More Related Content
Similar to เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒
Similar to เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒ (20)
เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒
- 3. แมลงวัน ข้อมูลทั่วไป แมลงวัน ( Fly ) เป็นแมลงที่อาศัยอยู่กับชุมชนมนุษย์ชนิดหนึ่ง ส่วมมากคนจะรู้จักบางชนิด เช่น แมลงวันบ้าน และแมลงวันหัวเขียว มักจะกินอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์และเศษอาหาร ตามกองขยะ และชอบหากินเวลากลางวัน ไม่ชอบแสงแดดจัด รัศมีการหากินอยู่ในวงประมาณ 3 กิโลเมตร แมลงวันออกลูกเป็นไข่ และฟักเป็นหนอนแมลงวัน และระยะดักแด้ จนกลายเป็นตัวเต็มวัย วงจรชีวิตของแมลงวันตั้งแต่ไข่จนเป็นตัวเต็มวัยกินเวลาประมาณ 8-10 วัน
- 4. โทษ แมลงวันจัดเป็นสัตว์พาหะนำโรค เนื่องจากการ ตอมตามสิ่งสกปรกทำให้มีเชื้อโรคติดตามขาและมาติดต่อสู่มนุษย์ ประโยชน์ แมลงวันมีประโยชน์ต่อมนุษย์ เช่น ในบางท้องที่พบว่าแมลงวันสามารถช่วยผสมเกสรดอกไม้ แพทย์บางแห่งใช้หนอนแมลงวันช่วยในการรักษาแผลเน่าเปื่อยในคน โดยให้หนอนแมลงวันขนาดเล็กกัดกินเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว ทำให้แผลหายเร็วขึ้น การพบตัวอ่อนของแมลงวันในศพสามารถช่วยในการชันสูตรศพ ซึ่งช่วยประมาณระยะเวลาตาย หรือการหาสาเหตุของการตายในบางกรณีได้
- 6. แมลงวัน ถูกจัดอยู่ในอันดับ ORDER DIPTERA ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่อันดับ 4 ของแมลงเป็นแมลงขนาดเล็ก มีปีก 1 คู่ มีลำตัวอ่อนนุ่ม และเป็นแมลงที่สำคัญทางเศรษฐกิจ เราสามารถพบแมลงวันได้ทุกแห่งในโลก หลายชนิดพบว่าสามารถดูดเลือดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และหลายชนิดสามารถกัดกินหรือทำลายพืชที่ปลูกทำให้ผลผลิตเสียหาย หลายชนิดสวยงาม บางชนิดมีลวดลายแปลกตา บางชนิดเป็นตัวห้ำ หรือผสมเกสร ดังนั้น แมลงวันจึงมีความสำคัญทางเกษตรและทางการแพทย์ แมลงวัน มีหลายชนิด เช่น แมลงวันบ้าน แมลงวันหลังลาย แมลงวันหัวเขียว แมลงวันทอง แมลงวันสี แมลงวันกระโดด แมลงวันผึ้ง แมลงวันฉก แมลงวันลาย แมลงวันดอกไม้ แมลงวันหัวหนา แมลงวันก้นขน แมลงวันเขาวัว แมลงวันปากดำ แมลงวันตอมตา ฯลฯ แมลงวันบ้าน ลักษณะสำคัญ : ตัวเต็มวัยสีเทา มีแถบสีดำ 4 เส้น พาดอยู่ส่วนอกด้านบน หรือ กลางลำตัว ลำตัวยาวตัวประมาณ 1/8-1/4 นิ้ว ตัวหนอนสีขาวครีม หัวแหลมท้ายป้าน ไม่มีขา ไข่มีขนาดเรียวยาว 1 มม . สีขาว อาหาร : กินอาหารได้หลายชนิด รวมทั้งของเสีย ตัวเมียวางไข่ ได้ครั้งละ 100-150 ฟอง และสามารถวางไข่ได้สูงถึง 600 ฟองโดยชอบวางไข่ตามกองขยะที่มีความชื้นสูง หรือสิ่งปฏิกูลต่างๆ ไข่ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 6 ชั่วโมง ตัวหนอนลอกคราบประมาณ 3 ครั้ง จากนั้นจะเข้าดักแด้ และฟักเป็นตัวเต็มวัย ในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ แมลงวันหัวเขียว เป็นแมลงวันที่มีขนาดใหญ่ มีขนาดลำตัว 8-12 มิลลิเมตร ลำตัวสีน้าเงินแกมเขียว เป็นมัน แมลงวันชนิดนี้ชอบอยู่นอกบ้าน บางครั้งอาจตอมอาหารหรือแหล่งที่มีเชื้อโรค ตัวเต็มวัยจะหากินตามแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เล้าเป็ด ไก่ กองขยะ ตลาด ซากเน่าเปื่อย มูลสัตว์ ก่อให้เกิดความรำคาญกับสัตว์และอาจนำโรคมาสู่สัตว์ อาหาร : กินอาหารได้หลายชนิด ของเหลวจากสารอินทรีย์วัตถุ น้ำหวานจากพืช แมลงวันหัวเขียว ใช้ระยะเวลาในการเจริญเติบโต ตั้งแต่ระยะไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และฟักเป็นตัวเต็มวัย เป็นเวลา อย่างน้อย 10 วัน ตัวเมียวางไข่และ ตัวหนอนอาศัยเจริญเติบโตตามมูลสัตว์
- 7. แมลงวันผลไม้ ( Oriental fruit fly ) ชื่อวิทยาศาสตร์ Bactrocera dorsalis Hendel รูปร่างลักษณะและชีวประวัติ เป็นแมลงขนาดเล็ก ส่วนหัว อก และท้องมีสีน้ำตาลอ่อน ที่สันหลังอกมีแถบสีเหลืองทองเป็นแห่ง ๆ ส่วนอกกว้าง 2 มม . ส่วนท้องกว้าง 3 มม . ปีกใสจากปลายปีก ข้างหนึ่งไปยังปลายปีกอีกข้างหนึ่ง กว้าง 15 มม . หลังการผสมพันธุ์ ตัวเมียจะวางไข่โดย ใช้อวัยวะวางไข่แทงลงใต้ผิวผลไม้ ไข่มีลักษณะยาวรี ระยะไข่ 2 - 4 วัน เมื่อฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ ตัวหนอนมีสีขาวใสเมื่อโตเต็มที่มีขนาด 8 - 10 มม . ระยะหนอน 7 - 8 วัน เมื่อเข้าดักแด้เริ่มแรกมีสีนวลหรือเหลืองอ่อน และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ระยะดักแด้ 7 - 9 วัน แล้วจึงออกเป็นตัวเต็มวัย เมื่อตัวเต็มวัยอายุประมาณ 12 - 14 วัน จะเริ่มผสมพันธุ์ และวางไข่ ( รุจินี , 2523 ) ตัวเมียมีการผสมพันธุ์กับตัวผู้หลายครั้ง ตัวเมียตัวหนึ่ง ๆ สามารถวางไข่ได้ประมาณ 1,300 ฟอง วงจรชีวิตใช้เวลา ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์
- 8. การเจริญเติบโตและการแพร่พันธุ์ ตามข้อมูล แมลงวันมีการเจริญเติบโตเหมือนยุงคือ ระยะ ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวแก่ สามารถวางไข่ได้ครั้งละ 100-150 ฟอง ปากมี 2 แบบ คือ แบบที่ใช้ดูด ได้แก่ แมลงวันคอก และ แบบที่ใช้ขูด ได้แก่แมลงวันบ้าน แต่ แมลงวันที่เป็นปัญหาต่อการสาธารณสุขคือแมลงวันบ้าน และแมลงวันหัวเขียว แมลงวันบ้านเป็นแมลงที่พบได้ทั่วโลกยกเว้นบริเวณที่มีอากาศหนาวจัด ซึ่งเป็นพาหะนำโรคหลายชนิด ได้แก่ อหิวาตกโรค ไข้รากสาด บิด นำเชื้อโรคมาสู่คนได้โดย การสำรอกน้ำย่อยและน้ำลายออกมาปนเปื้อนอาหารของมนุษย์ ส่วนแมลงวันหัวเขียวจะวางไข่บนสิ่งสกปรกเน่าเหม็น เช่น ซากสัตว์ สามารถวางไข่ได้ประมาณ 1,000-3,000 ฟอง โดยวางไข่ครั้งละ 50-150 ฟอง มีการแพร่พันธุ์ได้ 9-10 ครั้ง ตัวแก่มีอายุประมาณ 1 เดือน
- 9. แมลงวัน พาหะนำโรคตัวฉกาจ แขกผู้ไม่มีใครอยากเชื้อเชิญ ซึ่งมักมาเยือนในทุกที่ที่มีอาหาร เลือด และกลิ่นคาวปลา ตามร้านอาหารและตลาดสดจึงเป็นแหล่งที่แมลงวันมารวมตัวกัน รุมตอมและกินเศษเลือดอย่างชุกชุม แม้แต่ในบ้านเรือน ก็มีแมลงวันให้เห็นอยู่เป็นประจำ หลากหลายวิธีที่เรางัดออกมาใช้ จัดการกับแมลงวัน ไม่ว่าจะเป็นการโบกมือไล่ การฉีดยาฆ่าแมลง การใช้ที่ตีแมลงวันตี การใช้ถุงพลาสติกดักจับ และการใช้กาวลักษณะคล้ายก้านธูปดัก ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ในระยะหลังๆ นี้ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่า ตามแผงขายของสดเนื้อสัตว์ในตลาดและตามร้านอาหาร จะมีถุงพลาสติกใสบรรจุน้ำจนเต็ม มัดให้ตึง ผูกเชือกแขวนไว้สูงเหนืออาหารหรือวางไว้บนโต๊ะอาหาร สอบถามพ่อค้าแม่ค้าก็ได้ความว่าเขาห้อยถุงพลาสติกเหล่านี้ไว้ เพื่อไล่แมลงวันพร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลดี ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมถุงพลาสติกธรรมดาๆ จึงช่วยขับไล่แมลงวันได้ ร . ศ . ดร . เนาวรัตน์ ศุขะพันธุ์ อาจารย์และนักวิจัย ของภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คือ ผู้ริเริ่มถุงน้ำไล่แมลงวันที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ โดยเริ่มจากงานทดลองที่ทำให้อาจารย์เห็นว่า แมลงวันเป็นพาหะและสื่อนำโรคร้ายมาสู่มนุษย์และสัตว์ พร้อมทั้งก่อความรำคาญ ทำให้สูญเสียสุขภาพอนามัยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะทางด้านปศุสัตว์ ซึ่งในสหรัฐอเมริกาและในยุโรป ต้องสูญเสียรายได้ทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์ สาเหตุจากการที่สัตว์เศรษฐกิจถูกแมลงวันดูดกินเลือด และทำให้เกิดโรคล้มตายมากมาย โรคร้ายแรงต่างๆ ที่แมลงวันนำมาสู่คนและสัตว์นั้น ได้แก่ โรคอหิวาตกโรค โปลิโอ คุดทะราด แอนแทรกซ์ การติดเชื้อโปรโตซัวชนิดต่างๆ โรคพยาธิแส้ม้า โรคเซอร์ร่า โรคลาวเอียซีส ฯลฯ รวมทั้งการติดเชื้อโดยทางบาดแผล เป็นต้น อาจารย์จึงได้ทำการศึกษาแมลงวันในเชิงการดำรงชีวิต และความเป็นอยู่ในแหล่งที่มีแมลงวันเพาะขยายพันธุ์ ทั้งด้านกายวิภาคและสรีรวิทยาของแมลงวัน มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี เพื่อค้นหาวิธีควบคุมและปราบแมลงวันที่ให้ผลดีที่สุด แต่เสียค่าใช้จ่ายน้อย และไม่มีผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมของธรรมชาติ
- 10. หลักการใช้ถุงน้ำพลาสติกใสใส่น้ำมัดให้ตึง ผูกห้อยแขวนไว้ไล่แมลงวันนี้ ใช้วิธีทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และการใช้ประสาทรับภาพในการมองเห็นของตาแมลงวันมาผสมผสานกัน ตาของแมลงวันมีอยู่ 2 ชนิด คือ ตารวม 2 ตา และตาเดี่ยวอีก 3 ตา ตาเดี่ยวจะอยู่เหนือตารวมตรงหัวส่วนบนระหว่างตารวม 2 ตา เรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยมกลับหัวลง ตาเดี่ยวสามตานี้ จะช่วยให้แมลงวันสามารถมองเห็นในระยะที่ไกล ส่วนตารวม 2 ตาที่นูนออก 2 ข้าง ใหญ่กว่าหัวและลำตัวของแมลงวัน เป็นตารวมพิเศษ ซึ่งแต่ละข้างของตารวมประกอบด้วยตาเล็กๆ รูปหกเหลี่ยมหลายหมื่นแสนตาเรียงต่อเนื่องกันเต็มลูกตาทั้ง 2 ข้าง และตาเล็กๆ รูปหกเหลี่ยมของตารวมนี้ สามารถที่จะรับแสงสว่างได้ทุกมุมมอง ผ่านเสนส์และผลึกรูปกรวยรองรับแสง ซึ่งสามารถที่จะยืดและหดได้เพื่อปรับจอรับภาพที่มองเห็นทั้งในที่มืดและสว่าง ตารวมทำให้แมลงวันสามารถมองเห็นภาพได้กว้างกว่า 180 องศา จากจุดนี้เอง หากเรานำถุงพลาสติกใสใส่น้ำเปล่า ไปไว้ในบริเวณแสงแดด หรือแสงไฟที่มีลำแสงกระทบ ถุงพลาสติกที่บรรจุน้ำก็จะเสมือนหนึ่งงลำแสงหักมุมสะท้อนออกเข้าตาแมลงวัน เลนส์รับภาพของตาแมลงวันเมื่อได้รับแสงก็จะสะท้อนแสง กลับมาที่ถุงน้ำพลาสติกนั้นเกิดเป็นแสงมุมตก มุมสะท้อนกับเลนส์รับภาพของตาแมลงวันสะท้อนกลับไปกลับมา ทำให้การปรับจุดรวมแสงที่จะส่งให้เกิดภาพบนจอรับภาพ ( retina ) ไม่ชัดเจน จะทำให้เกิดตาพร่ามัวแมลงวันจึงบินเข้าหาอาหารไม่ถูก ในระยะห่างประมาณ 100 เซนติเมตรขึ้นไป แม้ว่ามันจะได้กลิ่นอาหารก็ตาม ถุงน้ำไล่แมลงวันนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น ถ้าใช้ถุงร้อนซึ่งเป็นพลาสติกใส น้ำที่บรรจุในถุงควรเป็นน้ำที่ใสสะอาดหรือน้ำฝน น้ำยิ่งใสจะยิ่งสะท้อนแสงได้ดี และต้องมัดถุงน้ำให้ตึงแน่น และแขวนถุงนั้นให้รับมุมแสงรอบทิศทางกับดวงไฟหรือดวงอาทิตย์ ถ้ามีการแก่วงถุงพลาสติกหมุนเป็นลำแสงเบนไปมา แถบแสงที่เบนไปมาจะกระทบเลนส์ถูกลูกตาของแมลงวันมากยิ่งขึ้น ทำให้ตาพร่ามัว เข้าตอมอาหารไม่ถูกจึงบินหนีไปให้พ้นรัศมีลำแสงสะท้อน ถุงน้ำไล่แมลงวันนี้ยังใช้ได้ผลดีในการไล่แมลงชนิดอื่นๆ ที่มีตารวม เช่น ผึ้ง และแมลงวันทองที่กัดกินผลไม้ซึ่งทำให้ผลไม้เน่าเสียหาย ฯลฯ อีกด้วย ปัจจุบันถุงน้ำไล่แมลงวันเป็นวิธีที่นิยมใช้ทั่วไป ตามตลาดสดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทั้งยังแพร่ไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย เพราะเป็นวิธีที่ใช้ง่าย สะดวกปลอดภัย และขณะนี้อาจารย์เนาวรัตน์ กำลังทดสอบหาอุปกรณ์ภาชนะที่จะนำมาใช้บรรจุน้ำแทนถุงพลาสติก เพื่อให้มั่นคงถาวรและสวยงาม สามารถไล่แมลงวันภายในบ้าน และเป็นเครื่องประดับบ้านในเวลาเดียวกันได้
- 11. การป้องกันกำจัด 1 . การทำความสะอาดบริเวณแปลงเพาะปลูก แมลงวันผลไม้สามารถเพิ่มจำนวนประชากรได้อย่างรวดเร็วในขณะที่มีพืชอาศัยอยู่มาก โดยการรวบรวมทำลายผลไม้ที่เน่าเสีย อันเนื่องมาจากถูกแมลงวันผลไม้เข้าทำลาย สามารถหยุดยั้งการเพิ่มจำนวนของประชากรอย่างรวดเร็วของแมลงได้ 2 . การห่อผลไม้ เป็นการป้องกันการเข้าไปวางไข่ในผลไม้ที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่งอีกทั้งยังเป็นวิธีการที่ปลอดภัยจากการใช้สารฆ่าแมลง การห่อผลไม้นี้ควรจะห่อให้มิดชิดไม่ให้มีรูหรือรอยฉีกขาดเกิดขึ้น มิฉะนั้นแมลงจะเข้าไปวางไข่ได้ 3 . การควบคุมโดยชีววิธี ในธรรมชาติแล้ว แมลงวันผลไม้มีแปลงศัตรูธรรมชาติอยู่แล้ว มีอัตราการทำลายตั้งแต่ 15 - 53 เปอร์เซนต์ เนื่องจากแมลงวันผลไม้มีความเสียหายโดยตรงกับผลิตผลการใช้วิธีนี้จึงน่าจะใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ ในการลดจำนวนประชากรในแปลง 4 . การฉีดพ่นด้วยสารฆ่าแมลง การใช้สารฆ่าแมลงนั้นเป็นการลดปริมาณประชากรของแมลงวันผลไม้ในธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลได้ชัด แต่ในขณะเดียวกันแมลงก็มีการเคลื่อนย้ายจากแหล่งที่ไม่ได้ฉีดพ่นสารฆ่าแมลงเข้าทำลายอีก และต้องพ่นซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงเข้าทำลายซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสารพิษตกค้างและการทำลายแมลงศัตรูธรรมชาติ
- 12. แมลงวันผลไม้ ( Oriental fruit fly ) ลักษณะการทำลาย ความเสียหายของแมลงวันผลไม้มักจะเกิดขึ้นเมื่อ เพศเมียใช้อวัยวะวางไข่ ( ovipositor ) แทงเข้าไปในผลไม้ ตัวหนอนที่ฟักจากไข่จะอาศัยและชอนไชอยู่ภายใน ทำให้ผลเน่าเสียและร่วงหล่นลงพื้น ตัวหนอนจะออกมาเพื่อเข้าดักแด้ในดินแล้วจึงออกเป็นตัวเต็มวัย แมลงวันผลไม้วางไข่ในผลไม้ที่ใกล้สุกและมีเปลือกบาง ในระยะเริ่มแรกจะสังเกตได้ยากอาจพบอาการช้ำบริเวณใต้ผิวเปลือกเมื่อหนอนโตขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ผลเน่าเละและมีน้ำไหลเยิ้มออกทางรูที่หนอนเจาะออกมาเพื่อเข้าดักแด้ ผลไม้ที่ถูกทำลายนี้มัก จะมีโรคและแมลงชนิดอื่น ๆ เข้าทำลายซ้ำ ดังนั้นความเสียหายที่เกิดกับผลผลิตโดยตรงนี้จึงมีมูลค่ามหาศาล ก่อให้เกิดปัญหาต่อเศรษฐกิจในระดับชาติเป็นอันมาก การแพร่กระจายและฤดูกาลระบาด แมลงวันผลไม้ระบาดในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย หมู่เกาะแปซิฟิก ไต้หวัน ญี่ปุ่น ปาปัวนิวกินี ฮาวาย ฯลฯ ในประเทศไทยพบการระบาดทั่วทุกภาค ทั้งในเขตป่าและในบ้าน และสามารถอยู่ได้แม้มีระดับความสูงถึง 2,760 เมตร จากระดับน้ำทะเล และยังพบตลอดทั้งปี เนื่องจากมีพืชอาหารมากมาย แต่จะมีปริมาณแมลงวันผลไม้สูงสุดในช่วงเดือนที่มีผลไม้สุกคือ ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงมิถุนายน อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 25 - 28 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ ศัตรูธรรมชาติ มีแตนเบียนหนอนแมลงวันผลไม้วางไข่ตามรอยแผลบนผลไม้ตรงที่แมลงวันวางไข่ไว้ที่พบในประเทศไทย ( โกศล , 2533 ) ได้แก่ Biosteres arisanus ( Sonan ) , Biosteres longicaudatus Ashmead, Opius makii Sonan, ตัวห้ำแมลงวันผลไม้ ได้แก่ มดคัน ( Pheidologeton diversus ) 5 . การใช้สารล่อ ก . การใช้สารล่อแมลงวันผลไม้ตัวผู้ สารเคมีที่ใช้เป็นสารล่อนี้จะสามารถดึงดูดได้เฉพาะแมลงวันผลไม้ตัวผู้เท่านั้น และการใช้สารล่อนั้นจะต้องคำนึงถึงแมลงที่ต้องการให้เข้ามาในกับดักด้วย เพราะว่าแมลงวันผลไม้จะมีความเฉพาะเจาะจงกับสารล่อแต่ละชนิด เช่น เมทธิล ยูจินอล ( Methyl Eugenol ) ใช้ล่อ Dacus dorsalis, D . umbrosus คิว - ลัวร์ ( Cue - Lure ) ใช้ล่อ D . cucurbitae, D . tau ลาติ - ลัวร์ ( Lati - Lure ) ใช้ล่อ D . latifromn เมด - ลัวร์ ( Med - Lure ) ใช้ล่อ Ceratitis capitata ข . การใช้เหยื่อโปรตีน โดยการนำเอาโปรตีน ไฮโดรไลเสท ( Protein Hydrolysate ) ผสมกับสารฆ่าแมลงมาเป็นเหยื่อล่อแมลงวันผลไม้ โดยใช้โปรตีนไฮโดรไลเสท 200 ซีซี ผสมสารฆ่าแมลง malathion 83 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 70 ซีซี ผสมน้ำ 5 ลิตร พ่นเป็นจุด ๆ เท่านั้น วิธีการนี้ให้ผลที่ดีมาก นอกจากจะประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายในการใช้สารฆ่าแมลงและแรงงานแล้ว ยังเป็นพิษต่อสภาพแวดล้อม แมลงผสมเกสร รวมทั้งตัวห้ำ ตัวเบียนน้อยลง ที่สำคัญคือสารนี้สามารถดึงดูดได้ทั้งแมลงวันผลไม้ตัวผู้และตัวเมีย ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเข้าทำลายของแมลงวันผลไม้ได้อย่างดี
- 13. 6 . การทำหมันแมลง จุดมุ่งหมายของวิธีการนี้คือ การกำจัดแมลงให้หมดไปจากพื้นที่ที่ต้องการ ซึ่งจะต้องมีการเลี้ยงแมลงวันผลไม้ให้มีปริมาณมาก แล้วทำหมันแมลงเหล่านี้โดยการฉายรังสีแกมมา จากนั้นจึงนำแมลงที่เป็นหมันนี้ไปปล่อยในธรรมชาติ เพื่อลดปริมาณแมลงในธรรมชาติจนหมดไป แต่การกระทำด้วยวิธีนี้จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูงมากและก็ยังมีข้อจำกัดอื่น ๆ อีกที่จะต้องคำนึงถึง เช่นการป้องกันการแพร่ระบาดเข้ามาใหม่ของแมลงและการที่แมลงศัตรูชนิดอื่น จะเพิ่มความสำคัญขึ้นมา 7 . การกำจัดหนอนแมลงวันผลไม้ในผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว ส่วนมากระยะของผลไม้ที่เราเก็บเกี่ยวนั้นอยู่ในระยะแก่จัด ซึ่งอาจมีแมลงวันผลไม้วางไข่อยู่ หรือมีหนอนในวัยต้น ๆ ที่ยังไม่เห็นการทำลายอย่างเด่นชัดแฝงตัวอยู่ ฉะนั้นเพื่อเป็นการกำจัดไข่หรือหนอนที่ติดมาในผลไม้ จึงมีวิธีการกำจัดดังนี้ 7.1 การรมยา โดยการใช้สารรม ( Fumigant ) บางตัวเข้ามารมแมลง เช่น เมทธิลโบรไมด์ ( Methyl Bromide ) เป็นต้น 7.2 การใช้รังสี โดยการให้ผลไม้นั้นได้รับการฉายรังสีแกมมา 7.3 การใช้วิธีการอบไอน้ำร้อน เป็นวิธีการที่ใช้อยู่เป็นการค้าในหลาย ๆ ประเทศ เช่น ฮาวาย ไต้หวัน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และประเทศไทย
- 14. แมลงวันกินอะไรที่หลากหลาย ... จากข้อคำถามดังกล่าวจึงทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างมากมาย ... ครั้นถามหลายคนก็ได้รับคำตอบที่หลากหลายเช่นกัน บ้างก็บอกว่าชอบกินของคาว เช่น ปลาเน่า เนื้อเน่า ปลาร้า เกลือ น้ำปลาหรือหากเป็นของหวานได้แก่ มะม่วงสุก ขนุน ทุเรียน น้อยหน่า เป็นต้น จากแนวทางดังกล่าวจึงทำให้เราได้ครุ่นคิด และไต่ตรองเพื่อที่จะหาคำตอบว่าจริงๆแล้วแมลงวันชอบกินอะไรกันแน่ จึงได้ออกแบบใน การศึกษาการกินและเข้ามาตอมของแมลงวันโดยเปรียบเทียบการกิน และตอมอาหาร 4 ชนิดคือ 1 . น้ำปลา 2 . ปลาร้า 3 . มะม่วงสุก 4 . ขนุน จากการศึกษาในเบื้องต้นทำให้เราสามารถที่จะวางแผนในการศึกษาพฤติกรรมการกินของแมลงวันได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามในการศึกษาที่ผ่านมาแล้วหนึ่งวันนั้น ก็ยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า แมลงวันชอบกินอะไรมากที่สุด แต่จากการเฝ้ามองพบว่าแมลงวัน ณ มหาชีวาลัยอีสาน ชอบกินมะม่วงสุก มากเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับอาหารตัวอื่นๆ ก็มีแมลงวันเข้าเช่นกันแต่น้อย จากแนวทางดังกล่าวเป็นหลักเบื้องต้นในการที่จะหาคำตอบให้กับตนเอง อันจะได้มาซึ่งความรู้สำหรับการแก้ปัญหาของตนเองอย่างแท้จริง อันจะเชื่อมโยงไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ที่ประณีตต่อไป หรือท่านเห็นว่าเป็นอย่างไรครับ