กฏหมายบุคคล
- 7. การนับอายุบุคคล
การนับอายุบุคคลมี 4 กรณีดังต่อไปนี้
1. กรณีรู้วัน เดือน ปี ให้เริ่มนับตั้งแต่วันเกิด เช่น
เกิดวันที่ 19 กันยายน 2530 แดงจะมีอายุครบ
20 ปีบริบูรณ์ ในวันที่18 กันยายน 2550 เวลา
24.00 น และ บรรลุนิติภาวะในการวันที่ 19
กันยายน 2550 เวลา 00.00 น
2. กรณีรู้เดือน ปีเกิด แต่ไม่รู้วันเกิด กฎหมายให้
ถือเอาวันที่ 1 ของเดือนนั้นเป็นวันเกิด ดังนั้น การนับ
อายุของบุคคลในกรณีนี้จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่1 ของ
เดือนและปีที่เกิด เช่น เดือนธันวาคม 2467 ไม่รู้ว่าตน
เกิดวันที่เท่าใด กฎหมายให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม
- 8. 3. กรณีรู้ปีเกิด แต่ไม่รู้วันและเดือนเกิด กฏหมายให้
ถือว่าเอาวันเริ่มต้นปีปฏิทินของปีที่บุคคลนั้นเกิดเป็นวัน
เกิดของบุคคลดังกล่าว ซึ่งก็คือวันที่ 1 มกราคมของปีที่
เกิดนั่นเอง เช่น เกิดปี 2475 แต่ไม่รู้ว่าตนเกิดในวัน
และเดือนใด กฎหมายให้ถือว่า เกิดวันที่ 1 มกราคม
2475
4. กรณีไม่รู้วัน เดือน ปีเกิดเลย กรณีนี้เช่นต้อง
พิจารณาจากรูปร่าง หน้าตา สัณฐานของบุคคลนั้น
ประกอบกับพยานแวดล้อม เช่น สอบถามจากญาติพี่
น้อง เพื่อนบ้าน หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อ
พิจารณาว่าบุคคลนั้นควรมีอายุเท่าใด
- 11. คนไร้ความสามารถ
คนไร้ความสามารถ คือ บุคคลวิกลจริตซึ่งศาลได้สั่ง
ให้เป็นคนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความ
อนุบาล หรือความดูแลของผู้อนุบาล คำาสั่งดังกล่าวให้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้
สั่งบุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถ มีดังนี้
1) คู่สมรสของผู้วิกลจริต
2) บุพการี ( บิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด)
3) ผู้สืบสันดาน ( ลูก หลาน เหลน)
4) ผู้ปกครอง หรือ ผู้พิทักษ์
5) ผู้ซึ่งปกครองดูแลบุคคลนั้น
6) พนักงานอัยการ
คนไร้ความสามารถทำานิติกรรมใด ๆ ถือเป็น
- 12. คนวิกลจริต
คือ ภาวะผิดปกติทางจิตที่มีความผิดปกติของความ
คิด อารมณ์ พฤติกรรมอย่างมากจนไม่อยู่ในโลกของ
ความเป็นจริง เช่น คนบางคนอาจจะมีอาการ เช่น
- ความคิดหลงผิด (ระแวงถูกสะกดรอย
ตาม, ถูกทำาร้าย, ถูกนินทา, ถูกควบคุมโดยอำานาจ
ไสยศาสตร์หรือไมโครชิพ)
- ประสาทหลอน (ได้ยินหูแว่วเสียงคนพูด
ถึงตนเอง, ภาพหลอน)
- พฤติกรรมแปลกผิดประหลาดจากปกติ
(วุ่นวายมาก, ทำาท่าแปลกๆ)
- พูดจาผิดปกติ (พูดฟังไม่รู้เรื่อง, ไม่ปะ
- 19. 2. นิติบุคคลมหาชน หมายถึง นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้น
ตามกฏหมายมหาชนโดยดำาเนินการในลักษณะที่ไม่เท่า
เทียมกัน กล่าวคือ นิติบุคคลนั้นมีอำานาจเหนือบุคคล
ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำาเนินงานของตน และการ
ดำาเนินการอยู่บนพื้นฐานของการใช้อำานาจรัฐบังคับให้
เป็นเพื่อผลประโยชน์ส่วนร่วม
โดยส่วนใหญ่แล้วนิติบุคคลมหาชนจะเป็นองค์กร
ของรัฐ เช่น กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด
กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล องค์การ
บริหารส่วนตำาบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด วัดใน
พระพุทธศาสนา มหาวิทยาของรัฐ พรรคการเมือง
- 21. ภูมิลำาเนาของบุคคล
ภูมิลำาเนาของบุคคลธรรมดา ได้แก่ ถิ่นอันที่
บุคคลนั้นมีสภาพที่อยู่เป็นแหล่งสำาคัญ กล่าวคือ ถิ่นที่จะ
เป็นภูมิลำาเนาได้นั้นจะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์
สำาคัญ 2 ประการ (1) เป็นที่อยู่ของบุคคลตามข้อเท็จ
จริง (2) เป็นที่อยู่ซึ่งบุคคลนั้นถือเป็นแหล่งสำาคัญ
โดยปกติบุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถเลือก
ภูมิลำาเนาของตนได้ตามใจสมัครและสามารถมี
ภูมิลำาเนาหลายแห่งก็ได้ แต่มีบุคคลบางประเภทที่
กฎหมายกำาหนดภูมิลำาเนาให้โดยเฉพาะเพื่อความ
สะดวกและตัดข้อยุ่งยากในการหาภูมิลำาเนาของบุคคล
เหล่านั้นได้แก่
- 22. 2) ภูมิลำาเนาของผู้เยาว์ ได้แก่ ภูมิลำาเนาของผู้
แทนโดยชอบธรรมซึ่งเป็นผู้ใช้อำานาจปกครอง (บอดา
มารดา) หรือภูมิลำาเนาผู้ปกครองในกรณีที่ผู้เยาว์อยู่ใต้
อำานาจปกครองของบิดามารดาถ้าบิดาและมารดามี
ภูมิลำาเนาแยกต่างหากจากกัน ภูมิลำาเนาของผู้เยาว์
ได้แก่ภูมิลำาเนาของบิดาหรือมารดาซึ่งตนอยู่ด้วย
3) ภูมิลำาเนาของคนไร้ความสามารถ ได้แก่
ภูมิลำาเนาของผู้อนุบาล
4) ภูมิลำาเนาของข้าราชการ ได้แก่ ถิ่นอัน
เป็นที่ทำาการตามตำาแหน่งหน้าที่ ซึ่งไม่ใช่ตำาแหน่ง
หน้าที่ชั่วคราวชั่วระยะเวลาและไม่ใช่ตำาแหน่งที่แต่งตั้ง
ไปเฉพาะการเพียงครั้งเดียวคราวเดียว
5) ภูมิลำาเนาของผู้ที่จำาคุกตามคำาพิพากษา