตัน จะทําใหคาความถี่มูลฐาน  ่ิ ึ ี ของเสียงที่เกิดจากลวดเสนนี้เปลี่ยนไปเปน 400 เฮิรตซ อยากทราบวามวลของเสนลวดนี้ เทากับเทาไร (ขอ 4)  1. 1.22 กรัม 2. 1.44 กรัม 3. 1.66 กรัม 4. 1.88 กรัม วธทา ิี ํ ! ! ! ! ! ! ! ! ! #"!
  • 22. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง ตอนที่ 5 ปรากฏการณดอปเปลอร และ คลืนกระแทก ่ 5.1 ปรากฏการณดอปเปลอร  หมายถง ปรากฏการณเปลี่ยนแปลงระดับเสียง (ความถี่ของเสียง) เมอแหลงกาเนด ึ ่ื  ํ ิ และ ผสงเกตเุ คลอนทดวย ความเร็วสัมพัทธตอกัน ู ั ่ื ่ี  เสยงกระจายออกจากเปยโน ี  ขับรถหนีออก เสมือนลากความยาวคลื่น ขบรถเขา เสมือนกดความยาวคลื่นเสียง ั  เสียงใหยืดยาวออก จะทําใหความถี่เสียง ใหสั้นลง จะทําใหความถี่เสียงเพิ่มขึ้น ลดลง และไดยินเสียงทุมลง และไดยินเสียงแหลมขึ้น เสยงแตรออกจากมอเตอรไซด ี  หากความเรวรถยนตนอยกวา มอเตอรไซด ็     หากความเรวรถยนต มากกวา มอเตอรไซด ็  เสมือนวาความยาวคลื่นเสียงถูกมอเตอรไซด เสมือนวาความยาวคลื่นเสียง ถูกรถยนตดึง กดดนเขามา ทําใหความยาวคลื่นลดลง ั  ใหยืด ทําใหความยาวคลื่นยาวขึ้น ความถี่ ความถี่มากขึ้น เสียงที่ไดยินจะแหลม ลดลง เสียงที่ไดยินจะทุม ! ##!
  • 23. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 50(มช 29) ผูโดยสารรถไฟสังเกตไดวา ขณะที่เขายืนหยุดอยูบนชานชลาเสียงหวูดรถไฟที่จอด นิ่งมีความถี่ตางจากเสียงหวูด ขณะรถไฟวิ่งออกจากชานชลา ปรากฏการณเ ชนนเ้ี รยกวา  ี  ก. การแทรกสอด ข. การเลี้ยวเบน ค. การหักเห ง. ดอปเปลอร (ขอ ง)  วธทา ิี ํ 51(มช 33) ปรากฏการณดอปเปลอรของเสียงแสดงใหเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ก. มลภาวะเสียง ข. ความเขมเสียง ค. ความดังเสียง ง. ระดับเสียง (ขอ ง)  วธทา ิี ํ 52(En 42/2) ในขณะที่แหลงกําเนิดเสียงเคลื่อนที่ในอากาศนิ่ง ขอใดตอไปนถก   ้ี ู (ขอ 1) 1. ความยาวคลื่นเสียงที่อยูดานหนาแหลงกําเนิดจะสั้นกวาความยาวคลื่นเสียงที่จุด ดานหลังแหลงกําเนิด 2. ความถี่เสียงที่อยูดานหนาแหลงกําเนิดจะต่ํากวาความถี่เสียงที่จุดดานหลังแหลงกําเนิด! 3. ความเร็วเสียงดานหนาแหลงกําเนิดจะสูงกวาความเร็วเสียงดานหลังแหลงกําเนิด! 4. ความเร็วเสียงดานหนาแหลงกําเนิดจะต่ํากวาความเร็วเสียงดานหลังแหลงกําเนิด! วธทา ิี ํ 53(มช 35) รถมอเตอรไซดคนหนึงแลนตามหลังรถยนตคนหนึงไปบนถนนตรงความเร็ว ของ ั ่ ั ่ รถยนตเ ปนสองเทาของมอเตอรไซด ถาคนขมอเตอรไซดบบแตรดวยความถ่ี 500 เฮิรตซ     ่ี   ี  ก. คนขับรถยนตไดยินเสียงความถี่ต่ํากวา 500 เฮิรตซ แตคนขีมอเตอรไซดไดยนเสียง ่ ิ ! ! ! ความถี่ 500 เฮิรตซ! ! ! ข. คนขับรถยนตไดยินเสียงความถี่สูงกวา 500 เฮิรตซ แตคนขีมอเตอรไซดไดยนเสียง! ่ ิ ! ! ! ความถี่ 500 เฮิรตซ! ! ! ค. คนขับรถยนต และคนขีมอเตอรไซด ไดยินเสียงความถี่เดียวกัน! ่ ! ! ง. คนขับรถยนตไดยินเสียงความถี่สูงกวาคนขี่มอเตอรไซดไดยิน ! ! ! ! (ขอ ก)!  วธทา ิี ํ ! #$!
  • 24. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 54(En 40) ชายคนหนึ่งเคาะสอมเสียงซึ่งมีความถี่ f แลวนําไปแกวงเปนวงกลมในแนวระดับ ดังรูป ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่งนิ่งอยูจะไดยินเสียง ขณะที่สอมเสียงอยูในตําแหนง ABC และ D ดังรูป ดวยความถี่ fA fB fC และ fD ตามลําดับ ขอตอไปนขอใดถก   ้ี  ู 1. fA < fB = fD < fC 2. fC < fB = fD < fA 3. fD < fA = fC < fB 4. fB < fA = fC < fD (ขอ 4)  วธทา ิี ํ เราสามารถหาความถี่ที่เปลี่ยนไปนี้โดยหาจากสมการดังนี้ (V + V ) fL = (Vo + VL) fs เมือ fL = ความถี่ที่ผูสังเกตุไดยิน ่ o s fs = ความถี่ปกติของตนกําเนิดเสียง Vo = อัตราเร็วเสียง และหาความยาวคลื่นโดยใชสมการ Vs = อัตราเร็วของตนกําเนิดเสียง λ = (Vo f+ Vs ) s VL = อตราเรวของผสงเกตุ ั ็ ู ั λ = ความยาวคลื่นเสียงที่ผูสังเกตุไดยิน เงอนไขการใชสมการทงสองน้ี คือ ่ื  ้ั ในการแทนคา VL กับ Vs ตองคํานึงคา +, – ดวย โดยอาศัยหลักดังนี้ ! ! ! ! ถา VL!/!V0!!เคลื่อนที่สวนทางกับ !!!Vo!!จะมีคาเปน!!1! ถา VL!/!V0!!เคลื่อนที่ไปทางเดียวกัน Vo!!จะมีคาเปน!!2 55. รถไฟวิ่งดวยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีคา 500 Hz ถาเสียงมี อัตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่เสียงที่ไดยินจากคนบนรถไฟขบวนที่ 2 ทวงดวย่ี ่ิ  ความเร็ว 15 m/s เมือ ่ ก. รถไฟวิ่งเขาหากัน (575 Hz) ข. รถไฟวิ่งออกจากกัน (437.5 Hz) ! #%!
  • 25. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง วธทา ิี ํ 56. รถไฟวิ่งดวยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีคา 500 Hz ถาเสียงมีอตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความถี่ที่ผูสังเกตไดยินขณะอยูนิ่งเมื่อ ั ก. อยูหนารถไฟ (550 Hz ) ข. อยูหลังรถไฟ (458.3 Hz ) วธทา ิี ํ 57. รถไฟวิ่งดวยความเร็ว 30 เมตร/วินาที ในอากาศนิ่งความถี่หวูดรถไฟมีคา 500 Hz ถาเสียงมีอตราเร็ว 330 เมตร/วินาที จงหาความยาวคลื่นเสียง ั ก. เมืออยูหนารถไฟ (0.6 m) ่  ข. เมื่ออยูหลังรถไฟ (0.72 m) วธทา ิี ํ ! #&!
  • 26. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 5.2 คลืนกระแทก ่ ถาแหลงกําเนิดเคลื่อนที่เร็วกวาเสียง เรียก วา Supersonic Speed จะเกิดปรากฏการณดังรูป ลักษณะนี้เรียกวา เกิดคลื่นกระแทกขึ้น ซึ่งจะทํา ใหเกิดเสียงดังมากเหมือนกับระเบิด และเกดแรง ิ ดันขึ้นอยางมหาศาล เรยกวา Sonic boom เชน ในกรณทเ่ี ครองไอพนบนดวยความเรวมากกวา ี   ี ่ื  ิ  ็  เสียง แรงดนทเ่ี กดขนน้ี อาจทําใหกระจกหนาแตกได ั ิ ้ึ 58. เสียง Sonic boom เปนเสียงที่เกิดจาก ก. แหลงกําเนิดทั่วไปที่หยุดนิ่ง ข. แหลงกําเนิดเคลื่อนที่แตชากวาความเร็วคลื่น ค. แหลงกําเนิดเคลื่อนที่ดวยความเร็วเทากับเสียง ง. แหลงกาเนดเคลอนทเ่ี รวกวาความเรวเสยง  ํ ิ ่ื ็  ็ ี (ขอ ง.)  จากรูปของคลื่นกระแทกจะไดวา Sinθ = Vo = M = h θ Vs 1 x เมือ θ = มุมครึ่งหนึ่งของยอดกรวยเสียง ่ Vo = ความเรวเสยง (m/s) ็ ี Vs = อัตราเร็วแหลงกําเนิดเสียง (m/s) M = เลขมัค คือ จานวนเทาตวของความเรวเสยง ํ  ั ็ ี h = ความสูงจากพื้นดินถึงเพดานบิน x = ระยะจากจุดสังเกตถึงแหลงกําเนิดเสียง ตอนทไดยนเสยงพอดี ่ี  ิ ี ! #'!
  • 27. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง 59. เครืองบิน บินดวยอัตราเร็ว 1.5 Mach เหนือระดับพืนดิน 3 km คนจะไดยินเสียงเครื่องบิน ่ ้ เมอเครองบน บินอยูหางคนเทาใด ่ื ่ื ิ (4.5 km) วธทา ิี ํ 60(En 21) เครืองบิน บินดวยอัตราเร็ว 510 m/s ในแนวระดบ ซึ่งสูงจากพื้น ดิน 6 กิโลเมตร ่ ั ชายคนนั้นยืนอยูบนถนนจะไดยินเสียงเครื่องบิน เมอเครองบนอยหางจากชายผนนเปนระยะ ่ื ่ื ิ ู  ู ้ั  ทางกี่กิโลเมตร (กําหนดอัตราเร็วของเสียง = 340 เมตร/วินาที) ก. 6 ข. 6.7 ค. 9 ง. 12 (ขอ ค) วธทา ิี ํ 61(En 43/2) เครองบนความเรวเหนอเสยงบนในแนวระดบผานเหนอศรษะชายผหนง เมื่อเขาได ่ื ิ ็ ื ี ิ ั  ื ี ู ่ึ ยนเสยงของคลนกระแทก เขาจะมองเห็นตัวเครื่องบินมีมุมเงยจากพื้นดิน 30o เครองบนมี ิ ี ่ื ่ื ิ ความเร็วเทาใดในหนวยเมตร/วินาที ถาอัตราเร็วเสียงในอากาศเปน 345 เมตร/วินาที (690) วธทา ิี ํ !!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"!"" ! #(!
  • 28. Physics Online IV http://www.pec9.com บทที่ 12 เสียง ฟสกส บทที่ 12 เสียง ิ เสยง ี 1. แหลงกําเนิดคลื่นเสียงสั่นดวยความถี่ 170 เฮิรตซ ปลอยเสียงออกไปในอากาศมอตราเรว  ีั ็ 340 เมตร/วินาที จงหาระยะหางระหวางสวนอัดกับสวนขยายที่อยูใกลกันที่สุด(คือหา λ ) 2 2. จงหาอตราเรวของเสยงในอากาศ ณ อุณหภูมิ 15o C ั ็ ี 3. แหลงกําเนิดเสียงอันหนึ่งสั่นดวยความถี่ 692 Hz วางไวในอากาศที่อุณหภูมิ 25o C อยากทราบวาคลื่นเสียงที่ออกจากแหลงกําเนิดนี้จะมีความยาวคลื่นเทาไร 4. ถาเห็นฟาแลบและไดยินเสียงฟารองในเวลา 5 วินาที ตอมา จงหาตําแหนงที่ฟาแลบอยูไกล  เทาไร เมออตราเรวเสียงในอากาศ 340 เมตร/วินาที ่ื ั ็ 5. เสยงเคลอนทผานอากาศบรเิ วณหนงมอตราเรว 342 เมตร/วินาที เมอผานไปยงอกบรเิ วณ ี ่ื ่ี  ่ึ ี ั ็ ่ื  ั ี หนง อัตราเร็วเปลี่ยนเปน 348 เมตร/วินาที จงหาวาบริเวณทั้งสองมีอุณหภูมิแตกตางกันกี่องศา ่ึ 6. เมื่อเคาะทอเหล็กยาว 1 ครั้งที่ปลายขางหนึ่ง ปรากฏวาผูฟงซึ่งอยูที่ปลายอีกขางหนึ่งของ! ทอเหล็กจะไดยินเสียงเคาะ 2 ครัง หลังจากเคาะแลวเปนเวลา 0.2 วินาที และ 3 วินาที ้ ! ตามลําดับ ถาขณะเคาะทอเหล็ก อากาศมีอุณหภูมิ 25o C จงหาความยาวของทอเหลกและ  ็ อัตราเร็วของเสียงในทอเหล็กขณะนัน ้ 7. ชายคนหนึ่งกําลังวายน้ํา เหนเรอบรรทกกาลงจะจม และเห็นแสงไฟจากการระเบิดของเรือ ็ ื ุ ํ ั 1 ครัง แตปรากฏวาไดยินเสียงระเบิดตามมา 2 ครัง ในเวลาหางกัน 2.4 วินาที ถาขณะ ้ ้ นันอัตราเร็วเสียงในอากาศ 340 เมตร/วินาที และอตราเรวเสยงในนา 1496 เมตร/วินาที ้ ั ็ ี ํ้ อยากทราบวาตําแหนงที่เรือจมอยูหางจากชายคนนั้นเทาใด สมบัติของคลื่นเสียง ! 8. เรือลําหนึ่งลอยนิ่งอยูในทะเลไดสงคลื่นสัญญาณเสียงลงไปในน้ําทะเล และไดรบสัญญาณ ั ! เสียงนั้นกลับมาในเวลา 0.6 วินาที เมืออัตราเร็วของเสียงในน้าทะเลมีคา 1500 เมตร/! ่ ํ  วินาที ทะเล ณ บริเวณนี้ลึกเทาไร! 9. เรอเรวลาหนงแลนดวยความเรว 200 เมตร/วินาที แลวปลอยสัญญาณเสียงลงไปในน้ํา ื ็ ํ ่ึ   ็ ปรากฏวาในเวลา 2 วินาที ไดรับสัญญาณสะทอนกลับ ถาเสยงมอตราเรวในนา 1500  ี ีั ็ ํ้ เมตร/วินาที อยากทราบวาน้ําบริเวณนั้นลึกเทาไร ! #)!