การเรียนรู้ด้วยตนเอง
สามารถช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาและเพิ่มศักยภาพ
ของตนเองโดยการค้นพบความสามารถและสิ่งที่มีคุณค่าในตนเองที่
เคยมองข้ามไป
(“...it is possible to help learners expand
their potential by discovered that which is
yet untapped…”) (Brockett & Hiemstra,
1991)
เรียนรู้ด้วยตนเองที่ดีที่สุดนั้น
เริ่มต้นที่ความพร้อมในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
และท่านคงทราบในเบื้องต้นแล้วว่า ระดับ
ความพร้อมในการเรียนรู้ด้วยตนเองของท่าน
อยู่ในระดับใด มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย
น้อยที่สุด
การเรียนรู้มีองค์ประกอบ 2 ด้าน คือ
องค์ประกอบภายนอก ได้แก่ สภาพแวดล้อม โรงเรียน สถานศึกษา
สิ่งอานวยความสะดวก และครู
องค์ประกอบภายใน ได้แก่ การคิดเป็น พึ่งตนเองได้ มีอิสรภาพ ใฝ่
รู้ ใฝ่สร้างสรรค์ มีความคิดเชิงเหตุผล มีจิตสานึกในการเรียนรู้ มี
เจตคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้
การเรียนรู้อาจเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
. การเรียนรู้โดยบังเอิญ การเรียนรู้แบบนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ มิได้เกิด
จากความตั้งใจ .
การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นการเรียนรู้ด้วยความตั้งใจของผู้เรียน ซึ่งมี
ความปรารถนาจะรู้ใน
เรื่องนั้น ผู้เรียนจึงคิดหาวิธีการเรียนด้วยวิธีการต่างๆ
*การเรียนรู้โดยกลุ่ม การเรียนรู้แบบนี้เกิดจากการที่
ผู้เรียนรวมกลุ่มกันแล้วเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาบรรยาย
.* การเรียนรู้จากสถาบันการศึกษา เป็นการเรียน
แบบเป็นทางการ มีหลักสูตร การประเมินผล มี
ระเบียบการเข้าศึกษาที่ชัดเจน ผู้เรียนต้องปฏิบัติ
ตามกฎระเบียบที่กาหนด
“การเรียนรู้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์”
(LEARNING makes a man fit
company for himself) ... (Young
การเรียนรู้ด้วยตนเองมีความสาคัญอย่างไร
จะเรียนได้มากกว่า ดีกว่า มีพัฒนาการทางจิตวิทยา
และกระบวนการทางธรรมชาติ ความตั้งใจ มี
จุดมุ่งหมาย
องค์ประกอบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนควรมีการวิเคราะห์
ความต้องการ วิเคราะห์เนื้อหา กาหนดจุดมุ่งหมายและการวางแผน
ในการเรียน มีความสามารถในการแสวงหาแหล่งวิทยาการ และมี
วิธีในการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีเพื่อนเป็นผู้ร่วม
เรียนรู้ไปพร้อมกัน และมีครูเป็นผู้ชี้แนะ อานวยความสะดวก และ
ให้คาปรึกษา ทั้งนี้ ครูอาจต้องมีการวิเคราะห์ความพร้อมหรือทักษะ
ที่จาเป็นของผู้เรียนในการก้าวสู่การเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเองได้
ของคาว่า “การเรียนรู้ด้วยตนเอง” โดยสังเขป
การใช้แหล่งการเรียนรู้
หมายถึง บริเวณ ศูนย์รวม บ่อเกิด แห่ง หรือ
ที่ ที่มีสาระเนื้อหาเป็นข้อมูล ความรู้
1. เป็นแหล่งที่มีข้อมูล 2. เป็นสื่อการเรียนรู้สมัยใหม่
3. เป็นแหล่งช่วยเสริมการเรียนรู้ตาม
อัธยาศัย
4. เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
5. เป็นแหล่งที่มนุษย์สามารถเข้าไปปฏิบัติ
ได้จริง
2
แหล่งเรียนรู้มีการแบ่งแยกตามลักษณะได้ 6 ประเภท
1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล
2. แหล่งเรียนรู้ประเภทธรรมชาติ
3. แหล่งเรียนรู้ประเภทวัสดุและสถานที่
4. แหล่งเรียนรู้ประเภทสื่อ
5. แหล่งเรียนรู้ประเภทเทคนิค
6. แหล่งเรียนรู้ประเภทกิจกรรม
ประเภทของห้องสมุดประชาชน (สังกัดสานักงาน กศน.)
1.ห้องสมุดประชาชนขนาดใหญ่ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนจังหวัด
หอสมุดรัชมังคลาภิเษกพระราชวังไกลกังวล หัวหิน
2. ห้องสมุดประชาชนขนาดกลาง ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”
3. ห้องสมุดประชาชนขนาดเล็ก ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนอาเภอทั่วไป
ระบบทศนิยมของดิวอี้แบ่งความรู้ในโลกออกเป็นหมวด
9 หมู่จากหมวด
000 สารวิทยาความรู้เบ็ดเตล็ดทั่วไป
100 ปรัชญาและวิชาที่เกี่ยวข้อง
200 ศาสนา
300 สังคมศาสตร์
400 ภาษาศาสตร์
500 วิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์)
600 เทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์ประยุกต์)
700 ศิลปกรรมและการบันเทิง
800 วรรณคดี
900 ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์
ระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกันแบ่งหมวดหมู่วิชา
ออกเป็น 20 หมวด
1. หมวด A : ความรู้ทั่วไป
2. หมวด B : ปรัชญา ศาสนา
3. หมวด C : ประวัติศาสตร์
4. หมวด D : ประวัติศาสตร์สากล
5. หมวด E-F : ประวัติศาสตร์อเมริกา
6. หมวด G : ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา คติชนวิทยา
7. หมวด H : สังคมศาสตร์
8. หมวด J : รัฐศาสตร์
9. หมวด K : กฎหมาย
10. หมวด L : การศึกษา
11. หมวด M : ดนตรี
12. หมวด N : ศิลปกรรม
13. หมวด P : ภาษาและวรรณคดี
14. หมวด Q : วิทยาศาสตร์
15. หมวด R : แพทยศาสตร์
16. หมวด S : เกษตรศาสตร์
17. หมวด T : เทคโนโลยี
18. หมวด U : วิชาการทหาร
19. หมวด V : นาวิกศาสตร์
20. หมวด Z : บรรณารักษศาสตร์
ปัจจุบันมีห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”
จานวน 82 แห่ง
ห้องสมุดวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นห้องสมุด
มหาวิทยาลัยเปิด ชื่อ เรียกว่า “สานักบรรณสารสนเทศ”
รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้มีพระบรมราช
โองการประกาศจัดการหอพระสมุดวชิรญาณ ให้เป็น
หอสมุดสาหรับ พระนคร หอสมุดแห่งชาติปัจจุบัน หอสมุด
แห่งชาติสาขาต่าง ๆ มี17 แห่ง
ศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่สาคัญที่สุด
อัลมัสญิด อัลฮะรอม (มัสญิดต้องห้าม) ในนครมักกะหฺ อัลมัสญิด อัล
อักศอ เป็นมัสญิดที่มีความสาคัญทางประวัติศาสตร์อิสลาม เพราะศา
สนทูต มุฮัมมัด ได้ขึ้นสู่ฟากฟ้ า (มิอฺรอจญ์) จากที่นั่น
ศาสนาคริสต์มี2 นิกาย คือนิกายโรมันคอทอลิก (คริสตัง) และนิกาย
โปรเตสแตนต์ (คริสเตียน) อาคารของโบสถ์จะเน้นความเรียบง่าย
เหมือนอาคาร ทั่วไป ไม่เน้นรูปเคารพ หรือรูปปั้น
พิพิธภัณฑ์ มี 6 ประเภท
พิพิธภัณฑสถานประเภททั่วไป
พิพิธภัณฑสถานศิลปะ
พิพิธภัณฑสถานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา
พิพิธภัณฑสถานประวัติศาสตร์
พิพิธภัณฑสถานชาติพันธุ์วิทยาและประเพณีพื้นเมือง
แหล่งเรียนรู้อินเทอร์เน็ต
กลุ่มเป้ าหมาย จานวนมากๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว และใช้
ต้นทุนในการลงทุนต่า เป็นสิ่งที่พึงปรารถอินเทอร์เน็ตมีความ
จาเป็นและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สาคัญที่สุดคงจะไม่ผิดนักหนาของ
ทุกหน่วยงาน ที่ไม่จากัดระบบปฏิบัติการของเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ไม่มีข้อจากัดในเรื่องของระยะทาง ไม่จากัด
รูปแบบของข้อมูล
หน้าที่และความสาคัญของแหล่งเรียนรู้อินเทอร์เน็ต
สืบค้นสารสนเทศจากเครือข่ายต่างๆ ทั่วโลก ทุกสาขาวิชา ทุกด้าน ทั้ง
บันเทิงและวิชาการ ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ ด้านการบันเทิง
สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์
ใหม่และเก่ามาดูได้
เลขที่อยู่ไอพี (IP address)
ไอพี เรียกว่า โดเมน ตั้งชื่อสาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง
เช่น nfe.go.th ซึ่งใช้แทนเลขที่อยู่ไอพี 203.172.142.0
ประโยชน์ของแหล่งเรียนรู้ผ่านเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic mail=E=mail) ระบบ
จากระยะไกลหรือเทลเน็ต (Telnet) การโอนถ่ายข้อมูล (File
Transfer Protocol หรือ FTP) การสืบค้นข้อมูล (Gopher,
Archie, World wide Web) ความคิดเห็น (Usenet) การ
สื่อสารด้วยข้อความ (Chat, IRC-Internet Relay Chat)
การซื้อขายสินค้าและบริการ (E-Commerce บันเทิง
(Entertain)
โทษของแหล่งเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic)
อินเทอร์เน็ตทาให้รู้สึกหมกมุ่น
เรื่องอนาจารผิดศีลธรรม
ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเทอร์เน็ต และระเบิดเวลา
การจัดการความรู้
การจัดการ (Management) หมายถึง กระบวนการในการเข้าถึงความรู้
และการถ่ายทอด ความรู้ที่ต้องดาเนินการ่วมกันกับผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจ
เริ่มต้นจากการบ่งชี้ความรู้ที่ต้องการใช้ การ สร้างและแสวงหาความรู้ การ
ประมวลเพื่อกลั่นกรองความรู้ การจัดการความรู้ให้เป็น
ระบบ ความรู้ (Knowledge) หมายถึง ความรู้ที่ควบคู่กับการปฏิบัติ ซึ่ง
ในการปฏิบัติจาเป็น ต้องใช้ความรู้ที่หลากหลายสาขาวิชามาเชื่อมโยงบูรณา
การเพื่อการคิดและตัดสินใจ
ความรู้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.ความรู้เด่นชัด (Explicit Knowledge) เป็น
ความรู้ที่เป็นเอกสาร ตารา คู่มือปฏิบัติงาน
2. ความรู้ซ่อนเร้น / ความรู้ฝังลึก (Tacit
Knowledge) เป็นความรู้ที่แฝงอยู่ในตัวคน
พัฒนาเป็นภูมิปัญญา ฝังอยู่ในความคิด ความเชื่อ
ความรู้ 2 ยุค
ความรู้ยุคที่ 1 เน้นความรู้ในกระดาษ “ผู้มีปัญญา”
ความรู้ยุคที่ 2 เป็นความรู้ในคน “ความรู้อันเกิด จากประสบการณ์”
พัฒนาวิธีการทางานมี 4 ประการ
การตอบสนองความต้องการ ซึ่งอาจเป็นความต้องการของ
ตนเอง ผู้รับบริการ
ความต้องการของสังคม หรือความต้องการที่กาหนดโดย
ผู้นาองค์กร
นวัตกรรม ซึ่งอาจเป็นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือ
วิธีการใหม่ ๆ ก็ได้
ขีดความสามารถของบุคคล และขององค์กร
ประสิทธิภาพในการทางาน
การจัดการความรู้ไว้ 2 รูปแบบ
โมเดลปลาทู
โมเดลปลาตะเพียน
“หัวปลา” หมายถึง “Knowledge Vision” KV
“ตัวปลา” หมายถึง “Knowledge Sharing” หรือ KS
“หางปลา” หมายถึง “Knowledge Assets” หรือ KA
คือเป้ าหลายของการจัดการความรู้
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ขุมความรู้ที่ได้จาก มีชีวิตไม่หยุดนิ่ง
บุคคลและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้
คุณอานวย ความสะดวกในการจัดการความรู้
คุณกิจ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
คุณลิขิต จดบันทึกกิจกรรมจัดการความรู้ต่าง ๆ
ชุมชนนักปฏิบัติหรือชุมชนแห่งการเรียนรู้ (CoPs) 1. ต้องมีเวลา คือมี
เวลาที่จะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2.ต้องมีเวทีหรือพื้นที่ 3. ต้องมีไมตรี
คุณธรรม จริยธรรม : องค์ประกอบที่สาคัญของการ
คิดแก้ปัญหาแบบคนคิดเป็น
คุณธรรม (Moral) คือ คุณ + ธรรม หมายถึง คุณงามความดีที่เป็น
ธรรมชาติจริยธรรม (Ethics) คือ จริยะ ได้แก่ ความประพฤติ + ธรรมะ
ได้แก่ หลักปฏิบัติ คุณธรรม 4 ประการ
1) สัจจะ มีความจริงใจต่อตนเองที่จะรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับตน
2) ทมะ การรู้จักข่มใจตนเองที่จะปฏิบัติตามสัจจะที่กาหนด
3) ขันติ มีความอดทนอดกลั้นที่จะปฏิบัติตามสัจจะนั้นให้สาเร็จลุล่วง
4) จาคะ การสละความชั่วความทุจริตตามสัจจะนั้นๆ
การแก้ปัญหาชีวิต ได้แก่ อริยสัจ 4 หมายถึง ความจริงอัน
ประเสริฐ 4 ประการ
1) ทุกข์ คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจที่เกิดขึ้น เนื่องจากสาเหตุ
นานาประการ
2) สมุทัย คือ เหตุที่ทาให้เกิดทุกข์ ซึ่งเกิดจากตัณหาทั้งหลาย
3) นิโรธ คือ ความดับทุกข์ โดยการดับตัณหาให้หมดจะเป็นภาวะที่
ปลอดทุกข์
4) มรรค คือ วิถีทางในการดับทุกข์ ได้แก่ ข้อปฏิบัติต่างๆ ที่ทาให้ทุกข์
หมดไป
การวิจัยอย่างง่าย
1. การวิจัยทาให้เกิดความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ
2. การวิจัยช่วยให้เกิดนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ แนวคิดใหม่ๆ
3. การวิจัยช่วยตอบคาถามที่อยากรู้ ให้เข้าใจปัญหาและช่วยในการแก้ไข
ปัญหา
4. การวิจัยช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจ
5. การวิจัยช่วยให้ทราบผลและข้อบกพร่องจากการดาเนินงาน
กระบวนการและขั้นตอนการทาวิจัยอย่างง่าย
ขั้นตอนแรก มักจะเริ่มต้นจากผู้วิจัยอยากรู้อะไร มีปัญหาข้อสงสัยอะไร เป็น
ขั้นตอนการกาหนดคาถามวิจัย/ปัญหาวิจัย
ขั้นตอนที่สอง คือ การเขียนโครงการวิจัย ซึ่งต้องเขียนก่อนการทาวิจัยจริง
โดยเขียนให้ครอบคลุมว่า จะทาวิจัยเรื่องอะไร (ชื่อโครงการวิจัย) ทาไมจึง
ทาเรื่องนี้
ขั้นตอนที่สาม คือการดาเนินงานวิจัยตามแผนที่กาหนดไว้ใน
โครงการวิจัย
ขั้นตอนที่สี่ คือการเขียนรายงานการวิจัย ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหัวข้อ
คือ
1. ชื่อเรื่อง
2. ชื่อผู้วิจัย
3. ความเป็นมาของการวิจัย
4. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
5. วิธีดาเนินการวิจัย
6. ผลการวิจัย
7. ข้อเสนอแนะ
8. เอกสารอ้างอิง (ถ้ามี)
ขั้นตอนสุดท้าย คือ การเผยแพร่ผลงานวิจัย เพื่อให้บุคคล หรือหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องนาผลงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป
กาหนดคาถามวิจัยปัญหาวิจัย
เขียนโครงการวิจัย
ดาเนินการตามแผนในโครงการวิจัย
เขียนรายงานการวิจัย
เผยแพร่ผลงานวิจัย
สถิติที่ใช้ในการวิจัย
ความถี่ Frequency
ชุดตัวเลขต่อไปนี้ ตัวเลขใดมีความถี่มากที่สุด 10
15 18 10 13 10 1015 18 18
คาตอบก็คือ 10 เพราะแจงนับความถี่ได้ 4
รองลงมาคือตัวเลข 18 ที่แจงนับความถี่ได้ 3
ตัวเลข 15 ความถี่ 2 และตัวเลข 13 มีความถี่น้อย
ที่สุด คือ 1
ร้อยละ (Percentage)
ร้อยละ = ตัวเลขที่ต้องการเปรียบเทียบ
หารจานวนเต็ม
100
ค่าเฉลี่ย ค่าเฉลี่ย = ผลรวมของข้อมูลทั้งหมด
หารจานวนข้อมูลที่มีอยู่

ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง กศน